‘..ทัพ นำทัพ...’ น้ำเสียงหวานเอ่ยเรียกพร้อมส่งรอยยิ้มอ่อนโยนบนใบหน้าสวยให้ผม เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่ทำให้ผู้ชายเหลวไหล เสเพลอย่างผมมีความคิดอยากจะเป็นคนดี เป็นผู้ชายที่ดีที่สามารถมอบความรักดี ๆ ให้กับผู้หญิงคนหนึ่งได้อย่างหมดใจ
และมันอาจจะเป็นเช่นนั้นได้ถ้าหากเธอรักผม...
‘ไซเรนท์ไม่มาเหรอ...’ เอวาถามต่อด้วยน้ำเสียงแผ่วเบารอยยิ้มอ่อนโยนเมื่อครู่จางหายไปเหลือเพียงรอยยิ้มเศร้า ๆ คล้ายเธอกำลังยิ้มให้กับตัวเอง
‘วา...’ หัวใจผมกระตุกไหวไปกับความเศร้าของเธอ ผมมีคำพูดมากมายที่อยากจะปลอบโยนเธอ แต่สุดท้ายก็ทำได้เพียงเรียกชื่อเธอเบา ๆ
ทำไมนะ.. ทำไม.. ทำไมผู้หญิงอ่อนโยนและแสนดีอย่างเธอต้องหลงรักผู้ชายเย็นชาไร้หัวใจอย่างมันด้วย... ไอ้ไซเรนท์...เพื่อนสนิทของผมเอง
‘อื้อ ไม่เป็นไร.. เขาคงไม่ว่าง’ เอวาเงยหน้าขึ้นแล้วส่งยิ้มให้ผมอีกรอบ... แต่มันเป็นรอยยิ้มที่เศร้าชะมัด
‘งั้นเราจะกลับไหม?’
‘กลับ? ไม่เอาสิ ไหน ๆ ก็มาแล้ว เราดูหนังกันสองคนก็ได้นี่เนาะ ปะ! ไปกันเถอะ’ มือบางคล้องแขนแล้วดึงร่างกายสูงโปร่งของผมให้เดินขนาบข้างกับเธอ ผมมองมือเล็กที่สัมผัสแขนของผมด้วยหัวใจสั่นไหว
ผู้หญิงคนนี้ช่างมีอิทธิพลต่อหัวใจผมเหลือเกิน แค่เพียงสัมผัสเล็ก ๆ ก็ทำให้หัวใจผมเต้นแรงได้ขนาดนี้แล้ว
วันนี้พวกเรานัดกันออกมาดูหนังเรื่องโปรดที่เอวาอยากดูมานาน พวกเราที่ผมหมายถึงก็คือผม เอวา ไซเรนท์ และพันไมล์ เพื่อนสนิทอีกคนของผม ความจริงพวกเราสามคนเป็นเพื่อนสนิทกันมาสามปีแล้ว ก็ตั้งแต่ขึ้นมัธยมปลายนั่นแหละ ด้วยอะไรหลาย ๆ อย่างของพวกเราที่คล้ายกัน ไม่ว่าจะเป็นนิสัยเสเพล เจ้าชู้ไปเรื่อย หรือแม้แต่หน้าตาที่บอกได้คำเดียวว่ากินกันไม่ลง กลุ่มผมน่ะฮอตไปทุกโรงเรียนเลยนะ
ผมไม่ได้มั่นหน้านะ! ไม่เชื่อก็ดูสายตาเคลิบเคลิ้มของผู้หญิงรอบตัวผมตอนนี้สิ พวกเธอมองผมจนเอวาแอบหัวเราะคิกคัก
‘ฮอตได้ตลอดสินะเพื่อนวาคนเนี้ย’ ถ้าเป็นปกติผมคงจะมีความสุขที่ได้เห็นรอยยิ้มสดใสของผู้หญิงตรงหน้า แต่เพราะคำว่า ‘เพื่อน’ ที่เอวาเอ่ยออกมามันบีบรัดหัวใจจนปวดร้าวไปหมด
ฉันเป็นได้แค่เพื่อนเธอเท่านั้นสินะ...
ผมไม่ตอบอะไรแต่เลือกจับมือเล็กแล้วพาไปนั่งที่โซฟาตัวใหญ่เพื่อรอเวลาเรียกเข้าโรงภาพยนตร์ มือเล็กอบอุ่นไม่ได้มีท่าทีขัดขืนหรือต่อต้านอะไร เธอกลับเป็นฝ่ายจับมือผมแน่นขึ้นกว่าเดิมด้วยซ้ำ
เพราะแบบนี้ไง... เพราะความใกล้ชิดแบบนี้ไงถึงทำให้ผมรักเธอ...
เอวาเข้ามาในกลุ่มของพวกเราเมื่อช่วงหนึ่งปีก่อน เธอเป็นผู้หญิงคนแรกที่สามารถไปไหนมาไหนร่วมกับพวกผมได้เสมือนเป็นส่วนหนึ่งของกลุ่มพวกผมไปแล้ว
และเพราะพวกผมสามคนค่อนข้างเสเพล เป็นพวกนักเรียนนักเลง มีเรื่องต่อยตีกับโรงเรียนอื่นไปทั่วจึงมีเอวานี่แหละที่ค่อยทำแผลให้พวกเราอยู่ตลอด ความใจดีและความอ่อนโยนของเธอทำให้หัวใจตายด้านของผมกลับมาเต้นผิดจังหวะโดยไม่รู้ตัว รู้สึกตัวอีกทีก็ตอนที่สายตาของผมมีเพียงแค่ใบหน้าหวานของเอวาตลอดเวลา
ตอนที่ผมรู้ตัวเองว่ากำลังหลงรักเอวา ผมจึงสารภาพกับพวกเพื่อนสนิทเพราะอยากรู้ว่าพวกมันรู้สึกกับเอวาเหมือนผมหรือเปล่า ถ้าพวกมันรักเอวาเหมือนผมจริง ๆ พวกเราจะได้มานั่งคุยกันดี ๆ โดยไม่ต้องทะเลาะกันให้เสียมิตรภาพดี ๆ ไป
และคำตอบของพวกมันก็ทำให้ผมใจชื้นขึ้น เมื่อไอ้พันไมล์ออกตัวปฏิเสธว่าเอวาไม่ใช่สเปคมัน ส่วนไอ้ไซเรนท์ เพื่อนที่แสนจะไร้ความรู้สึกอย่างมันก็ทำแค่ส่ายหน้าช้า ๆ เป็นคำตอบ
หลังจากนั้นผมจึงสนิทกับเอวามากขึ้นในขณะที่พวกมันทั้งสองเริ่มถอยห่างออกไปเพื่อให้เวลาผมทำคะแนนกับเธอ แต่การกระทำของพวกมันเช่นนั้นกลับทำให้ผมปวดใจอย่างที่สุด เมื่อรอยยิ้มสดใสของเอวาเลือนหายไป พร้อมกับคำสารภาพจากผู้หญิงที่ผมรัก... เธอรักไซเรนท์...
ตอนนั้นหัวใจของผมปวดหนึบไปหมด ร่างกายมันชาคล้ายกับไร้ความรู้สึกไปฉับพลัน ใบหน้าหวานหม่นเศร้า ดวงตากลมเอ่อคลอไปด้วยหยาดน้ำตา.. ผมรักเอวา... ในขณะที่หัวใจของเธออยู่ที่เพื่อนสนิทของผม
‘ทัพ.. ทัพ!’
‘หะ... เอ่อ ว่าไงวา’ เสียงเล็กฉุดความคิดผมกลับมาหาเธออีกครั้ง ดวงตากลมจับจ้องสงสัย คิ้วสวยขมวดเข้าหากันน้อย ๆ เธอจะรู้ตัวบ้างไหมว่าท่าทางของเธอมันน่ารักจนเกินไป... จนหัวใจฉันสั่น
‘เขาประกาศเรียกพวกเราแล้วนะ’
‘อ่อ งั้นไปกัน’ ผมลุกขึ้นพลางจับมือเล็กให้ลุกตาม เธอเดินตามผมเข้ามาในโรงภาพยนตร์เงียบ ๆ จนเราสองคนนั่งลงเอวาก็หันมามองหน้าผมในความมืด
‘คิดอะไรอยู่เหรอ?’
‘...’ ผมหลบตากลมแล้วหันมองจอยักษ์เบื้องหน้า เอวายังคงจ้องไม่ยอมละสายตาไปไหน เธอกำลังกดดันผม... เธอต้องการคำตอบ ‘เปล่านี่... เลิกจ้องเถอะน่า หนังฉายแล้วเห็นไหม’
มือหนาจับปลายคางมนแล้วบังคับให้ใบหน้าหวานหันไปมองจอภาพยนตร์ตรงหน้าแทน เอวาถอนหายใจหนัก ๆ แล้วค่อย ๆ เอนตัวพิงไหล่ผมเบา ๆ หัวใจผมเต้นแรงจนแทบจะระเบิดออกมา... มันเป็นเครื่องยืนยันว่าผมรักผู้หญิงคนนี้มากแค่ไหน หากทว่าคำพูดแผ่วเบาที่ออกจากริมฝีปากบางของเธอกลับทำให้หัวใจผมปวดร้าวจนแทบแตกสลาย
‘ขอบคุณนะทัพ...’
‘...’
‘ทัพเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดสำหรับวาจริง ๆ’
‘...’