ตุบ!!!
‘กรี๊ดดดดด!!!’
‘เฮ้ยยยยย!!!’
เสียงผู้คนโหวกเหวกโวยวายรอบตัวไม่ได้เรียกสติที่เหือดหายและหัวใจที่แตกสลายของผมได้เลย สายตานิ่งอึ้งจับจ้องร่างบอบบางตรงหน้าด้วยความรู้สึกสั่นสะท้านไปทั่วร่าง เม็ดฝนชุ่มช่ำโปรยปรายลงมากระทบผิวหนังไม่ได้ทำให้ความร้อนรุ่มในกายหายไปเลยสักนิด
สองเท้าก้าวเข้าไปหาร่างบางอย่างเชื่องช้า หัวสมองตีรวนถกเถียงกันไปมาว่ามันไม่จริง... ร่างของหญิงสาวคนหนึ่งนอนคว่ำจมกองเลือดที่ไหลทะลักออกมาจากทั่วทั้งตัว เสื้อนักเรียนหญิงสีขาวบัดนี้เต็มไปด้วยเลือดสีแดงฉาน และเมื่อปลายเท้าของผมหยุดลงตรงกับมุมที่สามารถมองเห็นใบหน้าของเธอคนนั้นได้อย่างชัดเจน ร่างทั้งร่างของผมก็ทรุดเข่าลงตรงหน้าเธอราวกับหัวใจแตกสลายไปแล้ว
‘ไม่!!!!!!!!!!!!!’
ไม่รู้ว่าผมเปล่งเสียงร้องออกมาดังแค่ไหน ไม่รู้ว่าน้ำตาผมไหลทะลักออกมาเปอะเปื้อนกับหยาดน้ำฝนมากมายขนาดไหน และไม่รู้ว่าผมอุ้มร่างบางขึ้นมากอดไว้แน่นเพียงใด ความรู้สึกของผมตอนนี้มันปวดร้าว... ร้าวจนแตกสลายไม่เหลือชิ้นดีเมื่อรับรู้ว่าร่างโชกเลือดตรงหน้าคือใคร...
เอวา... ทำไมถึงเป็นเธอ!!!
‘นั่นมันเอวาห้องหนึ่งนี่’
‘ใช่จริง ๆ ด้วย ทำไมเธอถึงตกลงมาล่ะ น่าสงสารจัง’
‘เธอฆ่าตัวตายเหรอ?’
‘ไม่รู้สิ... แต่เมื่อกี้ฉันเห็นพันไมล์วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าอ่ะ’
‘ใช่ ๆ ก่อนหน้านั้นก็เห็นเอวาเดินตามไซเรนท์ขึ้นไปข้างบนด้วย’
‘หรือว่าพันไมล์กับไซเรนท์จะ...’
‘เฮ้ยแกอย่าพูดดังสิ เดี๋ยวนำทัพได้ยินนะ หมอนั่นเป็นเพื่อนกลุ่มเดียวกันด้วย’
‘น่าสงสารเอวาจัง’
‘...’
‘ต้องมาตายเพราะผู้ชายเลว ๆ พวกนี้’
‘...’
เสียงพวกผู้หญิงยังดังขึ้นไม่หยุด แม้สายฝนจะตกลงมาหนัก เสียงฟ้าร้องคำรามจะดังลั่น แต่เสียงของพวกเธอก็ยังดังก้องอยู่ในหัวสมองของผม ผมกอดร่างไร้ลมหายใจของเอวาแน่น
‘ไม่รู้สิ..แต่เมื่อกี้ฉันเห็นพันไมล์วิ่งขึ้นไปบนดาดฟ้าอ่ะ’
‘ใช่ ๆ ก่อนหน้านั้นก็เห็นเอวาเดินตามไซเรนท์ขึ้นไปข้างบนด้วย’
‘หรือว่าพันไมล์กับไซเรนท์จะ...’
พวกมึง... พวกมึงทำเหี้ยอะไรกัน!!!
.
.
.
Rrr…
เฮือกก!
ผมลืมตาโพลงในความมืด หายใจเหนื่อยหอบคล้ายเพิ่งวิ่งระยะไกลมาห้าร้อยเมตร เหงื่อกาฬผุดขึ้นเต็มใบหน้าจนต้องใช้หลังมือเช็ดออกอย่างลวก ๆ
ฝันถึงเรื่องนี้อีกแล้วเหรอวะ...
Rrr…
เสียงเรียกเข้าดังขึ้นอีกครั้ง ผมหรี่ตามองแสงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์ราคาแพงท่ามกลางความมืด ก่อนหยิบขึ้นมาดูเบอร์ของใครสักคนที่โทรมาปลุกกลางดึก ผมกดรับสายแล้วลุกขึ้นเดินออกไปริมระเบียงพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบ
“ว่าไง...”
[เอ่อ…] ผมแสยะยิ้มพอใจเมื่อได้ยินเสียงอึกอักจากปลายสาย ผมรู้อยู่แล้วว่ายังไงพันเก้าก็ต้องโทรมา เพราะสิ่งสำคัญของยัยนั่นอยู่ที่ผม…
“ไม่พูด?”
[…]
“งั้นแค่...”
[เอากระเป๋าสตางค์ฉันคืนมานะ!!] เสียงหวานตะโกนสวนคำพูดของผมที่กำลังจะวางสายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดในทันที
ก็นะ... พันเก้าน่ะ นิสัยเอาแต่ใจมาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วนี่ ลูกสาวคนเดียวของเจ้าสัวพันธร ผู้ทรงอิทธิพลในวงการมืด เรียกง่าย ๆ ก็คือพวกเจ้าพ่อมาเฟียนั่นแหละ แม้ตอนนี้เจ้าสัวจะวางมือจากสาขาในเมืองไทยแล้ว แต่เขาก็ส่งต่อหน้าที่ให้ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาดูแลธุรกิจสกปรกเหล่านั้นแทน ส่วนตัวเองและภรรยาก็ย้ายไปคุมสาขาใหญ่ที่ฮ่องกง
แน่นอนว่าลูกชายของเจ้าสัวพันธรก็คือ... ไอ้พันไมล์! อดีตเพื่อนรักหักเหลี่ยมโหดของผมเอง
[นี่นาย! ได้ยินที่ฉันพูดไหมวะ!] เสียงหวานตะโกนแทรกเข้ามาในความคิด ได้ยินพันเก้าถอนหายใจหนัก ๆ คงกำลังหงุดหงิดที่ผมเอาแต่ถือสายฟังเงียบ ๆ สินะ [เอากระเป๋าคืนมานะเว้ยยย! ในนั้นมันมีเอกสารสำคัญทั้งนั้นเลยนะ! พรุ่งนี้ฉันต้องไปมหาลัยด้วย!]
“…” อาจจะงงว่าผมเอากระเป๋าสตางค์ของพันเก้ามาได้ยังไง ก็... เมื่อวานที่ยัยนั่นป่วยแล้วนอนหลับภายในห้องพักที่คลับของผมไง หลังจากเช็ดตัวให้เธอเสร็จผมก็ทิ้งเธอไว้ที่นั่นเพียงคนเดียวโดยสั่งให้ลูกน้องคอยเฝ้าอยู่ด้านล่าง แต่ผมไม่ได้กลับมาตัวเปล่าหรอกนะ ผมหยิบกระเป๋าสตางค์ของพันเก้ามาด้วย เพราะอะไรน่ะเหรอ...
ฮึ... เดี๋ยวก็รู้
“พรุ่งนี้ฉันก็มีเรียน...”
[ไม่ได้อยากรู้!] พันเก้ากระชากเสียงใส่ด้วยความหงุดหงิด
ยัยนี่กวนประสาทสุด ๆ เลยว่าไหม แหม... มันน่าจับกดซะจริง... เฮ้ย! ผมคิดบ้าอะไรวะเนี่ย!!
“เออ! อยากจะบอก เตรียมตัวรอรับฉันที่คณะได้เลย!” ผมแค่นหัวเราะอย่างนึกสนุก เมื่อเสียงหวานตะโกนสวนขึ้นอีกรอบ
[เฮ้ย! ไม่ได้นะ! อย่ามาที่คณะฉันนะเว้ยยย!]
“ทำไมฉันจะไปไม่ได้ ไม่อยากได้คืนหรือไงกระเป๋าอ่ะ”
[อยาก! แต่ไม่ให้มา!] เสียงหวานตอบห้วน ๆ คล้ายอยากจะจิกข่วนผมเสียเต็มที
“ทำไม? กลัว? ป๊อด?” ความจริงผมเป็นคนนิ่ง ๆ นะ แต่ถ้าลองได้กวนตีนขึ้นมานี่ก็ไม่เบานะครับ
[ไม่ได้กลัว! แต่ไม่ให้มา! เอาเป็นว่าพรุ่งนี้ฉันจะไปเอาคืนที่คลับนายแล้วกัน!]
“ก็ไม่รู้สินะ~” กวนตีนได้โล่เลยว่ะกู
[หึ้ยย! นำทัพ! อย่ากวนตีนได้ป่ะ! แค่นี้นะไอ้โรคจิต!]
ด่าผมเสร็จยัยตัวดีก็ตัดสายไป ยังปากดีไม่เลิกสิน่า อย่างนี้ต้องไปสั่งสอนถึงที่ซะแล้ว
เกมของฉันมันเพิ่งจะเริ่มขึ้นต่างหากล่ะพันเก้า...