๓.๒

1703 Words
“เอ่อหนูมิ้นรู้หรือเปล่าว่าคุณคนข้างบ้านเขาจะกลับมาเมื่อไร” คำว่า ‘คุณคนข้างบ้าน’ ทำให้สาวน้อยเงยหน้าขึ้นหลังจากเลื่อนจานขนมให้ชายหนุ่มทั้งสองแล้วยิ้มขัน “แหม... คุณพีก็ ทำไมไปเรียกพี่แป๋วแบบนั้นคะ ชื่อก็มีคุณพีก็ทราบ” กระเซ้าคนตัวโตหน้าคมที่ติดทะเล้นยิ้มๆ แต่อีกฝ่ายไหวไหล่เบาๆ อย่างไม่ยี่หระ “ฮึ ไม่อยากเรียกชื่อหรอก คนอะไร เจอหน้าพี่แต่ละทีทำเหมือนอาฆาตมาแต่ชาติปางก่อน อยากรู้นักว่าไปทำอะไรให้ มองมาทีนี่กราดตั้งแต่หัวจดเท้า เฮอะ ผู้หญิงอะไร แบบนี้ไงถึงขึ้นคาน นี่นะ ถ้ากลับมาคราวนี้ไม่มีฝรั่งตาถั่วติดไม้ติดมือมาด้วย พี่จะซื้อของขวัญให้เป็นคานฝังเพชรผูกโบว์สีแดงส่งจนถึงหน้าบ้านเลย คอยดูสิ!” คำพูดของรพีทำเอาสาวน้อยเบิกตากว้างก่อนมองไปยังณนนท์ที่ส่ายหน้าระอาใจ เขามองแวบเดียวก็รู้ว่าอีกฝ่ายมีใจให้สาวสวยข้างบ้าน ทว่าเจ้าหล่อนไม่ยอมเล่นด้วยหนำซ้ำยังปะทะคารมกันทุกครั้งที่พบหน้า เพราะถูกอีกฝ่ายกล่าวหาว่าเป็นสาวทึนทึกบ้าง เป็นแม่พลอยหุงบ้าง ซ้ำร้ายไปกว่านั้นยังถูกกล่าวหาว่าเป็นนางพญาคานทอง เหตุเหล่านี้ทำให้รัตติยากรศาสตร์สาร หรือแป๋ว อาจารย์สาวสวยรุ่นพี่ข้างบ้านไม่ถูกชะตากับรพีมานาน หากแต่เขารู้ดีว่าแท้จริงเพื่อนเป็นคนดีแค่ไหน เสียแต่ปากร้ายไปนิด แต่จะว่าแบบนั้นเลยก็ไม่เชิงนักเพราะปกติรพีจะสุภาพอ่อนโยนกับคนรอบข้าง ยกเว้นรัตติยากรเท่านั้นที่รพีไม่ยอมลงให้... “เบาๆ หน่อยเหอะว่ะ ทำเป็นแช่งชักเข้าไป ถ้าเกิดกลับมาคราวนี้พี่แป๋วควงหนุ่มตาน้ำข้าวกลับมาด้วยแล้วจะหนาว หลังๆ นี่ได้ข่าวว่ามีหนุ่มๆ ตามขายขนมจีบไม่เว้นแต่ละวันเลยใช่ไหมมิ้น” หันไปถามมินตรา หญิงสาวยิ้มพลางพยักหน้าหงึกหงัก “ใช่ค่ะ พี่แป๋วมีหนุ่มๆ ตามจีบเป็นพรวน ทั้งอาจารย์ด้วยกัน ทั้งเจ้าหน้าที่ อ้อ เมื่อสักอาทิตย์ที่แล้วมิ้นไปซื้อของกับพี่แป๋วยังมีหนุ่มนักธุรกิจสงสัยจะเป็นเพื่อนเก่าตามมาถึงบ้าน มิ้นเห็นนัยน์ตางี้หวานเยิ้มเวลามองพี่แป๋ว แต่ดูเหมือนพี่แป๋วจะเฉยๆ สงสัยไม่ชอบ แต่ก็ไม่แน่นะคะ เขาทั้งรูปร่างหน้าตาดีอัธยาศัยดี ฐานะก็เป็นปึกแผ่น ดีไม่ดี พี่แป๋วอาจชอบขึ้นมาก็ได้...” คนฟังวาดภาพตามรัตติยากรมีหนุ่มหล่อเดินตามหลังต้อยๆ แล้วให้รู้สึกร้อนรนในใจ ลามไปที่ก้นร้อนจนแทบนั่งไม่ติด พาลนึกหมั่นไส้ผู้หญิงสวยแต่รูปจูบไม่หอม ฮึ! ไม่เคยจูบหรอกแต่ดูเอาก็รู้ ก็ถ้าจูบหวานจูบหอมป่านนี้คงมีลูกเป็นพรวนไปแล้วเชอะ! สองพี่น้องสบตากันก่อนจะส่ายหน้าเบาๆ เมื่อมองใบหน้าหล่อเหลาที่งอเง้าเป็นจวัก พลอยให้ณนนท์หมั่นไส้ไอ้คนปากอย่างใจอย่าง จนนึกในใจอย่างสนุกว่าเขาจะรอวันที่อีกฝ่ายอกหักรักคุดมานั่งเป็นหมาหงอยคอยให้เขาปรับทุกข์อยู่ข้างๆ แล้วหากถึงวันนั้นเขาจะหัวเราะให้ฟันโยก โทษฐานเพราะมัวแต่เล่นเอาเถิดเจ้าล่ออยู่คนเดียว... ณนนท์คิดอย่างหมั่นไส้เพื่อนรัก แต่ไม่รู้ตัวเลยสักนิดว่าขาข้างหนึ่งกำลังก้าวเข้าไปอยู่ในห้วงทุกข์อย่างแสนสาหัสโดยไม่รู้ตัว และดูจะหนักหนากว่าจนน่ากลัว... หนึ่งเดือนผันผ่านหลังจากเหตุการณ์คืนนั้น ทุกอย่างยังคงปกติ ณนนท์ยังคงไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างเขาและมินตรา แม้เคยตะขิดตะขวงแต่ความพยายามที่จะลืมก็ทำให้เขาเริ่มจะเลือน ต่างจากหญิงสาวที่รู้อยู่แก่ใจและเก็บซับความสุขล้ำอยู่ในอก แต่แล้ววันนี้ความผิดปกติอันใหญ่หลวงกำลังเกิดขึ้นกับหล่อน... ร่างบางลุกขึ้นทว่าต้องทิ้งศีรษะลงไปกับหมอนนุ่มอีกครั้ง เมื่อพื้นห้องและโดยรอบโคลงเคลงจนหน้ามืด ตามมาด้วยอาการวิงเวียนคลื่นเ**ยนจนอยากจะอาเจียน จากที่ต้องการตื่นแต่เช้ากลายเป็นตะวันจ้าเวลาสายโด่งก็ยังลุกไม่ขึ้น เป็นเหตุให้คนที่รอรับประทานอาหารอยู่ด้านล่างต้องเอ่ยขึ้นอย่างแปลกใจ “เอ... หนูมิ้นทำไมยังไม่ลงมาอีก” คุณนัดดาเปรยออกมาพลางกวาดตามองหาสาวใช้ แต่ณนนท์ที่นั่งอยู่นั้นอาสาแทน “ผมขึ้นไปดูน้องเองครับคุณแม่” “เอาอย่างนั้นก็ได้ ไปดูหน่อยเถอะ ปกติลงมาแต่เช้า ไม่สบายหรือเปล่า” คุณนัดดาเปรยเสียงพึมพำขณะที่ร่างสูงของบุตรชายก้าวออกจากโต๊ะอาหารขึ้นไปยังห้องนอนของมินตรา... คนอาสามาหยุดอยู่หน้าประตูของเจ้าของห้องตัวบาง แล้วเคาะเบาๆ สามครั้งก่อน แต่เมื่อภายในยังเงียบเขาจึงเอ่ยเรียกอย่างเป็นห่วง “มิ้น มิ้นเป็นอะไรหรือเปล่า เปิดประตูให้พี่หน่อย” คนที่คอนศีรษะแทบไม่ขึ้นเปิดเปลือกตามองไปยังประตู ก่อนจะค่อยๆ พยุงตัวลุกขึ้นนั่งแม้จะยังวิงเวียนไม่หาย กระทั่งได้ยินเสียงเคาะประตูเรียกอีกครั้ง จึงค่อยโซซัดโซเซไปเปิดจนได้ในที่สุด “มิ้น!” มือหนาเอื้อมประคองร่างบางทันทีที่เห็นว่าหล่อนทำท่าจะรูดลงไปกองกับพื้น “มิ้นเป็นอะไร ทำไมหน้าซีดแบบนี้?” เอ่ยถามขณะกวาดตามองทั่วใบหน้าเผือดซีดไร้สีเลือด “ไม่รู้ค่ะ มันเวียนหัว พื้นโครงไปหมด” คนพูดทำท่าหมดแรง ชายหนุ่มจึงตวัดร่างบางขึ้นอุ้มแล้วพาไปนอนยังเตียงสีหวานของหญิงสาว มินตราหัวใจกระตุกวาบแต่ก็ไม่อาจห้ามปรามเขาได้ด้วยร่างกายอ่อนล้าเต็มที... ณนนท์วางร่างบางลงนอนราบแล้วหันมองยาหอมแต่ไม่มีให้เห็นจึงหันกลับมายังร่างเล็กระหงแล้วบอก “มิ้นนอนพักก่อนนะ เดี๋ยวพี่จะลงไปเอายาหอมมาให้” ไม่ทันที่มินตราจะห้าม ร่างสูงก็เดินลิ่วตรงไปยังประตูและหายลับไปพักใหญ่ ก่อนจะขึ้นมาอีกครั้งพร้อมกับมารดา “หนูมิ้น...” คุณนัดดานั่งลงข้างเตียง รับยาหอมจากบุตรชายพร้อมกับพยุงร่างเล็กให้ลุกขึ้นนั่ง “ดื่มยาหอมนี่ก่อนนะจ๊ะ ดูสิหน้าซีดขนาดนี้ ทำไมไม่โทรให้ใครเอายาขึ้นมาให้” คนตัวบางถูกเอ็ดเบาๆ ขณะอ้าปากรับยาหอมที่คุณนัดดาป้อน ณนนท์ก็พลอยยืนมองด้วยความเป็นห่วง ยิ่งเห็นใบหน้าหวานที่เคยสดใสซีดเซียวเขาก็ยิ่งเป็นห่วงจนบอกไม่ถูกหญิงสาวถูกจัดให้นอนอีกครั้งเมื่อทานยาเสร็จแล้ว คุณนัดดาจึงเงยขึ้นบอกกับบุตรชาย “นนท์ไปทำงานเถอะลูก เดี๋ยวทางนี้แม่จะอยู่ดูแลน้องเอง” คิ้วหนาขมวดมุ่น วันนี้มารดามีนัดสำคัญกับบิดา ด้วยทั้งคู่เป็นข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ บิดาเป็นผู้อำนวยการส่วนมารดาเป็นรองผู้อำนวยการหน่วยงานราชการแห่งหนึ่ง ทั้งคู่ถูกเชิญให้ไปร่วมงานสำคัญ “แล้วงานวันนี้ล่ะครับคุณแม่ ผมว่าคุณแม่ไปเถอะครับ เดี๋ยวทางนี้ผมจะอยู่ดูแลมิ้นเอง ความจริง วันนี้งานผมไม่มีอะไรมาก โทรไปลาหยุดสักวันไม่เป็นไรหรอกครับ” คุณนัดดามีสีหน้าหนักใจไม่น้อย เพราะไม่ต้องการให้บุตรชายเสียงานเสียการ แต่ท่านเองก็มีงานสำคัญรออยู่เช่นกัน สาวน้อยรู้สึกว่าตนเองกำลังกลายเป็นตัวถ่วงทั้งคู่จึงเอ่ยขึ้น “คุณแม่กับคุณนนท์ไม่ต้องอยู่ดูแลมิ้นหรอกค่ะ พี่สาย พี่วรรณ ป้าน้อยก็อยู่ อีกอย่างมิ้นไม่เป็นไรมาก นอนพักอีกสักครู่ก็คงหาย” คนตัวบางที่นอนแบ็บบนเตียงนุ่มให้เหตุผล พยายามยิ้มสดใสทว่าไม่ได้ผลนัก “ไม่ได้...” ณนนท์โพล่งออกมาอย่างไม่เห็นด้วย ก่อนตัดสินใจเด็ดขาด “คุณแม่ทำงานเถอะครับ งานผมส่วนใหญ่เคลียร์เรียบร้อยหมดแล้วจริงๆ จะเหลืออยู่ก็ไม่มากนัก วันนี้ทำอยู่บ้านสักวันคงไม่เป็นไร” คุณนัดดาถอนหายใจเฮือก ก่อนก้มลงสบตาสาวน้อยที่ท่านรักประดุจบุตรสาวแท้ๆ เมื่อยอมจำนนต่อเหตุผลของบุตรชาย “เอาอย่างนั้นก็ได้ หนูมิ้น ให้พี่นนท์อยู่เป็นเพื่อนแล้วกันนะจ๊ะ” “เอ่อแต่ว่า...” มินตรามีสีหน้ากังวลชัดเจน “ไม่มีแต่หรอก คุณแม่ลงไปทานข้าวเถอะครับ ทางนี้ผมจัดการเอง ใครดื้อจะจับตีเสียให้เข็ด” เขาหันมาจ้องตาที่ฉายแววดื้อรั้นของหญิงสาวดุๆ ทำให้คุณนัดดาส่ายหน้ายิ้มๆ กับท่าทางขึงขังของบุตรชาย รู้ว่าอย่างไรอีกฝ่ายก็ไม่มีวันทำเช่นคำขู่ได้แน่นอน “ก็ได้จ้ะ แม่ไปก่อนนะจ๊ะ” หญิงสาวยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายตามความเคยชิน กระทั่งคุณนัดดาลับไปจากห้อง จึงสบตาคนตัวโตที่นั่งลงบนเตียงตำแหน่งเดียวกับคุณนัดดาด้วยนัยน์ตาขัดเคือง “คุณนนท์ไม่เห็นต้องมาอยู่เป็นเพื่อนมิ้นเลย แค่มิ้นนอนพักก็พอแล้ว มาอยู่กับมิ้นแบบนี้เสียงานเสียการหมด” คนหน้าซีดจนคอนศีรษะไม่ไหวยังมีแรงบ่น “ไม่ต้องมาหว่านล้อมพูดมาก พี่ตัดสินใจแล้ว รอประเดี๋ยวพี่บอกป้าน้อยไปแล้วว่าให้ทำข้าวต้มมาให้ กินสักหน่อยแล้วค่อยพักผ่อน” คนพูดยกมือขึ้นไล้ผมที่รุ่ยร่ายทัดใบหูให้คนป่วยอย่างแผ่วเบา สร้างความรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัยแก่หญิงสาวนัก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD