คุณเชื่อเรื่องพรหมลิขิตไหม...?
มันไม่มีจริงหรอก... พรหมลิขิต... เรื่องบังเอิญ...
สิ่งเหล่านั้นมันไม่มีอยู่ในชีวิตจริงหรอก... นอกจากเวรกรรม!
.
[จุดเริ่มต้น]
.
.
.
Rrr…
ฉันขยับตัวหนีเสียงเรียกเข้าที่กำลังส่งเสียงดังข้างหูอย่างหงุดหงิด ใครมันโทรมาตอนนี้เนี่ย! หมอนหนาถูกยกขึ้นปิดหน้าแต่เสียงน่ารำคาญก็ยังดังขึ้นไม่หยุด ผลสุดท้ายต้องจำใจเอื้อมไปหยิบมากดรับสาย ถ้าไม่ใช่ธุระด่วนนะ แม่จะด่าให้ลืมบ้านเลยทีเดียว!
“ใครวะ!” นี่มันวันหยุดฉันนะเว้ย!
[นั่นใครน่ะ!?] ฉันขมวดคิ้วทั้งที่ยังลืมตาไม่ขึ้น ยัยนี่ประสาทป่ะเนี่ย โทรมาหาฉันแท้ ๆ แต่เสือกถามว่าฉันเป็นใคร!
“แล้วโทรหาใครละวะ!” โคตรหงุดหงิดเลยบอกตรง ๆ ฉันเป็นคนหลับยากนะ แต่ถ้าหลับเมื่อไหร่ใครก็ห้ามกวน
[ฉันก็โทรหาผัวฉันสิยะ! แกนั่นแหละเป็นใคร! กล้าดียังไงมารับโทรศัพท์นำทัพกันห๊ะ!]
“...” ยัยบ้านี่พูดบ้าไรเนี่ย นอกจากจะโทรผิดแล้วยังช่างมโนอีกต่างหาก มาปลุกฉันแต่เช้าแบบนี้ อยากตายหรือไงหะ! “นี่ยัยชะนี! ผัวเธอเป็นใคร หน้าตาเป็นยังไงฉันไม่รู้จักหรอกนะ เลิกมโนแล้วก็เลิกร่ำร้องหาผัวได้แล้ว คนจะนอน! รำคาญ!”
ติ้ด!
สายถูกกดทิ้งไปพร้อมโทรศัพท์ราคาแพงถูกโยนตุบลงบนที่นอนสีขาว บ้าชะมัด! คนจะหลับจะนอน สงสัยจะนอนต่อไม่ได้แล้วสิ หงุดหงิดแต่เช้าสิน่า! ฉันขยับตัวลุกขึ้นนั่งก่อนจะต้องเบ้หน้าเล็กน้อย
“เจ็บว่ะ..” ความเจ็บหน่วงช่วงท้องน้อยแล่นวาบเข้ามาทันที ตอนนี้เหมือนความรู้สึกทั้งหมดของฉันเริ่มตื่นจากอาการงัวเงียอย่างเต็มที่ “โอ๊ย..”
เกิดบ้าอะไรขึ้นเนี่ย ทำไมฉันถึงแสบช่วงล่างขนาดนี้วะ!
มือบางเปิดผ้าห่มผืนหนาออกทันทีก่อนจะต้องตกใจ ดวงตาเบิกกว้างกับภาพที่เห็น
...เลือด
เลือดสีแดงเข้มเลอะเปื้อนผ้าปูที่นอนขาวสะอาดจนน่ากลัว ตามหน้าขามีแต่คราบเลือดแห้งกรังติดอยู่เป็นทางยาว แต่สิ่งที่ทำให้ฉันแทบหยุดหายใจคือ...ฉันไม่ได้สวมใส่อะไรไว้เลย
สองมือเริ่มสั่นไหว ความหวาดกลัวกำลังเกิดขึ้นในใจ เมื่อคืนเกิดเรื่องอะไรขึ้น? ทำไมฉันถึงมาอยู่ในสภาพแบบนี้? และเมื่อสังเกตภายในห้องมืดที่มีเพียงแสงสลัวลอดผ่านจากผ้าม่านขนาดใหญ่ ฉันก็ต้องยอมรับความจริงที่ว่า...
ที่นี่ไม่ใช่ห้องของฉัน!!
“อืมมม” น้ำเสียงทุ้มต่ำดังจากภายใต้ผ้าห่มข้างกาย ฉันสะดุ้งเล็กน้อยขณะถอยตัวหนี สิ่งแรกที่พบหลังจากจับจ้องอยู่นานคือเส้นผมสีทองโผล่พ้นผ้าห่มหนาออกมาครึ่งหัว หัวสมองมึนงงเริ่มประมวลภาพผู้ชายหัวสีทองจากเหตุการณ์เมื่อคืนได้อย่างเลือนราง
ไอ้บ้านี่.. คือผู้ชายที่มาช่วยฉันจากไอ้พวกสารเลวนั่นนี่! ทำไงดีวะพันเก้า! คิดสิคิด เสียตัวให้ไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้แบบนี้ ฉันอยากจะบ้าตายยย!!!
ร่องรอยสีกุหลาบบนร่างกายฉันช่วยตอกย้ำเรื่องราวเมื่อคืนอย่างชัดเจน ฉันไม่ใช่ผู้หญิงโลกสวย ไม่ใช่คนอ่อนต่อโลก ถึงแม้จะเสียใจที่เสียครั้งแรกให้ไอ้ผู้ชายแปลกหน้านี่ไป แต่ก็ทำบ้าอะไรไม่ได้แล้วนี่ ต้องหนี! ใช่! ฉันต้องหนีก่อนที่ไอ้บ้านี่มันจะรู้ตัว ฉันไม่อยากรู้จัก ไม่อยากเห็นหน้าหรือจำหน้าเขาได้
คิดได้ดังนั้นจึงกัดฟันหย่อนขาลงจากเตียงช้า ๆ สองมือรวบผ้าห่มหนามาพันรอบตัว ฝ่าเท้าสัมผัสพื้นเย็นเฉียบจนร่างกายสั่นสะท้าน ฉันค่อย ๆ พยุงตัวลุกขึ้นยืนก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนพื้นแล้วอุทานลั่น
ขา... ขาฉันมันสั่นไปหมดเลย เรี่ยวแรงก็ไม่มีแม้แต่จะประคองตัว เมื่อคืนไอ้บ้านี่ทำรุนแรงกับฉันขนาดนี้เลยเหรอวะ! นึกแล้วอยากจะลุกขึ้นไปตบสักทีสองที
“ลงไปนั่งทำอะไรของเธอน่ะ” ฉันสะดุ้งอีกรอบเมื่อได้ยินเสียงไอ้หัวทองถามด้วยน้ำเสียงงัวเงีย รู้สึกถึงความเคลื่อนไหวจากด้านหลังจนเผลอเกร็งตัว “นี่…”
“อย่าเข้ามานะ!” ฉันจ้องเงาสีดำด้านหน้าที่หยุดนิ่งไป แสงจากหน้าต่างฝั่งเขาทำให้มองเห็นเงาตกกระทบลงบนผนังห้องสีขาวอย่างชัดเจน
“อะไรของเธอวะ ฉันจะเข้าไปช่วย..”
“ไม่ต้อง!” ฉันพูดแทรกอีกรอบเมื่อเห็นเขาทำท่าจะขยับตัว บอกแล้วใช่ไหมว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเขา ไอ้บ้านี่น่ะ ฉันไม่อยากจำหน้าเขา เพราะอย่างนั้นฉันจึงค่อย ๆ ประคองตัวเองยืนขึ้น กระชับผ้าห่มรอบหน้าอกแน่น
“ทำอะไรของเธอวะ!” ไอ้หัวทองตะโกนถามคำถามเดิมด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ฉันทำเป็นไม่ได้ยินแล้วก้มเก็บเศษชิ้นส่วนเสื้อกับกระโปรงยีนของตัวเองขึ้นมากำแน่น เสื้อขาดแบบนี้แล้วจะใส่กลับยังไงวะ!
ฉันกลอกตาไปมาอย่างเซ็งจัดก่อนจะเหลือบสายตาไปเห็นเสื้อยืดสีดำกองอยู่ด้านข้างจึงก้มลงไปหยิบขึ้นมาดูอีกครั้ง เหอะ! เหลือแต่เสื้อของไอ้บ้านั่นสินะที่ยังอยู่ในสภาพดี
หมับ!
ฉันปรายตามองข้อมือตัวเองที่โดนไอ้หัวทองคว้าเอาไว้ก่อนจะเปิดประตูห้องน้ำ “ปล่อย...”
“คุยกันให้รู้เรื่องก่อนดิวะ!” หมอนั่นยื้อแขนฉันให้หันกลับไปทางเขาอย่างรุนแรงจนฉันหลุดเสียงร้องออกมาเบา ๆ ฉันเจ็บช่วงล่างอยู่นะเว้ย! แม่งบ้าหรือไงวะ!
“เป็นบ้าอะไรของนายวะ! ปล่อยดิ!” รู้สึกอยากต่อยหน้าหมอนี่ชะมัด ผลสุดท้ายฉันก็ต้องจำใจหันหน้าไปมองเขาจนได้ ใบหน้าขาวหล่อเหลาชักสีหน้าหงุดหงิดอย่างเห็นได้ชัด ดวงตาคมร้ายกาจจิกมองเหมือนไม่พอใจกัน
“ปากดีแบบนี้ แปลว่าไม่เสียใจ?” นอกจากคำถามจะยียวนแล้ว หน้าตาเขายังกวนประสาทฉันอีก
“เออ ไม่ได้เสียใจ ไม่ได้แคร์ รู้แล้วก็ปล่อยสักทีสิวะคนจะอาบน้ำ!”
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เหอะ แต่ความจริงแม่งไม่ใช่เลยว่ะ โคตรแคร์อ่ะบอกเลย แต่ไม่อยากฟูมฟายต่อหน้าไอ้บ้าที่พรากเวอร์จิ้นฉันไปไง!
“เออก็ดี ได้ฟันเวอร์จิ้นฟรี ๆ โดยที่ฉันไม่ต้องเสียอะไร”
“ไอ้...!”
หมับ!
มือหนาของเขาคว้าข้อมือฉันไว้ได้ทันก่อนมันจะพุ่งใส่ใบหน้ากวนประสาทนั่น ไอ้บ้านี่มันถ่อยจริง ๆ เลย นอกจากจะไม่ขอโทษฉันแล้วยังจะมาดูถูกกันอีก
“จะต่อยคนอย่างนำทัพ… ยังเร็วไปสำหรับเธอ” ไอ้หัวทองดึงมือข้างนั้นเข้าไปกดจูบหนัก ๆ หนึ่งทีพร้อมส่งสายตาเรียกร้องมาให้ ความร้อนจากส่วนที่โดนริมฝีปากนั่นสัมผัสลามไปทั่วทั้งแขน
“ปล่อยสักที!!” ฉันสะบัดมือแรง ๆ อีกหลายทีจนเขายอมปล่อยในที่สุด แล้วรีบหันหลังเปิดประตูเข้าไปในห้องน้ำก่อนปิดกระแทกใส่เสียงดังลั่น หวังให้มันหลุดกระเด็นไปกระแทกใบหน้ากวนประสาทนั่นสักที
สาบานเลย! ชาตินี้จะไม่ขอเจอะเจอไอ้บ้านี่อีกเด็ดขาด!
.
.
.
หลังจากอาบน้ำชำระล้างคราบโสมมออกจากร่างกายเสร็จเรียบร้อย ฉันเดินออกมาจากห้องน้ำโดยไม่หันไปมองไอ้หัวทองนั่น เขากำลังยืนสูบบุหรี่อยู่ริมระเบียง ถึงแม้จะไม่ได้มองแต่ฉันรู้นะว่าเขาจ้องฉันอยู่
“เสื้อฉัน...”
“อะไร?” เพราะจู่ ๆ เขาก็พูดขึ้นมาตอนที่ฉันกำลังใส่รองเท้าจึงลืมตัวถามกลับไป บ้าเอ๊ย! ไปพูดกับเขาทำไมเนี่ย!
“เธอใส่เสื้อฉันอยู่”
“...” คราวนี้เป็นฉันที่หันกลับไปมองเขา สายตาร้ายกาจนั่นกวาดมองไปทั่วหน้าอกฉัน อะ...ไอ้บ้านี่ “เฮ้ย! มองอะไรของนายวะ!”
“มองเสื้อ...” กวนตีน…
“เออ! ฉันใส่เสื้อนายแล้วทำไม เสื้อฉันมันขาดไม่เหลือชิ้นดีไม่ใช่เพราะฝีมือนายหรือไง!” พูดไปแล้วก็รีบกัดปากตัวเอง บ้า ๆ จะรื้อฟื้นขึ้นมาทำไมวะเนี่ย
“ฉันไม่ได้ทำ” หมอนั่นปฏิเสธหน้าตาย เขาขยี้ก้นบุหรี่ทิ้งแล้วสาวเท้าเดินเข้ามา ฉันรีบถอยหลังหนีจนชิดบานประตู จะเข้ามาใกล้ทำไมวะ! ฉันด่าเขาทางสายตา แต่เหมือนคนหน้าหนาจะไม่รู้ตัว เขาก้มหน้าลงมาใกล้จนปลายจมูกแทบชนกันสัมผัสได้ถึงกลิ่นบุหรี่ราคาแพง “เธอต่างหากที่ทำ...”
“ไอ้... เฮือก!” คำด่าสะดุดไปเมื่อเขาจงใจกดปลายจมูกลงข้างแก้มฉัน
อะ...ไอ้บ้านี่มันหอมแก้มฉัน!
“เมื่อคืนน่ะ”
“…”
“เธอโคตรเร่าร้อนเลยว่ะ... โอ๊ย!!”
พลั่ก!
ไม่ทันจบคำพูดทุเรศนั่นเข่าน้อยของฉันก็ยกขึ้นกระแทกหน้าขาแกร่งด้วยความแรงจนร่างสูงทรุดลงไปนั่งกุมเป้าบนพื้นห้อง ฉันจิกตามองอย่างรังเกียจ เขากัดฟันแน่นแล้วส่งสายตามาดร้ายกลับมาให้
“ทำบ้าอะไรวะ!”
“เมื่อคืน...” น้ำเสียงเย็นชาของฉันสะกดสายตามาดร้ายนั่นไว้นิ่ง นี่จะเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้ายสำหรับการพบเจออันเลวร้ายของฉันกับเขา “ไม่มีอะไรเกิดขึ้น”
“...”
“ฉันกับนาย... ไม่เคยพบกัน”
“…”
“ลืมซะ... เรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้... ลืมมันซะ!”