หมับ!
“อ๊ะ!” ฉันร้องออกมาเบา ๆ เมื่อถูกมือหนาดึงแขนเอาไว้ พอหันมองสิ่งแรกที่เห็นคือผมสีทองสว่างบวกกับใบหน้าหล่อร้ายกาจของนำทัพ
หมอนี่! เอาอีกแล้วไงล่ะ! ทำไมทุกครั้งที่เจอกันเขาจะต้องรั้งฉันไว้ตลอดเลยวะ! ทำเป็นมองไม่เห็นกันบ้างไม่ได้หรือไง แล้วดูสายตามีนาที่มองฉันสิ จากที่เธอเคยมองฉันแบบไม่คิดอะไร ตอนนี้ฉันเริ่มเห็นแววไม่พอใจจากเธอแล้วล่ะ! ก็แหงล่ะ! แฟนตัวเองยืนอยู่ตรงนั้นแท้ ๆ ไอ้บ้านี่กลับเดินมาจับแขนของผู้หญิงอีกคน
“จับทำไม?” ฉันถามเสียงนิ่งพลางจิกตาใส่ ตอนนี้พวกเราเริ่มตกเป็นเป้าสายตาอีกครั้งแล้ว และที่สำคัญ... มันเป็นที่เดียวกับเมื่อวันก่อนด้วยไง!
“ฉันเคยบอกว่าไงล่ะ?” นำทัพกระชับแขนฉันแน่นขึ้นพลางออกแรงดึงให้หันตัวกลับไปหาเขา กลิ่นบุหรี่ที่เขาเพิ่งสูบลอยคละคลุ้งไปหมด หมอนี่สูบบุหรี่มากเกินไปหรือเปล่านะ ดูริมฝีปากของเขาสิ มันเริ่มจะคล้ำแล้วนะ... บ้า! นี่ฉันไปจ้องปากหมอนี่ทำไมเนี่ยยย!
“อะไร?” ฉันถามกลับด้วยวลีสั้น ๆ พลางปรายตามองไปทางมีนาอีกครั้ง เธอกำลังเดินมาทางพวกเราล่ะ รู้สึกไม่ดีเลยแฮะ...
“ฉันบอกแล้วไม่ใช่หรือไง... ว่าให้เฝ้ากันไว้ดี ๆ”
เข้าใจแล้ว... หมอนี่กำลังจะขู่ฉันสินะ ที่เขาหายหน้าหายตาไปก็เพราะว่ารอโอกาสที่ไซเรนท์ไม่อยู่นี่เอง!
“พี่ทัพ ปล่อยเพื่อนไกอาเถอะ แฟนพี่เดินมาแล้ว” ไกอาที่ยืนนิ่งมาเกือบนาทีพูดขึ้นพร้อมแกะมือหนาออกไปจากแขนฉันอย่างง่ายดาย ไม่หรอก... นำทัพจงใจปล่อยมากกว่า ไม่งั้นแรงเท่ามดอย่างยัยตัวเล็กไม่มีทางแกะออกหรอก
“ทัพ มีอะไรหรือเปล่า?” มีนาเดินเข้ามาจับแขนนำทัพคล้ายแสดงความเป็นเจ้าของขณะมองมาทางฉันกับไกอาด้วยความสงสัย
แต่อยากจะบอก... แววตาของเธอเปลี่ยนไป... ครั้งนี้ฉันพูดจากใจเลยว่าเธอกำลัง... เสแสร้ง
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ ถอยออกไป” เสียงเข้มเอ่ยอย่างรำคาญ เขาสะบัดมือบางออกแล้วขยับเข้ามาใกล้ฉันมากขึ้น หมอนี่เป็นบ้าอะไรขึ้นมาอีกเนี่ย!
เมื่อเห็นว่าสถานการณ์เริ่มไม่น่าไว้ใจ ฉันจึงเบี่ยงตัวจะเดินหนีอีกครั้ง แต่ร่างสูงของนำทัพกลับเบี่ยงมาขวางทางเอาไว้ ฉันเงยหน้าขึ้นมองเขาตรง ๆ นี่เขาจะก่อกวนฉันไปถึงไหนกันนะ!
“นายต้องการอะไรอีกนำทัพ เลิกยุ่งกับฉันสักทีจะได้ไหม?”
“ฮึ... เลิกยุ่ง?” นำทัพทวนคำเสียงสูง หมอนี่มันสองบุคลิกจริง ๆ เดี๋ยวก็ดุดันโมโหร้าย เดี๋ยวก็ยียวนกวนประสาท ตามอารมณ์ไม่ทันอ่ะบอกเลย!
“ทัพ เรากลับกันดีกว่าไหม?”
“ไม่ใช่เรื่องของเธอ!”
ทุกอย่างรอบตัวถึงกับเงียบสงัดเมื่อนำทัพหันไปตวาดใส่แฟนสาวของตัวเองเสียงดัง มีนาทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ เธอปรายตามองฉันครู่หนึ่งก่อนจะหันกลับไปมองแฟนตัวเองอีกครั้ง
“ทำไมล่ะ นาเป็นแฟนทัพนะ นาไม่มีสิทธิ์อะไรเลยเหรอ?”
สถานการณ์ตอนนี้กลายเป็นฉันกับไกอาต้องมายืนมองคู่รักทะเลาะกัน ฉันหันมาสบตากับเพื่อนรักเพื่อส่งสัญญาณให้หลบฉากดีกว่า มันพยักหน้าน้อย ๆ แล้วค่อย ๆ ถอยหลังออกไป แต่ฉันนี้สิ! ถอยไปได้ไม่กี่ก้าวไอ้บ้าหัวทองตรงหน้าก็คว้าข้อมือฉันหน้าตาเฉย แถมยังต่อหน้าต่อตามีนาอีกต่างหาก
เสียงกระซิบกระซาบรอบตัวดังขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนจะต้องคิดว่าฉันเป็นสาเหตุที่ทำให้สองคนนี้ทะเลาะกันแน่ ๆ แล้วดูสายตาของมีนาที่มองฉันสิ นอกจากเป็นขี้ปากชาวบ้านแล้ว ฉันอาจจะโดนตบก็ได้นะ!
“นี่นาย! มาจับทำไม! ฉันไม่อยากเป็นขี้ปากชาวบ้านนะ เคลียร์กับแฟนนายไปสิวะ!” ฉันกัดฟันกระซิบพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือตัวเอง แต่นำทัพกลับทำหน้ามึนแถมยังจับตัวฉันให้หันหน้าไปเผชิญกับมีนาอีกต่างหาก
เขาต้องการอะไร... คิดจะทำอะไรอีกวะ!
“เธอบอกว่าเป็นแฟนฉัน? แล้วถามหาสิทธิ์ในตัวฉันใช่ไหม?”
นำทัพเอ่ยถามมีนาเสียงนิ่ง ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ กับคำถามนั้นของเขา มีนาพยักหน้ารับขณะสายตายังจ้องมาทางฉันเหมือนเดิม ฉันไม่กล้ามองหน้าเธอเลยให้ตายสิ!
“งั้นยัยนี่ก็มีสิทธิ์เหนือกว่าเธอทุกอย่าง..”
วะ... ว่าไงนะ! ยัยนี่ที่เขาหมายถึงคือฉันเหรอ? ฉันหันกลับไปมองนำทัพที่ตอนนี้เขาเผยรอยยิ้มร้ายกาจออกมา ฉันจึงรีบกระซิบถามเขาอย่างหวาดระแวง
หมอนี่คิดอะไรเลว ๆ อีกแล้วใช่ไหม!
“จะ...จะพูดอะไร?”
“หมายความว่ายังไงน่ะทัพ ทำไมพันเก้าถึงมีสิทธิ์ในตัวทัพมากกว่านาล่ะ นาเป็นแฟนทัพนะ!” เสียงมีนาเริ่มดังขึ้นตามแรงอารมณ์ของเธอ และฉันจะไม่ตกใจเลยถ้าคำถามของเธอจะได้รับคำตอบที่มันทำให้ทุกอย่างรอบตัวเงียบสงัดลงอีกครั้ง เงียบจนฉันแทบหยุดหายใจ
“เพราะยัยนี่เป็น 'เมีย' ฉัน”
ตุ๊บ! เสียงอะไรบางอย่างตกกระทบพื้น ฉันเบี่ยงหน้ามองตามเสียงนั้นก็พบว่าเป็นแฟ้มรายงานในมือของไกอาที่มันเผลอปล่อยหลุดมือ ในขณะที่สีหน้ามันตอนนี้กำลังทำตาโต อ้าปากค้าง
ช็อกสินะ... นี่แหละ! ความลับอย่างเดียวที่ฉันมี!