นรสิงห์นั่งมองหญิงสาวที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มแล้วยิ้มด้วยความพึงพอใจ เขาไม่คิดเลยว่าการรอคอยจะนอนกับพีรญานั้นผลมันจะหอมหวานมากถึงเพียงนี้ ที่ผ่านมาเขานอนกับผู้หญิงมาก็มากแต่ไม่เคยทำให้ใครรู้สึกพอใจและอิ่มเอมใจเหมือนกับพีรญามาก่อน พีรญาทำให้เขารู้สึกอยากโอบกอดเธอถึงเช้า นรสิงห์อยากดูแล อยากรับผิดชอบและอยากเป็นผู้ชายที่ดีที่สุดสำหรับเธอ
ใบหน้าเธอยามหลับเหมือนเด็กสาวไร้เดียงสา ต่างจากเมื่อคืนที่ยอมมอบทุกลมหายใจให้เขาอย่างเร่าร้อนจนเขาแทบคลั่ง
เขาก้มลงจูบหน้าผากของหญิงสาวอย่างแผ่วเบา ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและเดินออกมาบริเวณห้องรับแขก ชายหนุ่มอยากให้พีรญานอนพักผ่อนอย่างเต็มที่เนื่องจากผ่านศึกหนักที่ทั้งหวาน ทั้งเร่าร้อนจนเขาเองก็ยังรู้สึกถึงสัมผัสของเธออยู่จนถึงตอนนี้
ชายหนุ่มกำลังเปิดดูอีเมลที่เพื่อนหมอด้วยกันส่งมาให้ มันเป็นจดหมายเชิญประชุมวิชาการในหัวข้อที่เขาสนใจ ชายหนุ่มรีบดูตารางออกตรวจของตนเองจากนั้นก็โทรไปแลกเวรกับเพื่อนหมอเพื่อให้รับเวรแทนตนเอง
นรสิงห์คิดว่าที่ผ่านมาเขาทำงานหนักมาตลอดและรับเวรคอนซัลแทนเพื่อนหมอไว้ก็มากมันคงถึงเวลาแล้วที่เขาจะลางานบ้างและครั้งนี้เขาคิดว่านอกจากไปประชุมจะหาเวลาเที่ยวพักผ่อนที่นั่นด้วย
เสียงประตูห้องนอนเปิดเบา ๆ ความคิดก็ถูกดึงกลับทันที พีรญาเดินออกมาช้า ๆ
“ตื่นแล้วเหรอ มานั่งนี่สิ” เขายิ้มก่อนจะตบบนโซฟาให้เธอเข้ามานั่งข้าง ๆ
“ค่ะ หมอสิงห์ทำงานอยู่เหรอคะ” หญิงสาวตอบขณะนั่งลงข้าง ๆ แต่ไม่กล้าสบตาเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนมันทำให้เธอรู้สึกประหม่าเวลาอยู่ใกล้
“ฉันกำลังโยกตารางเวรน่ะ เธอหิวหรือยังเดี๋ยวเราออกไปกินข้าวข้างนอกกันนะ”
“หิวแล้วค่ะ แต่จะดีเหรอคะถ้าเราออกไปกินข้าวข้างนอกวันนี้เป็นวันหยุดด้วยค่ะพรีมกลัวหมอจะเจอคนรู้จัก”
“ไม่เป็นไรหรอกน่าแค่ออกไปกินข้าวเองนะ ไม่ได้ทำอะไรเสียหายสักหน่อย”
“แล้วถ้าหมอเจอเพื่อนหรือคนรู้จักหมอจะตอบเขาว่ายังไงล่ะคะ”
“อยากให้ฉันตอบว่ายังไงล่ะ”
“บอกว่าพรีมเป็นหลานสาวที่มาจากต่างจังหวัดก็ได้มั้งคะ” พีรญาตอบเสียงแผ่ว
“นี่ฉันดูแก่มากขนาดนั้นเลยเหรอ ทำไมไม่ให้บอกว่าเป็นน้องสาวล่ะ” นรสิงห์หัวเราะเบา ๆ
“ที่พรีมพูดแบบนี้ไม่ใช่เพราะหมอแก่หรอกนะคะ แต่ถ้าบอกว่าเป็นน้องสาวคนรู้จักหมอจะต้องสงสัยแน่ ๆ ว่าทำไมจู่ ๆ หมอถึงมีน้องสาวโผล่มา”
“นั่นสินะ ฉันก็ลืมคิดเรื่องนี้ไปเลย ฉันจะบอกทุกคนว่าเธอเป็นหลานก็ได้แล้วถ้าเพื่อนเธอถามล่ะว่าฉันเป็นใครเธอจะตอบว่ายังไง” เขาถามกลับบ้างเพราะคิดว่าสักวันก็คงได้เจอคนรู้จักหรือเจอเพื่อนของเธอ
“พรีมก็จะตอบว่าเป็นญาติห่าง ๆ ดีไหมคะ”
“เอางั้นก็ได้ ถ้างั้นวันนี้เราจะไปกินอะไรกันดีล่ะ”
“ไปกินที่ห้างไหมจะได้เดินเลือกด้วยว่าอยากกินอะไร ว่าแต่จะมีแรงเดินหรือเปล่า” เขาถามแล้วยิ้มเจ้าเล่ห์ทำให้หญิงสาวหลบสายตาแทบไม่ทัน ใบหน้าเธอแดงระเรื่อ
“ไหวค่ะ เราไปกินข้าวที่ห้างก็ได้ พรีมขอซื้อของใช้ด้วยได้ไหมคะ”
“ได้สิ ฉันเองก็อยากจะได้ของใช้จำเป็นบางอย่างมาไว้ที่นี่เหมือนกัน เผื่อบางทีอาจจะมาค้างกับเธอที่นี่บ่อยขึ้น”
คำตอบเขาทำให้พีรญาแอบยิ้มด้วยความดีใจเพราะเธอก็อยากให้นรสิงห์อยู่กับเธอที่นี่ ไม่ใช่เพราะเรื่องเมื่อคืนแต่เพราะหญิงสาวรู้สึกอบอุ่นปลอดภัยที่มีเขาอยู่ใกล้ ๆ
“พรีมขอเปลี่ยนชุดแป๊บหนึ่งนะคะ”
“อือ”
นรสิงห์พาพีรญามายังห้างสรรพสินค้าใหญ่ใจกลางเมืองจากนั้นทั้งสองคนก็ตัดสินใจเลือกทานอาหารญี่ปุ่นเมื่อทานเสร็จก็มาซื้อของใช้จำเป็น
“ของใช้ครบแล้ว ทีนี้อยากได้อย่างอื่นไหม พวกกระเป๋ารองเท้าเสื้อผ้าหรือเครื่องสำอาง” เขาเสนออย่างใจดีเพราะรู้ว่าผู้หญิงมักจะชอบของแบบนี้
“ไม่ดีกว่าค่ะ”
“ทำไมล่ะ ฉันรู้นะว่าเธอเกรงใจแต่ฉันอยากซื้อให้”
“พรีมไม่รู้จะใช้ของพวกนั้นตอนไหน เดี๋ยวก็เปิดเทอมแล้วค่ะ”
“ก็เอาไว้ใส่ไปเที่ยวไง อยากไปเที่ยวไหนหรือเปล่าล่ะ”
“ถ้าพรีมบอกว่าอยากไปหมอสิงห์จะพาพรีมไปเหรอคะ”
“ลองบอกมาสิว่าอยากไปที่ไหน ถ้าฉันมีเวลาฉันจะพาไป”
“พรีมอยากไปเที่ยวทะเลค่ะ”
“งั้นเสาร์หน้าไปเที่ยวทะเลกันไหมล่ะ แต่เธอต้องลางานหนึ่งวันนะพี่ที่ร้านจะโอเคใช่ไหม”
“นั่นสิคะพรีมลืมเรื่องนี้ไปเลย เอาเป็นว่าพรีมยังไม่ไปเที่ยวทะเลก็ได้ค่ะ เกรงใจพี่นุชอาทิตย์ก่อนพรีมก็ลาป่วยตั้งหลายวัน”
“แล้วที่ร้านไม่มีวันหยุดยาวเลยเหรอ”
“อีกสองอาทิตย์ข้าหน้าพี่นุชจะปิดร้านพาลูกไปเที่ยวค่ะ”
“ดีเลยนะ เราไปเที่ยวต่างประเทศกันนะ อยากไปไหม”
“มีใครไม่อยากไปกันบ้างล่ะคะหมอสิงห์ แต่การไปเที่ยวต่างประเทศต้องใช้เงินเยอะค่ะ พรีมไม่อยากเป็นหนี้หมอนะคะ”
“ถือว่าเป็นรางวัลที่เธอทำให้ฉันมีความสุข ฉันว่าจะชวนเธอไปญี่ปุ่นนะอยากไปไหม”
“ญี่ปุ่นเหรอคะ” พีรญาทำตาโตเป็นประเทศที่เธออยากไปเที่ยว อยากไปสัมผัสหิมะและถ่ายรูปที่มีฉากหลังเป็นภูเขาไฟฟูจิ
“อือ...สนใจไหมล่ะ เธอมีพาสปอร์ตหรือเปล่า”
“พรีมไม่มีพาสปอร์ตหรอกค่ะ ไม่คิดจะทำด้วยเพราะคิดว่ายังไงก็คงไม่ได้ไปเที่ยวหรอก”
“แต่ถ้าจะไปญี่ปุ่นกับฉันก็ต้องไปทำพาสปอร์ต วันจันทร์ลางานครึ่งวันดีไหมฉันจะพาไปทำ”
“พรีมจะได้ไปเที่ยวจริง ๆ เหรอ”
“หน้าฉันเหมือนคนกำลังล้อเล่นเหรอพรีม ตกลงจะไปไหม”
“ตกลงค่ะ แต่เรื่องไปทำพาสปอร์ตพรีมไปเองก็ได้ค่ะ หมอสิงห์จะได้ไม่เสียเวลางาน”
“เธอนี่ขี้เกรงใจเหมือนกันนะ”
“แค่หมอสิงห์จะพาพรีมไปเที่ยว พรีมก็ดีใจมาก ๆ แล้วค่ะ แล้วหมอมีวันหยุดเหรอคะ มันจะรบกวนเวลางานของหมอหรือเปล่า” หญิงสาวกล่าวอย่างเกรงใจ
“ไม่รบกวนเวลางานหรอก เพื่อนฉันที่ญี่ปุ่นเพิ่งเมลมาบอกว่ามีประชุมวิชาการและฉันคิดว่าจะไปงานนี้ แต่อาจจะใช้เวลาประชุมสักสองนะ วันที่เหลือฉันก็จะพาเธอเที่ยวแต่คงไปได้ไม่ครบทุกที่ เธอมีที่ไหนอยากไปเป็นพิเศษหรือเปล่า”
“ภูเขาไฟฟูจิค่ะแล้วก็อยากเล่นหิมะด้วยค่ะ เยอะไปไหมคะ”
“ไม่หรอก ยังพอมีเวลาเหลืออยู่ ลองหาข้อมูลดูนะ”
“หมอสิงห์คะ พรีมขออีกอย่างได้ไหม”
“อือ ว่ามาสิ”
“ขอแช่ออนเซ็นด้วยได้ไหมคะ ถ้าไปญี่ปุ่นแล่วไม่ได้แช่ออนเซ็นเขาว่ายังไปไม่ถึงค่ะ”
“อือ ถ้างั้นไปซื้อชุดเตรียมเที่ยวญี่ปุ่นดีไหมช่วงที่เราไปน่าจะอากาศหนาวมาก ๆ ต้องซื้อกระเป๋าเดินทางด้วย”
“เราจะไปซื้อกันวันนี้เลยเหรอคะ”
“ก็ต้องรีบซื้อไว้ก่อนสิเผื่อใกล้ถึงเวลาเดินทางแล้วจะได้ไม่ฉุกละหุก”
“เอางั้นก็ได้ค่ะ”
หลังจากตกลงเรื่องการไปทำหนังสือเดินทางและการเดินทางไปญี่ปุ่นแล้วนรสิงห์ก็พาพีรญาเดินไปยังโซนเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาว
“เราไปดูเสื้อโค้ตก่อนดีกว่า ที่ญี่ปุ่นช่วงนี้ค่อนข้างหนาวมาก” นรสิงห์เอ่ยขึ้นขณะที่มือยังโอบไหล่หญิงสาวไว้อย่างเป็นธรรมชาติ
“ค่ะ” พีรญาตอบรับอย่างว่าง่าย
นรสิงห์พาเธอไปยังร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังที่เน้นเสื้อโค้ตคุณภาพดี
“ลองเลือกดูนะพรีมอยากได้แบบไหนสีอะไรเลือกได้เต็มที่เลย”
“ไม่ดีกว่าค่ะหมอสิงห์ พรีมว่ามันแพงเกินไป เราไปดูร้านอื่นที่ราคาเบาลงหน่อยก็ได้ค่ะ” พีรญามองป้ายราคาแล้วรู้สึกใจหายเธอพยายามดึงแขนเขาออกจากร้าน
“เลิกเกรงใจฉันได้แล้วพรีม ถ้าเธอใส่ของที่คุณภาพไม่ดีเธอจะหนาวและไม่สบายแล้วจะเที่ยวไม่สนุกเอานะ”
“แต่...”
“ไม่มีแต่นะไปเลือกเถอะ”
“ค่ะหมอสิงห์