นรสิงห์ออกมาจากคาเฟ่แล้วเขาก็โทรศัพท์ไปหาพีรญาอีกครั้งด้วยความเป็นห่วงแต่ไม่ว่าจะโทรกี่ครั้งหญิงสาวก็ไม่ยอมรับสาย
คุณหมอหนุ่มดูนาฬิกาและเห็นว่ายังพอมีเวลาจึงรีบขับรถไปหาพีรญาที่คอนโดอย่างรวดเร็ว
เขาเคาะประตูแค่พอเป็นมารยาทก่อนจะกดรหัสเข้าไปใน ภายในห้องเงียบสนิทนรสิงห์รีบเดินตรงไปยังห้องนอนและเปิดประตูเข้าไปอย่างช้า ๆ เมื่อเห็นพีรญานอนซมอยู่บนเตียงก็รีบเข้าไปนั่งใกล้ ๆ
“พรีม....” เขาเรียกเธอเบา ๆ เพราะกลัวว่าหญิงสาวจะตกใจตื่น
“แม่เหรอคะ.....” หญิงสาวตอบรับแล้วขยับเข้ามาเอาศีรษะนอนไปบนตักเขาโดยที่ยังไม่ยอมลืมตา เวลาไม่สบายแบบนี้มันทำให้หญิงสาวคิดถึงมารดาที่จากไปแล้ว
“พรีม....ฉันเอง” เสียงทุ้มเรียกอีกครั้ง เขารู้สึกสงสารและเห็นใจที่เห็นเธอเรียกหามารดา
พีรญาปวดกระบอกตาจนต้องค่อย ๆ ลืมตาขึ้นมาอย่างช้า ๆ แล้วก็ต้องตกใจเมื่อเห็นว่าคนที่เธอนอนหนุนตักอยู่นั้นเป็นหมอนรสิงห์ หญิงสาวพยายามจะลุกขึ้นแต่เขาก็ห้ามไว้ก่อน
“ไม่ต้องลุกขึ้นมาหรอก นอนต่อเถอะ”
“หมอมาได้ยังไง”
“ฉันไปที่คาเฟ่ เขาบอกเธอไม่สบาย ฉันโทรหาเธอก็ไม่รับ แล้วนี่เป็นอะไรมากไหม” เขาถามแล้วเอาหลังมือไปแตะหน้าผากก่อนจะชักมือกลับเพราะรู้สึกถึงความร้อนที่มากกว่าปกติ
“ตัวร้อนจี๋เลย กินยาหรือยัง ทำไมถึงปล่อยให้เป็นหนักขนาดนี้” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน
หญิงสาวส่ายศีรษะแทนคำตอบเพราะเธอไม่มีแรงแม้แต่จะลุกจากเตียง
“ฉันเดาว่ายังไม่ได้กินข้าวด้วยใช่ไหม”
“ค่ะ”
“นอกจากตัวร้อนแล้วมีอาการอะไรอีกไหม ปวดหัวหรือเปล่ามีน้ำมูกไหม เจ็บคอหรือเปล่า ไอด้วยไหม” นรสิงห์ถามยาวเป็นชุด
“พรีมแค่ตัวร้อนแล้วก็ปวดไปทั้งตัวค่ะ” เธอตอบเสียวแผ่ว
“ฉันว่าน่าจะมีน้ำมูกด้วยนะ รออยู่ตรงนี้อย่าลุกไปไหนนะเดี๋ยวฉันจะไปซื้อยามาให้”
นรสิงห์รีบลงไปซื้อยาแก้ไข้ ยาลดน้ำมูก และปรอทวัดไข้ พร้อมกับ ข้าวต้มร้อน ๆ ที่ซื้อจากร้านข้างคอนโด เขาไม่เคยดูและเอาใจใส่ใครแบบนี้มาก่อน เมื่อกลับมาที่คอนโดก็บังคับให้เธอทานข้าวต้มและทานยาจนเรียบร้อยก่อนจะขอตัวกลับ
“ฉันต้องรีบกลับไปที่โรงพยาบาล แต่ฉันจะโทรหาเธอทุก ๆ สองชั่วโมง ห้ามปิดเครื่องเด็ดขาด” นรสิงห์บอกด้วยน้ำเสียงเป็นห่วง
“พรีมว่ากินยาแล้วเดี๋ยวคงหาย”
“ถ้าไข้ไม่ลดลงภายในคืนนี้ พรุ่งนี้ฉันจะพาเธอไปโรงพยาบาล” เขาจับหน้าผากเธอเบา ๆ
นรสิงห์มองใบหน้าซีดเซียวของเธอด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความห่วงใยอย่างปิดไม่มิด
“ขอบคุณนะคะหมอสิงห์ และก็ขอโทษนะคะที่ทำให้ต้องเสียเวลา”
“ไม่เป็นไร นอนพักนะพรีม ถ้ารู้สึกว่าไม่ไหวให้โทรหานะ”
เมื่อนรสิงห์กลับไปแล้วพีรญาก็ล้มตัวลงนอนอีกครั้ง หญิงสาวนอนยิ้มกับเพดานห้องเพราะรู้สึกดีใจที่นรสิงห์เป็นห่วงทั้งที่เธอเป็นแค่ผู้หญิงที่เขาแลกมาด้วยเงิน
ตั้งแต่มารดาเสียไปก็ไม่เคยมีใครเป็นห่วงเธอแบบนี้มาก่อน เวลาที่ไม่สบายหญิงสาวก็แค่ไปซื้อยามาทานและนอนซมอยู่ที่ห้องจนกว่าจะหายหรือไม่ก็มีวรษากับพลอยลดาที่คอยซื้อข้าวมาให้
เธอรู้ว่านรสิงห์งานยุ่งมากแค่ไหนแต่เขาก็ยังแวะมาหา มาซื้อข้าวซื้อยาให้ ความใส่ใจของเขาทำให้เธอสัมผัสได้ว่าเขาไม่ใช่คนร้ายกาจและไม่ใช่ผู้ชายที่หวังแค่ร่างกายของเธอเท่านั้น
หลังจากเขากลับไปแล้วก็ยังโทรศัพท์มาถามอาการเธออีกครั้งก่อนจะวางสายพราะมีคนไข้ที่ต้องไปตรวจ
หลังจากราวน์ผู้ป่วยจนครบแล้วนรสิงห์ก็แวะทานข้าวและซื้อข้าวต้มอีกหนึ่งถุงก่อนจะรีบขับรถกลับไปที่บ้านของตนเองจากนั้นก็หยิบเสื้อผ้ากับของใช้ที่จำเป็นก่อนจะรีบกลับมาที่คอนโดของพีรญาทันที
เมื่อมาถึงไข้ของเธอก็ยังไม่ลดลงมากนักนรสิงห์เปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเริ่มเช็ดตัวให้เธออย่างระมัดระวังและหวังว่าอาการของหญิงสาวจะดีขึ้น
“สดชื่นขึ้นไหม”
“ค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอกล่าวขอบคุณ
“กินยาและกินข้าวนะ”
เขาดูแลเธอจนทานข้าวทานยาครบก็พาเธอเข้านอนส่วนตัวเองก็เข้าไปอาบน้ำและกลับมานั่งลงข้างเตียงอีกครั้ง
“ทำไม่ยังไม่นอนอีก”
“พรีมนอนมาทั้งวันแล้วค่ะ แล้วหมอสิงห์ไม่กลับบ้านเหรอคะ”
“ฉันไม่ใช่คนใจดำนะ เธอไม่สบายจะทิ้งให้อยู่คนเดียวได้ยังไงล่ะ”
“พรีมไม่รบกวนหมอจนเกินไปใช่ไหม”
“ไม่หรอก เธอควรพักผ่อนมาก ๆ ลองวัดไข้อีกนิดนะ” นรสิงห์หยิบปรอทมาวัดไข้ให้พีรญาอีกครั้ง
“เท่าไหร่คะ”
“37.9 ยังมีไข้อยู่เลย แต่เธอเพิ่งกินยาไปเดี๋ยวคงดีขึ้น”
“ถ้าพรีมไม่มีไข้แล้วหมอสิงห์จะกลับเลยหรือเปล่า”
“ฉันเอาเสื้อผ้ามาแล้วคืนนี้คงค้างที่นี่”
“ค่ะ”
พีรญาใจเต้นแรงเพราะนี่เป็นครั้งแรกที่เขาจะค้างกับเธอที่นี่ หญิงสาวอยากจะคุยกับเขาต่อแต่แล้วเธอก็เผลอหลับไปเพราะร่างกายยังคงอ่อนแอบวกกับฤทธิ์ยาลดน้ำมูกที่เขาให้ทานไปเมื่อครู่
ตลอดทั้งคืนหมอนรสิงห์คอยดูแลหญิงสาวอยู่ไม่ห่าง เขาวัดไข้ เช็ดตัวและปลุกให้เธอขึ้นมาทานยากลางดึกและรอจนเธอไข้ลดก็ขึ้นมานอนบนเตียง
เช้าวันใหม่พีรญารู้สึกดีขึ้นเพราะไข้เธอลดแล้ว หญิงสาวลืมตาแล้วหันไปมองข้างกายและพบว่าหมอนรสิงห์นอนหลับอยู่ข้าง ๆ ใบหน้าของเขาดูเรียบเฉยและแฝงไปด้วยความอ่อนโยนจนเธอมองแล้วเผลอยิ้ม
หญิงสาวรู้ว่าเมื่อคืนเขาคงแทบไม่ได้นอนเพราะคอยดูแลเธอตลอด พีรญาจึงลุกจากเตียงอย่างเบาที่สุดและรีบอาบน้ำก่อนจะตรงไปที่ห้องครัว
แม้ว่าจะยังปวดศีรษะและมีน้ำมูกแต่เธอก็ไม่อยากเป็นภาระให้หมอนรสิงห์ต้องเป็นห่วง หญิงสาวเปิดตู้เย็นทำไข่ดาว ไส้กรอกและขนมปังปิ้งก่อนจะชงกาแฟดำจากนั้นก็เดินกลับไปที่ห้องนอน
“ดีขึ้นแล้วเหรอพรีมถึงได้รีบตื่น”
“ดีขึ้นแล้วค่ะ หมออาบน้ำแล้วเหรอคะ”
“อือ..ผมต้องไปราวน์แต่เช้าน่ะ”
“พรีมทำอาหารเช้ากับชงกาแฟไว้....แต่ถ้าหมอรีบก็ไม่เป็นไรค่ะ” เธอไม่รู้ว่าเขาจะอยู่ทานอาหารด้วยหรือเปล่าเพราะเขาบอกว่ารีบ
“ไม่น่าต้องเหนื่อยเลย ยังไม่หายดีด้วยซ้ำ”
“ทำอาการแค่นี้ไม่เป็นไรหรอกค่ะ หมอจะทานไหมคะ”
“ได้สิ ขอบใจนะ” พูดจบเขาก็เดินตามเธอเข้ามาในห้องครัวและทานอาหารจนหมด
“ฉันไปทำงานก่อนนะ เธอก็อย่าลืมทานยาด้วยตอนกลางวันให้ฉันซื้อข้าวมาให้ไหม”
“ไม่เป็นไรค่ะ พรีมจัดการเองได้ค่ะ”
“วันนี้อย่าเพิ่งไปทำงานนะ รอให้หายดีก่อน”
“ค่ะ” เธอตอบรับอย่างว่าง่ายเพราะไม่อยากให้เขาต้องเหนื่อยใจ
เมื่อนรสิงห์ออกไปแล้วหญิงสาวก็โทรศัพท์ไปลางานกับเจ้าของร้านอีกหนึ่งวัน
“พักให้หายดีแล้วค่อยมาทำงานนะพรีม”
“ขอบคุณค่ะพี่นุชที่ให้พรีมลางาน ที่ร้านยุ่งไหมคะ”
“ไม่ยุ่งหรอกจ้ะ พี่กับปิ่นรับมือไหว”
“พรีมอยากไปทำงานนะคะแต่กลัวเอาหวัดไปติดพี่กับปิ่นไหนจะลูกค้าอีก”
“พี่เข้าใจจ้ะ พรีมจ๊ะเมื่อวานผู้ชายคนที่ให้ทิปเยอะก็มาที่ร้านด้วยนะ เขาจ่ายค่ากาแฟแก้วล่ะห้าร้อยอีกแล้ว เขาบอกว่าติดใจรสชาติกาแฟที่พรีมชงให้ก็เลยแวะมาอีก พอไม่เจอพรีมเขาเลยผิดหวังเล็กน้อย”
“แต่กาแฟร้านพี่นุชใครชงก็อร่อยเหมือนกัน”
“แต่พี่ว่าเขาอาจจะติดใจคนชงนะ”
“ไม่หรอกมั้งคะพี่นุช” หญิงสาวตอบแล้วรู้สึกหน้าร้อนผ่าว ไม่ใช่เพราะเป็นไข้แต่เพราะกลัวว่าพี่นุชจะรู้ถึงความสัมพันธ์ของเธอกับหมอนรสิงห์
“เดี๋ยวพี่จะดูว่าวันนี้เขาจะมาอีกไหม อ้อ!....ปิ่นบอกว่าจะแบ่งทิปให้พรีมด้วยนะ”
“พี่นุชคะ พรีมฝากบอกปิ่นว่าขอบคุณมากแต่พรีมคงไม่กล้ารับหรอกค่ะ ให้ปิ่นเอาไว้คนเดียวเลย แค่พรีมหยุดงานก็เกรงใจพี่นุชกับปิ่นจะแย่แล้ว”
“อย่าคิดอย่างนั้นสิ คนเรามันก็ต้องมีป่วยไข้กันได้ส่วนเรื่องทิปเอาไว้พรีมคุยกับปิ่นเองนะ วันนี้ก็พักผ่อนนะ”
“ค่ะนุช”
วางสายจากเจ้าของร้านแล้วพีรญาก็เก็บจานล้างทำความสะอาดก่อนจะทานยาลดไข้และยาลดน้ำมูกแล้วขึ้นมานอนบนเตียงอีกครั้ง