“ ไหวครับ ”
ผมตอบคำถามของพ่อและแม่อย่างมั่นใจ เมื่อท่านเรียกผมไปถาม ตอนที่ท่านรู้ว่าผมตัดสินใจที่จะทำฟาร์มเห็ด พร้อมทั้งอ่านหนังสือเพื่อสอบเทียบ เข้ามหาลัยด้วยอายุเพียง 17 ปี
“ พี่บอลคะ มีอะไรให้เบญช่วยไหม ” ผมหันไปตามเสียงของน้องสาวที่เดินมาจากหน้าบ้าน
“ ไม่มีอะไรให้ช่วยหรอกเบญ เดี๋ยวเสร็จจากตรงนี้ พี่ก็จะเข้าบ้านแล้ว ”
“ เหลืออะไรบ้างคะ ให้เบญช่วยดีกว่าจะได้เสร็จเร็วๆ ”
“ ไหวหรือเราอ่ะ แล้ว พ่อกับแม่ยังไม่กลับมาหรอ ”
“ โห พี่บอล เขากลับมากันตั้งนานแล้ว จนแม่ทำกับข้าวเสร็จแล้วใช้ให้เบญมาดูพี่นี่แหละ ”
“ อ้าว งั้นเบญกลับไปบอกพ่อกับแม่ทานข้าวก่อนพี่ได้เลยเดี๋ยวพี่เสร็จจากตรงนี้ พี่ก็จะเข้าบ้านแล้ว ” ผมหันไปบอกน้องสาวเมื่อรู้ว่าพ่อกับแม่รอทานข้าวอยู่
“ พ่อกับแม่รู้ว่าพี่บอลต้องพูดแบบนี้ก็เลยบอกให้เบญมาช่วยไงคะ มาค่ะ เดี๋ยวน้องช่วยพี่เอง เราจะได้กลับไปทานข้าวพร้อมกัน ” ผมหันไปยิ้มให้น้องสาว ก่อนจะช่วยกันลงมือ กรอกหัวเชื้อของเห็ดนางฟ้าที่ผมผสมไว้ให้เสร็จเรียบร้อย
ผมเริ่มศึกษาการเพาะเห็ดนางฟ้า ได้ปีกว่าๆแล้ว ตั้งแต่น้าดิน ตัดสินใจเข้าไปทำงานที่กรุงเทพฯและจะเรียนในกรุงเทพฯ ผมจึงรู้ตัวว่า ผมต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อให้ตัวเองมีรายได้ พอที่จะส่งเสียตัวเอง และน้าดิน ที่ผมตั้งใจแน่วแน่แล้วว่าผมจะไม่รบกวนพ่อกับแม่ผม ซึ่งผมก็สามารถทำได้ ถึงแม้ว่า ช่วงแรกๆจะเหนื่อยสายตัวแทบขาด แต่พอนึกถึงผลตอบแทนตามมา มันก็ทำให้ผมหายเหนื่อยได้เช่นกัน
………
“ อ้าวนั่นไงมาพอดีเลย พ่อกำลังจะให้แม่เดินไปตามเลยเห็นหายกันไปทั้งคู่ ”
“ เป็นไงบ้างลูก เรียบร้อยดีไหม ”
“ ครับ เสร็จจากล็อตนี้แล้ว ผมกะว่า จะขยายโรงเรือนของเรา ” ผมหันไปตอบพ่อก่อนจะใช้หลังมือดันน้องสาวให้เดินเข้าไปในตัวบ้าน
“ จะไหวเหรอลูก ช่วงนี้บอลก็ต้องอ่านหนังสือเตรียมสอบด้วยนี่ ”
“ ไหวครับพ่อ แค่นี้เอง ”
“ ยังไงก็อย่าหักโหมมากนะอย่าลืมว่าบอลยังมีพ่อกับแม่และน้อง ที่คอยช่วยเหลืออยู่ ”
“ ขอบคุณครับพ่อ ”
“ แม่คะ มีอะไรให้หนูกินบ้างคะ หนูหิ๊วหิว ” ผมหันไปส่งยิ้มให้กับพ่อ เมื่อน้องสาวตัวดีของผมเดินปรี่เข้าไปประจบแม่
“ มีแต่ของโปรดของเบญกับบอลทั้งนั้นแหละลูก ไปๆพากันไปล้างมือมากินข้าวก่อน อย่างอื่นเดี๋ยวค่อยคุยกัน ”
ผมเดินตามน้องสาวไปล้างมือหลังจากที่ แม่พูดเสร็จก็หันกลับไปเตรียมกับข้าวต่อ ผมคิดว่าผมโชคดีมาก ที่มีพ่อแม่และน้องสาว คอยช่วยเหลือผมมาโดยตลอด ทำให้ผมนึกย้อนไปถึงผู้ชายอีกคนหนึ่ง ที่ตั้งแต่จำความได้ ผมก็เห็นเขาช่วยเหลือตัวเองมา ตลอด ไม่ว่างานจะหนักแค่ไหน
ผมไม่รู้ว่ามันเริ่มตั้งแต่ตอนไหน ที่ผมรักน้าดินมากเกินกว่า ความเป็นน้ากับหลาน รู้ตัวอีกทีก็กลายเป็นว่า ผมต้องมองหาเขาตลอดเวลา ทุกครั้งที่เขาหายไปจากกรอบสายตาของผม
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยหรือเรื่องใหญ่ ถ้าเป็นเรื่องของน้าดิน มันก็กลายเป็นเรื่องใหญ่เสมอสำหรับผม จนเพื่อนๆผม ชอบล้อว่า ถ้ามีน้าดินอยู่ตรงไหน สิ่งรอบข้าง ก็ไม่มีความสำคัญสำหรับผมอีกต่อไป
ตอนที่พวกมันล้อผมใหม่ๆ ผมก็คิดว่า พวกมันอาจจะพูดเกินจริงไปสักหน่อย แต่พอมาคิดดูดีๆ เรื่องน้าดินก็สำคัญสำหรับผมมากจริงๆ
“ พี่บอล!! ”
“ อะไรกันเบญ อยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องตะโกนเสียงดัง แล้วเราน่ะเป็นผู้หญิง จะมาตะโกนเสียงดังแบบนี้ มันไม่น่ารักนะ ” ผมหันไปดุน้องสาว ที่ตอนนี้ยืนเท้าสะเอวจ้องหน้าผมอยู่
“ เบญขอโทษ ก็เบญเรียกพี่บอลหลายรอบแล้ว แต่พี่บอลไม่ได้ยิน เบญก็เลยตะโกน ”
ผมหันไปมองหน้าน้องสาว ที่ตอนนี้มองดูเหลือไม่ถึง 2 นิ้ว หลังจากโดนผมดุ
“ อ้าว เหรอ พี่ขอโทษนะ เมื่อกี้เบญพูดว่าอะไร ขออีกที ”
“ เบญบอกว่าคิดถึงน้าดินเนาะไม่รู้ป่านนี้จะเป็นยังไง ”
“……” ผมไม่ได้ตอบน้องออกไป เพราะไม่รู้ เหมือนกันว่า ตอนนี้น้าดินจะเป็นยังไงบ้าง
“ อยากให้น้าดินอยู่ด้วยจัง คงจะดีกว่านี้ ”
ผมมองหน้าน้องสาวแล้วก็เผลอให้คิดถึงน้าดินอีกที ป่านนี้จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ ถ้าน้าดินอยู่ด้วยตอนนี้คงช่วยให้ผมมีกำลังใจมากกว่านี้
“ ป่ะ พี่บอลไปกินข้าวกันเถอะ ” ผมเดินตามน้องสาวเข้าไปในส่วนของครัว แล้วก็ทำให้คิดถึงน้าดิน ที่เมื่อก่อนชอบมาทำกับข้าวกับแม่ผมแทบจะทุกวัน
หลังจากทานข้าวเสร็จแล้ว ผมได้ยินว่าน้องสาวจะโทรหาน้าดิน จึงเดินตามเพื่อจะไปฟังด้วย
“ พี่บอลจะคุยด้วยไหม ” น้องสาวหันมาถามหลังจากที่เราเดินมานั่งม้านั่งหน้าบ้านแล้ว
“ ไม่เป็นไร เบญคุยไปเถอะ พี่แค่อยากรู้ว่าเขาสบายดีหรือเปล่า แค่นั้นเอง ” ผมไม่กล้าที่จะคุยกับน้าดินต่อหน้าน้องสาวหรอก กลัวน้องสาวรู้ว่าผมคิดเกินเลยกับน้าตัวเอง
พอกดโทรออกน้องสาวผมก็เปิดเสียงดังอย่างรู้งาน ซึ่งเบญจะทำแบบนี้ประจำ เวลาที่โทรหาน้าดินแล้วมีผมอยู่ด้วย รอไม่นานปลายสายก็รับ
[ สวัสดีครับคนสวย ]
“ สวัสดีค่ะน้าดิน สบายดีไหมคะ ”
[ สบายดีครับ เบญละ เป็นไงบ้างสบายดีหรือเปล่า ทำไมพักนี้ไม่ค่อยโทรมาหาน้าเลย ไม่คิดถึงน้าเหรอ ] ผมแอบยิ้มเมื่อปลายสายพูดแบบนั้นกับเบญ จะไม่ให้ขำได้ไงละครับก็สองคนนี้โทรหากันทุกวัน
“ คิดถึงสิคะ อยากให้น้าดินอยู่ด้วยเหมือนเมื่อก่อน ”
[ ไม่งอแงนะครับคนสวย เดี๋ยวปิดเทอมน้าจะกลับไปหานะครับ ] ประโยคนี้ของน้าดินทำให้ผมแปลกใจ อะไรคือปิดเทอม ไหนบอกว่าจะทำงานเก็บเงินก่อน แล้วทำไมถึงบอกว่าปิดเทอมจะกลับมา
“ เดี๋ยวนะคะ น้าดินพูดแบบนี้หมายความว่าไงคะ ” เป็นอีกครั้งที่เบญพูดได้ตรงใจผม
[ คือ ว่า เพื่อนน้าน่ะ น้าต่อน่ะ จำได้ไหม ]
“ ค่ะ ”
[ นั้นละ มันเสนอให้น้าขอทุนเรียน น้าเลยลองยื่นขอดู แล้วเป็นโชคดีของน้าที่น้าได้ทุนนี้พอดี เลยได้เรียนพร้อมพวกไอ้ต่อ ] หลังจากปลายสายพูดจบผมทั้งดีใจ และใจหายในเวลาเดียวกัน ใจหนึ่งก็ยินดีอีกใจหนึ่งก็อยากให้เขารอ เพราะปีหน้าผมก็จะสอบเทียบ และได้เรียนพร้อมกันกับเขา แต่ไม่เป็นไรหรอก ยังไงซักวันผมต้องได้เดินข้างๆเขาแน่นอน
“ จริงหรือคะ เบญดีใจจริงๆ แบบนี้น้าดินก็จะได้เรียนพร้อมเพื่อน เบญดีใจจังคะ เดี๋ยวเบญไปบอกแม่ดีกว่า ” ผมหันมาสนใจน้องสาวอีกครั้งเพราะเสียที่ดังผิดปกติ คงดีใจกับน้าดินมากจนเก็อาการไม่อยู่
[ ใจเย็นๆก่อน พ่อกับแม่สบายดีไหม ]
“ สบายดีค่ะ ”
[ แล้วบอลละ สบายดีหรือเปล่า ทำไมไม่ค่อยโทรมาหาน้าเลย โกรธอะไรน้าหรือเปล่า ” ผมรีบส่ายหัวเมื่อน้องสาวทำท่าจะยื่นโทรศัพท์มาให้ผม
“ เปล่าหรอกค่ะ ช่วงนี้พี่บอลคงยุ่งๆเลยไม่ได้โทรหา ”
[ ไม่เป็นไร ฝากบอกบอลด้วยนะว่าน้าคิดถึง คิดถึงพ่อกับแม่ กับเบญด้วย ] ผมแอบขำคนปลายสาย นี้ถ้าบ้านผมมีซัก 10 คนไม่เอ่ยชื่อทุกคนเลยเหรอ
“ ได้ค่ะ เดี๋ยวเบญบอกให้ น้าดินดูแลสุขภาพด้วยนะ ”
[ โอเคครับ งั้นน้าวางละนะ ]
“ ค่ะ หวัดดีค่ะน้าดิน ” หลังจากปลายสายวางไปแล้ว เบญก็หันมาจ้องหน้าผม
“อะไร เป็นอะไรทำไมจ้องหน้าพี่แบบนั้น”
“ ทำไมพี่บอลไม่โทรหาน้าดิน ”
“ ก็……”
“ ก็..อะไรคะ”
“ ไม่มีอะไรหรอก ป่ะ เข้าบ้านเถอะ ”
“ พี่บอลก็เป็นแบบนี้แหละ ไม่เคยคิดจะบอกเบญหรอก ” ผมหันไปกอดคอน้องสาวเพื่อที่จะได้เดินเข้าบ้านพร้อมกัน
“ นะพี่บอล บอกเบญหน่อย นะนะๆๆ แล้วทำไมต้องทำหน้าเหม็นเบื่อเบญด้วย ”
ผมยิ้มให้กับความช่างตื้อของน้องสาว พร้อมทั้งส่ายหน้าเบาๆ ซึ่งผมรู้สึกว่าน้องคนนี้ มีนิสัยคล้ายน้าดินมาก ไม่ใช่ว่าผมคิดไปเองหรอก มีหลายคนที่บอกว่า 2 คนนี้เป็นฝาแฝดกัน
“ อ้าว พี่น้องมาแล้วเหรอ พ่อกำลังจะให้แม่ไปตามเลย ” พอเดินเข้ามาในตัวบ้านก็เจอพ่อกับแม่นั่งรออยู่
“ มีอะไรหรือเปล่าครับ ทำไมพ่อกับแม่เหมือนมีอะไรจะคุยกับผม ”
“ ไม่มีอะไรมากหรอกลูก แม่เขาแค่บ่นว่าพักนี้ไม่ค่อยได้คุยกับบอลแบบจริงๆจังๆ ”
“ ครับแม่ แม่มีอะไรจะคุยกับบอลเหรอ ”
“ แม่จะถามบอลว่า ตัดสินใจดีแล้วเหรอลูก ที่จะสอบเทียบน่ะ แม่ว่าบอลค่อยๆเรียนไปพร้อมเพื่อนไม่ดีกว่าเหรอ ”
“ แม่กังวลใจอะไรหรือครับ ” ผมถามออกไปเพราะเห็นความกังวลในแววตาแม่
“ บอกตรงๆ แม่กลัวบอลเหนื่อย แล้วมันจะกลายเป็นว่า เสียเวลาเพิ่มขึ้นนะลูก ”
“ ไม่หรอกครับ ” ผมคลานเข้าไปนอนหนุนตักแม่ ก่อนจะจับมือแม่มาวางบนหัว
“ เกลียดคนขี้อ้อนจังเลย ” น้องสาวผมพูดแขวะขึ้นก่อนจะเดินเข้าห้องไป
“ เกลียดคนขี้อิจฉาจังเลย ” ผมตะโกนตอบน้องสาวทันก่อนที่จะปิดประตูห้องนอน
“ ฮ่ะๆ อะไรกันสองคน โตแล้วยังแกล้งกันเป็นเด็กๆ ปกติบอลไม่ค่อยโต้ตอบน้อง ทำไมวันนี้เกิดอยากตอบละ ”
“ ผมก็แกล้งเบญไปงั้นแหละครับ เอาเข้าจริง ก็ต้องยอมเหมือนกัน คนนั้นน่ะ ” ผมตอบพ่อก่อนจะเอาหัวดันมือแม่ตอนที่แม่ลูบหัว
“ พ่อไปล้างหน้าล้างตาก่อนนะ เดี๋ยวบอลอยู่คุยกับแม่ก่อน ”
“ ได้ครับ ” ผมมองตามพ่อที่ลุกไปล้างหน้าหลังบ้าน
“ บอล แม่ถามจริงๆนะ ทำไมถึงอยากสอบเทียบขนาดนั้นลูก ยอมอดหลับอดนอนอ่านหนังสือ กลางวันก็ต้อง ทำงานอีก แม่เป็นห่วงนะ ลูก ”
“ ไม่ต้องห่วงครับแม่ บอลรู้ว่าบอลทำอะไร บอลไหวครับ ”
“ บอกแม่ได้ไหม ทำไมถึงอยากสอบเทียบ ”
“….” ผมเลือกที่จะเงียบ เพราะไม่รู้จะบอกแม่แบบไหน จะบอกได้ไงว่าที่จะสอบเทียบเพราะอยากไปเรียนพร้อมน้าดิน
“ ไม่เป็นไร ไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร แต่บอลรู้ใช่ไหม ว่าบอลยังมีพ่อแม่และน้อง ถ้าบอลเหนื่อยหรือไม่ไหว บอกครอบครัวเรานะ ทุกคนพร้อมจะสนับสนุนบอล ”
“ ขอบคุณครับแม่ ” ผมก้มกราบลงตักแม่ก่อนจะยืดตัวขึ้นไปหอมแก้มท่าน
“ อะแฮ่ม ได้ทีอ้อนแม่ใหญ่เลยนะพี่บอล ”
“ ปล่อยให้อ้อนเถอะ นานๆที่ถึงจะอ้อนแม่ แล้วเบญเป็นไงบ้างลูก ช่วงนี้ได้โทรคุยกับน้าหรือเปล่า ”
“ พึ่งโทรเมื่อตอนเย็นค่ะ น้าดินฝากบอกคิดถึงแม่กับพ่อด้วยค่ะ และตอนนี้น้าดินได้ทุนเรียนด้วย เขาบอกว่าเพื่อนน้าต่อพาไปขอ ”
“ ต่อที่เคยย้ายมาเรียนกับดินนะเหรอ ”
“ ใช่ค่ะ น้าต่อน้องพี่ผึ้งนั้นแหละ ”
“ ทำไมเรียกน้าต่อ แต่ทำไมเรียกพี่ผึ้ง ” ผมอดแทรกไม่ได้ เมื่อได้ยินการใช้สรรพนามของน้องสาว
“ ก็เรียกน้าต่อ เพราะเป็นเพื่อนกับน้าดิน แต่พี่ผึ้งเขาให้ตังค์เบญกินขนมเลยเรียกพี่ ”
“ แหม ไม่ค่อยเลยนะ ”
“ อะไรละพี่บอล ก็พี่ผึ้งเขาน่ารักจริงๆนิ พ่อไปไหนคะ เข้านอนแล้วเหรอ ”
“ ยังหรอกลูก พ่อเขาไปล้างหน้าน่ะ แต่คงจะเลยไปนั่งรับลมหน้าบ้าน อีกซักพัก คงเข้ามา ”
“ พี่บอล ถ้าเบญจะสอบเทียบบ้างต้องเตรียมตัวยังไง ”
“ เบญพึ่งจะอยู่ มัธยมต้นเอง ตอนนี้ตั้งใจเรียนก่อนเน๊าะ พี่ไม่อยากให้เบญกดดันตัวเอง ไว้ให้เบญรู้ตัวว่าอยากสอบเทียบจริงๆ เดี๋ยวพี่ช่วยเอง ”
“ พี่บอลน่ารักที่สุดเลย เบญนี้ช่างโชคดีจริงๆที่มีพี่ชายน่ารักแบบนี้ ”
“ พี่ก็โชคดีที่มีน้องสาวน่ารักแบบเบญ ”
“ ฮ่ะๆ 2 พี่น้องนี้ยังไง เดี๋ยวแขวะกันเดี๋ยวชมกัน ”
“ ไม่ใช่แค่มีพี่ชายดีนะคะ เบญยังมี พ่อแม่และครอบครัวที่ดีด้วยค่ะ ” ผมอดส่ายหน้าให้กับความขี้ประจบของน้องสาวไม่ได้เมื่อได้ยินเบญพูดแบบนั้น
“ ปากหวานจริงเลยนะ แม่ไม่แปลกใจหรอก ทำไมผึ้ง ถึงหลงนักหลงหนา ถึงขนาดยอม ส่งเสียค่าเทอมให้ ”
“ แต่เบญปฏิเสธไปแล้วนะคะแม่ ”
“ ดีแล้วล่ะเบญน้องสาวคนเดียว พี่ส่งเรียนได้ ”
“ เห็นหรือยังแม่ว่าเบญโชคดีแค่ไหน ที่มีพี่ชายอย่างพี่บอล ”
“ แม่ก็โชคดีเหมือนกันที่ลูกน่ารักแบบนี้ ” พูดจบแม่ก็ดึงน้องสาวมากอดรวมกับผม นั้นทำให้ผมมีโอกาสยีหัวน้องสาว
“ อย่าสิพี่บอล เดี๋ยวผมยุ่ง ”
“ เอ่ พ่อพลาดอะไรไปหรือเปล่า ทำไมแม่ลูกถึงกอดกันกลมอย่างงั้นล่ะ ” พวกเราหันไปมองพ่อพร้อมกัน
“ เปล่าหรอกค่ะ พี่น้องเค้าวันนี้เกิดอะไรขึ้นก็ไม่รู้ชมกันไปชมกันมา ”
“ ดีแล้วลูก ครอบครัวเดียวกันเราก็ต้องรักกัน จำไว้ ครอบครัวเราสำคัญที่สุด ”
“ ครับ / ค่ะ ”
“ พ่อภูมิใจในตัวลูกนะ จำไว้ลูกพ่อไม่ต้องเก่งที่สุด ไม่ต้องเป็นที่ 1 ใช้ชีวิตแบบที่เรามีความสุข ไม่จำเป็ต้องมีเหมือนใคร แค่เราพอใจในสิ่งที่เรามีก็พอแล้ว ”
“ ใช่เลย ” ผมคลานเข้าไปกอดพ่อเมื่อพ่อพูดจบ นี่แหละชีวิตครอบครัว ผมไม่ต้องการอะไร ถึงครอบครัวผมจะไม่สมบูรณ์มาก่อนแต่อย่างน้อย ก็ยังมีพ่อและแม่ ที่เข้าใจลูก ผมสัญญากับตัวเองไว้แล้ว ว่าผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้ครอบครัวของผมสมบูรณ์ น้องสาวคนเดียว จะต้องสบาย รวมถึงใครอีกคนหนึ่ง ที่ผมยอมทำทุกอย่างเพื่อที่จะไปเดินข้างๆเขา ให้เร็วที่สุด ผมจะคอยประคองและพาเขาเดินต่อไป ให้ไกลเท่าที่เขาจะอยากเดิน
“ เอาละ แม่ว่าแยกย้ายกันไปพักผ่อนดีกว่า นี้ก็ดึกแล้ว พรุ่งนี้ยังต้องทำงานกันอีก ”
“ ครับ แต่บอลขออ่านหนังสือก่อน นะครับ ”
“ ได้สิลูก แต่อย่าหักโหมนะ เหนื่อยก็พัก ป่ะพ่อ ”
“ เดี๋ยวหนูจะไปอุ่นนมดื่ม พี่บอลเอาด้วยไหมจะได้อุ่นมาเผื่อ ”
“ พี่ขอด้วยแก้วหนึ่ง ”
“ ได้ค่ะ พี่บอลไปรอในห้องเลย เดี๋ยวเบญเอาไปส่ง ” ผมพยักหน้าให้น้องสาวก่อนจะเดินเข้าห้องนอนเตรียมตัวอ่านหนังสือ