STARTING POINT

1850 Words
สองขาเรียวสวยของหญิงสาวเรือนร่างอรชรในชุดนักศึกษารัดรูปก้าวลงจากรถสปอร์ตคันหรู มือเล็กเอื้อมผลักประตูรถให้ปิดลงก่อนจะเดินตรงดิ่งไปยังคณะศิลปกรรมศาสตร์ในมหาวิทยาลัยเอกชนชื่อดังแห่งหนึ่ง ท่ามกลางเสียงซุบซิบนินทาและสายตาของบรรดาหนุ่มๆนักศึกษาที่จ้องมองมา “โคตรสวย ตั้งแต่กูนั่งหลีสาวในมอมายังไม่เคยเห็นใครน่ารักและสวยเท่าเนเน่มาก่อนเลยว่ะ” “เออ..กูก็ว่างั้น ผู้หญิงอะไรครบเครื่อง ไม่รู้คนหรือนางฟ้า” “ไม่ผิดหวังที่กูจะให้เป็นแม่ของลูก" “ไอ้สัดแม่ของลูกกูครับ กูจองก่อนได้โปรดอย่ามาแย่ง” คนถูกพูดถึงหันไปยิ้มเจื่อนๆให้เป็นการทักทาย ไม่ได้หลงปลื้มกับคำชมเหล่านั้นเพราะรู้สึกชินกับการเป็นเป้าสายตาของใครหลายๆคนไปเสียแล้ว ทุกคนในนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก'เนเน่'อดีตดาวมหาฯลัยเบอร์หนึ่งของที่นี่ ถึงจะสละตำแหน่งให้น้องปีหนึ่งไปแล้วแต่ความสวยของเธอก็ยังเป็นที่ยอมรับอยู่​ “เฮ้ย เขายิ้มให้กูด้วย” "เฮ้! เนเน่ทางนี้" เสียงเรียกที่คุ้นเคยดังมาแต่ไกลกระตุ้นให้เนเน่รีบมองไปยังต้นทางของเสียง ก่อนเห็นเพื่อนสาวนั่งโบกมือเรียกอยู่ใต้อาคารคณะ "แหกปากเรียกเสียงดังขนาดนี้ คิดว่าที่นี่เป็นบ้านตัวเองเหรอคะคุณธรรมรงค์" เธอเอ่ยหยอกล้อเพื่อนรักทันทีที่มาถึง แล้วหย่อนตัวนั่งลงบนเก้าอี้ตัวข้างๆ "กรี๊ดดดดดดด! อีเน่เรียกชื่อเก่าฉันแบบนี้อีกแล้วนะ มาตบกันเลยดีกว่า" เจ้าของชื่อในอดีตกรีดร้องโวยวายเสียงดังอย่างไม่ชอบใจ​ ทั้งยกมือขึ้นหมายจะตบเพื่อนรักตัวเองที่บังอาจมาเรียกชื่อจริงเดิม "โถ่! หยอกแค่นี้ถึงกับจะตบเพื่อนเลย" "ก็ฉันบอกกี่ครั้งแล้วว่าไม่ชอบให้เรียกชื่อเก่า​ แกห้ามพูดชื่อนี้อีกนะเดี๋ยวพี่โด้ผ่านมาได้ยินเขาจะรู้หมดว่าฉันไม่ใช่หญิงแท้ แกต้องเรียกฉันว่าแคนดี้ชื่อใหม่เท่านั้นเข้าใจ?" แคนดี้เป็นสาวประเภทสองที่แปลงเพศและศัลยกรรมจนเหมือนผู้หญิงทุกอย่าง เธอเพิ่งมารู้ตัวว่าชอบผู้ชายเมื่อปีที่แล้วเพราะได้ตกหลุมรักรุ่นพี่คนหนึ่งซึ่งอยู่ต่างคณะกัน​ ตอนนี้เธอก็กำลังตามจีบอยู่แต่ดูเหมือนว่าเขาจะไม่ชอบ เนเน่กลอกตามองบน พลางถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายกับความดัดจริตของเพื่อน "แหม..ปกติฉันก็เรียกแบบนี้มาตั้งแต่มอต้นแล้วปะ ไม่เห็นแกจะมีปัญหา" เธอกับแคนดี้เป็นเพื่อนรักกันมาตั้งแต่เข้ามัธยมหนึ่ง ด้วยความหมั่นไส้ที่แคนดี้ไม่ค่อยสำรวม ชอบทำเสียงดังหรือกิริยาที่น่าอับอายให้เป็นจุดสนใจของนักศึกษาคนอื่นๆ มันเลยเป็นเรื่องปกติที่เธอจะชอบหยอกล้อแก้เผ็ดอีกฝ่ายแบบนี้อยู่เป็นประจำ "แต่นี้มหาลัยแล้วย่ะ​ ฉันโตเป็นสาวแล้วแกต้องเรียกชื่อใหม่" “อ๋อ แต่ก่อนเป็นเด็กหนุ่ม” “อร้ายยยย! อีนี่ปากเสียเดี๋ยวแม่ตบฉาดให้” “กล้าเหรอ?” “ชิ! ไม่กล้าทำคนดังหรอกย่ะ เดี๋ยวพวกที่คลั่งแกแห่กันมารุมกระทืบฉันซิลิโคนหลุดขี้เกียจจะบินไปโมใหม่” เนเน่ไหวไหล่ให้กับคำตอบของเพื่อนรัก และถามถึงเพื่อนรักอีกคนเมื่อรู้สึกเป็นห่วง “เออ..แคนดี้ แคทมันได้ติดต่อมาหาบ้างไหม" แคทคือเพื่อนรักอีกคนของพวกเธอหรืออีกหนึ่งสถานะก็คือเด็กอุปการะของแม่เธอเอง ที่ตอนนี้อยู่ๆก็หายไปไม่มาเรียน ติดต่อก็ไม่ได้ นี่จะปาเข้าไปวันที่สามแล้วซึ่งมันผิดวิสัยของเจ้าตัวมาก ปกติแคทจะไม่ขาดเรียนและปิดโทรศัพท์มือถือทิ้งโซเชียลหายไปแบบนี้ เพราะต้องไลฟ์สดขายของออนไลน์อยู่ตลอด แทบจะทุกวันเลยก็ว่าได้ “ไม่เลยเนี่ย เฝ้ารอชื่อมันโชว์ขึ้นที่หน้าจออย่างกับเฝ้ารอเนื้อคู่ มันติดต่อมาหาแกเหรอ” "ฮึ่" ใบหน้าสวยเริ่มวิตกกังวลส่ายตอบ คำตอบที่ได้รับทำให้เธอยิ่งเป็นห่วงเพื่อนเข้าไปใหญ่แทบนั่งไม่ติด “โอ๊ยยย..ยัยแคทนะยัยแคท นี่แกจะรู้บ้างไหมว่ากำลังทำให้พวกฉันเป็นห่วงจนจะเป็นบ้าตายอยู่แล้ว อยู่ๆก็เล่นหายไปไม่บอกไม่กล่าว ไม่ใช่โดนโจรฉุดไปฆ่าข่มขืนตายห่าไปแล้วระ.." บ่นไม่ทันจบประโยค แคนดี้ก็สตั้นไปเมื่อฉุกนึกถึงสภาพแวดล้อมความเป็นอยู่ของแคท เธอเอื้อมมือไปเขย่าแขนเนเน่พร้อมกับพูดต่อด้วยความกระวนกระวาย "ฉันเริ่มกลัวแล้วว่ะแก" ไม่เพียงแต่แคนดี้ที่กลัว เนเน่เองก็กลัวไม่ต่างกัน จนคิดว่าจะไม่ทนรอให้เพื่อนรักติดต่อมาเองแล้ว "ฉันว่าเย็นนี้เราไปดูมันที่บ้านกัน เผื่อมันเป็นอะไร" "ค่อยไปพรุ่งนี้ได้ไหม ฉันว่าจะชวนแกไปอยู่ วันนี้ฉันไม่ว่าง..มีธุระ” แคนดี้ก็กะว่าพรุ่งนี้จะชวนเนเน่ไปดูแคทอยู่พอดี เนื่องจากวันนี้ติดมีธุระสำคัญกับครอบครัว เธอจึงไปไม่ได้ “สามวันแล้วนะฉันรอไม่ได้หรอก งั้นเดี๋ยวฉันไปคนเดียว” “โถ่แค่อีกวันเดียวเอง..รอฉันก่อน แถวบ้านมันเป็นแหล่งอันตรายแกก็รู้ ไปคนเดียวเผื่อเจอโจรออกปล้นฆ่ากลางคันขึ้นมาทำไง..” “ไปกันสองคนยังพอช่วยกันคิดหาทางหลบหนีได้นะ ยิ่งช่วงนี้ข่าวออกทุกวันว่าพวกมันออกปล้นกันเป็นว่าเล่นเลย ไหนยาเสพติดก็ยังมาระบาดอีก เมื่อไหร่ตำรวจจะจับพวกมันได้สักทีก็ไม่รู้" ได้ยินอย่างนั้น แคนดี้รีบบอกเตือนเพื่อนทันควันด้วยความเป็นห่วง​ กลัวว่าถ้าปล่อยให้เนเน่ไปคนเดียวจะไปกับเจอคนพวกนั้นเข้าเดี๋ยวจะเป็นอันตราย เธอไม่ไว้วางใจ "แค่วันเดียว ถ้าเกิดมันเป็นอะไรหนักๆไม่ตายก่อนเหรอ” “…..” ก็จริงอย่างที่เนเน่ว่า แต่ถึงยังไงเธอก็ยังไม่อยากปล่อยให้เพื่อนไปคนเดียวอยู่ดี “ดูด้วยฉันลูกใคร​ ไม่มีใครกล้ามาทำอะไรฉันหรอกน่า" เนเน่ดึงดันว่าก่อนจะหยัดกายลุกขึ้น แล้วเอื้อมมือเข้าไปคว้าดึงแขนเรียวของเพื่อนรักที่นั่งทำหน้ามุ่ยมองหน้าตนอยู่ "อย่ากังวลมากได้ไหม​ ใครๆก็รู้ว่าป๊าฉันใหญ่แค่ไหนคงไม่เอาชีวิตตัวเองมาเสี่ยงเพื่อทำอะไรฉันหรอก​ ลุกขึ้นไปเรียนกันเถอะ" "บางคนอาจจะไม่รู้ก็ได้นะว่าแกเป็นลูกมาเฟียที่ใหญ่สุดในไทย​ แต่ถ้าจะไปฉันขอให้แกพาลูกน้องป๊าไปเป็นเพื่อนด้วย" "ไม่เอาอะ ฉันไม่ชอบความวุ่นวาย" พูดจบเธอก็เดินตรงเข้าลิฟต์ไปทันที​ ทำให้แคนดี้มองตามตาละห้อย แล้วหยัดกายลุกขึ้นเดินตามไปในนาทีต่อมา "เฮ้อ! แกนะแกฉันพูดอะไรก็ไม่เคยฟังกันเลย ดื้อชะมัด" แคนดี้ลอบถอนหายใจหนักๆพึมพำขึ้นอย่างหมดหนทาง ขณะยืนมองหน้าเพื่อนรักอยู่ในลิฟต์ เนเน่เป็นคนหัวรั้นไม่ฟังใครอันนี้เธอรู้ดี​ แต่ก็อดเป็นห่วงไม่ได้ถ้าเกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นมา ผู้หญิงตัวเล็กๆคนเดียวจะไปสู้อะไรกับแรงผู้ชายได้ เย็นวันนั้นพอเลิกเรียนเนเน่รีบขับรถไปหาเพื่อนรักทันที เธอใช้เวลาไม่นานจนลัดเลาะเข้ามาถึงเขตชุมชนสลัม "โอ๊ย..จะถึงอยู่แล้วเชียว คนวิ่งหนีอะไรกันเนี่ย" เจ้าของใบหน้าสวยบ่นอุบอิบอย่างหงุดหงิด ขณะมองถนนเบื้องหน้าที่ตอนนี้กำลังมีผู้คนวิงวอนเหมือนกำลังหนีอะไรสักอย่าง​ ทำให้เธอต้องค่อยๆผ่อนคันเร่งเหยียบเดินหน้าอย่างช้าๆ ซึ่งเป็นอะไรที่น่าเบื่อหน่าย "อย่าบอกนะว่าโจรออกปล้นเหมือนที่แคนดี้พูด​ บ้าเอ้ย!" มือเล็กทุบกำปั้นใส่พวงมาลัยเบาๆ​อย่างหัวเสีย ก่อนสมองจะสั่งการให้เธอเอื้อมมือเข้าไปล้วงหยิบโทรศัพท์มือถือจากกระเป๋าสะพายแบรนด์เนมที่วางอยู่เบาะคนนั่ง ปัง! ปัง! จังหวะนั้นเสียงปืนก็ลั่นดังสนั่นไปทั่วบริเวณติดกันหลายนัด เอี๊ยดดดดดดดดดดด!! ตุ้บ! "อึก!"​ เนเน่เบิกตาโพลงด้วยความตกใจจนเผลอปล่อยโทรศัพท์มือถือหล่นกระเด็นเข้าไปใต้เบาะ เมื่อจู่ๆก็มีร่างตำรวจที่ถูกยิงกระเด็นมาติดเกาะกระโปรงหน้ารถพร้อมเลือดกระฉูดเต็มกระจกไปหมด ดีนะที่เธอขยับมาช้าๆจึงเหยียบเบรกได้ทัน เลยไม่ทันได้เหยียบ นัยน์ตาสีน้ำตาลเข้มจ้องมองร่างที่ขยับตัวเพียงนิดเหมือนคนกำลังจะสิ้นลมหายใจ ท่ามกลางเสียงปืนที่ยังยิงตอบโต้กันไปมา หญิงสาวได้แต่นั่งนิ่งไม่กล้าลงจากรถออกไปช่วยเพราะกลัวจะถูกลูกหลง ถึงในรถจะมีปืนพกที่ผู้เป็นพ่อให้มาไว้ป้องกันตัวอยู่แต่ก็รู้ว่าคงสู้อะไรกับพวกนั้นไม่ได้ สองมือกำพวงมาลัยแน่นแล้วตั้งสติตบเกียร์ถอยหลัง​ ทำให้ร่างตำรวจที่ติดอยู่ร่วงลงไปนอนบนพื้นถนน​ เธอเหลือบมองร่างที่ดิ้นทุรนทุรายอย่างเวทนา ก่อนจะตีรถเลี้ยวขับออกไป ปึง! ปึง! "โอ๊ย! อะไรอีกวะเนี่ย" ยังไม่ทันที่เธอจะได้ขับออกไป จู่ๆก็มีผู้ชายปริศนาปิดบังใบหน้าโผล่มาฝั่งคนขับ ใช้มือถือปืนซึ่งเต็มไปด้วยเลือดทุบกระจกรถอย่างแรงเข้าเสียก่อน​ เธอหันมองเจ้าของการกระทำอย่างลนลาน มาลักษณะแบบนี้ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นใครและต้องการอะไร ปึง! ปึง! จนมือนั้นได้ทุบกระจกขึ้นอีกครั้งด้วยความแรงกว่าเดิม เธอจึงตัดสินใจลดกระจกลงเล็กน้อย เพื่อจะถามว่ามีอะไรหรือเปล่า "เปิดประตู" แต่ทว่าไม่ทันได้ปริปากเสียงทุ้มเยือกเย็นของผู้ชายคนนั้นก็ดังสั่งขึ้น พร้อมกับกุมแขนที่บาดเจ็บจากการถูกยิงไว้แน่น "....." เนเน่นั่งมองเงียบตัวแข็งทื่อไม่กล้าปลดล็อกประตูให้ เท้าเล็กเหยียบเร่งเครื่องอย่างแรงพร้อมมองตรงไปด้านหน้าเพื่อเตรียมตัวออกรถหนี​ ขืนอยู่ต่อเธอคิดว่าตัวเองไม่ปล่อยภัยแน่​ "จะเปิดให้กูดีๆ หรือจะให้กูเปิดเองตอนมึงตาย​" แต่ช้ากว่าเขาที่ยกปืนขึ้นมาจ่อผ่านกระจกข่มขู่ --------------------------------------- ตอนแรกเปิดมาน้องก็เจอดีเลยจ้าเป็นไงล่ะ เพราะความหัวรั้นเพื่อนบอกไม่ฟังต้องมาเจอกับตัวถึงจะรู้ใช่ไหม (อ่านจบแล้วถูกใจ​และคอมเมนท์เป็นกำลังใจให้ด้วยนะคะ)
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD