ฉันเกลียดหมอนี่... เกลียดมัน! เกลียด ๆ ๆ ๆ
“ไง... อึ้งเลยหรือไง” น้ำเสียงกวนประสาทของนำทัพทักขึ้น ขณะเราสองคนยืนสบตากันนิ่ง ๆ เขายืนล้วงกระเป๋าในท่าทางสบาย ๆ พลางส่งยิ้มเสแสร้งในสายตาฉันมาให้ แต่มันคงจะมีเสน่ห์มาก ๆ สำหรับสายตาของสาว ๆ ในคณะของฉัน เพราะตอนนี้สายตานับสิบคู่กำลังจับจ้องมาทางเราสองคนอย่างไม่วางตา
ไม่รู้มองเพราะหลงใหลไอ้ผู้ชายตรงหน้าหรือเพราะหิวเผือกกันแน่!
แน่ล่ะ! การเห็นหนุ่มฮอตของมหาวิทยาลัยอย่างนำทัพมายืนดักทางน้องสาวสุดรักสุดหวงของเฮียพันไมล์ที่ขึ้นชื่อด้านสายโหดอย่างฉัน ใครจะไม่อยากกินเผือกกันล่ะจริงไหม!
ร่างสูงโปร่งในชุดนักศึกษาแบบผิดระเบียบโคตร ๆ โค้งตัวลงช้า ๆ จนระดับสายตาของเราตรงกัน ฉันสบตาเขานิ่ง ๆ โดยไม่ได้หลบสายตาสักนิด ก็นิสัยฉันเป็นแบบนี้อ่ะ ไม่กลัวแล้วทำไมต้องหลบ ปกติฉันจะเห็นเขาในเวลากลางคืน และทุกครั้งที่เจอมันก็ช่างไม่น่าพิสมัยที่จะมองเลยด้วยซ้ำ แต่ครั้งนี้ฉันได้เจอเขาในเวลากลางวัน แถมยังในระยะประชิดจนเกินไปอีกต่างหาก จึงอดไม่ได้ที่จะสำรวจใบหน้าหล่อเหลานั่น
ใบหน้าหล่อเหลาราวกับปีศาจ (เทพบุตรมันดีเกินไป) ดวงตาคมเข้มมีแววเย้ยหยันอย่างไม่ปิดบัง ริมฝีปากติดคล้ำหน่อย ๆ ยกยิ้มมุมปากคล้ายกำลังสนุกก็ไม่ปาน
เหอะ! จะปั่นประสาทฉันสินะ เสียใจ... ฉันไม่ตามเกมของนายหรอกย่ะ!
“....” ฉันเบี่ยงตัวหลบทำท่าจะเดินหนี แต่ติดที่ไอ้บ้านี่มันคว้าข้อมือฉันไว้น่ะสิ แล้วดูสายตาคนรอบข้างตอนนี้สิ ตาโตเท่าไข่ห่านกันหมดแล้ว!
ตายแน่ไอ้พันเก้า! เรื่องถึงหูเฮียไมล์เมื่อไหร่ งานนี้มีแต่ตายกับตายอ่ะ!
“ปล่อย...” ฉันกัดฟันพูดเสียงเบา ทำไมทุกครั้งที่เจอหน้าหมอนี่ฉันต้องพูดคำนี้ทุกครั้งเลยวะ!
“พูดคำอื่นไม่เป็นหรือไง? น่าเบื่อว่ะ”
นั่นปะไร! ใช่ฉันคนเดียวที่ไหนที่คิด ไอ้บ้านี่ก็คิดเหมือนกัน เหอะ! แล้วเมื่อกี้ว่าไงนะ? น่าเบื่อเหรอ?
“เบื่อก็ปล่อยสิวะ!” ฉันเผลอขึ้นเสียงอย่างลืมตัว พลางสะบัดข้อมือออกจากมือหนาด้วยความรุนแรง นำทัพยกยิ้มมุมปากเหมือนกำลังสนุกที่ได้ปั่นประสาทกัน เขากระชับมือแน่นขึ้นแล้วออกแรงกระชากเบา ๆ จนร่างฉันถลาเข้าไปกระแทกแผ่นอกของเขาอย่างไม่ทันตั้งตัว เสียงฮือฮารอบตัวดังขึ้นเรื่อย ๆ
บ้าเอ๊ย! หมอนี่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านนักหรือไง!
“ทำบ้าอะไรของนาย! คนมองหมดแล้วไม่เห็นเหรอ!” ฉันกัดฟันพูดใส่ไอ้หัวทองจอมกวนประสาท สองมือยกขึ้นผลักแผ่นอกของเขาออก แต่วงแขนของหมอนี่ที่อยู่รอบเอวฉันนี่สิ มันจะรัดแน่นเกินไปแล้วนะเว้ยยย! “นำทัพ! ปล่อย!”
“ไม่ปล่อย”
“เฮ้ย! นายอย่ามาทำมึนใส่ได้ป่ะ! นี่มันมหาลัยนะ! จะทำบ้าอะไรก็ให้เกียรติชุดนักศึกษาที่สวมอยู่บ้าง!” ฉันทุบหน้าอกนำทัพแรง ๆ หนึ่งที และมันคงทำให้หมอนี่เจ็บเลยล่ะ ฉันเห็นเขาเบ้หน้าหน่อย ๆ
ดี! งั้นทุบแม่งจนกว่าจะปล่อยนี่ล่ะ!
ปึก! ปึก! ปึก!
“เห็นมือเล็ก ๆ แบบนี้ แรงเยอะใช่เล่น” นำทัพรวบข้อมือทั้งสองข้างของฉันไว้ด้วยมือเพียงข้างเดียวของเขาพลางก้มหน้าลงมากระซิบชิดใบหูจนฉันขนลุกซู่ไปทั้งตัว ให้ตาย! ทำไมไอ้บ้านี่มันหน้าด้านขนาดนี้นะ!
“ปล่อยฉันสักที! อาย! เข้าใจป่ะ!” ยอมรับตรง ๆ ก็ได้วะ! เกลียดที่ตัวเองเป็นผู้หญิงจริง ๆ สู้แรงผู้ชายอย่างไอ้บ้านี่ไม่เคยได้เลย!
“ฮึ... ปล่อยก็ได้ ถ้าเธอทำตัวน่ารัก ๆ กว่านี้”
“...”
“แล้วเรียกฉันว่าเฮียทัพ โอเค้?”
“ว่าไงนะ!” ฉันเงยหน้าสบตาเขาตรง ๆ แล้วก็สำนึกได้ว่าทำผิดมหันต์เมื่อระยะห่างระหว่างใบหน้าของฉันกับเขาห่างกันไม่ถึงคืบ ดวงตาคมเข้มมองฉันด้วยสายตาท้าทาย รอยยิ้มร้ายกาจผุดขึ้นบนริมฝีปากของเขา
หมอนี่คิดจะทำบ้าอะไรอีกเนี่ย!
“ว่าไง... คนมองพวกเราเยอะขึ้นแล้วนะ”
ไอ้...
ฉันค้อนใส่นำทัพด้วยความหงุดหงิดพลางถอนหายใจหนัก ๆ อย่างทำอะไรไม่ได้ สุดท้ายก็ต้องยอมเอ่ยปากถามเขากลับ
“แค่นี้ใช่ไหม? ถ้าฉันเรียกตามที่นายต้องการ นายจะปล่อยฉันแล้วคืนกระเป๋าสตางค์ใช่ไหม?”
ใช่แล้ว... ฉันยังไม่ลืมนะว่าไอ้หัวทองมันเอากระเป๋าสตางค์ฉันไป เขาแอบเอาไปตอนฉันกำลังหลับในห้องที่เขาเคยทำ...
เออช่างเหอะ! ไม่อยากจะนึกถึงเรื่องบ้า ๆ นั่นอีกแล้ว!
“ฮึ... ก็อยู่ที่ว่าเธอจะออดอ้อนฉันด้วยวิธีไหน”
“นี่นาย... เฮ้ย!”
พลั่ก!
ฉันยังพูดไม่ทันจบก็ต้องร้องเสียงดังเมื่อจู่ ๆ ร่างของนำทัพกระเด็นถอยหลังไปหลายก้าว เขาปล่อยวงแขนออกจากเอวฉันโดยอัตโนมัติราวกับกลัวว่าฉันจะถลาล้มลงไปกับพื้นตามแรงผลักนั่นด้วย
รอยยิ้มร้ายกาจปรากฏขึ้นบนใบหน้าหล่ออีกครั้ง แต่ครั้งนี้สายตาดุดันของนำทัพไม่ได้มองมาที่ฉัน แต่เขากำลังจ้องข้ามไหล่ของฉันไปต่างหาก
“มาได้จังหวะจริงนะมึง” นำทัพล้วงบุหรี่ขึ้นมาจุดสูบอย่างสบายใจ รอยยิ้มร้าย ๆ กับท่าทางแบดบอยนี่มันช่างเข้ากับผู้ชายอย่างหมอนี่จริง ๆ!
“อย่าแตะต้องพันเก้า...”
ความรู้สึกเย็นวูบด้านหลังมาพร้อมกับน้ำเสียงเย็นชา ฉันค่อย ๆ หันกลับมามองเจ้าของน้ำเสียงนั่น ใบหน้าหล่อเรียบนิ่งของเขามันดูดุดันกว่าปกติจนน่ากลัว สายตาเย็นชาจับจ้องไปทางด้านหลังฉันราวกับว่าเขาเคยรู้จักนำทัพมาก่อน
“ฮะ... เฮียไซ อ่ะ เดี๋ยว!” ฉันร้องห้ามในทันทีเมื่อเฮียไซเรนท์ตรงเข้ามาจับมือฉันแล้วทำท่าจะเดินผ่านนำทัพที่ยังยืนสูบบุหรี่อยู่เงียบ ๆ
รู้อะไรไหม... ผู้ชายสองคนนี้ยังจ้องหน้ากันโดยไม่มีใครยอมละสายตาเลย เหมือนเขากำลังฟาดฟันกันทางสายตาอย่างไรอย่างนั้น
หมับ!
เฮียไซจูงมือฉันเดินผ่านนำทัพได้ไม่กี่ก้าวร่างของฉันกลับต้องหยุดชะงัก เพราะไอ้ผู้ชายที่กำลังใช้มือข้างหนึ่งอัดบุหรี่เข้าปาก ส่วนมืออีกข้างของเขากลับคว้าข้อมือฉันไปจับไว้แน่น นำทัพบีบข้อมือเล็กแรง ๆ พลางส่งสายตาท้าทายให้เฮียไซ
ฉันเริ่มเห็นเค้าลางแห่งความวุ่นวายแล้วล่ะ ถึงเฮียไซจะเย็นชา แต่ถ้าโดนไอ้บ้านี่ก็กวนประสาทมาก ๆ งานนี้มีเจ็บแน่ ๆ