ตอนที่ 2 หนทางที่ต้องเลือก

1088 Words
สายลมยามรุ่งสางพัดกระทบผ่านม่านหน้าต่าง แสงตะวันสาดส่องเข้ามากระทบร่างบอบบางที่นอนหลับใหลบนเตียงราวกับต้องการปลุกให้หญิงสาวลืมตาตื่นจากนิทรา นิ้วเรียวงามราวกับลำเทียนค่อยๆ กระตุกช้าๆ คิ้วเรียวโก่งคู่งามขมวดมุ่นเข้าหากัน ในขณะเดียวกันบุรุษสวมอาภรณ์สีขาวที่นั่งอยู่เงียบๆ ก็ลุกยืนขึ้น ชายหนุ่มเดินมานั่งข้างๆ เตียงของหลันจิวฮวาพลางจับข้อมือหญิงสาวมาตรวจชีพจร ใบหน้าของชายหนุ่มยังคงเรียบนิ่งไม่ฉายแววความรู้สึกใดๆ ออกมาจากสีหน้าเลยสักนิด มีเพียงปากเรียวบางสีแดงสดราวผลอิงเถา*เท่านั้นที่ขยับปากพึมพำเบาๆ กับตัวเอง “ร่างกายเป็นปกติแล้ว แต่จิตใจกลับบอบช้ำ....” ภายในบ้านร้างชานเมืองที่ซึ่งใครๆ ก็ไม่อยากเหยีบย่างเข้ามาอีกเป็นครั้งที่สอง กลับมีเพียงบุรุษปริศนาผู้นี้เท่านั้นที่ยังคงใช้ชีวิตอยู่ที่นี่เสมือนกับเป็นบ้านของตัวเอง ผู้คนภายในเมืองฮุ่ยเจียงต่างก็รู้กันดีว่าตรอกชานเมืองแห่งนี้มีชื่อเรียกขานอีกชื่อหนึ่งว่า ‘ตรอกลืมวิญญาณ’ ตามคำเล่าลือของผู้คนที่เคยย่างกรายเข้ามาในสถานที่แห่งนี้ ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่าที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของเหล่าภูตผีปีศาจ หากทว่ากลับมีกลุ่มคนบางส่วนที่ไม่เชื่อและมักเข้ามาลองดีที่ตรอกแห่งนี้อยู่บ่อยครั้ง ทว่าน่าเสียดายที่เหล่าคนพวกนั้นกลับไม่สามารถมีลมหายใจกลับออกไปได้ จะมีก็เพียงแต่ร่างที่ไร้วิญญาณเท่านั้นที่จะสามารถกลับออกไปได้ และมีเพียงแค่ส่วนน้อยนิดเท่านั้นที่จะรอดชีวิตกลับออกมาครบสามสิบสอง แต่ต้องแลกด้วยการเป็นคนบ้าเสียสติ นับจากนั้นตรอกชานเมืองแห่งนี้จึงเป็นสถานที่ต้องห้ามของชาวเมืองฮุ่ยเจียงโดยปริยาย ผ่านไปสองชั่วยาม… ดวงตาคู่งามที่เคยปิดสนิทพลันลืมตาตื่นขึ้น บรรยากาศรอบกายทำให้คิ้วคู่งามขมวดมุ่นเข้าหากัน ข้าอยู่ที่ใด? ที่นี่คือที่ไหนกัน... และก่อนที่หญิงสาวจะงงงวยไปมากกว่านี้ บุรุษผู้มีใบหน้าเรียบนิ่งฉายแววเยือกเย็นก็ย่างกรายเข้ามาในห้องเงียบๆ แม้ว่าท่าทางของชายหนุ่มจะดูไม่คุกคาม แต่กลับสร้างความหวาดกลัวให้หลันจิวฮวายิ่งนัก ร่างแน่งน้อยสั่นระริกราวกับคนจับไข้ แต่ทว่าดวงตาคู่งามกลับแน่วแน่จับจ้องมองคนผู้นั้นนิ่งราวกับพยายามข่มกลั้นความหวาดหวั่นภายในใจ “ท่าน ที่นี่ ข้าอยู่ที่ใด?” แม้แต่คำพูดของนางก็ยังไม่สามารถที่จะจับต้นชนปลายได้ถูก ทว่าบุรุษปริศนาที่ยืนอยู่ตรงหน้าหลันจิวฮวายังคงไม่ปริปากหรือเอื้อนเอ่ยแม้แต่คำพูดเพียงครึ่งคำ มีเพียงมือของเขาเท่านั้นที่เอื้อมมาจับข้อมือขาวเนียนของนางอย่างเงียบๆ ด้วยความตกใจหลันจิวฮวารีบชักข้อมือของนางกลับในทันที แต่ทว่าเรี่ยวแรงของบุรุษผู้นี้กลับมีมากจนนางไม่สามารถขัดขืนได้ “ท่าน! ปล่อย...” ดวงตาสีนิลจ้องมองมาที่นางนิ่งเงียบ แต่กลับสะกดร่างแน่งน้อยที่ก่อนหน้านี้ดิ้นพล่านกลายเป็นสงบนิ่ง เพียงชั่วอึดใจเขาก็ปล่อยข้อมือของหญิงสาวเป็นอิสระ แต่ในขณะเดียวกันคนผู้นี้กลับทิ้งสัมผัสอันเยือกเย็นไว้ที่ข้อมือเจ้าของร่างงามแทน เย็นราวกับร่างที่ไร้วิญญาณ.... ในเวลานั้นเอง ร่างของหลันจิวฮวาพลันแข็งทื่อ ดวงตาทั้งสองข้างของหญิงงามเบิกกว้างอย่างตกใจกลัว คนผู้นี้ไม่ใช่คนอย่างนั้นหรือ? ถ้าอย่างนั้น.... “สิ่งที่เจ้าคิดนั้นไม่ผิด ข้าไม่ใช่คน” เสียงเยียบเย็นของชายหนุ่มเอ่ยขึ้นราวกับรู้ใจหญิงสาว ราวอสนีบาตฟาดลงมาที่ร่างบอบบาง หลันจิวฮวาแทบสะดุดลมหายใจตัวเอง ใจของนางหล่นวูบลงที่พื้นทันที ความหวาดกลัวเริ่มกัดกินใจโฉมงาม บรรยากาศรอบด้านเริ่มวังเวงและน่าหวาดกลัวขึ้นจับใจ “เป็นหรือไม่ มีอันใดที่ต่างกัน?” ชายหนุ่มพูดเพียงเท่านั้นก็เดินจากไป ทิ้งไว้เพียงปริศนาที่ยังไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าเขาเป็นคนหรือเป็นผีกันแน่ ร่างบางของโฉมสะคราญยังคงแน่นิ่งไม่ไหวติง แต่สิ่งที่หญิงสาวสัมผัสได้นั้นคือความพิศวงและความแคลงใจ ใจหนึ่งนางก็อยากจะเชื่อว่าคนผู้นี้เป็นมนุษย์ ทว่าอีกด้านหนึ่งกลับแย้งว่าเขาอาจจะเป็นภูตผีปีศาจ หลันจิวฮวาพยายามกวาดสายตามองไปทั่วบริเวณสถานที่ที่นางอาศัยอยู่ ก่อนจะขมวดคิ้วอีกครั้งเมื่อพบว่าสถานที่ที่ตนอยู่เป็นบ้านร้าง ร่างบอบบางพยามลุกจากเตียงนอนด้วยความทุลักทุเล และแล้วหญิงสาวก็ต้องตกใจอีกครั้ง เมื่อพบว่าขาทั้งสองข้างของตนหายดีเป็นปลิดทิ้ง แม้ว่าเหตุการณ์ก่อนหน้านี้จะเพิ่งผ่านพ้นไปได้ไม่นาน แต่นางกลับจำได้เป็นอย่างดีว่าขาของตนนั้นหัก แถมภาพเหตุการณ์ในคืนนั้นยังคงหลอกหลอนตัวนางมาจนถึงตอนนี้ หลังจากนั้นเพียงไม่นานเจ้าของร่างบางก็เดินออกจากบ้านร้างด้วยอาการเหม่อลอย โดยที่นางหารู้ไม่ว่ามีดวงตาคมคู่หนึ่งแอบจ้องมองตนอยู่ห่างๆ เป็นระยะ ความเงียบงันของตรอกลืมวิญญาณทำให้สรรพสิ่งรอบข้างมีเพียงความรกร้างและเปลี่ยวเหงา กลุ่มหมอกควันสีขาวลอยฟุ้งราวกับกั้นเขตดินแดนแห่งนี้ออกจากโลกภายนอก หลันจิวฮวาก้าวเดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย แม้นางจะเพิ่งเจอเรื่องที่น่าหวาดกลัว แม้ว่าสถานที่แห่งนี้จะรกร้างและน่าหวาดหวั่น แต่ในตอนนี้หญิงสาวกลับเสมือนร่างที่ไร้วิญญาณโดยแท้จริง ภาพเหตุการณ์คืนนั้นคอยตามหลอกหลอนหญิงสาวทุกย่างก้าว แม้แต่ในความคิดยังคงมีรอยยิ้มของเศษสวะทั้งห้าคอยตามรังควานประหนึ่งผีร้ายที่กัดกินใจคน หยดน้ำใสๆ ค่อยๆ ไหลรินอาบแก้มขาวเนียนหยดแล้วหยดเล่า ไม่เคยมีแม้แต่สักเศษเสี้ยววินาทีที่โฉมงามจะลืมเลือนมันได้เลย ไม่มีเลยจริงๆ * ผลอิงเถา หมายถึง ผลเชอรี่
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD