“อากาศหนาวมากดื่มอะไรหน่อยไหมจะได้อุ่น ๆ” นรสิงห์ส่งแก้วไวน์ให้กับพีรญาที่กำลังยืนมองวิวยามค่ำคืนของเมืองโตเกียวที่หน้าต่างห้องพัก
“ขอบคุณค่ะ” หญิงสาวรับแก้วไวน์มาจิบอย่างช้า ๆ สายตาทอดมองไปข้างหน้าแต่ในหัวยังมีคำถามบางอย่างที่อยากจะถามหมอนรสิงห์
“เธอเงียบไปนะพรีม เรื่องที่เราคุยกันค้างไว้ ถามมาได้เลยนะ”
“คนที่เราเจอเมื่อกี้เป็นเพื่อนหมอสิงห์เหรอคะ” พีรญาไม่รู้ว่าจะเริ่มถามยังไงจึงถามเรื่องของเพื่อนเขาก่อน
“ฉันว่านี่ไม่ใช่สิ่งเธออยากรู้นะเพราะเมย์ก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นเพื่อนฉัน” นรสิงห์พูดอย่างรู้ทันและคิดหาคำตอบสำหรับคำถามของหญิงสาวไว้แล้ว
“หมอสิงห์คะ หมอบอกพี่เขาว่าเราเป็นแฟนกัน หมอไม่กลัวเธอจะไปบอกคนอื่นเหรอคะ” พีรญาถามเบา ๆ เธอเม้มริมฝีปากแน่นอย่างรอคอยคำตอบ
“ที่ฉันพูดแบบนั้นเพราะจะได้ไม่ต้องอธิบายอะไรมาก แต่ถ้าฉันบอกว่าเธอเป็นหลานสาวก็คงต้องอธิบายกันยาวว่าทำไมฉันกับหลานสาวถึงมาเที่ยวด้วยกันแค่สองคนและจับเดินจับมือกันอีก” ชายหนุ่มอธิบายอย่างใจเย็น
“แล้วพี่เมย์จะไม่บอกคนอื่นเรื่องของเราเหรอคะ”
“ไม่ต้องกลัวหรอกนะพรีม เมย์เธอแต่งงานและย้ายมาอยู่กับสามีที่ญี่ปุ่นเพื่อนที่ไทยก็ไม่ค่อยได้ติดต่อ” เขาตอบอย่างไม่ทุกข์ร้อนอะไร
“เฮ้อ!....ค่อยโล่งใจไปหน่อย” พีรญาถอนหายใจแล้วยกแก้วไวน์จิบจนหมดแก้ว
“กลัวคนอื่นรู้มากขนาดนั้นเลยเหรอ” นรสิงห์รู้สึกเอ็นดูที่เห็นท่าทางโล่งใจของหญิงสาว
“สำหรับพรีมไม่ใช่ปัญหาค่ะ พรีมแค่กลัวว่าหมอสิงห์จะเสียชื่อเสียงต่างหากล่ะคะ พรีมก็แค่นักศึกษาที่ยังเรียนไม่จบและไม่มีชื่อเสียงอะไรเลย”
“ฉันไม่สนใจชื่อเสียงหรอกนะพรีม ฉันสนใจแค่ตอนนี้ฉันมีความสุขแล้วเธอล่ะพรีมมีความสุขไหมที่อยู่กับฉัน”
“พรีมมีความสุขมาก ๆ ค่ะ อันที่จริงพรีมอยากหยุดเวลาตอนนี้ไว้หยุดตอนที่เราอยู่ที่นี่”
“เหตุผลล่ะ”
“ก็ที่นี่หมอสิงห์น่ารักและใจดีกับพรีมมากแล้วยังมีเวลาให้พรีมมากกว่าตอนที่อยู่เมืองไทยนี่คะ แล้วเวลาเราออกไปข้างนอกก็ไม่ต้องกลัวว่าจะมีคนเห็นจนบางครั้งพรีมก็เผลอคิดไปว่าเราสองคนเป็น.....” พีรญาไม่กล้าพูดเพราะกลัวว่าจะทำให้นรสิงห์ไม่พอใจ
“ทำไมหยุดพูดล่ะพรีม อยากรู้หรืออยากถามอะไรฉันก็พูดออกมาเลย”
“พรีมกลัวหมอสิงห์จะโกรธ” เธอพูดแล้วก้มหน้าไม่กล้าสบตา
“ฉันจะโกรธเธอเรื่องอะไรลองบอกมาสิ”
“หมอสิงห์สัญญากับพรีมก่อนได้ไหมถ้าพรีมพูดอะไรออกไปหมอห้ามหัวเราะเยาะ แล้วก็ห้ามโกรธพรีมด้วยนะคะ” พีรญาอ้อนเสียงหวาน
“โอเค....ฉันสัญญา ไหนลองว่ามาสิ” นรสิงห์มองเธอด้วยสายตาอ่อนโยนแล้วยิ้ม
“คือ....บางครั้งพรีมก็เผลอคิดไปว่าเราสองคนเป็นคู่รักที่มาเที่ยวที่นี่ด้วยกันค่ะ ตลกมากไหมคะ” หญิงสาวยิ้มอย่างอาย ๆ
“ไม่ตลกนะ เพราะบางครั้งฉันก็คิดแบบนั้นเหมือนกัน” เขาโอบไปบนไหล่แล้วกดจมูกลงบนศีรษะของเธออย่างเอาใจ
“แต่มันไม่ใช่ความจริงใช่ไหมล่ะคะ”
“เธออยากให้มันเป็นความจริงเหรอพรีม”
“ขอโทษค่ะ พรีมไม่มีสิทธิ์คิดอะไรแบบนั้นกับหมอสิงห์ หมอเป็นผู้มีบุญคุณกับพรีม”
“เรื่องนั้นฉันไม่ได้คิดอะไรแล้ว เงินที่ฉันเสียไปและเทียบไม่ได้กับความสุขที่เธอมอบให้ฉันเลย ฉันไม่รู้หรอกนะว่าอนาคตฉันกับเธอมันจะเป็นยังไง เธอเรียนจบแล้วจะไปเจอคนที่ดีกว่า คนที่อายุใกล้เคียงกับเธอก็ได้และเธออาจจะไปจากฉันก็ได้นะและนั่นเป็นสิ่งที่ฉันนึกไม่ออกเลยว่ามันจะเป็นยังไง”
“แล้วถ้าเรียนจบแล้วพรีมไม่ยอมไปจากหมอล่ะ ถ้าพรีมอยากให้หมอดูแลแบบนี้ตลอดไปได้หรือเปล่า” เธอถามแล้วก็รอลุ้นคำตอบ
“ฉันไม่เคยบังคับเธอนะพรีม ถ้าเธออยากอยู่กับฉันตลอดก็ได้”
“แล้วหมอจะให้พรีมในฐานะอะไรคะ”
“ฉันเองก็ให้คำตอบกับเธอไม่ได้เหมือนกัน ตอนนี้ฉันจะมองอนาคตระหว่างเราสองคนไม่ออก เธอโกรธฉันไหมที่ฉันให้ความชัดเจนอะไรเธอไม่ได้เลย”
“ไม่ค่ะ พรีมไม่โกรธหมอหรอกเราสองคนรู้จักกันยังไม่นานบางทีได้อยู่ใกล้ชิดกันสักพักหมออาจจะเบื่อพิมพ์ก็ได้”
“เรื่องนั้นมันก็ตอบยาก แต่ขอบอกไว้ก่อนเลยว่าตอนนี้ฉันยังไม่เบื่อเธอนะ ถ้าเธอยังน่ารักและเป็นเด็กดีของฉัน ไม่มีทางที่ฉันจะเบื่อเธอหรอก เราเข้าไปข้างในกันเถอะนะข้างนอกมันหนาวมากเดี๋ยวจะไม่สบายพรุ่งนี้เราต้องเดินทาง”
“ก็ได้ค่ะพรีมก็ง่วงแล้วเหมือนกัน”
“ใครบอกว่าจะให้เข้ามานอนล่ะ เธอให้ฉันนอนกอดอย่างเดียวมาสองคืนแล้วนะพรีม”
“ก็หมอต้องไปประชุมตอนเช้าพรีมไม่อยากให้หมอต้องเหนื่อยนี่คะ”
“แต่พรุ่งนี้เราจะเดินทางตอนไหนก็ได้เพราะฉะนั้นฉันอยากเหนื่อยแล้วเธอล่ะ”
“พรีมปฏิเสธได้ไหม”
“เธอบอกว่าปฏิเสธแต่ตอนนี้เธอกำลังกอดฉันอยู่นะพรีม”
“ก็กอดหมอสิงห์แล้วพรีมอุ่น”
“เดี๋ยวฉันจะทำให้เธออุ่นจนร้อนเลยแหละพรีม” นรสิงห์หัวเราะจากนั้นก็หยิบแก้วไวน์ไปวางไว้บนเคาน์เตอร์บาร์ก่อนจะกลับเข้ามายังห้องนอนอีกครั้ง
“ชุดนอนแบบนี้ไม่เซ็กซี่เลยนะ” เขานอนลงข้าง ๆ พีรญาแล้วมองชุดเสื้อแขนยาวกับกางเกงขายาวที่เธอสวมแล้วหัวเราะ
“ก็ที่นี่มันอากาศหนาว ถ้าให้พรีมใส่ชุดนอนเหมือนที่อยู่เมืองไทยคงได้ปอดบวมแน่เลยค่ะ”
“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย เธอใส่ชุดไหนฉันก็จินตนาการออกว่าข้างในชุดนั้นซ่อนอะไรอยู่ ที่นี่อากาศมันหนาวมากก็ต้องให้ความอบอุ่นสินะ”
นรสิงห์พูดแล้วยิ้มก่อนจะก้มลงจูบลงบนเรียวปากบางอย่างเร่าร้อน บดเบียดจนเธอยอมให้เขาส่งลิ้นเข้าไปควานหาความหวานอย่างย่ามใจ ปลายลิ้นหนาดูดดุนปลายลิ้นเล็กโรมรันอย่างไม่มีใครยอมใคร
“อื้อ.....”
“จูบเธอหวาน”
“ชอบไหม”
“ชอบสิ ฉันชอบทุกอย่างโดยเฉพาะตอนที่ฉันอยู่ในตัวเธอและครางเป็นชื่อฉัน”
“อื้อ....หมอสิงห์” เธอครางเรียกชื่ออย่างที่เขาชอบเมื่อมือใหญ่สดใต้ชุดนอนนวดคลึงหน้าอกอย่างปลุกเร้าก่อนจะถอดมันออกทางศีรษะอย่างรวดเร็ว
“เธอรู้ใจฉันที่สุดเลยนะพรีม” เขากระซิบแหบพร่าเมื่อเห็นว่าพอถอดเสื้อออกแล้วด้านในเธอไม่ได้สวมบราเซียร์
“หมอสิงห์บอกว่าไม่อยากเสียเวลาถอด” เธอตอบพร้อมรอยยิ้มยั่ว ในตอนนี้พีรญาไม่อยากคิดอะไรมาก ไม่อยากนึกถึงสถานะของเขาและเธอ หญิงสาวแค่อยากไปเป็นผู้หญิงคนหนึ่งที่มาเที่ยวกับคนที่เธอมอบทั้งกายทั้งใจให้โดยไม่สนใจว่าเขาจะคิดเหมือนกันกับเธอหรือเปล่า
“น่ารักที่สุดพรีมของฉัน”
นรสิงห์ก้มลงจูบอย่างอ่อนหวาน จูบที่แฝงไปด้วยความรักความเสน่หาและความปรารถนาที่ไม่อาจปิดบังได้ เป็นจูบที่ที่ไม่เคยไม่เคยมีให้ใครมากเท่านี้มาก่อน ริมฝีปากร้อนแทะเล็มไปบนริมฝีปากบางที่เผยอรับด้วยความเต็มใจแล้วนรสิงห์ก็เปลี่ยนความอ่อนหวานนั้นให้เป็นความเร่าร้อนจนแทบจะมอดไหม้
รสจูบที่ส่งผ่านความรู้สึกให้กันและกันนั้นลึกซึ้งจนพีรญาต้องครางออกมาอย่างไม่อาจควบคุมได้
“อื้อ....หมอกำลังจะฆ่าพรีมด้วยจูบ”
เสียงหวานกระซิบเมื่อนรสิงห์ผละออกไปเพียงเสี้ยววินาที ดวงตาฉ่ำปรือมองใบหน้าหล่อเหลาที่อยู่ห่างแค่คืบด้วยความหลงใหล
“ใครใช้ให้จูบเธอหวานกันล่ะ”
นรสิงห์ตอบกลับเสียงแหบพร่ามองสบดวงตาคู่นั้นอย่างเสน่หา รอยยิ้มกรุ้มกริ่มผุดขึ้นที่มุมปาก จูบของพีรญามันหวานล้ำจนเขาหลงใหลและไม่รู้จักพอ ปลายนิ้วไปตามแนวแก้มใสที่ขึ้นสีระเรื่อ
“หมอสิงห์ของพรีมปากหวานที่สุด”
เธอพูดพลางคลอเคลียหน้าผากเข้ากับเขาอย่างออดอ้อน จูบของเขาไม่ได้แค่หวาน แต่ยังทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและเร่าร้อนอย่างประหลาด
นรสิงห์หัวเราะในลำคออย่างพอใจกับคำชมที่เต็มไปด้วยความจริงใจนั้น เขายึดเอวคอดเข้ามาแนบชิด พลางก้มลงจูบซับอีกครั้ง ก่อนจะเลื่อนต่ำลงไปยังซอกคอหอมกรุ่น
“แต่คงสู้เธอไม่ได้หรอกนะพรีม....เธอหวานไปทั้งตัว”
คำพูดเรียบง่ายแต่ทรงพลังนั้นกระซิบข้างหูของเธออย่างยั่วยวน ก่อนที่เขาจะใช้ริมฝีปากพิสูจน์ความหวานของเธอไปทั่วทุกอณูของร่างกายด้วยความรักและความกระหายที่พร้อมจะจุดไฟโหมกระหน่ำท่ามกลางคืนที่หนาวเหน็บ