“ก่อนจะเสนอหน้าไปช่วยยัยนั่น ฉันว่าเธอเอาตัวเองให้รอดก่อนดีกว่าไหม?”
ฉันรีบย่นคอหนีเสียงกระซิบเรียบ ๆ ชิดใบหู สองมือยกขึ้นแกะมือหนารอบเอวออกพัลวัน แต่แรงของผู้หญิงหรือจะสู้แรงของผู้ชาย พอตวัดสายตาด่าทอใส่ไอ้ผู้ชายที่ดีแต่ใช้กำลัง แต่ไอ้หัวทองดันทำหน้ามึนกวนประสาทจนน่าหมั่นไส้!
แกรก!
ฉันจึงจิกเล็บลงบนแขนของเขาสุดแรงจนเจ็บร้าวปลายนิ้ว รู้สึกได้ถึงเศษเนื้อติดปลายเล็บ ฉันคิดว่าเขาคงเจ็บจนเลือดออกเลยล่ะ! แต่มีหรือคนสารเลวอย่างนำทัพจะรู้สึกรู้สา เพราะเขาแค่แค่นหัวเราะในลำคอแล้วเปลี่ยนมาคว้าข้อมือฉันแน่นก่อนออกแรงดึงให้เดินตาม
“ปล่อยนะไอ้หัวทอง! จะพาฉันไปไหน!”
“ยัยเก้า! ไม่นะ! พี่นำทัพ! พี่จะพาเพื่อนฉันไปไหน! โอ๊ยย หยุดนะ! จะทำบ้าอะไร! ปล่อยยย!”
ฉันหันกลับไปมองเสียงร้องของเพื่อนรัก ขณะที่ไกอาพยายามลุกขึ้นจากตักของผู้ชายผมสีน้ำตาล หมอนั่นกลับพลิกร่างเล็กลงบนโซฟาอย่างรวดเร็ว ใบหน้าหล่อเจ้าเล่ห์นั้นเผยรอยยิ้มราวกับเป็นเรื่องสนุก
“ไกอา! หยุดนะ! อย่าทำอะไรยัยนั่นนะ!” ฉันยื้อตัวเองไว้สุดแรงเพื่อจะเดินเข้าไปหาเพื่อนรักที่กำลังถูกไอ้ผู้ชายกะล่อนนั่นคร่อมไว้บนโซฟา ใบหน้าสวยของยัยนั่นหวาดหวั่น ดวงตากลมโตสั่นระริกเหมือนจะร้องไห้ “นี่นาย! ห้ามเพื่อนเลว ๆ ของนายสิวะ! ยัยนั่นเป็นน้องสาวนายนะเว้ยย!!”
เพราะร่างสูงด้านหลังเอาแต่จะลากฉันขึ้นบันไดไปชั้นบนไม่ยอมหยุด ฉันจึงหันมาตวาดใส่เขาด้วยความโมโห นำทัพยืนนิ่งส่งสายตาดุดันมาทางฉันก่อนจะเหลือบมองทางด้านหลังข้ามไหล่ฉันไปด้วยสายตานิ่งเฉย
“ทำไมฉันต้องห้าม?”
“เพราะยัยนั่นเป็นน้องสาวนายสิวะ!” ฉันพูดขึ้นอย่างหัวเสียเมื่อไอ้หัวทองตรงหน้าถามกลับด้วยน้ำเสียงยียวนเบื้องล่างสุด ๆ
“เผอิญว่าแม่ฉันไม่มีลูกสาวว่ะ” รู้สึกอยากต่อยหน้าหล่อ ๆ แสนกวนประสาทนี่สักที เขามันคนสองบุคลิกหรือไงวะ! เดี๋ยวก็ดุดัน เดี๋ยวก็กวนประสาท!
“เออ! งั้นก็ปล่อยสิวะ! ฉันจะไปช่วยเพื่อนฉันเอง! ไอ้พวกผู้ชายสารเลว! รังแกผู้หญิงไม่มีทางสู้! สมแล้วที่รวม ‘ฝูง’ กันได้!” จบคำพูดเกรี้ยวกราดของฉัน ใบหน้ากวนประสาทของนำทัพเรียบตึงทันที เขาออกแรงกระชากร่างฉันเข้าไปใกล้ มือหนาบีบปลายคางฉันแน่นจนปวดร้าวไปหมด
“ปากดีเข้าไป... เดี๋ยวรู้เลย!!” นำทัพกระซิบเสียงดุดันก่อนปรายตามองด้านหลังฉันอีกครั้ง เขาพูดกับพวกเพื่อนจอมวายร้ายด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด “ไอ้เนือย! มึงลากยัยนั่นกลับไปส่งบ้านที กูไม่ไว้ใจไอ้เชี้ยฟา!”
“อ้าวไอ้ทัพ ทำไมมึงพูดงี้ว้า... โถ่~นึกว่าจะได้กินนมซะแล้ว”
ฉันหันกลับไปมองก็เห็นว่าอัลฟ่าปล่อยไกอาให้ลุกขึ้นมานั่งเรียบร้อยแล้ว เขาชักสีหน้าเหมือนเด็กอดกินขนมก่อนจะลุกขึ้นแล้วเดินทำแก้มป่องเหมือนกำลังงอนใครสักคนออกจากห้องไป... ประสาทชะมัด...
“ยัยเก้า แก...”
“มานี่เลยเธอน่ะ” ก่อนที่ไกอาจะเดินเข้ามาหาฉัน ผู้ชายหน้าตาเนือย ๆ ที่ชื่อโนอาห์ก็คว้าแขนยัยนั่นเอาไว้ด้วยสีหน้าเบื่อโลกสุด ๆ เขากลอกตาแล้วออกแรงลากยัยตัวเล็กให้เดินไปอีกทาง
“ปล่อยฉันนะ! ฉันไม่ไปกับนาย ฉันจะไปช่วยเพื่อนฉัน!” เสียงไกอาโวยวายลั่น มันยื้อร่างเล็ก ๆ นั่นไว้จนโนอาห์ปรายตามอง เป็นครั้งแรกที่ฉันเห็นสีหน้าหงุดหงิดนอกจากหน้าเบื่อโลกของเขา
“จะพากลับบ้านไง”
“ฉันไม่กลับ!”
“งั้นไปกินไอติมกัน -_-”
“ว่าไงนะ?”
“อย่าถามมากดิ น่าเบื่ออะ”
“นะ.. นาย!”
หลังจากนั้นเสียงของทั้งคู่ก็ขาดหายไปเพราะไกอาโดนลากลงไปชั้นลากเรียบร้อยแล้ว ไอ้บ้านั่นจะพาเพื่อนฉันไปไหนวะ ให้ตายสิ! ทำไมมีแต่เรื่องเนี่ย!
“หึ!” เสียงแค่นหัวเราะจากด้านหลังทำให้ฉันรีบหันกลับมามองเขาอีกครั้ง ลืมไปเลยว่ากำลังโดนหมอนี่บีบข้อมืออยู่ ตอนนี้ฉันยืนค้างอยู่บนบันไดระหว่างชั้นสองและชั้นสามของคลับเพราะเขาพยายามจะลากฉันขึ้นไปบนนั้น
ให้ตายสิ! จะหนีไปจากไอ้บ้านี่ยังไงดี...
“ปล่อย...”
“พูดคำอื่นไม่เป็นหรือไงวะ!” เขาถามเสียงหงุดหงิดแล้วออกแรงลากฉันต่อ ฉันพยายามยื้อร่างเอาไว้สุดแรงเพราะกลัวจะเกิดเรื่องบ้า ๆ แบบนั้นขึ้นอีก
“นายก็ปล่อยสิวะ! จะมาบังคับฉันทำไมนักหนา รู้จักกันก็ไม่ใช่! เลิกตามติดชีวิตฉันสักที!"
ฉันจิกเล็บลงบนข้อมือหนาอีกครั้งหวังให้เขาปล่อย แต่เขากลับกระชากร่างกายฉันเข้าไปกอดรัดรอบเอวด้วยความรุนแรงจนข้อเท้าแทบพลิกตกบันได สองมือเล็กจึงรีบคว้าไหล่หนาเพื่อยึดเหนี่ยวตามสัญชาตญาณ ทำให้ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันเพียงนิดเดียว ลมหายใจอุ่นร้อนของเขาเป่ารดใบหน้าจนรู้สึกร้อนวูบวาบไปหมด กลิ่นบุหรี่และกลิ่นแอลกอฮอล์เจือจางพร่าสติของฉันลงเรื่อย ๆ
“ฉันเคยบอกเธอว่ายังไงจำได้ไหม?” นำทัพเว้นช่วงจนฉันหลุบตาหนีสายตาดุดันคู่นั้น และคำพูดเลวร้ายครั้งก่อนของเขาก็ดังก้องในหัวสมอง
‘เจอกันคราวหน้า... ฉันจะ ‘เอา’ เธอให้เลือดออกเยอะกว่าฉันสิบเท่า!’
“ไอ้เลว! สารเลวที่สุด!” ฉันผลักนำทัพออกจากตัวแรง ๆ เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเคยขู่เอาไว้ นี่เขาคงไม่คิดจะทำแบบนั้นจริง ๆ หรอกใช่ไหม... ฉันไม่ยอมให้เรื่องสารเลวนั่นมันเกิดขึ้นอีกเด็ดขาด!