ตอนที่ 5 แอบรักครั้งที่ 5
?????
“ เสียงโทรศัพท์ใคร ” ตอนนี้พวกผมนั่งอยู่หน้าคณะรอเวลาเข้าเรียน
“ โทรศัพท์ของดิน มึงรับซิครามมึงอยู่ใกล้อ่ะ ” กานบอกผมรับโทรศัพท์หลังจากที่เรารู้ที่มา ว่าเสียงโทรศัพท์มาจากเครื่องไหน
“ รับได้เหรอวะ ดินมันจะไม่ว่าเอาเหรอ ”
“ รับได้ ดินเคยบอกไว้ว่า ถ้ามีโทรศัพท์ มาให้รับได้เลย เพราะว่า ตอนนี้พ่อไม่สบาย มันเลยรอรับโทรศัพท์แม่มันตลอดเวลา ” กานบอกแบบนั้นผมจึงหยิบโทรศัพท์ดินมารับ
“ สวัสดีครับ ”
( คุณเป็นใคร ) ผมสะดุ้งตกใจเมื่อได้ยินน้ำเสียงจากปลายสาย
“ ดินไปห้องน้ำครับ ”
( ไปนานหรือยัง แล้วจะกลับมาตอนไหน )
“ ซักพักแล้วครับ แต่ไม่รู้จะกลับมาตอนไหน มีธุระอะไรหรือเปล่า หรือจะให้ผมบอกว่าใครโทรหา ”
( ไม่เป็นไรครับเดี๋ยวผมโทรมาใหม่ ) พอพูดจบประโยคปลายสายก็วางไป
“ เขาว่าไงบ้าง ”
“ เขาบอกจะโทรมาใหม่ ” ผมวางโทรศัพท์ดินไว้แล้วหันไปตอบเบส
“ แล้วทำไมทำหน้าแบบนั้น ”
“ เปล่า ไม่มีอะไร กูว่าดินไปห้องน้ำนานแล้วนะเดี๋ยวกูไปตามดีกว่า ”
“ ไม่ต้อง เดี๋ยวกูไปตามเอง ถ้าให้มึงไปตามก็พอดีแหละ หายไปทั้งคู่ ” ผมหันไปมองค้อนต่อ แค่ผมเคยไปตามดินแล้วแอบเดินเลยไปห้องสมุดกัน ปล่อยให้พวกมันรอ ชั่วโมงกว่าๆ แค่นี้ พวกมันก็พากันพูดไม่เลิก
“ ให้ไอ้ต่อไปนั้นแหละดีแล้ว อย่าไปมองมันแบบนั้น ” ผมหันไปทุบไอ้เบสเมื่อมันเอามือมาปิดตาผม
“ พวกมึงเหมือนแฟนกันเลย ไอ้ต่อกับไอ้ดินอีกคู่ ทำไมกูรู้สึกว่ากูเป็นส่วนเกินในกลุ่มว่ะ ”
“ ฮ่ะฮ่ะ ไม่อิจฉาเพื่อนนะชายกาน ” ผมอดไม่ได้ที่จะพูดขิงไอ้กาน ไม่แปลกที่ไอ้กานและทุกคนจะคิดแบบนั้นเพราะผมกับเบสตัวติดกันตลอด และไอ้ต่อกับดินก็ตัวติดกันตลอดเหมือนกัน
ดินเป็นเพื่อนใหม่ของพวกเรา พึ่งจะรู้จักตอนเข้ามหาลัย ไอ้ต่อบอกว่าดินสอบติดแต่ไม่มีทุนเรียน พวกเราเลยขอให้ไอ้กานช่วย เพราะครอบครัวไอ้กานเป็นหุ้นส่วนกับมหาลัย มีทุนให้นักศึกษากู้ยืม แต่กรณีของดิน พี่ผึ้งพี่ไอ้ต่อบอกจะจ่ายทุนให้ดินผ่านทางมหาลัย ไปๆมาๆ พี่กันคุยอะไรกับพี่ผึ้งไม่รู้ ดินเลยได้ทุนโดยไม่ต้องคืนมหาลัย
“ ทำไมทำหน้าแบบนั้นละเบส กูพูดอะไรผิดหรือเปล่า ” ผมหันไปมองหน้าเบสเมื่อกานพูดแบบนั้น
“ เปล่านิ ”
“ ไม่สบายหรือเปล่า ” ผมพยายามที่จะเอามือไปแตะหน้าผากเบสแต่มันโยกหัวหลบ พร้อมกับจับมือผมไว้ ซึ่งผมก็ไม่ยอมยังพยายามที่จะเอามือแตะหน้าผากเบสให้ได้จึงเกิดการยื้อยุดกัน
“ พอๆ เลิกเล่น โน้น ผัวเมียคู่โน้น เดินกอดคอกันมาแล้วโน้น ” ผมกับเบสเลิกเล่นแล้วหันไปมองต่อกับดินที่เดินกอดคอคุยอะไรกันมาไม่รู้
“ นินทากูเหรอ ” มาถึงต่อก็โยนอะไรซักอย่างใส่กาน
“ เมื่อกี้ใครไม่รู้โทรมา เรารับให้ ดินไม่ว่าใช่ไหม ” ผมบอกดินเมื่อดินนั่งลงเรียบร้อยแล้ว ปกติผมไม่ค่อยพูดเพราะหรอก ยกเว้นเวลาคุยกับดิน เพราะดินเป็นคนสุภาพมาก จะพูดอะไรก็ดูน่ารักไปหมด
“ อ๋อ..ไม่ว่าๆ ใคร แม่หรือเปล่า ”
“ ไม่ใช่แม่ เสียงผู้ชาย ” ดินหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแล้วกดโทรออก
“ ไปโทรตรงนั้นได้นะ ”ผมบอกดินเพราะดินบันทึกชื่อไว้ว่า ‘ ตัวแสบ ’ คงจะสนิทกันระดับหนึ่ง น่าจะอยากคุยเป็นส่วนตัว
“ โทรตรงนี้แหละ ไม่ได้เป็นความลับอะไร ” เมื่อดินตอบมาแบบนั้นผมจึงเงียบเสียงลง
( ……. )
“ บอลโทรหาน้าเหรอ ”
( …….. )
“ ฟ้าครามเป็นคนรับบอลมีอะไรหรือเปล่าครับ ”
(……..)
“ พอดีว่าน้าได้งานพิเศษทำ บอลไม่ต้องกังวลหรอก ”
( ………. )
“ บอลครับ อย่าเงียบสิ ฟังน้าอยู่หรือเปล่า ”
(……)
“ บอลไม่ต้องซีเรียสเรื่องของตานะ เดี๋ยวน้าจัดการเอง บอลตั้งใจเรียนนะครับ ”
(…..)
“ น้าต้องวางแล้ว ดีใจนะที่บอลโทรมาหา และอีกอย่างคิดถึงนะครับ ”
(…….)
ผมแอบขมวดคิ้วเพราะในบทสนทนามันมีชื่อผมอยู่ด้วย
“ ขอโทษนะดิน เมื่อกี้เราได้ยินมึงเอ่ยชื่อเราด้วย ”ตัดสินใจถามออกไปเมื่อดินมันวางสายเรียบร้อยแล้ว
“ ไม่มีอะไรหรอกพอดีหลานชายเราถามว่าใครรับโทรศัพท์แทนเราเมื่อกี้ ”
“ แค่นั้นเหรอ ”
“ ใช่ แต่แปลกนะปกติหลานชายเราไม่ค่อยพูด แต่วันนี้ทำไมถาม ไม่เข้าใจเหมือนกัน ผิดปกติ ”
“ ก็เสียงไอ้ครามมันหวานไง ไม่ว่าใครก็หลงเสียงมันทั้งนั้น ” ไอ้กานมันแทรกขึ้นมาทำให้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วย
“ ก็เกินไปพวกมึง เสียงกูก็ปกตินั่นแหละ พวกมึงก็พูดเวอร์เกินไป นี้ก็อะไร บีบมือกูทำไม ” ผมหันไปดึงมือออกจากมือเบส
“ เมื่อกี้มึงบอกว่าได้งานพิเศษทำ และกูได้ยินพูดเรื่องเงิน มันคืออะไร ” ต่อมันหันไปคาดคั้นดิน นั้นทำให้ทุกคนหันกลับไปมองดินกันหมด
“ ไม่มีอะไร ” ดินตอบเบาๆและหลบตาทุกคน
ผมรู้จักดิน เพราะวันนั้นไอ้ต่อโทรมาบอกว่าต้องเป็นรับเพื่อน ที่มาจากต่างจังหวัดทั้งๆที่มันกับพวกผมนัดกันว่าจะไปเดินดูหนังกัน ด้วยความที่กลุ่มเราไปไหนมักไปด้วยกัน พวกเราจึงขอตามไอ้ต่อไป
พอไปถึง ผมก็ได้เห็นผู้ชาย ที่สูงไล่เลี่ยกันกับผม หน้าตาดีแต่ออกไปแนวหวานเหมือนผู้หญิง และดูเป็นคนสุภาพเรียบร้อย วันนั้นพวกเราเลยพากันไปกินข้าวร้านไอ้ต่อแต่จะเรียกว่าร้านอาหารก็ไม่ถูก ต้องเรียกว่าภัตตาคารซะมากกว่า เพราะร้านของมัน อยู่ใจกลางกรุง แถมยังมีกับข้าว แทบจะทุกประเภท
คุยกันได้สักพัก ผมจึงรู้ว่า ดินสอบติดที่เดียวกับผม แต่ไม่มีตังเรียนจึงจะเข้ามาทำงานก่อนสักปีหนึ่งแล้วค่อยเก็บตังเรียนหนังสือ พวกผมจึงเสนอให้กาน ไปขอให้พี่กันช่วย หลังจากที่ดินได้ เข้าเรียนหนังสือพร้อมกับพวกผม แต่วันเปิดเทอมวันแรกก็มีเหตุการณ์ เกิดขึ้นกับดินแต่ดินไม่ยอมบอกใคร
“ ไปเถอะ เข้าเรียนกัน ” ดินหันมาดึงแขนผมให้เดินหนีพวกเพื่อน ท่ามกลางสายตาคาดโทษของไอ้ต่อ แสดงว่า ไอ้ต่อไม่ได้คำตอบจากดิน เช่นหลายๆครั้ง ที่ผ่านมา
“ ดินมีอะไรจะบอกเราไหม บอกเราได้นะ ”ผมหันไปถามดิน ในตอนที่เรากำลังเดินขึ้นชั้นเรียน
“ ไม่มีอะไรหรอก เดี๋ยวถ้ามี เดี๋ยวเราบอกนะ ”
“ ดินอย่าลืมว่าพวกเราเป็นเพื่อนกัน ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ดินเชื่อใจพวกเราได้นะ ”
“ เรารู้ และเราก็ขอบใจฟ้าครามกับพวกเพื่อนมากๆที่ช่วยเหลือเราทั้งเรื่อง ที่พาไปขอทุน ไหนจะอีกหลายๆเรื่อง ที่ทำให้เราอีก ถ้าเราไม่ได้พวก เพื่อนๆป่านนี้เราก็ยังคงไม่ได้มายืนอยู่ตรงนี้หรอก ” ดินหันมาโอบกอดผม ทำให้ผมต้องกอดตอบกลับไป
“ อ้าวไอ้ต่อไอ้เบส มึงเตรียมตัวถูกทิ้งได้เลย สองคนนั้นจะหันไปกินกันเองแล้ว ” ผมกับดินหันไปมองหน้ากันก่อนจะหัวเราะออกมาพร้อมกันเมื่อได้ยินเสียงกานตะโกนตามหลังมา
“ ไม่มีทาง ยังไงดินก็ไม่มีทางทรยศกู ” ผมหันไปมองหน้าไอ้ต่อที่มันทำสีหน้า เหมือนกุมโลกไว้ทั้งใบ ต่อหน้ากาน
“ ใช่ ฟ้าคราม ก็ไม่มีวันทรยศกูเหมือนกัน ”ไอ้เบสก็ไม่ยอมน้อยหน้าไอ้ต่อเช่นกัน
“ มาเร็วๆ พวกมึงจะเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมาห๊ะเดี๋ยวก็เข้าเรียนสายหรอก ”ผมหันไปเร่งพวกมันสามคน เมื่อพวกมันยังเถียงกันไม่เลิก
……
“ กูขอนั่งข้างครามได้ไหม ” ผมได้ยินไอ้เบสมันกระซิบกระซาบกันกับไอ้กานแว่วถึงผม
“ ไม่ ” ไอ้กานมันไม่ยอมย้ายที่นั่งกับเบสง่ายๆ
“ รีบนั่งเถอะ นั่งตรงไนก็เหมือนกันแหละ ” ผมหันไปดุพวกมันสองคนเพราะอีกไม่กี่นาทีอาจารย์ก็จะเข้าแล้วพวกมันยังตกลงกันเรื่องที่นั่งยังไม่ได้เลย
“ ก็ไอ้กานนะสิ ปกติกูก็นั่งข้างมึงตลอดแล้วทำไมวันนี้มาแย่งที่นั่งกูล่ะ ”
“ มึงก็ขยับไปนั่งตรงโน้นกาน ให้ไอ้เบสมานั่งข้างกูนิ ” ผมหันไปบอกกานเพื่อยุติปัญหาที่นั่ง
“ ใช่สิ กูไม่สำคัญเหมือนไอ้เบสนิ ”
“ เออ รู้ตัวก็ดี ” เบสมันยังไม่สงบปาก
“ นั่งลงแล้วเงียบได้แล้วเบส ” ผมหันไปดุเบสอีกรอบเมื่อมันยังไม่เลิกเถียงกันกับกาน
“ ครับ ” เบสมันทำหน้าหงอยๆ แล้วตลก
…….
ผมแอบถ่ายรูปฟ้าคราม โดยที่เจ้าตัวไม่ระแวงอะไร มีหลายครั้งที่ผมเผลอแสดงออกไป แต่ฟ้าครามก็ยังไม่สงสัย ตั้งแต่วันที่ผมคุยกับแม่ ผมก็พยายามแสดงออกมากขึ้น แต่ก็ยังไม่กล้าบอกไปตรงๆ
“ เบส! ”
“ อะไร อยู่ใกล้แค่นี้ ทำไมต้องเรียกเสียงดัง ” ผมหันไปมองกานเมื่อมันเรียกผมเสียดัง
“ โทษที กูจะถามว่าเลิกเรียนแล้วกลับเลยไหม ”
“ มึงว่าไง กลับเลยป่ะ ”ผมหันไปถามคราม ทำให้กานมันชักสีหน้าใส่ผม
“ แหม่ กูไม่น่าถามมึงเลย กูน่าจะถามไอ้ครามคนเดียว ก็น่าจะได้คำตอบของมึงด้วย ”
“ ว่าไง คราม กลับเลยไหมหรือว่าไปไหนต่อ ” ผมยังเลือกที่จะเมินกานต่อไป
“ ดินกับต่อละ ” และครามก็เลือกที่จะเมินผมหันไปสนใจดินกับต่อแทน
“ เราต้องกลับไปทำงานที่ร้านพี่ผึ้งน่ะ ส่วนต่อ จะไปไหนหรือเปล่า ”
“ ไม่ กะจะเข้าไปที่ร้านพอดี งั้นมึงไปพร้อมกันกับกูเลย เดี๋ยวแวะไปส่งที่หอแล้วจะรอรับไปที่ร้านพร้อมกันเลย ”
“ งั้นเรากลับเลยก็ได้ เดี๋ยวแวะไปที่บ้านมึงก่อน นะ คิดถึงแม่ ” ผมยิ้มกว้างออกมาทันที่เมื่อคำตอบครามตรงใจผมที่สุด ถ้าวันนี้ครามจะไปไหนต่อ ผมก็คิดว่าจะไปด้วยและรอชวนมันไปกินข้าวที่บ้านผม
“ เอาละ กูรู้สึกได้ว่ากูเป็นตัวเศษอีกแล้ว ” กานมันบ่นออกมาเบาๆ
“ ไปเที่ยวร้านพี่ผึ้งไหมละ ถ้ามึงไม่มีธุระที่ไหน” ต่อมันได้ยินกานบ่นบ่อยๆเลยชวนไปที่ร้าน
“ ไม่ กูอยากไปบ้านไอ้เบสมากกว่า ” ผมแอบร้องในใจเมื่อกานมันพูดออกมาแบบนั้น ก็นานๆที่จะได้อยู่กับคราม 2 คนนี้มันยังจะมาเป็นก้างอีก
“ ก็ดีนะ แม่จะได้ไม่เหงา ดีไหมเบส ” ครามหันมาถามผม
“ อือ ”ก็ในเมื่อครามว่าดีผมจะปฎิเสธอะไรได้
“ เออ..กูพึ่งนึกขึ้นได้ว่าพี่กันให้กูไปช่วยดูเอกสาร กูคงไม่ได้ไปแล้วละ ” ผมแอบยิ้มเมื่อกานพูดออกมาแบบนั้น ไม่แน่ใจว่าพี่กันให้มันไปช่วยงานจริงๆหรือก่อนหน้านี้มันอยากแกล้งผมกันแน่
“ งั้นเราไปกันเถอะ ดินกับต่อไปโน้นแล้ว ” ผมรวบของ ของฟ้าครามมาถือไว้ก่อนจะดันหลังฟ้าครามให้เดินออกประตูไปก่อน
…….
“ เดี๋ยวแวะซื้อชมพู่เข้าไปด้วยนะ ” ครามมันหันมาบอกผม ขณะที่เรากำลังขับรถกลับบ้านผมอยู่
“ ซื้อไปทำไมที่บ้านผลไม้เยอะแยะ ”
“ ก็กูอยากกินอะ ”
“ …..”
“ ไม่ได้เหรอ ” ตายผมตาย เจอลูกอ้อนเมื่อกี้ เล่นเอาผมแทบหัวใจวาย
ตั้งแต่รู้ตัวว่าชอบครามมันก็มีอิทธิพลกับชีวิตผมอย่างมากไม่ว่าจะตื่นนอนหรือก่อนนอนผมก็คิดถึงมันตลอดเวลา ซึ่งผมรู้ตัวว่าผมเป็นอย่างงี้มาตั้งแต่เรียนประถมด้วยกัน
“ ได้ เดี๋ยวกูแวะตลาดให้ ”
“ เอ๊ะ หรือว่าไปบ้านมึงแล้วชวนแม่ออกมาเดินเที่ยวดีกว่า ” พูดจบมันก็หยิบโทรศัพท์ออกมาโทร ผมเดาว่าน่าจะโทรหาแม่ผม
“ ทำไมทำหน้าอย่างนั้น ” หลังจากวางสายครามมันก็ทำหน้าตาละห้อย
“ แม่บอกไม่อยากออกมา ให้กูเดินเที่ยวกับมึงก่อนกลับบ้าน ”
“ แล้วไงละ มึงไม่อยากเที่ยวเหรอ ”
“ ไม่ กูอยากเที่ยวกับแม่ พอแม่บอกไม่อยากออก กูเลยจะกลับบ้านเลย แต่แม่น่ะสิ ฝากซื้อของเยอะเลย เราต้องเดินตลาดแล้วละ ” ผมแอบยิ้มเมื่อครามพูดออกมาแบบนั้น นั่นแสดงว่าแม่แอบช่วยให้ครามได้มีเวลาอยู่กับผมมากขึ้น
“ คราม กูถามหน่อยสิ สมมุติว่ามีคนแอบชอบมึงอยู่มึงจะรู้สึกไง ”
“ รู้สึกดีสิ มีคนชอบมันดีอยู่แล้ว ” ผมแอบยิ้มในใจเมื่อได้คำตอบแบบนั้น
“ แล้วมึงคิดยังไง กับการที่เพื่อนที่สนิทกันมาก แล้วคนหนึ่งเกิดชอบอีกคน ”
“ มึงจะให้กูตอบในมุมมองของคนที่ถูกชอบหรือคนที่ชอบ ”
“ คนที่ชอบก่อน ”
“ เดี๋ยวนะ ไอ้เบส มึงแอบชอบใครอยู่ บอกกูมา ”
“ มีที่ไหนละ กูแค่อยากรู้ ” ผมรีบปฏิเสธเป็นพัลวัลเมื่อครามมันหันมาถามผม
“ กูแค่แกล้งถาม ทำไมต้องรีบปฎิเสธขนาดนั้น มีพิรุธนะมึง ”
“ ไม่มีอะไรทั้งนั้น มึงรีบตอบมาเถอะ ”
“ ถ้ากูแอบชอบเพื่อนกูก็คงจะไม่กล้าบอกหรอก เพราะกูไม่แน่ใจ ว่าถ้าบอกไปแล้ว เพื่อนไม่ได้รู้สึกแบบเดียวกันกับเรา อาจจะทำให้เสียเขาไป สู้กูแอบชอบเขาต่อไปดีกว่า แต่ถ้ากูรักเขา กูจะสารภาพกับเขา เพราะถ้าเขาปฏิเสธกูก็คงจะตัดใจและถอยออกมา เพราะกูคงจะทนเห็นเขามีคนรักไม่ได้ ” ผมกำลังจะสารภาพออกไปแล้วถ้าไม่ได้ยินคำตอบถัดมา
“ แต่ถ้าเพื่อนมาชอบกู กูก็คงจะปฏิเสธ เพราะกูรู้สึกว่า ระหว่างเพื่อนกับคนรัก การเป็นเพื่อนกัน น่าจะยืนยาวมากกว่า แล้วมึงละ คิดว่าไง ”
“ กูก็คิดแบบมึงนั้นแหละ ” ผมโกหกคำโต เมื่อรู้ถึง สิ่งที่ฟ้าครามคิด
“ สมกับที่เป็นเพื่อนรักกูจริงๆ อย่างงี้สิ เค้าถึงบอกว่าเพื่อนกัน ความคิดเห็นมักจะตรงกันเสมอ เบส!! ” ผมรีบเหยียบเบรค ตามสัญชาตญาณ ของคนขับรถ
“ ห่ะ…มีอะไร ” ผมหันไปมองหน้าฟ้าครามเมื่อรถหยุดสนิทแล้ว
“ มันจะเลยตลาดอยู่แล้ว เราต้องแวะซื้อของให้แม่นะ ”
“ อ่อๆ โทษที คิดอะไรเพลินไปหน่อย ” ผมวนหาที่จอดรถ แล้วก็เดินตามฟ้าคราม ที่เดินไปซื้อของให้แม่ซึ่งผมไม่รู้ว่าแม่ฝากซื้ออะไรบ้างผมได้แต่เดินตามฟ้าครามไปเงียบๆ
ตอนแรกวันนี้ผมตั้งใจจะสารภาพกับฟ้าครามว่ารู้สึกยังไงกับมัน แต่หลังจากนี้ผมคงได้แค่แอบรักมันต่อไป