พลั่ก!
ฉันกลั้นใจดึงมือนำทัพออกจากไหล่แล้วหันกลับมาผลักเขาสุดแรง ความรู้สึกฉันในตอนนี้คล้ายกับเตาไฟที่มันร้อนจนอยากจะเผาไหม้ทุกสิ่งอย่าง! เขาจะเลวเกินไปแล้ว... หมอนี่น่ะ! สารเลวเกินไปแล้ว!!
เพี๊ยะ!
เสียงฝ่ามือกระทบผิวหน้าดังสนั่นทั่วบริเวณ นักศึกษาหลายคนรอบตัวต่างหยุดนิ่งมองเหตุการณ์กันอย่างสนใจ ตอนนี้ฉันคิดอะไรไม่ออกแล้ว มันร้อนวูบวาบไปทั้งตัว แน่นอน... มันร้อนเพราะความโกรธและความอาย
“...” ใบหน้าหล่อร้ายกาจหันกลับมาสบตาฉันช้า ๆ สายตาดุดันคุกรุ่นไม่ได้ทำให้ฉันหวาดกลัวเลยสักนิด เขาแค่นยิ้มเย้ยหยันพลางดุนกระพุ้งแก้มราวกับสำรวจบาดแผลภายในปาก ฉันสูดลมหายใจเข้าออกลึก ๆ กำสองมือแน่นเพื่อเก็บอารมณ์พลุ่งพล่านในกายพลางเชิดหน้าขึ้นสบตาคนสารเลวตรงหน้าอีกครั้ง นิ่งไว้พันเก้า... อย่าร้อนตัวให้ใครจับผิดได้
“ตบนี้สำหรับคำพูดมักง่ายของนาย” ฉันเอ่ยด้วยเสียงเรียบนิ่ง สีหน้าเย็นชาและสายตาวางเปล่าของฉันคงทำให้ผู้ชายตรงหน้าสำนึกได้บ้างว่าฉันรังเกียจเขามากแค่ไหน “ถ้าอยากจะทะเลาะกันก็อย่าลากฉันไปเกี่ยว”
“…”
“เพราะฉันไม่เคยเป็นอะไรกับนาย!” ฉันตวาดเสียงดังแต่คนสารเลวอย่างเขากลับไม่ได้ทุกข์ร้อนเลยสักนิด นำทัพหยิบบุหรี่ขึ้นจุดสูบด้วยท่าทางกวนประสาทสุด ๆ
เหอะ! หมอนี่มันบ้า! โรคจิต! ประสาท!
ด่าเขาในใจเสร็จฉันจึงเป็นฝ่ายเดินหนีออกมา ใครจะอยากอยู่ให้ปวดประสาทอีกล่ะ!
“เดี๋ยว...” สองเท้าที่กำลังก้าวชะงักกึกเมื่อเสียงเข้มเอ่ยออกมา เขาไม่ได้แตะต้องตัวฉันเพื่อรั้งเอาไว้เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา หากเพราะคำพูดต่อมาของเขาต่างหากที่ทำให้ร่างทั้งร่างของฉันชาดิกไปทุกส่วน “อยากได้หลักฐานไหมล่ะ?”
อยากได้หลักฐานไหมล่ะ? เขาถามฉันแบบนี้งั้นเหรอ... หมอนี่... เขาต้องการจะบอกอะไร!
“นายหมายความว่าไง!” ฉันหันขวับกลับไปถลึงตาใส่เขาในทันที รอยยิ้มชั่วร้ายผุดขึ้นบนใบหน้าของเขาอีกครั้ง ฉันเกลียดรอยยิ้มเขา ไม่สิ... ฉันเกลียดทุกอย่างที่เป็นเขาเลยต่างหาก!
“ก็หลักฐานว่าเธอเป็นเมียฉันจริง ๆ หรือเปล่าไงล่ะ!” เขาจงใจเน้นคำว่า 'เมีย' เสียงดัง มันดังจนฉันแทบจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นเลยล่ะ “ว่าไงล่ะ? อยากได้ไหม?”
“สารเลว! ไอ้ชั่ว!” ฉันพุ่งตัวเขาไปทุบตีเขาอย่างขาดสติ ให้ตายเหอะ! มันไม่จริงใช่ไหม! หมอนี่คิดจะแบล็กเมล์ฉันเหรอ! เขาถ่ายรูปหรือถ่ายคลิปอะไรไว้เป็นหลักฐานอย่างนั้นเหรอ! เลว! เลวที่สุด!
“ยัยเก้า! แก.. ใจเย็น ๆ ก่อน” ไกอาถลาเข้ามารั้งตัวฉันออกไปจากผู้ชายสารเลวคนนั้น เขายืนสูบบุหรี่นิ่ง ๆ ปล่อยให้ฉันทุบตีเขาโดยไม่ปัดป้องอะไร ทำแค่เพียงหันหน้าหนีไปอีกทางเท่านั้น
เพื่ออะไร! ทำแบบนี้เพื่ออะไร!
“ปล่อยฉันนะ! ฉันจะฆ่ามัน!” ฉันสะบัดมือไกอาออกสุดแรง ถ้าเป็นปกติมันคงจะกระเด็นไปแล้ว แต่ว่าตอนนี้น่ะ เรี่ยวแรงของฉันมันเหลือน้อยลงเต็มที จึงทำได้เพียงแค่ปัดมือมันออกแรง ๆ เท่านั้น
“ใจเย็น ๆ สิแก คนมองหมดแล้วนะ” ไกอาพยายามเตือนสติฉันอีกครั้ง และมันได้ผล... ฉันกวาดสายตามองไปรอบตัวก็เห็นว่าสายตานับสิบคู่กำลังจับจ้องมาทางฉัน คนพวกนี้คงจะเดาได้ไม่ยากว่าหลักฐานที่นำทัพพูดถึงคืออะไร และทำไมฉันถึงสติแตกขนาดนี้
ฉันสูดลมหายใจเรียกสติตัวเองอีกครั้ง สายตาเหลือบมองมีนาที่ตอนนี้ยืนทำหน้านิ่งไปแล้ว น่าแปลกที่เธอไม่โวยวายหรือร้องไห้อะไรออกมาเลย หลังจากนำทัพประกาศว่าฉันเป็นเมียเขา ฉันหันไปมองคนสารเลวอีกรอบ เราสบตากันนิ่ง ๆ คล้ายกำลังทำสงครามประสาทใส่กัน ถ้าฆ่าเขาได้ทางสายตา ฉันคงฆ่าเขาเป็นร้อยเป็นพันรอบ!
ยิ่งมองหน้าเขา เห็นสีหน้าท้าทาย รอยยิ้มเย้ยหยัน และท่าทางกวนประสาทนั่น ร่างกายฉันยิ่งสั่นสะท้านไปทั้งตัว ฉันไม่เคยรู้สึกโกรธเกลียดใครเท่านี้มาก่อนเลย... หมอนี่เป็นคนแรก!
“ฉันเกลียดนาย” ฉันทิ้งคำพูดสั้น ๆ แต่ความหมายชัดเจนไว้ให้เขา แล้วรีบเดินออกมาท่ามกลางสายตานับสิบคู่ที่มองแล้วหันไปซุบซิบกัน
บอกฉันทีสิ... ชีวิตฉันหลังจากนี้จะได้พบคำว่า 'สงบสุข' ไหม?
.
.
.
[บทบรรยาย นำทัพ]
“ฉันเกลียดนาย” น้ำเสียงเย็นชาเอ่ยออกมาพร้อมแววตาเกลียดชังอย่างไม่ปิดบัง พันเก้าจ้องหน้าผมนิ่งแล้วหันหลังเดินออกไป
เธอกำลังโกรธผมมาก ผมรู้... เพราะนั่นคือสิ่งที่ผมต้องการ! ยิ่งเกลียดกันก็ยิ่งดี! ฉันจะยัดเหยียดความเกลียดชังให้ฝังลึกอยู่ในตัวเธอไปจนตายเลยพันเก้า!
บุหรี่ในมือถูกทิ้งลงก่อนจะขยี้มันด้วยปลายเท้า สายตาผมเหลือบมองใบหน้าสวยของผู้หญิงอีกคนตรงหน้า เธอยังคงมองผมนิ่ง มองด้วยสายตาว่างเปล่า... เป็นครั้งแรกที่มีนาทำให้ผมรู้สึกว่า นี่แหละ...คือตัวตนของเธอ
“เดี๋ยว!” มือบางรั้งแขนไว้ในตอนที่ผมกำลังจะเดินกลับไปที่รถ มีนาเบี่ยงตัวมายืนดักหน้าผม ผมจึงปรายตามองสีหน้าเจ็บปวดเหมือนจะร้องไห้ของเธอ
อย่าหาว่าผมแข็งกระด้างเลยนะ แต่ผมไม่ใช่ผู้ชายโลกสวยที่เห็นน้ำตาผู้หญิงแล้วจะใจอ่อน ตรงกันข้าม... เวลาเห็นน้ำตาโง่ ๆ พวกนั้นแล้วมันจะยิ่งทำให้ผมรำคาญมากกว่าเดิม
“พูดมา” ผมยืนล้วงกระเป๋าพลางชักสีหน้ารำคาญ ผมไม่มีอารมณ์มายืนเล่นให้เธอจ้องหน้าทั้งวันหรอกนะ
“ทัพอย่าโกรธนาเลยนะ” มีนาเว้นช่วงแล้วเอื้อมมาจับมือผมเบา ๆ เธอก็เป็นซะอย่างนี้ ยอมได้ทุกเรื่อง ขอโทษได้ทุกครั้ง ทั้งที่บางครั้งเธอไม่ได้ผิด
น่าเบื่อ...
“แล้ว?”
“นายังเป็นแฟนทัพอยู่ใช่ไหม...” เธอก้มหน้าลงพลางถามด้วยน้ำเสียงสั่น ๆ คงจะกลัวผมเลิกกับเธอสินะ...
ความจริงผมก็ตั้งใจไว้อยู่แล้วล่ะ ผมจะต้องเดินเกมต่อไปโดยไม่มีใครเข้ามาขัดขวางเหมือนกับที่มีนาทำในวันนี้ ผมเอื้อมมือสัมผัสข้างแก้มของมีนาแผ่วเบา รอยยิ้มละมุนของผมทำให้เธอเผยยิ้มกว้างออกมาราวกับโล่งใจ แต่เพียงครู่เดียวเท่านั้นรอยยิ้มกว้างนั้นก็เลือนหายไปพร้อมกับคำพูดร้ายกาจของผม
“ฉันไม่เคยเป็นแฟนเธอ... เลิกยุ่งกับฉันซะ!”
.
.
.
T CLUB
“เฮีย! เฮียทัพ!” เสียงตะโกนเรียกพร้อมกับร่างสูงของใครคนหนึ่งวิ่งมาหยุดลงหน้าประตูห้องพักส่วนตัวของผม มันก้มหน้าหอบหายใจแรง ๆ แล้วเงยใบหน้าหล่อขึ้นมามอง
“มีอะไรไอ้ซาน”
ไอ้นี่ชื่อ ซานฟราน มันเป็นน้องรหัสของผมและยังควบตำแหน่งคุมคลับแทนผมอีกด้วย ซานฟรานอายุน้อยกว่าผมหนึ่งปี แต่ความบ้าระห่ำและดิบเถื่อนของมันไม่น้อยไปกว่าผมสักนิด เผลอ ๆ จะมากกว่าผมซะอีก
“งานเข้าสิเฮีย ไปจัดการที” มันพูดด้วยน้ำเสียงติดหอบจนผมขมวดคิ้วสงสัย
“แล้วทำไมมึงไม่จัด? ปกติหน้าที่มึงไม่ใช่?” ผมคาบบุหรี่ไว้มุมปากขณะสองมือยังง่วนอยู่กับการเช็ดปากกระบอกปืน
“มันก็ใช่อ่ะ แต่ครั้งนี้จัดไม่ได้ว่ะเฮีย กลัวตีน”
อะไรของมัน... ลูกมาเฟียอย่างไอ้เวรนี่กลัวตีนใครเป็นด้วยเหรอวะ ปกติเวลาในคลับมีเรื่องทีไร ผมเห็นมันเอาตีนลูบหน้าไอ้พวกนั้นทุกราย ทีนี้เสือกบอกกลัวตีน?
“มาเฟียอย่างมึงยังจะกลัวตีนใครอีกวะ นอกจากตีนพวกกูเนี่ย”
“ก็ตีนพวกเฮียนั่นแหละ ผมถึงไม่กล้าขวางไง” มันขยี้ผมตัวเองแรง ๆ พลางส่งสายตาหงุดหงิดมาให้
“หมายความว่าไงวะ?”
“ไปดูเองเลยเฮีย หลังร้านโน้น!”