ตอนที่ 3/1 ผงลืมวิญญาณ

1176 Words
แสงจันทร์ส่องกระทบผิวกายบุรุษขาวเนียนราวหยกมันแพะ อกแกร่งขาวผ่องช่างยั่วยวนจนหลันจิวฮวาน้ำลายไหล เสียงกลืนน้ำลายคล้ายกระหายดังเอื๊อกๆ ไม่มีหยุด เมื่ออาหารอันโอชะอยู่ตรงหน้ามีหรือแม่เสือสาวจะยอมปล่อยมือง่ายๆ ลิ้นเรียวเล็กพยายามลากวนอกกว้างอย่างไม่ประสา เหมือนกำลังละเลียดชิมรสชาติให้ทั่วปากเพื่อค้นหารสสัมผัสที่ต้องใจ ฟันขาวผ่องพยายามขบกัดลงเบาๆ เสมือนว่านางกลัวเหยือตรงหน้าจะรู้สึกเจ็บ ร่างของชายหนุ่มถึงกับสั่นสะท้าน สัมผัสของหญิงงามช่างทรมานเขาเหลือเกิน ทรมานมู่จิวซินเสียจนอยากจะตายแทบเท้าของสตรีผู้นี้ไปให้ได้เสีย ความเสียวซ่านค่อยๆ จุดเพลิงปรารถนาของมู่จิวซินให้ลุกโชน อาการร้อนวูบวาบเริ่มแผ่ลามไปทั่วผืนอกแกร่ง และค่อยๆ วิ่งพล่านไปทั่วเรือนกายชายหนุ่มทุกอณู ความร้อนผะผ่าวเริ่มทำให้มู่จิวซินไม่เป็นตัวของตัวเอง ความรู้สึกแปลกประหลาดพลันแล่นพล่านจนเขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เพียงแค่นางผลักเบาๆ ร่างสูงใหญ่ของมู่จิวซินก็ล้มนอนกับแคร่ไม้ทันที นิ้วเรียวงามค่อยๆ ลูบไล้แผงอกขาวเนียนราวกับจะซึมซับทุกส่วนของเขา ร่างบอบบางเริ่มขึ้นคร่อมชายหนุ่มด้วยท่าทางไร้ประสบการณ์ แต่กลับเป็นตัวเร่งปฎิกิริยาให้หญิงสาวรู้สึกลิงโลดคล้ายเป็นผู้คุมบังเ**ยนม้า ที่แท้แล้ว…การได้เป็นฝ่ายกระทำมันรู้สึกเช่นนี้เองหรือ? ในขณะที่หญิงสาวรู้สึกลิงโลด จู่ๆ ภาพของนางที่ถูกเดรัชฉานทั้งห้าพากันฉีกทึ้อาภรณ์ภายใต้แสงจันทร์พลันผุดขึ้นมาที่หัวกะทันหัน ใบหน้าของนางในตอนนั้นทั้งตกใจและตื่นตะลึง  เหมือนบุรุษผู้ที่อยู่ใต้ร่างของตนในตอนนี้ก็ไม่ปาน ฮ่าๆ สวรรค์ท่านกำลังต้องการชดเชยความผิดกับข้าใช่หรือไม่? เหตุใดบุรุษผู้นี้ช่างน่ากลั่นแกล้งยิ่งนัก! ไวเท่าความคิด ท่ามกลางแสงจันทร์ส่องประกายสว่างจ้าไปทั่วตรอกรกร้างแห่งนี้ ร่างบอบบางของโฉมสะคราญกำลังฉีกทึ้งอาภรณ์บุรุษอย่างไร้ยางอาย ไฟราคะเริ่มครอบงำสติสัมปชัญญะของหลันจิวฮวาจนไม่หลงเหลือความเขินอายอีกต่อไป… “จ๊วบ...จ๊วบ…” เสียงดูดดึงเนื้ออกแกร่งจากปากคู่เล็กดังก้องไปทั่วทั้งตรอก ความหอมหวานเย้ายวนของเนื้อบุรุษเพศช่างล่อลวงให้หญิงสาวยากจะเกินห้ามใจ ลิ้นสากละเอียดไล่วนไปทั่วยอดอกของบุรุษเชิงหยอกเย้า เล่นเอามู่จิวซินถึงกับครางออกมาเบาๆ ด้วยความทรมาน “เจ้า...จะทำอะไรข้ากันแน่...” เสียงแหบพร่าของบุรุษดังขึ้น แต่คลับคล้ายสายลมยามราตรีกระซิบเพรียกหา ช่างเบาหวิวและสั่นเครือเหลือเกิน… “ท่านไม่รู้จริงๆ หรือ?” ความไร้เดียงสาของบุรุษตรงหน้านางช่างน่ารักเสียเหลือเกิน หากคืนนี้นางไม่กลืนกินเขาทั้งตัวก็โง่แล้ว “ท่านมู่ ข้าสัญญาว่าข้าจะอ่อนโยนกับท่าน จะไม่ทำให้ครั้งแรกของท่านต้องเจ็บปวดอย่างแน่นอน ข้าสัญญา...” ริมฝีปากคู่งามคลี่ยิ้มจางๆ คล้ายอสรพิษร้าย ภาพของเดรัจฉานทั้งห้ากำลังโลมเลียผิวกายของนางราวฝูงหมาป่าหิวโซพลันผุดขึ้นมาในห้วงคำนึงอีกครั้ง โฉมงามเริ่มจู่โจมเหยื่อผู้ไร้เดียงสาของนางทันที ลิ้นสากละเอียดไล่ต่ำลงมาจากแผงอกแกร่งลามไปถึงท้องน้อยของเขาอย่างรวดเร็ว ความหอมกรุ่นของกลิ่นกายบุรุษเริ่มรุนแรงมากขึ้นทุกทีๆ ดั่งเกสรดอกไม้ที่กำลังล่อลวงหมู่มวลภมรให้มาหยอกเย้าอย่างไม่อาจจะต้านทานเสน่ห์ของมันได้… กลิ่นของเขาช่างแปลกประหลาดนัก อ่า...ข้าเริ่มทนไม่ไหวแล้วนะ… ท่ามกลางความเงียบสงัดของราตรีอันมืดมิด สายลมพัดหวิวเป็นระรอกชวนให้ใจหวั่นไหว ร่างอรชรของโฉมสะคราญกลับกำลังเคลื่อนกายต่ำทำเรื่องบัดสี โดยมีบุรุษรูปงามร่างกายแข็งทื่อนอนราบกับแคร่ไม้ไผ่ด้วยท่าทีล่อแหลมนัก ใบหน้าหล่อเหลาแม้จะเรียบนิ่งไร้การขัดขืน แต่ทว่าดวงตาที่แสนเยือกเย็นคู่นั้นกลับดูร้อนลุ่มดั่งเปลวเพลิงในอเวจี มู่จิวซินชะงักค้างไปกับสัมผัสที่แสนวาบหวามและเอาแต่ใจของสาวน้อย ร่างแกร่งเริ่มจะร้อนวูบวาบเพราะเปลวเพลิงแห่งปรารถณา มือเรียวงามราวหยวกกล้วยของชายหนุ่มเอื้อมไปจับเรือนร่างอรชรเพื่อเตือนให้หยุด นัยน์ตาสีนิลจับจ้องสบประสานกับดวงตาคู่งามอย่างล้ำลึก “เจ้าพอได้แล้วหรือยัง…” คำพูดที่แสนจะธรรมดาแต่กลับช่างไม่เข้ากับสถานการณ์ตอนนี้เลยสักนิด เล่นเอาใบหน้างามของดรุณีน้อยแรกแย้มถึงกับชะงักงัน “ท่านว่าอะไรนะ!?” คำพูดที่แสนเบาหวิวราวกลับกระซิบของหลันจิวฮวาเอ่ยถามขึ้นราวกับไม่เข้าใจ ในขณะที่ไฟราคะในกายของนางเริ่มแผดเผาจนสติแทบหมดสิ้น ด้วยความทรมานเร่งให้เจ้าของร่างงามแทบจะปลดเปลื้องทุกส่วนในร่างกาย และรวมถึงร่างกายของบุรุษตรงหน้าของนางด้วย มู่จิวซินขบกรามแน่น เพราะจู่ๆ สตรีตรงเบื้องหน้าเริ่มลงไม้ลงมือที่ร่างกายของเขาอีกครั้งโดยไม่รามือ เจ้าของมือเล็กกำลังชอนไชไปทั่วผิวกายและมัดกล้ามสีขาวเนียนแกร่งของตนอย่างซุกซน เล่นเอาชายหนุ่มถึงกับสูดลมหายใจแรงอย่างยากที่จะห้ามใจ “ข้าสามารถปลดเปลื้องไฟปรารถนาเจ้าได้ แต่…อ่าห์!” ด้วยความทรมานทำให้มู่จิวซินถึงกับครางออกมาดังๆ เมื่อลิ้นเรียวเล็กของสตรีเบื้องหน้ากำลังไล่เลียไปทั่วแผงอกแกร่งของเขา ดั่งกำลังเคี่ยวกรำให้เขาตายทั้งเป็น “แต่อันใดท่านมู่…” ขณะที่เอ่ยวาจา ร่างอรชรอ้อนแอ้นของหลันจิวฮวากำลังปลดเปลื้องอาภรณ์ของนางราวกับคนไร้สติ ใบหน้างามงอนคลียิ้มยั่วยวนดั่งปีศาจสาวสะกดวิญญาณ เมื่อภาพของสตรีไร้อาภรณ์ปรากฏตรงเบื้องหน้า สติสัมปชัญญะของบุรุษผู้เย็นชาพลันกระเจิดกระเจิงในทันที ความงามของอิสตรีช่างล่อลวงใจให้บุรุษเมามายในรสของไฟราคะนัก แถมยิ่งเป็นหญิงพรหมจรรย์ เสน่ห์ของนางเมื่อต้องเงาจันทรายิ่งงามหยาดเยิ้มราวกับสุราบริสุทธิ์หมักนับร้อยปี เรือนร่างขาวผ่องเป็นยองใย เนินอกอวบอิ่มราวดอกบัวที่ยังไม่แย้มบาน นวลเนื้อเนียนงามน่าสัมผัสลูบไล้… นางช่างเป็นสตรีที่งามล้ำโดยแท้… เมื่อตกอยู่ในห้วงภวังค์ คำพูดใดๆ ที่จะเอื้อนเอ่ยย่อมไร้ความหมาย นิ้วมือเรียวฉีกกระชากอาภรณ์สีขาวของตนออกในทันที ยามเมื่อต้องแสงจันทร์ ร่างเปลือยเปล่าของคนทั้งคู่ราวกับภาพฝันที่ไม่มีตัวตน ความงามเป็นเอกล้วนสรรสร้างให้ทุกอย่างลงตัว สัมผัสทางกายของคนทั้งคู่ไร้ซึ่งวาจาและเหตุผลอีกต่อไป…
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD