“ พี่เมฆ ครามบอกหลายรอบแล้วนะ ว่าห้ามเรียกครามว่าตัวเล็ก ”
“ ทำไมละครับ ก็ตัวเล็ก ตัวเล็กจริงๆ นิ ”
“ ก็ครามไม่ชอบนิ ถ้าพี่เมฆยังเรียกแบบนี้อีก ครามจะไม่มากินข้าวกับพี่อีกนะ ”
ผมนั่งมองพี่น้อง ที่นั่งเถียงกันไปเถียงกันมา ตั้งแต่ออกจากบ้าน จนมาถึงร้านอาหารแห่งนี้ โดยที่ผม ยังไม่มีโอกาสให้แทรกได้ซักคำ
“ เบสดูสิครับ เพื่อนเบสงอแงใหญ่แล้ว ” พี่เมฆหันมาหาผมหลังจากที่โดนฟ้าครามงอนจนไม่พูดด้วย สาเหตุที่ฟ้าคราม โกรธพี่เมฆก็เพราะว่า ฟ้าครามไม่ชอบให้ใครเรียกว่าตัวเล็ก ถึงแม้ว่า ความจริง ฟ้าครามจะตัวเล็กจริงๆก็ตาม
“ พี่เมฆก็ รู้ว่าฟ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องเรียกสิครับ ไม่เห็นจะยากเลย ”
“ มึงก็อีกคนนะเบส กูบอกว่าถ้าจะเรียกสั้นๆให้เรียกคำว่าครามไม่ใช่ฟ้า ”
“ ก็กูชอบชื่อฟ้ามากกว่า ” ผมแกล้งแหย่ฟ้าครามเพราะรู้ว่ามันไม่ชอบให้ผมเรียกฟ้า ซึ่งปกติผมก็ไม่เคยเรียกฟ้าหรอก แต่วันนี้ เห็นมันทะเลาะกันกับพี่เมฆแล้วเกิดหมั่นเขี้ยวเลยอยากจะแหย่บ้าง
“ เอาละ เอาละ พี่ว่าเราเริ่มสั่งอาหารกันดีกว่านะ ”พี่เมฆเป็นคนดึงความสนใจฟ้าครามเมื่อมันกำลัง จะหันมาทำร้ายผม
“ เนี่ย ไม่มีใคร เข้าข้างน้องเลยสักคน ทั้งไอ้เบสทั้งพี่เมฆ ครามโกรธแล้วนะ ไปเลยเบสมึงข้ามไปนั่งฝั่งเดียวกันกับพี่เมฆเลย ”
“ เอ๊า กูผิดอะไรเนี๊ย ”ผมแกล้งโวยวาย เมื่อฟ้าครามมันผลักผม ให้ไปนั่งฝั่งเดียวกันกับพี่เมฆ
“ เบส มานั่งข้างพี่ก็ได้ เดี๋ยวจะช้ำในตาย เห็นตัวเล็กยังงั้นมือหนักใช่ย่อย ” ผมจึงต้อง ลุกไปนั่งข้างพี่เมฆ เพราะฟ้าคราม มันไม่หยุดทุบผมสักที
“ ไปเลย ไปอยู่ด้วยกันเลย ”
“ ฮ่ะฮ่ะ/ฮ่าฮ่า โอเคไม่แกล้งแล้ว ป่ะๆ สั่งอาหารกันดีกว่า ” เมื่อผมย้ายมานั่งข้างพี่เมฆเรียบร้อยแล้ว เราจึงพากันสั่งอาหารมากิน
“ ตัวเล็ก ทานข้าวเสร็จ กลับเลยไหม หรือเบสจะพาไปไหนต่อ ”
“ ครามจะไปบ้านเบสก่อนน่ะ ไม่ได้เข้าไปหาแม่หลายวันแล้ว คิดถึง ” ผมยิ้มให้กับคำตอบของฟ้าคราม ครอบครัวผมกับครอบครัวฟ้าครามรู้จักกันมาตั้งแต่ก่อนที่ผมกับฟ้าครามจะเกิด
ซึ่งทั้งครอบครัวผมและก็ครอบครัวของฟ้าคาม สนิทสนมกันดี จนฟ้าครามกับผม สามารถเข้านอกออกใน บ้านของกันและกันได้ บางคืนฟ้าครามก็มานอนค้างบ้านผม และผม ถ้าวันไหนดึกแม่ฟ้าครามก็ไม่ยอมให้กลับ จะต้องให้ผมนอนค้างที่บ้านฟ้าคราม
“ งั้นดีเลย เดี๋ยวพี่รบกวนฝากขนมไปให้ป้าหน่อยนะ พี่ก็ไม่ได้เข้าไปนานแล้ว ”
“ ได้ครับ / ไม่ได้ครับ ” ผมตอบรับ พี่เมฆออกไปแต่ฟ้าครามกลับปฏิเสธพร้อมกันกับผม
“ ทำไม / ทำไมละครับ ” อีกครั้งที่ผมกับพี่เมฆ ถามออกไปพร้อมกัน
“ พี่เมฆรู้ตัวรึเปล่าว่าตั้งแต่ได้เป็นนายแพทย์ใหญ่เนี่ยก็ไม่ค่อยมีเวลาไปหา แม่ของเบสเลย แม่เขาบ่นถึงทุกครั้งที่ครามไปบ้านโน้นเลยนะ ”
“ จริงเหรอเบส ”
“ ครับ แม่บ่นถึงพี่เมฆ บ่อยๆ ”
“ อาา เอาไงดี พี่ก็คิดถึงป้าเหมือนกันวันนี้หนีงานดีไหมนะ ”
“ อย่าเลยครับ เอาไว้วันที่พี่เมฆว่างจริงๆ จะดีกว่า จะได้อยู่คุยกับแม่ยาวๆ ”
“ เอางั้นก็ได้ เดี๋ยวรอพี่ซัก 10 นาที เดี๋ยวพี่ไปสั่งขนมไปฝากป้าก่อน ”
“ เบส ทำไมมึงไม่ให้พี่เมฆไปบ้าน กูนึกว่ามึงจะดีใจซะอีกที่พี่เมฆจะไปกับเรา ” ฟ้าครามหันมาคุยกับผมหลังจากพี่เมฆเดินออกไปสั่งขนม
“ แม่กูก็คงดีใจแหละแต่กูก็ไม่อยากให้พี่เมฆเขาหนีงานไปไหม เอาไว้วันว่างจริงๆ ค่อยไปก็ได้ ”
…….
“ กลับมาแล้วคร้าบ ” ผมตะโกนเข้าไปในตัวบ้าน เพราะตั้งแต่ผมลงจากรถที่ไอ้เบสขับมาส่ง ผมยังไม่เห็นใครอยู่หน้าบ้านเลยสักคน
“ อ้าวนั่นไงกลับมาพอดีเลย ”
“ อ้าวพี่ภา กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ ทำไมไม่โทรไปบอกครามบ้างครามจะได้กลับบ้านให้เร็วกว่านี้ ”
คนที่นั่งอยู่ในตัวบ้านผมกับพ่อแม่ผมตอนนี้คือพี่ภาพี่สาวคนโตของผม ครอบครัวผมมีพี่น้อง 3 คน มีผมมีพี่เมฆพี่ภา ส่วนพี่ภามีครอบครัวแล้วและมีลูกสาวลูกชายอย่างละคนกำลังน่ารักเลย
“ พึ่งกลับมาถึง แล้วครามละไปบ้านเบสมาหรอ ”
“ ครับ ” ผมเดินเข้าไปกอดแม่ก่อนจะเลยไปกอดพี่ภา
ก็ตั้งแต่พี่ภาแต่งงานมีครอบครัวก็ย้ายไปอยู่ต่างประเทศกับครอบครัว นานๆจะกลับมาบ้านที พอกลับมาก็ต้องไปช่วยงานที่โรงพยายบาลอีก
“ แล้วพ่อกับแม่เบสเป็นไงบ้าง ไม่ได้ไปเยี่ยมท่านนานแล้ว ”
“ สบายดีครับ แต่ช่วงนี้ ก็จะเหงาหน่อย เพราะได้ยินว่าไอ้เบส มันจะย้ายไปอยู่หอ ”
“ อ้าว แบบนี้ก็เหงาสิ ”
“ ครับ แต่เบสมันก็ยังไม่ตัดสินใจแน่นอนหรอก ”ผมหันไปตอบแม่ พร้อมกับมองหาหลานสาวกับหลานชาย
“ หาปิงปองกับแป้งหวานเหรอ ”
“ ครับ ไปไหนละพี่ภา ”
“ โน้น อยู่บนห้องกับตาเมฆโน้น ตอนแรกบอกจะรอน้าคราม ตาเมฆเอาอะไรมาหลอกไม่รู้ วิ่งตามไปทั้งสองคนเลย ”
“ หึหึ ไม่แปลกหรอกครับ พี่เมฆชอบหลอกเด็ก แล้วพี่เขยละครับ ”
“ ขานั้นออกไปโรงพยาบาลกับคุณพ่อ เมื่อสักครู่ ผอ.โทรมาบอกว่ามีเครสด่วน พี่นุเลยอาสาขับรถให้ ”
“ เหรอครับ ” คำตอบของพี่ภาทำให้ผมรู้สึกผิดอยู่ลึกๆ เพราะว่าครอบครัวผม ทำธุรกิจ โรงพยาบาล ทุกคนเป็นหมอหมดมีแต่ผมคนเดียว ที่เลือกเรียนสถาปัตย์
“ อย่าทำหน้าอย่างนั้นสิครับคราม แม่รู้นะว่าครามคิดอะไรอยู่ ไหนขยับมานั่งใกล้ๆแม่สิ ”
“ ครามกินอะไรมารึยัง จะกินอะไรไหมเดี๋ยวพี่ไปหยิบในครัวมาให้ ” ผมส่ายหัวให้พี่ภา เพราะผมกินมาจากบ้านเบสแล้ว
“ งั้นพี่ขึ้นไปดู สองแสบนั้นสักหน่อยป่านนี้รื้อห้องน้าเมฆกระจุยกระจายเลยมั้ง ” ผมขยับเข้าไปนั่งข้างแม่หลังจากพี่ภาเดินขึ้นไปหาหลานบนห้องพี่เมฆ
“ คิดอะไรอยู่เหรอครับครามบอกแม่ได้ไหม ”
“ เปล่าครับ ”
“ บอกแม่มาเถอะ แม่รู้ว่าครามคิดอะไรในใจ เราสัญญากันแล้วไงลูก ว่ามีอะไรเราจะเล่าให้กันฟังเราจะไม่ปิดบังกัน ”
“ ครามแค่รู้สึกว่า ครามเอาเปรียบพี่เมฆกับพี่ภามากเกินไปหรือเปล่า ทุกคนต่างทำงานให้บ้านเรากันหมดเลยมีแต่ครามคนเดียว ที่ไปเรียนสถาปัตย์ ”
“ ไหน ใครเอาเปรียบใครเหรอ ” ผมกับแม่หันไปมองพี่เมฆพร้อมกัน
“ พี่เมฆ แอบฟังครามกับแม่คุยกันเหรอ ”
“ เปล่าแอบซักหน่อย พี่ก็เดินมาปกตินะ แต่ครามไม่สนใจพี่เอง ”
“ เมฆ มาพอดีเลย มาลองคุยหน่อยซิ ครามเขาคิดว่าเขาเอาเปรียบทุกคนอีกแล้ว ”
“ ว่าไงตัวเล็ก ทำไมคิดแบบนั้นละ ”
“ ก็….” ผมไม่กล้าพูดออกไป เพราะพี่เมฆเคยคุยกับผมแล้ว เรื่องงานของครอบครัว
ครอบครัวผมเป็นเจ้าของโรงพยาบาลหลายแห่ง ทั้งพี่ภา ทั้งพี่เมฆ ต่างก็เรียนสาขาที่มาช่วยดูแลโรงพยาบาล แต่ผมดันอยากเรียนสถาปัตย์ ยิ่งทุกคนสนับสนุน ให้ผมเรียนในสาขาที่ผมอยากเรียนผมยิ่งรู้สึกละอายใจ
“ ก็ อะไรครับ ” พี่เมฆถามย้ำอีกครั้ง เมื่อเห็นผมเงียบไปนาน
“ บอกพี่เขาไปเถอะลูก อึดอัดใจตรงไหน อย่าลืม ว่าเราเป็นครอบครัวเดียวกัน ครามไม่สบายใจตรงไหนลูก ”
“ ไม่ได้อึดอัดใจหรอกครับแม่ ครามแค่รู้สึกเกรงใจพี่เมฆ ”
“ เกรงใจเรื่องอะไรครับ ”
“ ก็ ครามได้เรียนในสาขาที่อยากเรียน แต่พี่เมฆสิ ”ผมก้มหน้าลงไม่กล้าสู้สายตาพี่เมฆ เพราะรู้สึกผิด
“ ตัวเล็ก เงยหน้าแล้วฟังพี่ ”
“…..” ผมจำต้องเงยหน้าขึ้นสบตากับพี่เมฆ เพราะเงียบอยู่นานเขาก็ยังไม่พูดอะไรออกมา
“ ตั้งแต่พี่จำความได้ พ่อกับแม่ไม่เคยบังคับให้พี่ต้องเรียนหมอ ไม่เคยบอกว่าพี่ต้องมาช่วยงานทางบ้าน พ่อกับแม่ให้อิสระพี่ เหมือนกับตัวเล็กตอนนี้ ไม่มีใครว่าถ้าตัวเล็กอยากเรียนอะไร หรืออยากทำอะไร ทุกคนพร้อมสนับสนุน ขอแค่สิ่งนั้น มันเป็นความต้องการของตัวเล็กจริงๆ และไม่ต้องกลัวว่าจะทำได้ไม่ดี ขอแค่ตัวเล็กตั้งใจทำ และทำมันให้เต็มที่ ผลลัพธ์มันจะออกมาแบบไหน เราก็ต้องยอมรับมัน แค่นั้นเอง ”
“ แหม หล่อเลยนายเมฆ คุ้นๆนะ ประโยคที่นายพูดมายาวเยียดนั้น ” ผมหันไปมองพี่ภาที่เดินนำปิงปองกับแป้งหวานเข้ามา
“ ผมก็จำมาจากที่พี่ภาเคยบอกผมนั่นแหละครับ ”
“ น้าครามสวัสดีค่ะ/น้าครามสวัสดีครับ ” ผมอ้าแขน รับร่างของหลานสองคนที่โผเข้ามาหาผมพร้อมกัน
“ ว่าไงเด็กๆ สูงขึ้นอีกแล้วปะเนี่ย ”
“ มีแต่คนเขาสูงขึ้นทั้งนั้นแหละ มีแต่ตัวเล็กแหละ ที่จะกี่ปีกี่ปีก็ยังตัวเท่าเดิม ” ผมหันไปแยกเขี้ยวให้กับพี่เมฆที่ไม่วายจะแขวะผมเรื่องรูปร่างของผมอยู่ดี
“ คุยอะไรกันอยู่เหรอ ” พี่ภาหันไปถามพี่เมฆ หลังจากที่ 2 แสบขอไปนั่งเล่นในห้องหนังสือ
“ คุยเรื่องคนแถวนี้แหละ รู้สึกว่า จะมีคนเกิดอาการ คิดว่าตัวเองเอาเปรียบเพื่อนอีกแล้ว ”
“ อย่างที่เมฆพูดไปแหละ ตั้งแต่เกิดมาพ่อกับแม่ก็ไม่เคยบังคับพี่ ให้มาช่วยงานครอบครัว พี่อยากเรียนอะไร พ่อแม่ก็ไม่เคยขัด ไม่ใช่ว่าพ่อกับแม่ให้อิสระเฉพาะครามหรอก พ่อกับแม่ให้อิสระกับพี่กับเมฆด้วย เพราะฉะนั้น อย่าคิดมากและตั้งใจทำในสิ่งที่ตัวเองรักให้ดีก็พอ ผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นเช่นไรทุกคนพร้อมที่ จะยอมรับไปพร้อมๆกับคราม ”
“ แล้ว…ถ้าครามทำให้ทุกคนผิดหวังละครับ ”
“ เพราะอะไรล่ะถึงจะผิดหวัง ”
“…” ผมหันไปมองหน้าแม่เพราะไม่เข้าใจคำถาม
“ อะไรคือความผิดหวังที่ครามคิดว่าจะทำให้พวกเราผิดหวัง ”
“ ถ้าครามทำออกมาได้ไม่ดีละครับ ”
“ แค่ไหนที่ครามคิดว่าดีล่ะครับ ” ผมหันไปมองพี่เมฆ เพราะทุกครั้ง ที่พี่เมฆเรียกชื่อผม นั่นแสดงว่าพี่เมฆ จริงจังกับเรื่องนั้นมาก
“…” ยังไงผมก็ยังไม่มีคำตอบให้กับคำถามของพี่เมฆดูดี
“ ทำได้ดีหรือไม่ได้ดีผลจะออกมาเป็นยังไงมันขึ้นอยู่กับว่าครามทำเต็มที่หรือยังแค่นั้นแหละ ที่พวกเราหวัง ” พี่ภาเสริมขึ้นมาเมื่อเห็นผมเงียบ
“ เอาล่ะ แม่ว่า ครามทำตามที่ตัวเองอยากทำแล้วก็ทำให้เต็มที่ แค่นั้นพอ เรื่องอื่นครามไม่ต้องคิดมากว่าผลลัพธ์มันจะออกมาเป็นยังไง และผลลัพธ์ออกมาเป็นยังไง แม่เชื่อว่าครามรับได้และทุกคนก็รับได้เช่นกัน ”
“ ครับ ครามจะทำให้เต็มที่ ขอบคุณแม่กับพี่ๆทั้ง 2 นะครับ ที่คอยสนับสนุนครามทุกอย่างเลย ”
“ เอาล่ะ ในเมื่อเข้าใจแล้ว ภาโทรไปถามพ่อสิว่าใกล้จะกลับมาหรือยัง แม่จะได้ให้แม่บ้านเตรียมตั้งโต๊ะอาหารเย็น นานๆทีจะอยู่กันพร้อมหน้าพร้อมตา ” แม่หันไปบอกพี่ภา ทั้งๆที่มือยังไม่ละไปจากการลูบหลังผม
“ ค่ะแม่ ” พี่ภารับปากแม่แล้วเดินออกไปโทรศัพท์
“ แล้วนี้ตาเมฆ เห็นทำแต่งานเมื่อไหร่จะมีแฟนสักทีหึ และแม่ได้ยินว่า บ้านโนน บ่นคิดถึงอยู่ไม่ใช่หรอ ” บ้านโนนที่แม่พูดถึงก็คือบ้านไอ้เบสนั่นแหละครับก็อย่างที่เล่าไป ว่าเราสองครอบครัวค่อนข้างสนิทกัน เพราะพ่อกับแม่รู้จักกันมาก่อน
“ อ้าวไปไงมาไง วกมาหาผมแล้วเนี่ย ผมขอตัวไปดูสองแสบก่อนดีกว่า ป่านนี้รื้อห้องหนังสือเละเทะไปหมดแล้วมั้ง ”
“ เดี๋ยวสิตาเมฆ พอถามเรื่องแฟนเป็นแบบนี้ทุกที ไม่รู้อะไรกันนักกันหนา กับการมีแฟน อายุก็ไม่ใช่น้อยแล้ว ” ผมแอบยิ้มกับพี่ภา เมื่อพี่เมฆ รีบเดินหนีแม่
……..
“ เป็นไงบ้างคราม ช่วงนี้ไม่ค่อยได้คุยกันเลย ”
“ เรื่อยๆแหละครับพี่นุ ” ผมหันไปตอบพี่นุ พี่เขยของผมหลังจากที่เราทานอาหารเย็นเสร็จก็ย้ายกันมานั่งที่ห้องนั่งเล่นแทน
“ แล้วกิจการนุเป็นยังไงบ้างลูกตอนนี้ ตอนมาถึงก็รีบออกไปช่วยงานพ่อ แม่ยังไม่ได้ถามเลย ”
“ ช่วงนี้ดีครับ เพราะว่าโรงพยาบาลของจีนมีสั่ง อุปกรณ์การแพทย์เข้ามาล๊อตใหญ่ เลยไม่ค่อยว่างเท่าไหร่ นี่เห็นว่าภาไม่ได้เจอครอบครัวมานานผมก็เลยพากลับมา กลับไปคงต้องลุยงานยาวอีกเป็นเดือน กว่าจะมีเวลาว่างอีกครั้ง ”
ครอบครัวพี่นุ ทำเกี่ยวกับ อุปกรณ์การแพทย์ครบวงจรมีสาขาใหญ่ที่ต่างประเทศซึ่งนั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้พี่ภา ต้องย้ายไปอยู่ต่างประเทศตามครอบครัวพี่นุ นานๆถึงจะกลับมาบ้าน
“ พูดถึง จีน ตอนนี้เป็นไงบ้างไม่รู้ พ่อไม่ค่อยได้ไปช่วยดูเลย ช่วงนี้ยุ่งๆ ”
“ กิจการไปได้สวยครับ ได้ข่าวว่าเสี่ยมังกร เข้ามาช่วยดูแลอีกแรง ”
“ ถ้างั้นก็ค่อยวางใจหน่อย เพราะเสี่ยมังกร นับว่าเป็นนักบริหารมือทอง อันดับต้นๆ ”
“ ครับ ” ผมนั่งฟังพ่อกับพี่นุคุยกันถึงพี่มังกรที่เป็นเพื่อนกันกับพี่เมฆ แล้วอดสงสัยไม่ได้ว่า พี่มังกรเข้าไปเกี่ยวข้องอะไรกับคนชื่อจีน ก็พี่มังกรมีพี่วดีแล้วนิ หรือว่าเขาเป็นเพื่อนกัน
“ มังกรก็มีครอบครัวแล้ว แล้วเมื่อไหร่ตาเมฆจะมีแฟนหนาา ” แม่พูดขึ้นเบาๆ แต่เชื่อเถอะว่ามันไม่เบาเลยสำหรับพี่เมฆ
“ ผมว่า ผมพาปิงปองกับแป้งหวานไปดูการ์ตูนดีกว่า ป่ะ เด็กๆ ใครอยากดูการ์ตูนตามน้ามาเร็ว ”
“ พ่อ ดูตาเมฆสิ พอพูดเรื่องแฟนทีไร เดินหนีทุกที ”
“ เอาน่าคุณ อย่าไปเซ้าซี้ลูกเลยถึงเวลาลูกก็คงมีเองแหละ ว่าแต่ฟ้าครามเถอะ พักนี้เรียนเป็นไงบ้างลูก ”
“ ก็ยังจับต้นชนปลายไม่ถูกหรอกครับพ่อ น่าจะอีกสักพักหนึ่ง ช่วงนี้ก็ยังพยายาม ฟังที่อาจารย์แนะนำอยู่ ” ผมตอบพ่อไปตามตรง เพราะว่าเพิ่งจะเปิดเทอมได้ไม่นานผมก็ยังไม่ค่อยรู้เรื่อง ชีวิตในมหาลัย มันต่างจาก ม.ปลายมาก
“ ไม่เป็นไร ค่อยๆเรียนรู้ไป มีอะไรให้พ่อช่วยก็บอก หรือถ้าพ่อไม่ว่าง ก็บอกพี่ๆเราได้ อย่าลืมว่าทุกคนพร้อมสนับสนุน คราม ”
“ ครับพ่อ ”
“ ถ้ามีอะไรสงสัย ถามพี่ได้นะคราม อย่าลืมว่าพี่จบอะไรมา ”
“ ครับพี่นุ ” นี้ผมลืมไปได้ไงว่าพี่นุ จบสถาปัตย์มา คงเป็นเพราะครอบครัวพี่นุทำธุรกิจ เกี่ยวกับอุกรณ์การแพทย์ ทำให้ใครหลายคน รวมถึงผมลืมไป
ใช่แล้ว ขนาดพี่นุเรียนสถาปัตย์ ยังสามารถช่วยงานครอบครัวได้ และทำได้ดีจนขยายสาขา ไปหลายประเทศ แล้วทำไมผมจะช่วยงานครอบครัวไม่ได้ เมื่อคิดได้ดังนี้ผมจึงเผลอยิ้มกว้างออกมา
“ คิดอะไรอยู่หึ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ” ผมสะดุ้งตกใจเมื่อพี่ภา ยื่นหน้าเข้ามาหา จนหน้าพี่ภากับหน้าผมเกือบจะชนกัน
“ เปล่าครับ ” ผมรีบปฎิเสธออกไปเมื่อหันมองรอบข้างแล้วทุกคนจ้องมาที่ผมคนเดียว
“ แน่นะ ไม่ใช่แอบไปมีความรักเหรอ ช่วงนี้ออกไปข้างนอกกับเบสบ่อยๆ ไม่ใช่แอบไปจีบสาวบ้านไหนรึ ”
“ ไม่มีอะไรจริงๆครับแม่ ผมแค่คิดอะไรเพลินๆ ” ผมส่ายหัวให้แม่อย่างแรงเมื่อแม่ยังไม่เลิกสงสัยผม
“ ฮ่ะๆ แม่แหย่เล่น แค่แม่เห็นครามยิ้มได้ แม่ก็โอเคแล้ว ”
“จำไว้นะลูก ใช้ชีวิตในแบบที่อยากทำ พ่อกับแม่ไม่เคยห้าม ถ้าสิ่งนั้นไม่ไปเบียดเบียนคนอื่น ”
“ ครับพ่อ ”
“ เดี๋ยวผมไปตามปิงปองกับแป้งหวานก่อนนะครับ หลับหรือยังไม่รู้ ”
“ งั้นภาไปช่วยนุดูลูกนะคะ แล้วจะเลยเข้าห้องเลย พรุ่งนี้แม่จะเข้าครัวเองไหมคะ ” พี่ภาลุกตามพี่นุไปก่อนหันกลับมาถามแม่
“ จ๊ะ ภาอยากกินอะไรเป็นพิเศษไหมลูก น่าจะคิดถึงกลับข้าวไทย ”
“ เดี๋ยวภาลงมาช่วยแม่ตอนเช้าด้วยค่ะ ไม่ได้ทำอาหารไทยมานาน ต้องรื้อฟื้นสักหน่อย ”
“ จ๊ะ งั้นภา พานุกับลูกไปพักผ่อนเถอะ เดี๋ยวแม่ไปดูของสดในครัวก่อน ว่าขาดอะไรบ้าง จะได้ให้แม่บ้านไปซื้อมาให้ตอนเช้า พ่อกับครามก็คุยกันไปก่อนนะ ” แม่เดินเข้าครัวไป ตรงนี้จึงเหลือแค่ผมกับพ่อ
????
ผมหันไปมองหน้าโทรศัพท์ผมมีสายเรียกเข้า
“ ตามสบายเลยลูก ”
“ ครับ ขอคุยโทรศัพท์แป๊บนึงนะครับ ” ผมหยิบโทรศัพท์เดินออกมาตรงหน้าบ้านเมื่อพ่อพยักหน้าให้
“ ว่าไงเบส ”
( คิดถึง )
“ เกินไปไอ้เบสเราเพิ่งจะแยกจากกันไม่ถึงวันเลย ” ผมอดขำไม่ได้ เมื่อได้ยินไอ้เบสพูดออกมาแบบนั้น อะไรของมัน ผมกับมันเพิ่งจะไปทานข้าวกลางวัน พร้อมกับพี่เมฆ แล้วมันก็พึ่งจะมาส่งผม ห่างกันแค่กี่ชั่วโมงเอง
( ก็กูคิดถึงมึง จริงๆนะ )
“ เออๆ คิดถึงก็คิดถึง แล้วโทรมาหากูเพื่อจะบอกแค่เนี้ย ”
( ใช่ที่ไหนล่ะ กูกะจะโทรหาพี่เมฆแต่โทรไปแล้วก็ไม่รับสาย )
“ แน่ะ มึงจะโทรหาพี่เมฆทำไม มึงคิดอะไรกับพี่เมฆหรือเปล่า ”
( คิดอะไรกันล่ะ แม่บอกให้กูโทร เค้าจะคุยกับพี่เมฆ ก็คงจะขอบใจละมั้ง ที่ฝากขนมมาให้ )
“ อ๋อออ ” ผมลากเสียงยาวเพื่อที่จะแกล้งไอ้เบส เพราะปกติไอ้เบสกับพี่เมฆมักจะเป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอด
( กูไม่คุยกับมึงแล้ว )
“ เดี๋ยวสิ ”ผมรีบเรียกไอ้เบสไว้ก่อนที่มันจะงอนผมจนวางสายหนีไปก่อน
( มีอะไรอีก )
“ พรุ่งนี้ แวะมารับกูไปมหาลัยหน่อยสิ ขี้เกียจให้พี่เมฆไปส่ง ”
( ได้ครับ คุณหนู เดี๋ยวกระผมจะไปรับนะขอรับ )
“ ฮ่ะฮ่ะ ดีมาก ”
( โอเค ฝากบอกพี่เมฆด้วย ว่าแม่ฝากขอบใจ )
“ เออเบส เกือบลืม วันนี้พี่ภาเขากลับมาบ้านด้วยแหละ ”
( อ้าวเหรอ นี้แม่ก็บ่นคิดถึง 2 แสบอยู่ พี่ภาจะอยู่นานไหม เดี๋ยวจะได้พาแม่ไปหาหลาน )
“ น่าจะนานแหละ เพราะกลับไปรอบนี้พี่นุบอกว่าอาจจะงานเยอะ เลยอยากให้พี่ภาอยู่กับครอบครัวให้เต็มที่ ”
( งั้นว่างๆ อาจจะอีก 2 -3 วันเดี๋ยวกูพาแม่ไปหาหลาน อยู่บ้านก็คงเหงา เพราะพ่อกูก็ทำแต่งาน )
“ โอเค กูวางละนะ จะเข้าบ้านแล้ว ”
( อ้าว มึงอยู่หน้าบ้านเหรอ ไปเลยมึงรีบเข้าบ้านเลย เดี๋ยวไม่สบาย )
“ มึงก็เกินไป กูไม่ใช่เด็กแล้ว กูวางละนะ ฝันดีนะเบส ”
( ฝันดีนะคราม ) หลังจากวางวางสายจากไอ้เบสแล้วผมก็เดินเข้าบ้าน
…….
อีกฝั่งของสายโทรศัพท์
“ ครามว่าไงบ้างลูก ”
“ ครับ!! ”ผมสะดุ้งสุดตัวเมื่อหันเจอแม่
“ เป็นอะไร ทำไมต้องตกใจขนาดนั้นละลูก ”
“ แม่มายื่นตรงนี้นานยังครับ ”
“ แม่พึ่งมา เบสมีอะไรหรือเปล่า ทำไมดูลนๆ ”
“ เปล่าครับ ”
“ เบส เบสชอบครามใช่ไหมลูก ”
“….” ผมก้มหน้าหลบตาแม่ ไม่รู้จะตอบยังไงดี
“ บอกแม่มาเถอะจ๊ะ ”
“ ครับแม่ ”ผมยอมรับออกไปในที่สุด
“ เบสรู้ใช่ไหมลูก ว่ามันไม่ถูกต้องและพ่อเขาก็หวังกับเบสมาก ”
“ ครับ ”
“ เบสตัดใจได้ไหมลูก ”
“….” ผมเงียบไปนาน
“ ตัดใจได้ไหมลูก ” แม่ถามขึ้นมาอีกครั้งเมื่อผมไม่ตอบคำถาม
“ แม่ครับ ” ผมเงยหน้าขึ้นสบตาแม่
“ ชอบครามมากเหรอลูก ”
“ ครับ ”
“ ถ้าตัดใจไม่ได้ ก็เดินหน้าเลย ”
“ หมายความว่าไงครับแม่ ” ผมมองเข้าไปในตาแม่เพื่อหาคำตอบ
“ ก็ หมายความว่า ถ้าเบสชอบครามก็เดินหน้าจีบเลย ”
“ แม่ไม่ห้ามเหรอครับ ”
“ ถ้าแม่ห้ามแล้วทำให้ลูกแม่เป็นทุกข์ ก็ช่างความถูกต้องเถอะลูก ”
“ แล้วพ่อละครับ ”
“ เดี๋ยว แม่จะคุยกับพ่อให้ แม่เชื่อว่า พ่อเขามีเหตุผลพอ ”
“ ขอบคุณครับแม่ แม่ผมน่ารักที่สุดเลย ”
“ ป่ะ เข้าบ้านกัน พรุ่งนี้ต้องไปรับครามไหม ”
“ ครับ ”
“ ไปๆ ไปพักผ่อน ไม่ต้องรอพ่อหรอก เดี๋ยวแม่รอเอง ”
“ ครับ ” ผมตอบรับแม่ก่อนจะเดินเข้าห้องนอน