กลิ่นโคโลจญ์นี่อีกแล้ว...
กลิ่นมันชัดเจน จนเธอต้องเงยหน้า เจ้าของกลิ่นกำลังมองลงมา ซินหยานเม้มริมฝีปากหลบสายตา ท่านประธานหล่อเหลาเสียจนเธอไม่อยากมองเลย ขนาดไม่ได้สีหน้า ยังโดดเด่นขนาดนี้ ไม่แปลกเลยที่จะมีผู้หญิงมาหึงหวงแย่งชิง อยากหนีไปจากตรงนี้เสียจริง
“เป็นยังไง ทำงานตรงนี้ดีกว่าที่เดิมไหม” เขาเอ่ยถาม ราวกับต้องการเยาะ
เธอยิ้มฝืน “ค่ะ ดีมากเลยค่ะ!”
หลี่เซี่ยนทอดสายตามอง ครุ่นคิดหลายอย่าง อยากทำให้สำเร็จในเร็ววัน ยิ่งใกล้เวลาเท่าไหร่ หัวใจยิ่งเต้นหนักขึ้นทุกที กลิ่นของเธอทำเอาเลือดในกายร้อน ต้องพยายามห้ามตัวเอง ไม่อยากเชื่อเลย ว่าคำสาปมันจะมีผลมากถึงขนาดนี้ ใกล้เวลาตนเองต้องสืบทายาทแล้ว หากเลยช่วงอายุไป เขาคงไม่สามารถทำตามความต้องการของตระกูลได้ และนั้นคงกลายเป็นปัญหาใหญ่ ขบกรามข่มอารมณ์เอาไว้ จะแหวกหญ้าให้งูตื่นตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด
“ฉันอยากถามอะไรหน่อย”
หญิงสาวชะงัก สบตาคนพูด “อยากถามอะไรคะ”
“เธอกรุ๊ปเลือดอะไรงั้นเหรอ”
ซินหยานนิ่งไปครู่หนึ่ง คงบอกไม่ได้หรอก แม่ของเธอสั่งห้ามเด็ดขาด ไม่ให้แพร่งพรายกรุ๊ปเลือดออกไป
“เอบีค่ะ” เธอตอบ
คิ้วเข้มขมวดด้วยความสงสัย เขาแน่ใจว่ากลิ่นกายของเธอไม่เหมือนใคร กลิ่นราวกับดอกไม้กำลังบานสะพรั่งรอบตัว มันทำเอาเลือดสูบฉีดทั่วร่าง
“อ๋อ งั้นเหรอ”
เขายังคงอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน ยิ่งทำให้อีกฝ่ายอึดอัด
“ท่านประธานไม่ไปทำงานเหรอคะ”
คนถูกถามเหลือบมอง “ฉันน่าเบื่อขนาดนั้นเลยเหรอ ซินหยาน”
รีบยกมือโบก “ไม่ใช่ค่ะ ไม่ใช่!”
“แล้วรีบไล่กันทำไม อีกอย่างโต๊ะทำงานของฉัน แค่เดินไปไม่กี่ก้าวก็ถึงแล้ว ไล่ยังไงเธอก็ต้องเห็นหน้าฉันอยู่ดี”
เม้มริมฝีปาก ช้อนสายตามอง ก็ตรงนี้มันอึดอัด เธอไม่อยากใกล้ชิดไปมากกว่านี้อีกแล้ว
“ค่ะ ฉันรู้ค่ะ ฉันก็แค่...” คนสวยอึกอัก
เสียงมือถือดัง หลี่เซี่ยนล้วงจากกระเป๋ากางเกง แล้วหลุบตามองเบอร์หน้าจอ ดวงตาทอประกาย ความรู้สึกบางอย่างกำลังตีตื้นขึ้นมา รีบกดรับสาย
“ครับ”
ปลายสายอึกอัก ไม่กล้าเอื้อนเอ่ย
“หลี่เซี่ยน” เสียงหวานกรอกตามสายมา ชายหนุ่มนิ่งงัน
“ไป๋เหลียน”
“คุณสบายดีไหมคะ”
ชายหนุ่มรีบผละห่างจากตรงนั้น แล้วสาวเท้ามาที่โต๊ะทำงานตนเอง
“ผมสบายดี”
“วันนี้คุณพอมีเวลาว่างไหม ฉันอยากพบคุณสักหน่อย”
ดวงตาคมกริบหรี่ลง เธอหายตัวไปเกือบสองปี ส่งข้อความไว้แค่เพียงว่ามีเรื่องสำคัญต้องทำ แล้วตอนนี้ย้อนกลับมา เพื่ออะไรกันแน่
“ไป๋เหลียน ผมไม่มีเวลาว่าง ผมต้องประชุม”
“ฉันขอโอกาสได้ไหมคะ ฉันสามารถอธิบายให้คุณฟังได้ ว่าฉันหายไปไหนมา”
เขาเคยคิด จะดื้อรั้นไม่ยอมทำตามความต้องการของพ่อแม่ และการกดดันของตระกูล โดยการแต่งกับไป๋เหลียน ต่อให้ไม่มีทายาทก็ไม่เป็นไร แต่ตอนนี้เขารับปากพ่อแม่ และคนในตระกูลไว้แล้ว หญิงสาวสายเลือดบริสุทธิ์ก็ตามตัวเจอแล้ว จะให้ย้อนกลับไปมันคงเป็นไปไม่ได้
“เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้แล้วไป๋เหลียน”
“ถ้าอย่างนั้น ถือว่ามาพบหน้ากันเป็นครั้งสุดท้ายก็ได้”
หลี่เซี่ยนครุ่นคิดอยู่นาน “ตกลง”
ร้านกาแฟ ไป๋เหลียนมองชายหนุ่ม ซึ่งกำลังเดินเข้ามา ยิ่งพิศมองหลี่เซี่ยนยิ่งหล่อเหลามากกว่าแต่ก่อน ท่าทางดูสุขุม หัวใจมันกำลังสั่นไหว หลี่เซี่ยนหย่อนกายตรงข้าม มองดูหญิงสาวซึ่งอยู่ในหัวใจมาตลอด
“ฉันสั่งกาแฟไว้ให้แล้ว ลาเต้หวานปกติใช่ไหม” เธอเอ่ยถาม แล้วยิ้มบาง ๆ
“ตอนนี้ผมกินแต่อเมริกาโน่ไม่ใส่น้ำตาล!” เขาตอบเสียงห้วน ไม่ได้ไยดีต่อสีหน้าอีกฝ่าย
ไป๋เหลียนรีบโบกมือเพื่อเรียกพนักงาน เตรียมสั่งกาแฟให้เขาอีกแล้ว
“ไม่ต้องสั่งหรอก ผมกินได้ มีอะไรก็ว่ามา”
“คุณสบายดีไหม”
คิ้วเข้มขมวด “คุณคิดว่าไงล่ะ?”
ริมฝีปากคนถูกย้อนเม้มสนิท หลี่เซี่ยนคงโกรธมาก ที่เธอไปโดยไม่ลา แต่ตอนนั้นมันมีเหตุจำเป็น และไม่อยากเปิดเผย เพราะคิดว่าตนเอง คงไม่มีโอกาสได้มาอยู่ตรงนี้แล้ว
“ฉันได้ข่าวมาว่าคุณเป็นประธานบริษัทแล้ว ดีใจด้วยนะ”
“ไม่ต้องดีใจด้วยหรอก ถึงยังไงผมก็ต้องได้ตำแหน่งนี้ในสักวันอยู่แล้ว”
“ฉันไม่รู้มาก่อนเลย ว่าคุณคือคุณชายตระกูลหลี่ที่โด่งดังนั่น”
“ตอนนี้ก็รู้แล้วไง”
มือบางจับกันไปมา ประหม่า ไม่รู้ควรพูดอะไรออกไป หลี่เซี่ยนไม่มีทีท่าอ่อนโยนเหมือนก่อน หรือเขามีคนรักแล้ว
“คุณ...มีคนรักแล้วเหรอ”
คนถูกถามนิ่งเงียบ “ถามทำไม!”
“ฉันแค่อยากรู้”
“รู้ไปทำไม ไม่ว่าผมจะรักกับใคร มันก็ไม่เกี่ยวกับคุณอยู่แล้ว!”
ไม่อยากถูกเมิน แววตาของหลี่เซี่ยนเย็นชาดุจน้ำแข็ง เขาคงหลงลืมเรื่องราวระหว่างเราไปหมดแล้ว เธอผิดเองที่จากไปโดยไม่บอกกล่าว เพราะกลัวว่าชีวิตนี้ไม่อาจอยู่เคียงข้าง ทว่าผลการรักษากลับบอกว่าตอนนี้ เป็นปกติแล้ว เลยคิดย้อนกลับมา อยากรู้เขาเป็นเช่นไร มีคนใหม่แล้วหรือยัง อยากให้รู้ดีใจแค่ไหน ที่เขาไม่มีใครเคียงข้าง
“ฉันรู้ ว่ามันไม่เกี่ยวกับฉันอีกแล้ว”
“ตกลงเธอต้องการจะพูดอะไรกันแน่!” เขาสบถออกมาอย่างหัวเสีย ไม่ชอบท่าทีของไป๋เหลียนในเวลานี้เลย
“หลี่เซี่ยนอย่าเพิ่งโกรธ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนคุณเลย”
“แต่ที่คุณทำอยู่ มันรบกวนรู้ไหม!”
“ฉันขอโทษนะ ขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมาด้วย”
เขารีบโบกมือ “ไม่ต้องย้อนอดีต ฉันไม่ต้องการฟัง เรื่องจำพวกนั้นลืมไปหมดแล้ว ให้เวลามากพอแล้วขอตัวก่อน”
ชายหนุ่มลุกยืน เธอลุกตามสีหน้ากังวล น้ำตาคลอ หลี่เซี่ยนชะงัก เห็นมานักต่อนัก แต่มันก็ทำให้ใจอ่อนเสมอ เขาไม่อยากต้องเจ็บปวดอีกแล้ว หันหลังเดินจากมาในทันที ความรู้สึกทั้งหมด มันควรจบสิ้นตรงนี้เสียที
กลับถึงห้องทำงาน หย่อนกายลงบนเก้าอี้ เอนกายพิงพนัก กอดอกครุ่นคิดหนัก ไป๋เหลียนมีท่าทางแปลกไปไม่เหมือนก่อน เธอดูซีดเซียวไม่สดใส การหายตัวไประยะสองปี เธอหายไปไหนมากันแน่ สะบัดไล่ความคิด เขาไม่ควรไปยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงคนนี้อีก คนที่ทำให้ตนเองแทบบ้าตายเมื่อในอดีตที่ผ่านมา
ซินหยานเหลือบมอง เห็นท่านประธานมีท่าทางแปลกไป ดูครุ่นคิดสีหน้าเครียด ราวกับมีเรื่องบางอย่างในใจ เขาออกไปไหนมาถึงได้กลับมาท่าทางราวกับแบกโลกไว้ทั้งใบเช่นนี้ ถอนหายใจ เรื่องของเจ้านายไม่ควรไปยุ่งให้เกิดปัญหา ลุกออกจากที่นั่งตนเอง แล้วนำแฟ้มเอกสารมาวางไว้ตรงหน้า กลิ่นหอมเย้ายวนทำเอาสติชายหนุ่มกลับมา ช้อนสายตามองคนตรงหน้า ยิ่งมองหัวใจยิ่งเต้นหนัก ร่างกายร้อนขึ้นมาอีกครา ยิ่งใกล้เวลาความต้องการกลับพุ่งทะยาน เหมือนร่างกายเรียกร้องเพื่อให้กำเนิดทายาท
“เอกสารอนุมัติงบประมานจัดซื้ออุปกรณ์ รถสำหรับขนย้ายสินค้าหนึ่งร้อยคันค่ะ” หญิงสาวอธิบาย
หลี่เซี่ยนข่มใจตนเอง แล้วเปิดแฟ้มอ่านข้อความด้านใน แล้วจรดปากกาเซ็นต์ลงไป ก่อนยื่นแฟ้มให้กับเลขา จังหวะนั้นมือแตะกัน เธอชะงักรีบชักมือกลับ แต่หลี่เซี่ยนกลับรู้สึกเหมือนมีคลื่นบางอย่างกำลังแผ่ซ่านไปทั่วร่าง
“พรุ่งนี้ฉันต้องไปงานเลี้ยงตอนเย็น เธอไปด้วยกันสิซินหยาน”
เธอหันมาสบตาเจ้านาย “คงไม่ดีหรอกค่ะ ท่านประธานควรควงคู่ที่เหมาะสมดีกว่านะคะ”
“ฉันไปคุยธุรกิจ เธอควรหอบหิ้วแฟ้มเอกสารไปกับฉันด้วย แล้วก็ท่องจำข้อมูลที่ฉันส่งทางเมล์ให้ดีล่ะ เพราะฉันต้องให้เธอไปคุยกับหุ้นส่วนท่านอื่น”
สีหน้าคนฟังเครียดขึ้น จำทำได้เหรอ สู้ให้เลขาคนเก่าจัดการดีกว่าไหม เธอยังใหม่มากกับงานนี้ ที่สำคัญไม่ได้เรียนรู้มา
“ทำไมไม่ให้เลขาท่านอื่นล่ะคะ ท่านประธานมีเลขาตั้งหลายคน”
“เลขาที่ออกงานไม่ใช่แค่ทำงานเก่ง ต้องหน้าตา รูปร่างดีด้วย เพื่อให้ฉันไม่ขายหน้า และเธอคือตัวเลือกที่ดีที่สุด”
“แต่ว่า..”
“ฉันให้โบนัสเพิ่มหนึ่งแสน เธอพอใจไหม”
ซินหยานยิ้มกว้างขึ้นมาทันที “พอใจค่ะท่านประธาน!”