ตอนที่ 5 อดีตที่ยากลืมเลือน

1454 Words
สิบปีก่อน… เมื่อครั้งที่มู่จิวซินอายุยี่สิบ เขาเป็นบุรุษที่มีชีวิตที่เรียบง่าย อาชีพของชายหนุ่มคือรับช่วงต่อจากบิดาที่เพิ่งจะจากไป คือเปิดร้านขายยาที่ชานเมือง แม้ชีวิตของมู่จิวซินจะดูเรียบง่ายแต่กลับมีปณิธานที่กว้างไกล ผู้คนในเมืองฮุ่ยเจียงต่างขนานนามเขาว่าเป็นท่านหมอผู้ใจบุญ นามของชายหนุ่มย่อมไม่ได้มาอย่างง่ายๆ เพียงแค่ลมปาก การช่วยเหลือผู้คนยากไร้ในเมืองล้วนเป็นหน้าที่หลักของมู่จิวซินทั้งสิ้น แต่น้ำน้อยมีหรือจะช่วยดับไฟป่าได้ เพียงไม่นานทรัพย์สินภายในร้านยาก็หมดไปอย่างรวดเร็ว ด้วยความใจบุญสุนทาน ชายหนุ่มจึงไม่หยุดที่จะทำดีเพื่อชาวเมืองอย่างต่อเนื่อง จนไม่นานร้านขายยาของเขาก็ถูกขายทอดตลาด มาวันนี้ญาติสนิทและมิตรสหายกลับหายไปไม่เคยมาพบหน้า ความเจ็บปวดฉายชัดขึ้นในแววตาที่เคยสุกใสของชายหนุ่ม เมื่อปณิธานอันแสนยิ่งใหญ่ของเขากลับทำให้ชีวิตต้องดำดิ่งสู่เหวลึก ความสิ้นหวังก็เริ่มเกิดขึ้น มู่จิ่วซินกลายเป็นคนสิ้นเนื้อประดาตัว จิตใจของชายหนุ่มดูเลื่อนลอยไร้จุดหมาย แม้ว่าเขาจะมีวิชาชีพติดตัว แต่ทว่าความภาคภูมิใจในตัวเองและปณิธานที่ยิ่งใหญ่กลับไม่เหลือเสียแล้ว ในแต่ละวันชายหนุ่มเป็นเสมือนคนสติวิปลาส จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว กลายเป็นท่านหมอที่ไม่มีผู้ใดเหลียวแล จวบจนวันนั้น วันที่เขาได้เจอกับสตรีผู้นั้น สตรีที่มาเปลี่ยนโชคชะตาของมู่จิวซินไปตลอดกาล… ‘ไป๋ลี่เซียน’ นามนี้คนทั้งเมืองฮุ่ยเจียงต่างรู้จักกันเป็นอย่างดี นางเป็นคณิกาแห่งหอหมื่นบุปผาอันเลืองชื่อ ผู้คนต่างขนานนามหญิงสาวว่าสตรีผู้มีความงามพิสุทธิ์ บริสุทธิ์ดุจหยกชั้นเลิศ ความงามของนางแม้แต่ขุนนางใหญ่หรือผู้มีทรัพย์สินเงินทองในเมืองฮุ่ยเจียงต่างต้องการซื้อราตรีของสตรีผู้นี้กันทั้งสิ้น แต่สตรีงามเพียงอย่างเดียวโดยปราศจากพิษสงย่อมไม่ใช่สตรีของหอหมื่นบุปผา มีคนกล่าวไว้ว่า…ความงามของอิสตรีก็เปรียบเสมือนยาพิษ หากผู้ใดได้ลิ้มลองย่อมยากที่จะถอนกายถอนใจจากพิษร้ายนี้ได้… ไป๋ลี่เซียนย่อมเป็นสตรีเช่นนั้น หากปราศจากมวลบุปผาก็คงไร้ซึ่งหมู่ภมรคอยมาตามดอมดม นางเป็นสตรีที่งามเพียงใบหน้าเท่านั้น แต่ทว่าใจของนางกลับอำมหิตยิ่งนัก เพื่อความชอบสตรีผู้นี้ไม่คิดเกี่ยงวิธีที่จะหาหนทางให้ได้มาซึ่งสิ่งที่ตนปรารถนาครอบครอง และในทางตรงกันข้ามหากนางเกลียดชังผู้ใดแล้ว สตรีผู้นี้ก็ไม่เกี่ยงวิธีเช่นกันที่จะกำจัดศัตรูไปให้พ้นทาง ในค่ำคืนหนึ่งของหอหมื่นบุปผา กลิ่นหอมโชยราวกับอำพันทะเลลอยกำจายออกมาเป็นระรอกจากเรือนจันทร์กระจ่าง สตรีร่างงามหยดย้อยราวเทพสวรรค์เดินนวยนาดออกมาจากเรือน ใบหน้างามของนางยามเมื่อต้องแสงไฟช่างงามล้ำไม่เป็นสอง สตรีชุดขาวค่อยๆ ก้าวย่างออกจากเรือนเงียบๆ แล้วเดินอย่างเนิบช้าไปยังทางห้องใต้ดินของหอหมื่นบุปผาที่ใช้ขังบ่าวไพร่ที่กระทำผิด ภายในห้องมืดห้องหนึ่งของคุกใต้ดิน มีร่างของบุรุษผู้หนึ่งนอนหลับตาพริ้มราวกับถูกวางยาสลบ บุรุษผู้นั้นมีใบหน้างามราวหยกชั้นหนึ่ง ส่วนรูปร่างของเขาเป็นชายชาตรีอย่างไม่ต้องพูดถึง แต่ทว่าเสียอย่างเดียวมอมแมมและผอมแห้งไปหน่อย ไป๋ลี่เซียนกระตุกยิ้มนิดๆ ลิ้นเล็กๆ เลียที่มุมปากด้วยความใคร่กระหายหิว ไม่เสียแรงที่นางลงทุนลงแรงกว่าจะได้ตัวคนผู้นี้มา แต่ก็ถือว่าคุ้ม เพราะรสชาติของบุรุษพรหมจรรย์ย่อมหอมหวานกว่าพวกตาแก่มากตัณหาพวกนั้นแน่ๆ นิ้วเรียวงามของไป๋ลี่เซียนกระตุกเป็นเชิงให้สัญญาณเบาๆ ผู้คุมคุกใต้ดินแห่งหอหมื่นบุปผาต่างพากันกรูมารับหน้าที่แทบไม่ต้องรอ ‘เอาตัวท่านหมอมู่ไปที่เรือนข้า และอย่าลืมจัดการทุกอย่างให้เรียบร้อยเสียล่ะ’ สิ้นคำสั่งร่างอรชรของโฉมสะคราญอันดับหนึ่งแห่งหอหมื่นบุปผาก็เดินกรีดกรายออกจากคุกใต้ดินด้วยท่าทางอารมณ์ดี ทิ้งไว้แต่เพียงสายตาริษยาของเหล่าผู้คุมที่มองชายหนุ่มหน้ามนผู้นั้นอยู่เงียบๆ ไม่มีบุรุษผู้ใดในเมืองฮุ่ยเจียงที่ไม่ต้องการได้ลิ้มลองสตรีผู้มีความงามเป็นเอกอย่างไป๋ลี่เซียน แต่ทว่ามู่จิวซินกลับเป็นข้อยกเว้น โชคชะตาของชายหนุ่มกลับถูกสตรีผู้มีจิตใจดั่งอสรพิษหมายตาเอาไว้ตั้งแต่แรกพบ และเขาจะต้องเป็นของเล่นของนาง ตราบใดที่โฉมสะคราญยังไม่รู้สึกเบื่อของเล่นชิ้นนี้ ก็อย่าคิดหวังว่าจะมีผู้ใดมาแย่งชิงไปได้! กลิ่มหอมของกำยานไม้หอมจากทางแดนใต้ซึ่งมีค่าราวพันตำลึง แต่ทว่าในเรือนจันทร์กระจ่างกลับนำมาจุดใช้ราวกับไม่เสียดายของ แสดงให้เห็นถึงฐานะและอำนาจของคณิกาอันดับหนึ่งแห่งหอหมื่นบุปผาผู้นี้ ว่านางมีความสำคัญมากเพียงใด ภายในเรือนจันทร์กระจ่าง สิ่งของเครื่องใช้ล้วนเป็นสิ่งของชั้นเลิศ รวมไปถึงบุรุษที่เป็นของเล่นของสตรีผู้นี้ก็เช่นเดียวกัน ล้วนเป็นหนึ่งไม่มีสอง ร่างเปลือยเปล่าที่มีเพียงผ้าบางๆ ปกปิดเรือนร่างกำยำเอาไว้อย่างหมิ่นเหม่ ดวงตาคู่คมหลับสนิทนอนอยู่บนเตียงไม้หอมชั้นหนึ่ง ไป๋ลี่เซียนคลี่ยิ้มจางๆ ขณะมองเหยื่อที่แสนโอชะของนางอย่างกระหายหิว ดวงตาคู่งามเปล่งประกายดั่งอสรพิษเจอเหยื่อ นิ้วเรียวงามดุจลำเทียนค่อยๆ เปลื้องอาภรณ์ภายในกายของนางออกช้าๆ เผยให้เห็นผิวขาวเนียนละเอียดของโฉมสะคราญเลืองชื่อ แสงไฟจากเปลวเทียนหอมกระทบนวลเนื้อกาย ยิ่งเพิ่มกลิ่นอายเสน่ห์เย้ายวนชวนหลงใหลนัก ร่างอรชรอ้อนแอ้นคลี่ยิ้มให้ตนเองอย่างพึงใจ เมื่อเงาสะท้อนจากคันฉ่องเผยเรือนร่างที่งามงดหมดจด แม้แต่สตรีด้วยกันเองก็ยังเอียงอาย จากนั้นโฉมงามสะคราญก็ค่อยๆ ก้มใบหน้าต่ำลงไปดอมดมกลิ่นอายบุรุษที่อยู่เบื้องหน้า ‘อ่าห์…หอมเหลือเกิน…’ ลิ้นเล็กของไป๋ลี่เซียนค่อยๆ เลียกลีบปากบางที่แห้งผากของมู่จิวซินช้าๆ โฉมสะคราญพยายามซอกซอนไปตามไรฟันขาวสะอาดราวกับกำลังค้นหาสิ่งของล้ำค่า ‘ช่างหวานอะไรปานนี้นะ…’ นิ้วทั้งห้าของหญิงงามบีบกรามให้ชายหนุ่มอ้าปาก และแล้วลิ้นที่แสนไหลลื่นของไป๋ลี่เซียนก็ชอนไชเข้าไปในโพรงปากชื้นราวกับปลาได้น้ำ ‘จุ๊บๆ จ๊วบๆ’ โฉมงามที่มีใบหน้างามพิสุทธิ์ บัดนี้กลับกระทำจาบจ้วงกับริมฝีปากของบุรษอย่างไร้ยางอาย ในขณะเดียวกันนั้นเองเปลือกตาที่แสนหนักอึ้งของมู่จิวซินก็พลันเบิกกว้างด้วยความตกตะลึง การกระทำที่แสนไร้ยางอายและแสนหน้าด้านของไป๋ลี่เซียนปลุกให้ชายหนุ่มตื่นจากนิทรา แต่ทว่าร่างกายของเขากลับแข็งทื่อไม่สามารถขยับเขยื้อนตัวได้ดังเดิม ดวงตาคมจ้องมองโฉมงามกำลังดูดดึงริมฝีปากของตนอย่างเอาเป็นเอาตาย ลิ้นเรียวเล็กกำลังชอนไชดูดดื่มความชุ่มชื้นไปทั่วโพรงปากของเขา มู่จิวซินจ้องมองสตรีผู้นั้นด้วยนัยน์ตาแข็งกร้าว แต่ทว่าการกระทำของสตรีผู้นี้กลับเร่าร้อนและเพิ่มทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ‘อื้อ!’ ชายหนุ่มพยายามจะขัดขืนสัมผัสที่แสนวาบหวิว แต่ทว่าสตรีหน้าหนาผู้นี้กลับกระทำการหยามเกียรติเขาอย่างไม่รู้จักยางอาย ไป๋ลี่เซียนคลี่ยิ้มนิดๆ อย่างพอใจเมื่อเหยื่อของนางตื่นขึ้นมาทันเวลา ดวงตาคู่นั้นของบุรุษผู้นี้ช่างพยศและดื้อรั้นนัก ทว่าเขากลับตรงใจนางเสียเหลือเกิน ม้าป่าถ้าไม่พยศเวลาฝึกย่อมไม่มีอันใดที่น่าตื่นเต้น เฉกเช่นกับของเล่นใหม่ของนางตัวนี้อีกแล้ว ช่างเป็นม้าป่าที่แสนดื้อเงียบเสียจริงๆ ฮ่าๆๆ ลิ้นเรียวเล็กไล่ต่ำลงมาช้าๆ แต่ละสัมผัสทำให้ร่างกายของมู่จิวซินถึงกับขนลุกซู่อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ความรู้สึกวูบวาบแปลกๆ ที่ปริเวณหว่างขาทำให้ชายหนุ่มรู้สึกแปลกประหลาดระคนเสียวซ่าน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD