แล้ววันที่พีรญารอคอยก็มาถึง วันนี้นรสิงห์พาเธอเดินทางมาถึงสนามบินนาริตะ อากาศที่นี่หนาวจนพีรญาต้องกระชับผ้าพันคอไวแน่น นรสิงห์จับมือหญิงสาวแล้วเอามาสอดไว้ที่กระเป๋าเสื้อโค้ตของเขา การมาที่นี่ทำให้เขาและเธอไม่ต้องระแวงว่าจะมีคนเห็น
“หนาวไหม” เสียงถามเต็มไปด้วยความอบอุ่นและห่วงใย
“มากเลยค่ะ”
“อยากให้กอดไหมล่ะ”
คำพูดของนรสิงห์ทำให้หน้าเธอร้อนผ่าวไปถึงใบหู หัวใจเต้นแรง พีรญายังไม่ชินกับคำพูดหวานเวลาที่อยู่กันตามลำพังของเขา
“ตรงนี้คงไม่ดีมั้งคะ”
“รอให้ถึงโรงแรมค่อยทำให้หายหนาวนะ”
“หมอต้องรีบไปประชุมหรือเปล่า”
“ฉันไม่ได้ประชุมทั้งวันทั้งคืนสักหน่อย” เขาบีบฝ่ามือให้แน่นขึ้นจากนั้นก็เดินไปรับกระเป๋าและนั่งรถไฟฟ้าไปยังโรงแรมที่จองไว้
สองวันแรกหมอนรสิงห์มีประชุมตั้งแต่เช้าถึงเย็น ส่วนพีรญาก็อยู่ที่ห้องพักคนเดียว เธอลงมาเดินเล่นบริเวณใกล้ ๆ โรงแรม
“คิดถึงไหมคะ” พีรญาแกล้งถามหลังจากที่เขากลับมาจากการประชุมในช่วงเย็น
“มากเลย….จนอยากจะโดนประชุมมากอดเธอเลยล่ะ”
“พรีมชอบหมอสิงห์เวอร์ชั่นญี่ปุ่นมาก ๆ เลยค่ะ” หญิงสาวเขามานั่งใกล้ ๆ เธอกอดแขนเขาแล้วพิงศีรษะกับแผงออกอย่างประจบ
“ยังไง?” เขาถามพลางเลิกคิ้วด้วยความสงสัย
“ก็หมอสิงห์ปากหวานมาก”
“เพราะเธอทำให้ฉันมีความสุขมาก ๆ ไงล่ะ พรุ่งนี้เราจะย้ายโรงแรมกันแล้วนะ คืนนี้ไปเดินเล่นในเมืองและหาอะไรอร่อย ๆ กินดีไหม”
“หมอไม่เหนื่อยเหรอคะประชุมมาทั้งวันแล้ว”
“ประชุมก็แค่นั้นฟังไม่ได้เหนื่อยอะไรเลย ฉันเคยยืนในห้องผ่าตัดนานสุดก็สิบสองชั่วโมงมาแล้วนะ”
“หมอสิงห์อึดมาก ๆ เลยนะคะ”
“ฉันไม่ได้อึดแค่ในห้องผ่าตัดนะ บนเตียงฉันก็อึดมากด้วย” นรสิงห์หัวเราะ ๆ แล้วจับศีรษะเธอโยกอย่างเอ็นดู
“เรื่องนั้นไม่ต้องพูดก็ได้ค่ะ” พีรญาหลบตาคมของเขาด้วยความอาย
“ฉันแค่อยากบอกให้เธอรู้ไง”
“เรื่องนั้นพรีมก็รู้อยู่แล้วค่ะ ตอนนี้พรีมว่าเราไปหาของกินอร่อย ๆ กันเถอะค่ะ ”
นรสิงห์พาหญิงสาวนั่งรถไฟฟ้าใต้ดินมายังย่านกินซ่าที่มีร้านอาหารชื่อดังตั้งอยู่บนชั้นสูง มีบรรยากาศที่หรูหราแต่ให้ความรู้สึกสบาย ๆ ให้บรรยากาศดูโรแมนติก
“เห็นว่าเธอชอบวิวสวย ๆ ฉันก็เลยให้เพื่อนช่วยจองร้านนี้ให้ จะได้กินไปด้วยแล้วก็ชมวิวไปด้วย นรสิงห์กระซิบข้างหูขณะพาเธอเดินไปที่โต๊ะซึ่งอยู่ริมหน้าต่างพอดี
พีรญามองออกไปเห็นแสงสีของเมืองโตเกียวที่สว่างไสว เธอยิ้มกว้างเพราะไม่คิดว่าตนเองจะมีโอกาสได้มาทานอาหารในสถานที่โรแมนติกแบบนี้วิวข้างหน้าช่างสวยงามอย่างไม่น่าเชื่อ
“ว้าว สวยมากเลยค่ะหมอสิงห์ วิวที่นี่มันสวยมากเลยค่ะ ร้านนี้ก็บรรยากาศดีมาก ขอบคุณนะคะที่พาพรีมมา” หญิงสาวพูดขณะที่สายตามองไปด้านหน้าแล้วยิ้มอย่างมีความสุข
“ฉันเห็นเธอมีความสุขฉันก็ดีใจ อยากกินอะไรสั่งเลยนะและห้ามพูดว่าเกรงใจอีกเด็ดขาด” เขาออกคำสั่งแต่น้ำเสียงฟังแล้วอบอุ่นหัวใจ
“มาถึงญี่ปุ่นทั้งทีพรีมไม่เกรงใจหรอกค่ะเพราะพรีมคงไม่มีโอกาสมาที่นี่อีกแน่”
“ถ้าชอบแล้วว่างตรงกันฉันจะพาเธอมาอีกก็ได้นะ”
“หมอสิงห์ใจดีมาก ๆ เลยค่ะ ถ้าหมออยากให้พรีมทำอะไรให้บอกพรีมได้เลยนะคะ พรีมเต็มใจทำให้หมอสิงห์ทุกอย่างเลยค่ะ” หญิงสาวให้คำสัญญาจากใจจริง ตั้งแต่มารดาเสียไปก็มีแค่นรสิงห์ที่ทำให้เธอรู้สึกอบอุ่น แม้จะรู้จักเขาได้ยังไม่ถึงสามเดือนก็ตาม
การทานอาหารท่ามกลางบรรยากาศที่โรแมนติกทำให้นรสิงห์รู้สึกได้ว่าการมีพีรญาอยู่ด้วยในทุกวันแบบนี้มันเป็นความสุขที่เขาโหยหามาตลอด
หลังทานอาหารเสร็จเขาก็พาเธอออกมาเดินเที่ยวท่ามกลางอากาศที่หนาวเย็นแต่ภายในหัวใจของทั้งสองนั้นกลับอบอุ่น ระหว่างทางเขาจับมือเธอตลอดไม่ใช่กลัวว่าเธอจะพลัดหลงแต่เพราะการกุมมือใครสักคนมันให้ความรู้สึกที่ดี นรสิงห์รู้ว่าเขาทำแบบนี้ที่เมืองไทยไม่ได้แต่ที่นี่ทุกอย่างเขาแสดงออกได้อย่างไม่ต้องกลัวใครเห็น
อันที่จริงนรสิงห์ไม่ได้กังวลเรื่องนี้เพราะเขาไม่มีอะไรปิดบังอยู่แล้วแต่เขากลัวคนอื่นจะมองพีรญาไม่ดีต่างหากเพราะถ้าคนอื่นรู้ว่าเธอย้ายมาอยู่กับผู้ชายทั้งที่ยังเรียนไม่จบก็คงมีคนเอาไปนินทา แม้ว่าเรื่องนี้จะเป็นที่ยอมรับในสังคมมากขึ้นแต่เขาก็ไม่อยากให้หญิงสาวต้องกังวลเรื่องนี้
“นี่เป็นครั้งแรกที่เธอมาโตเกียวใช่ไหม”
“ใช่ค่ะ เป็นครั้งแรกที่ได้มาต่างประเทศเลยด้วยค่ะ”
“แล้วคิดยังไงกับที่นี่บ้าง”
“มันสวยงามสะอาด แล้วก็ดูมีระเบียบพรีมชอบมาก ๆ”
“ฉันก็ชอบนะ ยิ่งมีเธอเดินเที่ยวด้วยแบบนี้ฉันมีความสุขมากเลยล่ะพรีม”
“พรีมก็มีความสุขค่ะหมอสิงห์” พีรญารู้สึกว่าการมาเที่ยวที่นี่เธอได้เป็นตัวของตัวเองและไม่เกร็งเวลาที่ออกมาข้างนอกต่างจากการอยู่เมืองไทย พีรญารู้สึกเหมือนตัวเองกำลังอยู่ในโลกที่หมุนช้าลง.…โลกที่มีแค่เธอกับเขา
ท่าทางที่ดูเคร่งขรึมของกลายเป็น อ่อนโยน อบอุ่นและเต็มไปด้วยความเอาใจใส่จนพีรญารู้สึกว่ามันคงดีไม่น้อยถ้าเธอกับเขาจะเป็นคู่รักกันจริง ๆ
เดินเที่ยวได้สักพักทั้งสองก็พากันลงมายังสถานีรถไฟฟ้าใต้ดินเพื่อจะกลับที่พัก ระหว่างรอรถไฟฟ้าอยู่นั้นก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินตรงมายังพวกเขาทั้งสอง
“สิงห์....ใช่สิงห์จริง ๆ ใช่ไหม?” หญิงสาวเดินตรงเข้ามาทักทายด้วยรอยยิ้มสดใสและท่าทางดีใจ
นรสิงห์ค่อนข้างแปลกใจที่เสียงทักทายเป็นภาษาไทยอย่างชัดเจน เขาเงยหน้าขึ้นแล้วยิ้มเล็กน้อยให้กับหญิงสาวที่เข้ามาทัก
“เมย์....เป็นไงบ้างไม่เจอกันนานเลย สบายดีไหม”
“ผมสบายดี”
“ไม่คิดว่าจะเจอสิงห์ที่นี่ มาประชุมใช่ไหม”
“อือ....เมย์ล่ะ ผมไม่เห็นในห้องประชุมเลยนะ”
“เมย์ไม่ได้มาประชุมหรอกค่ะ เมย์มาทำธุระ”
“แล้วมาคนเดียวเหรอ”
“มากันหมดนั่นแหละ แต่สองคนรออยู่โรงแรมน่ะ สิงห์จะอยู่ที่โตเดียวถึงวันไหน หาเวลามาเจอกันหน่อยไหม”
“พรุ่งนี้ผมต้องไปแล้ว เอาไว้โอกาสหน้านะ”
“อือ...แล้วนี่จะไม่แนะนำสาวน้อยคนนี้ให้เมย์รู้จักหน่อยเหรอ”
“โทษที ผมมัวแต่ดีใจที่ได้เจอ นี่พรีมแฟนผม” นรสิงห์ตอบเพื่อนแล้วหันมายิ้มให้กับพีรญาที่ยืนงงกับคำแนะนำของเขา
“สวัสดีค่ะ พี่ชื่อเมย์เป็นเพื่อนกับหมอสิงห์ ยินดีที่ได้รู้จักนะ” เธอยิ้มทักทายอย่างเป็นกันเอง
“สวัสดีค่ะ หนูชื่อพรีมค่ะ” พีรญาทักทายสั่น ๆ เพราะไม่รู้จะพูดอะไร เธอคิดมาก่อนว่านรสิงห์จะแนะนำไปแบบนั้น
“น่ารักจัง เอาไว้เจอกันครั้งหน้าเราคงได้คุยกันมากกว่านี้ พี่ไปก่อนนะ ฝากดูแลเพื่อนพี่ด้วย” พรรณิดายิ้มก่อนจะรีบเดินจากไป
“คะ?” พีรญาไม่เข้าใจคำพูดของเธอเลยเพราะผู้หญิงที่ไม่มีอะไรเลยอย่างเธอจะมาดูแลอะไรผู้ชายที่เพียบพร้อมอย่างหมอนรสิงห์ได้ยังไง
“พี่หมายถึงดูแลหัวใจที่แห้งเหี่ยวของเขานะ นานแล้วที่พี่ไม่เห็นเขายิ้มแบบนี้ พี่ต้องไปจริงแล้วนะเอาไว้เจอกัน” พรรณิดาโบกมือให้ก่อนจะวิ่งขึ้นบันไดไป
พีรญามองตามหลังเธอไปแล้วคิดตามสิ่งที่เธอพูดและแอบดีใจที่ได้ยินแบบนั้น เธอรู้ว่ามันเป็นการแซวระหว่างเพื่อสนิทหรือเป็นเรื่องจริงกันแน่แต่หญิงสาวก็ไม่กล้าถาม
“มีอะไรจะถามฉันไหมพรีม” นรสิงห์เห็นสีหน้าและแววตาของพีรญาก็พอจะมองออกว่าเธอน่าจะสงสัยอะไรสักอย่าง
“คือ....”
“รถมาแล้วมีอะไรกลับไปคุยกันที่โรงแรมดีกว่านะ”