ตอนที่ 2/1 หนทางที่ต้องเลือก

1129 Words
“หากอดีตที่เจ็บปวดของเจ้ามันทำให้เจ้าอยากจะลบเลือน ข้าก็ยังพอจะมีวิธีอยู่บ้าง...” เสียงปริศนาของบุรุษผู้นั้นเอ่ยขึ้นท่ามกลางความรู้สึกที่ถาโถมและหนักหน่วงของโฉมงาม ใบหน้างามพิสุทธิ์ค่อยๆ หันหน้าไปตามเสียงของชายผู้นั้น ดวงตาคู่งามจ้องมองบุรุษที่ช่วยเหลือนางอย่างเลื่อนลอย แต่ในขณะเดียวกันกลับแฝงไว้ด้วยความหวังอันเลือนรางอยู่ในใจลึกๆ บุรุษอาภรณ์สีขาวยังคงแฝงด้วยท่าทีที่ไร้ซึ่งการไม่แยแสโลกใบนี้อยู่เฉกเช่นเดิม เขาเพียงจ้องมองสตรีตรงหน้าอยู่อย่างนั้นเงียบๆ โดยยากที่คาดเดาเจตนารมณ์ของอีกฝ่าย เพียงไม่นานริมฝีปากเรียวบางก็อ้าเปิดออก แม้ว่าตอนนี้มันจะแห้งผากและปริแตกอยู่บ้างก็ตาม “ท่านสามารถลบเลือนมันได้จริงหรือ? ข้าสามารถลบเลือนฝันร้ายที่ข้าแสนเกลียดชังได้จริงๆ ใช่ไหม...” มีจริงๆ หรือ? ข้าสามารถลบเลือนมันได้จริงๆ ใช่ไหม? “หากข้อแลกเปลี่ยนที่เจ้าต้องการ…ทว่าเป็นสิ่งที่เจ้าเกลียดชังมากที่สุด...เจ้าจะยังต้องการมันอยู่อีกหรือไม่?” คำพูดของบุรุษปริศนาทำให้หลันจิวฮวารู้สึกสิ้นหวังอีกครั้ง แล้วมันจะต่างอันใดกับสิ่งที่ข้าต้องจำ หากให้ข้าลบเลือนสิ่งที่เกลียดชังมากที่สุดเพื่อกระทำในสิ่งที่แสนชิงชัง ชีวิตข้าจะมีความหมายอันใด การอยู่อย่างตายทั้งเป็นแบบนี้ข้าคงไม่ปรารถนา หากต้องมีลมหายใจที่มีอดีตที่แสนโสมมคอยหลอกหลอน ข้าว่า...ขอตายดีกว่า อย่างน้อยข้าคงไม่ต้องเจ็บปวดเช่นนี้ “ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว...” บุรุษชุดขาวพูดจบก็หันหลังให้กับนางทันที ท่าทีของเขายังคงเรียบนิ่งเฉกเช่นเดิมไม่เคยเปลี่ยน แม้ว่าหญิงงามตรงหน้าเขาจะน่าสงสารมากเพียงใด แต่ทว่าชายหนุ่มกลับไร้ซึ่งความเห็นใจ “ช้าก่อน ข้าควรจะทำอย่างไร...” แม้ว่าหญิงสาวคิดอยากจะฆ่าตัวตาย แต่ในความเป็นจริงแล้วนางก็ยังคงไม่อยากตาย เพราะโดยสัญชาตญาณของมนุษย์ทุกคนล้วนแล้วแต่รักตัวกลัวตายทั้งนั้น ชายหนุ่มหยุดนิ่งไปชั่วครู่แล้วหันหน้ากลับมามองสตรีตรงหน้า สายตาเยือกเย็นจับจ้องไปที่ดวงตาคู่งามที่บวมเป่งของหญิงสาวอย่างต้องการค้นหาคำตอบ “เจ้าแน่ใจแล้วหรือว่าสิ่งที่เจ้าต้องการ...จะไม่ทำให้เจ้าเสียใจภายหลัง” น้ำเสียงของชายหนุ่มปริศนายังคงเรียบนิ่งแบบเดิมเช่นเดียวกับใบหน้า แม้ว่าในใจลึกๆ แล้วเขาจะรู้สึกแปลกใจอยู่บ้างก็ตามที “ท่านสามารถบอกข้าได้หรือไม่ว่าสิ่งแลกเปลี่ยนของท่าน...คืออันใด?” ดวงตาสีนิลสบประสานกับดวงตาคู่งามนิ่ง ชายหนุ่มพยายามค้นหาความจริงบางอย่างจากใบหน้าของโฉมงามตรงหน้า แต่ทว่าดวงตาคู่งามกลับมุ่งมั่นและแน่วแน่ แม้ว่าลึกๆ  แล้วนัยน์ตาคู่งามคู่นั้นจะสั่นระริกก็ตามที ผ่านไปหนึ่งเค่อ*เสียงแหบแห้งคล้ายกระซิบของโฉมสะคราญผู้อาภัพก็เอ่ยขึ้นอีกครั้ง เหตุเพราะบุรุษตรงหน้านางเอาแต่แน่นิ่งไม่แม้แต่จะพูดคำใดๆ ร่างบอบบางที่คล้ายกับคนที่ไร้วิญญาณเริ่มย่างกรายเข้าไปหาชายปริศนาผู้นั้น “ท่านผู้มีพระคุณ ได้โปรดช่วยข้าเถิด...” “ผงลืมวิญญาณ...” ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นพลางถอนหายใจหนึ่งเฮือก “ยาพิษชนิดนี้สามารถลบเลือนความทรงจำของเจ้าได้ แต่ในขณะเดียวกันฤทธิ์ของมันกลับฝั่งรากลึกเข้าไปในจิตวิญญาณของเจ้าเช่นเดียวกัน สิ่งใดที่เจ้าเกลียดชัง มันจะทำให้เจ้าเป็นในสิ่งๆ นั้น พิษของผงลืมวิญญาณไม่มียาถอนพิษ แต่พิษนี้จะถูกขจัดออกได้ก็ต่อเมื่อใจของเจ้าหลุดพ้น แต่ที่ผ่านมายังไม่เคยมีผู้ใดสามารถหลุดพ้นจากพิษนี้ได้...แม้แต่คนเดียว!” คำพูดของบุรุษตรงหน้าทำให้ร่างของหลันจิวฮวาแทบจะล้มทั้งยืน สิ่งที่นางเกลียดชังคือเดรัจฉานทั้งห้าพวกนั้นที่มันกระทำย่ำยีนาง สวรรค์! แล้วท่านจะให้ข้ากลับไปมีชีวิตเช่นนั้นหรือ!? “ข้าจะรอเจ้าถึงยามจื่อ* ทุกสิ่งทุกอย่างขึ้นอยู่ที่ตัวเจ้า...” หลังจากพูดจบชายหนุ่มก็เดินจากไปโดยไม่แม้แต่เหลียวหลังกลับมามอง เขาทิ้งไว้แต่คำพูดที่แสนบาดลึกเข้าไปในห้วงจิตใจของโฉมงามเพียงเท่านั้น สายลมยามบ่ายคล้อยพัดกระทบดวงหน้างามเป็นระรอก กลิ่นไอความอ้างว้างและโดดเดี่ยวเริ่มเกาะกินใจร่างบอบบางอีกครา ความเจ็บปวด ความสิ้นหวัง เริ่มประเดประดังเข้ามาจนเจ้าของร่างบางแทบจะตั้งรับไม่ทัน “ทำไม ทำไม...” ร่างบอบบางทรุดฮวบลงกับพื้น หยดน้ำใสๆ ที่เคยแห้งเหือดเริ่มหยดลงพื้นดินอีกครั้ง หรือว่าข้าควรจะตายไปจากโลกใบนี้ซะ! ตายไปพร้อมกับอดีตที่ที่แสนบัดซบนี่เสีย ถึงอย่างไรตัวข้าก็ไร้ค่าอยู่แล้ว ไม่มีอะไรดี...ไม่มีแม้แต่ศักดิ์ศรีที่หลงเหลืออยู่ให้ภูมิใจ “สวรรค์! ท่านให้ข้าเกิดมาทำไม ท่านให้ข้าเกิดมาทำไม!!” เสียงกรีดร้องปริ่มจะขาดใจตายของโฉมสะคราญดังขึ้น นิ้วมือทั้งห้าของนางจิกเข้าไปในอุ้งมือจนได้เลือด แต่ความเจ็บนี้มีหรือจะสามารถทดแทนบาดแผลที่หยั่งรากลึกภายในจิตใจของนางได้ มีเพียงความเจ็บปวด ความชิงชังเท่านั้นที่ค่อยๆ กัดกร่อนความรู้สึกของหญิงสาวจนด้านชา… ตะวันคล้อยต่ำลงเพียงไม่นานรัตติกาลแห่งความมืดมิดก็เข้ามาเยือน ภายในตรอกรกร้างแห่งนี้มีเพียงร่างบอบบางของโฉมสะคาญผู้อาภัพโชคเพียงเท่านั้นที่ยังคงนั่งนิ่งงันกับพื้นมาหลายชั่วยาม หากมองเพียงแค่ผิวเผินแล้วกลับคล้ายรูปปั้นหินอยู่หลายส่วน หลายชั่วยามต่อมา ท่ามกลางสายลมยามรัตติกาล ใบหน้างดงามที่เคยหมองหม่นกลับแปรเปลี่ยนไป มุมปากของหญิงสาวค่อยๆ คลี่ยิ้มออกมาจางๆ คล้ายกับว่าไม่แยแสต่อสิ่งอื่นใดอีกต่อไป “ในเมื่อโลกใบนี้ทอดทิ้งข้า แล้วเหตุใดชีวิตข้าต้องทนแบกรับมันไว้ด้วย มิสู้ลืมเลือนทุกสิ่งอย่างแล้วมีความสุขไปกับมันไม่ดีกว่าหรือ?” ดวงตาคู่งามส่องสะท้อนกับแสงจันทร์อย่างไร้ซึ่งความหวังใดๆ การตัดสินใจของหญิงสาวในครั้งนี้ได้เปลี่ยนแปลงชีวิตของนางไปตลอดกาล * 1 เค่อ ประมาณ 15 นาที *  ยาม จื่อ เท่ากับเวลา 23.00 น. จนถึง 24.59 น.
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD