บทที่1.ภาระหนักอึ้งบนสองบ่า

1557 Words
มันเป็นเรื่องเศร้า ที่แฝงความทรงจำดีๆ ไว้ ครั้งหนึ่งที่มาริสามีความรัก เธอตกหลุมรักชายผู้หนึ่งแบบไม่สามารถถอนตัวได้ เธอกับเขาพบกันแบบบังเอิญ และความเข้าใจผิดชักพาให้คนทั้งคู่ เดินบนเส้นทางที่เต็มไปด้วยคำลวง มาร์แชล เมดิสัน เป็นผู้สืบทอดทายาทของตระกูลเมดิสัน เขาเป็นบุตรคนรอง ที่มีความสามารถโดดเด่นกว่าพี่ชาย มาริสาเจอกับเขาที่โรงแรมเมดิสัน เธอเป็นแม่บ้าน เป็นพนักงานพาร์ทไทม์ แต่เขาเข้าใจผิดคิดว่าเธอเป็นลูกค้า เธอไม่อยากตัดรอนความสัมพันธ์ที่เพิ่งเริ่มต้น เธอเลยเริ่มโกหก เธอปิดมาร์แชลไว้หลายเรื่อง รวมทั้งเรื่องลูกติดของเธอด้วย บทที่1.ภาระหนักอึ้งบนสองบ่า   มาริสารีบเดินทางมาหาพี่สาวเร็วที่สุดเท่าที่เธอจะทำได้ แต่เธอก็มาช้าเกินไป ลมหายใจของมะลิหลุดลอยไปก่อนที่เธอจะมาถึง เธอจมอยู่ในความเศร้า รู้สึกเคว้งคว้างอ้างว้างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้จะหันหน้าไปพึ่งใครเลย เธอเพิ่งเหยียบดินแดนไกลบ้านเกิดได้ไม่เต็มสิบวันดี ภาษาที่พอถูไถไปได้ แต่ยังไม่คล่องนัก เธอต้องการมาเรียนต่อ แต่ความหวังนั่นดูเหมือนจะเลือนราง มันมีความลับที่มาริสาปริปากบอกใครไม่ได้ มะลิซ่อนบางอย่างไว้ และนั่นเป็นสาเหตุที่พี่สาวของเธอคิดสั้น เด็กชายวัยขวบเศษๆ เศษความรักของมะลิกับชายผู้หนึ่ง ใครสักคนที่มาริสาไม่เคยเห็นหน้า ช่วงที่กำลังรอที่จะไปเรียนภาษา มาริสาเลยอาสาเลี้ยงหลานชาย เกดจ์น่ารัก เป็นเด็กยิ้มง่ายและค่อนข้างเรียบร้อย คงเพราะสัญชาติญาณเตือนด้วยมั้ง เขาไม่ได้เกิดมาในครอบครัวที่พรั่งพร้อมเหมือนเด็กคนอื่น แววตาเศร้าของหลานชาย ทำให้มาริสาน้ำตาซึม เธอพยายามถามหาเหตุผลในการแยกทางกันระหว่างมะลิกับแฟนของเธอ แต่มะลิเลือกที่จะปิดปาก และอมพะนำความลับนั่นไว้ มาริสาเลยจำใจสงบปาก เธอไม่มีทางช่วยแก้ไขอะไรให้มะลิได้ ตราบใดที่เธอไม่รู้ความจริง มาริสายกหลังมือขึ้นปาดคราบน้ำตาตรงร่องแก้ม เธออ่อนแอมากไปกว่านี้ไม่ได้ เธอไม่ใช่พระเจ้าที่จะรั้งดวงวิญญาณของพี่สาวกลับมาจากขุมนรก เธอเป็นแค่คนธรรมดาที่ไร้ที่พึ่งพาในเมืองใหญ่ เมืองที่เต็มไปด้วยการแข่งขัน ทุกคนรอบตัวเธอดิ้นรนไม่ต่างกันเลย “ฉันต้องทำยังไงบ้างคะ ช่วยอธิบายให้ฉันรู้ที ฉันไม่ชินกับวัฒนธรรมของที่นี่เลยค่ะ” มาริสาถามแบบไม่กลัวอาย เธอกับมะลิเป็นพี่น้องกัน อายุห่างกันหนึ่งปีพอดี และเป็นเด็กกำพร้าที่โตมาใต้ความอุปถัมภ์ของเศรษฐีใจดีคนหนึ่ง จนครบกำหนดอายุ มะลิเรียนเก่ง มีพรสวรรค์ เธอได้รับทุนก้อนใหญ่ เลยเดินทางมาเรียนต่อ และลงหลักปักฐานที่นี่ทันทีที่เรียนจบ มาริสาไม่รู้ว่าพี่สาวผ่านอะไรมาบ้าง ในช่วงที่ห่างกัน เธอทำมาหากินเลี้ยงตัวเอง และเรียนไปด้วย มะลิย้ำนักย้ำหนาให้เธอเรียนภาษาเป็นหลัก แต่ความที่ไม่ค่อยมีเวลาว่าง เนื่องจากทำงานพาร์ทไทม์หลายที่เพื่อให้พอกับรายจ่าย มาริสาเลยพอกล้อมแกล้มพูดได้ สื่อสารรู้เรื่อง เธอไม่คิดว่าตนเองต้องระเห็จมาถึงที่นี่ เพราะไม่ค่อยชอบวัฒนธรรมต่างแดนสักเท่าไหร่ จนวันหนึ่งมะลิขอร้องแกมบังคับ ของขวัญวันเกิดของเธอคือตั๋วเครื่องบินและพลาสปอร์ตที่มะลิจัดการให้ทั้งหมด เธอออกเดินทางมาแบบงงๆ และงงมากขึ้น เมื่อเจอความลับที่มะลิซ่อนไว้ ชายตรงหน้าเธอยิ้มรับพร้อมกับส่ายหน้า คำตอบของเขาทำให้เธออึ้งมากขึ้นไปอีก “คุณไม่ต้องทำอะไรเลยครับ มีคนจัดการเรื่องของคุณมะลิไปแล้ว คุณตามไปก็ได้นะ” ชายผู้นั้นยื่นเอกสารบางอย่างให้เธอ มาริสารีบไปตามที่อยู่นั่น เธอยืนงงอยู่พักใหญ่ สติเตลิดไปไกลสุดกู่ พร้อมกับหยดน้ำตาที่ไหลพรู สุสาน...ที่ฝังศพ มีบาทหลวงกำลังสวดมนต์ ส่งร่างไร้วิญญาณของพี่สาวเธอ กับคนแปลกหน้าที่คงมาจัดการบรรจุร่างของมะลิลงโลง อุปกรณ์หลายอย่างวางอยู่ใกล้ๆ เธอเดินไปยืนสำรวมด้านข้าง ยกมือปาดน้ำตาทุกครั้งที่หยดน้ำตาไหลริน พยายามทำใจให้สงบ อย่างน้อยพี่สาวของเธอจะได้หมดห่วง หลังกลบฝังร่างไร้วัญญาณของมะลิ มาริสายืนทำใจอีกเกือบสามสิบนาที เธอคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้ว่าตัวเองต้องเริ่มต้นตรงไหน ทุกอย่างไวจนเธอตั้งตัวไม่ทัน เธอกลายเป็นแม่ลูกอ่อน มีลูกชายวัยหนึ่งปี ใครบางคนยัดซองสีน้ำตาลไหม้ใส่มือเธอ เธอกำลังมึนจนสติเลอะเลือน จำหน้าใครไม่ได้สักคน จนเมื่อสติคืนกลับมาเกือบครบ มาริสาเลยเปิดซองที่กอดไว้แนบอกออกดู ความประหลาดใจเกิดขึ้นทันที ก้นซองมีเอกสารการแจ้งเกิดของเกดจ์ มีใบรับรองบุตรที่มีชื่อเธอเป็นแม่ เธอเงยหน้ามองไปรอบตัว ใครคนนั้นจัดการเรื่องเอกสารพวกนี้ให้เธอ เพื่อเกดจ์จะได้ไม่ถูกส่งไปสถานสงเคราะห์ มาริสามานึกเสียใจตอนนี้ เธอควรตั้งสติให้ได้ก่อนหน้านี้ อย่างน้อยเธอก็ควรรู้บ้าง ใครเป็นคนจัดการเอกสารพวกนี้ และใครคนนั้นก็น่าจะเป็นธุระเรื่องของมะลิ แถมใครคนนั้นอาจจะเป็นพ่อของเกดจ์ เธอนึกได้ตอนที่สายไปเสียแล้ว รอบตัวเธอมีแต่ความเงียบ มีแค่หลุมฝังศพ และป้ายชื่อเต็มสุสาน มาริสาลากขาเดินออกจากสุสาน เธอไม่มีเวลาเศร้านานหรอก ภาระที่เธอแบกไว้บ่นบ่ากำลังรออยู่ หนทางที่มืดมนตรงหน้า เหมือนจะมืนมนกว่าเก่า เธอคิดอะไรไม่ออกสักอย่าง สมองตีบตันและว่างเปล่า เธอควรตั้งหลัก ไม่อย่างนั้นหลานชายของเธอจะอดตาย เธอเดินไปนั่งรอรถบระจำทางที่ป้าย ล้วงกระเป๋ากางเกงเพื่อควานหาเศษสตางค์ไว้สำหรับจ่ายค่ารถ แล้วมาริสาก็นึกขึ้นได้ หากอยากรู้ความจริงเรื่องมะลิ เธอตามจากเอกสารที่เขาให้เธอมาก็ได้ เธอควรรู้อะไรบ้าง ไม่ใช่มืดแปดด้านแบบนี้ คนที่ทำให้เกดจ์เกิดคือใคร? และเพราะอะไรมะลิถึงคิดสั้น พี่สาวของเธอต้องหมดหวังขนาดไหนถึงฆ่าตัวตาย ทิ้งลูกชายคนเดียวให้เผชิญโลกใบนี้เพียงลำพัง มาริสาถอนใจ เดินขึ้นรถประจำทางที่จอดตรงป้าย เธอเลือกที่นั่งหลังสุด เหลียวกลับไปมองด้านหลัง สั่งลามะลิครั้งสุดท้าย เธอสัญญากับพี่สาวในใจ เธอจะเข้มแข็ง เป็นตัวแทนมะลิ จนกว่าเกดจ์จะโต ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วมากจนตั้งตัวไม่ทัน มาริสาไม่มีเวลาเตรียมตัวเลย เธอรู้สึกเหมือนเป็นตัวคนเดียวบนโลกที่ไร้เสียงพูด รอบตัวเธอเงียบงัน มืดสนิท เธอสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ เดินลงจากรถประจำทางเมื่อถึงจุดหมาย อพาร์ทเม้นท์เล็กๆ ที่ซุกหัวนอนของเธอกับพี่สาวและหลานชาย ต่อไปนี้เหลือแค่เธอกับเด็กชายวัยหนึ่งปีเท่านั้น เธอแวะดูเอกสารในตู้เลขห้องของมะลิ เธอเจอซองเอกสารบัตรเครดิตหลายใบถูกสอดไว้จนล้น เธอรวบซองทั้งหมดยัดใส่กระเป๋าสะพาย และเดินเลยไปด้านหลัง เพื่อรับหลานชายที่ฝากไว้กับเนอสเซอรี่ เกดจ์ยิ้มแป้นทันทีที่เธอโผล่หน้าเข้าไป เด็กชายคลานเข้าหา มาริสาเลยน้ำตาร่วง เด็กชายตรงหน้าเพิ่งกลายเป็นเด็กกำพร้า แต่เพราะวัยของเขา เลยทำให้เขายังไม่รู้ เขาเพิ่งสูญเสียมารดาไปหมาดๆ “ฉันเสียใจด้วยนะคะ เรื่องแม่ของเกดจ์” พี่เลี้ยงเด็กพูดกับเธอด้วยเสียงแผ่วๆ มาริสาพยักหน้าหงึกหงัก “พอทราบไหมคะ ที่ไหนรับคนงานบ้าง ฉันต้องรีบหางานทำ ก่อนที่เราทั้งคู่จะอดตาย” เธอไม่เคยกลัวงานหนัก ไม่รู้สึกท้อแท้ มาริสาแค่กำลังเคว้ง เธอยังไม่ชินกับที่นี่ เธอเป็นคนแปลกหน้าในพื้นที่แห่งนี้ บทที่2.พนักงานทำความสะอาดคนใหม่   เพราะคำแนะนำของพี่เลี้ยงที่ทำงานในเนอสเซอรี่ มาริสาเลยมาที่โรงแรมเมดิสัน ที่นี่กำลังเปิดรับคนงานไม่เกี่ยงอายุหรือวุฒิการศึกษา ค่าครองชีพที่นี่สูงมาก เมื่อเทียบกับประเทศถิ่นเกิดของเธอ หากเธอมัวเกี่ยงงาน อีกไม่นานเธอคงอดตาย แค่ทำงานเพิ่มจากคนปกติหนึ่งเท่า แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับค่าใช้จ่ายที่รออยู่ 
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD