บทที่ 1 คนในกำแพง EP.2

1276 Words
คำถามของผู้เป็นป้าทำให้พัดชาพลันเงยหน้าขึ้นจากการเช็ดใบตอง พลอยเงี่ยหูฟังอย่างสนอกสนใจไปด้วย เพราะนึกอยากจะซักถามมารดาเรื่องนี้พอดี คนในกำแพงสูงที่ถูกเอ่ยถึงนั่นเพิ่งย้ายมาอยู่เมื่อสองเดือนที่ผ่านมา แต่ก่อนหน้านั้นเด็กหญิงก็เห็นว่ามีรถยนต์ทยอยขนข้าวของมาหลายครั้งหลายคราวด้วยกัน “น่าจะเป็นอย่างที่พี่นุชได้ยินแหละจ้ะ” อรสาตอบผู้เป็นพี่สาว ขณะที่มือก็เจียนใบตองอย่างคล่องแคล่วไปด้วย “อรก็ได้ยินพี่เอิบเล่าให้ฟังว่า วังเก่าที่พวกนั้นเคยอยู่โดนระเบิดลงตอนเกิดสงครามจนเสียหายและกำลังซ่อมแซมอยู่ จึงต้องย้ายมาอยู่ที่นี่ก่อน” เอิบที่อรสาพาดพิงถึงเป็นคนในละแวกเดียวกัน ที่มักจะรู้เรื่องราวของคนโน้นคนนี้ก่อนใครเสมอ แม้จะจริงบ้างไม่จริงบ้างก็ตาม แต่ส่วนใหญ่ทุกข่าวก็มักจะมีมูลความจริง “อ้อ เป็นพวกเจ้านี่เอง ถึงได้ทำตัวสูงส่งมองคนอื่นด้วยสายตาดูถูกดูแคลน พี่ละเกลียดนักเชียว” นงนุชบ่นด้วยความไม่พึงพอใจ เพราะเคยได้รับสายตาดังกล่าวเมื่อหลายวันก่อน นางกับน้องสาวถึงแม้จะไม่ได้เป็นลูกผู้ดีมีตระกูลมาจากไหน แต่ก็ได้ชื่อว่าเป็นลูกสาวคหบดีจากทุ่งรังสิต มีที่นานับร้อยไร่ วิชาความรู้ก็พอมีไม่น้อยหน้าใคร “ช่างเขาเถอะจ้ะพี่นุช เราก็คงไม่ได้ไปเกี่ยวข้องกับพวกเขาหรอก ต่างคนต่างอยู่” อรสาเงยหน้าบอกพี่สาวยิ้มๆ “แล้วทำไมสองคนผัวเมียนั่นถึงขายบ้านเสียล่ะยายอร น่าเสียดายออก” พี่สาวเอ่ยถามอย่างข้องใจ พลางช่วยน้องสาวเจียนใบตองด้วยอีกแรง “สาเหตุที่สองคนผัวเมียนั่นขายบ้านคงต้องถามจากยายพัดชา เพราะสนิทสนมกับสองคนนั้นดี เห็นวิ่งเข้าวิ่งออกบ้านนั้นเป็นว่าเล่น” “ว่าไงยายพัดชา” คนเป็นป้าหันไปไล่เบี้ยเอากับหลานสาวที่นั่งเงี่ยหูฟังอยู่ “เป็นเพราะคุณน้าเจมส์ต้องย้ายกลับไปประจำที่ประเทศอังกฤษจ้ะป้านุช คุณน้าสิริมาจึงต้องตามกลับไปด้วย เจ้าตัวยังบ่นกับพัดชาเลยว่าไม่อยากจะขายบ้านและไม่อยากไป อยู่ที่นี่อากาศก็ดี ผู้คนแถบนี้ก็เป็นมิตร” มิสเตอร์เจมส์ที่พูดถึงเป็นวิศวกรชาวอังกฤษ มีภรรยาเป็นคนไทยชื่อสิริมา และเป็นเจ้าของบ้านคนเก่า สนิทสนมรักใคร่เอ็นดูเธอมากกระทั่งสอนภาษาอังกฤษให้ จนเธอพูดเขียนอ่านได้คล่องแคล่วเกินเด็กในวัยเดียวกัน เด็กหญิงเองก็เสียดายไม่น้อยเช่นกันที่บ้านหลังดังกล่าวต้องถูกเปลี่ยนเจ้าของ เพราะเมื่อก่อนยังวิ่งเข้าไปเล่นในนั้นได้ เรียกว่ารู้ทุกซอกทุกมุมในบ้านนั้น แต่หลังจากบ้านถูกขาย เจ้าของคนใหม่ที่เธอก็เพิ่งรู้ว่าเป็นเจ้าก็ทำรั้วกำแพงใหม่สูงลิ่วอย่างที่เห็น “ก็คงอย่างที่ยายพัดชาว่าน่ะยายอร หายากนะคนบ้านใกล้เรือนเคียงที่มีน้ำใจไมตรีอย่างพวกเรา สองคนผัวเมียนั่นอัธยาศัยก็ดี แม้จะคุยด้วยไม่กี่ครั้ง ไม่เหมือนคนมาอยู่ใหม่ แหม...สร้างรั้วเสียสูงราวกับกำแพงเมืองจีน” นงนุชพูดเสียงสูงติดหมั่นไส้ ซึ่งพัดชาก็พยักหน้าหงึกๆ อย่างเห็นด้วย “ก็พวกมาอยู่ใหม่เป็นถึงเจ้านี่นา คงไม่อยากลดตัวมาคบหาสมาคมกับชาวบ้านธรรมดาอย่างพวกเรามั้งจ๊ะ” อรสาพูดยิ้มๆ อย่างคนมองโลกในแง่ดี แล้วลงมือห่อข้าวต้มผัด เริ่มจากหยิบใบตองที่ลูกสาวเช็ดเรียบร้อย มาห่อข้าวเหนียวที่ถูกกวนเข้ากับกะทิจนส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอจากกะละมังตรงหน้า แล้วใส่กล้วยน้ำว้าที่ผ่าเป็นซีกไว้ตรงกลาง ก่อนจะใช้ตอกมัดสองห่อเข้าด้วยกันจนแน่น จากนั้นก็วางเรียงในซึ้ง “พวกเราถึงจะไม่ใช่ผู้ดีมีตระกูล แต่ก็ไม่ได้ต่ำต้อยด้อยค่านักหรอก เขาเรียกว่าผ้าขี้ริ้วห่อทองย่ะ” พี่สาวยังคงพูดเสียงขึ้นจมูก ไม่วายตวัดมองค้อนไปยังกำแพงสูง พัดชาวางมือจากใบตองที่ช่วยมารดาเช็ดจนเสร็จเรียบร้อย เงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นป้าแล้วยิ้มกว้างอย่างถูกใจ เพราะคำพูดดังกล่าวไม่ได้เกินจริงเลย ด้วยครอบครัวเดิมของมารดาเป็นคหบดีของละแวกนั้น กำนันมิ่งผู้เป็นตาของเธอนั้นใครต่อใครก็รู้จักดี มิหนำซ้ำยังเป็นผู้มีอิทธิพลอีกต่างหาก “แม่จ๋า เดี๋ยวพัดชาไปเก็บดอกมะลิไว้ให้แม่ร้อยมาลัยนะจ๊ะ” เด็กหญิงบอกพลางทำทีเป็นจ้องไปยังมะลิกอใหญ่ ที่ออกดอกขาวสะพรั่งด้วยท่าทีกระตือรือร้น ทว่าในใจกลับโลดแล่นไปยังกระท้อนต้นใหญ่ที่อยู่ติดกำแพงสูง ซึ่งตัวเองชอบปีนขึ้นไปแอบดูภายในกำแพงนั้นบ่อยๆ “ไปเถอะจ้ะ แล้วก็ไม่ต้องปีนต้นกระท้อนขึ้นไปแอบดูคนในกำแพงนั่นอีกนะพัดชา” อรสาพูดดักคอพร้อมกับมองบุตรสาวอย่างรู้ทัน ซึ่งก็ได้รับรอยยิ้มแหยๆ กลับมา ก่อนร่างสูงเก้งก้างจะเดินไปคว้าขันเงินใบใหญ่ที่วางอยู่ไม่ไกลมาถือไว้ หยิบหมวกแก๊ปใบเล็กครอบลงบนศีรษะ แล้วเดินลิ่วๆ ลงจากระเบียงไปอย่างรวดเร็ว โดยมีนงนุชมองตามและพูดด้วยความเป็นห่วง “เมื่อกี้แกบอกว่ายายพัดชาชอบปีนต้นไม้ขึ้นไปแอบดูพวกคนหลังกำแพงสูงนั่นหรือยายอร เกิดพลาดพลั้งตกลงมาแข้งขาหักจะว่ายังไง” “ใช่จ้ะ” คนเป็นน้องสาวพยักหน้ายิ้มๆ “ยายพัดชาชอบแอบดูเสื้อผ้าที่เขาสวม แล้วก็มารบเร้าให้อรตัดแบบนั้นให้บ้าง ท่าทางจะมีหัวด้านนี้อยู่ แล้วพี่นุชก็ไม่ต้องเป็นห่วงหรอกจ้ะเรื่องตกต้นไม้ หลานสาวของพี่น่ะปีนต้นไม้เก่งราวกับลิงวอก” “เก่งยังไงยายพัดชาก็เป็นผู้หญิง จะไม่ให้เป็นห่วงคงไม่ได้หรอก ส่วนเรื่องที่ว่าแม่หลานสาวตัวดีมีหัวทางด้านเสื้อผ้า ก็คงได้มาจากแกนั่นแหละยายอร เพราะแกเองก็ตัดเย็บเสื้อผ้าได้สวยเหมือนช่างมืออาชีพนี่นา” สิ่งที่นงนุชพูดก็ไม่ได้เกินความจริงอีกเช่นกัน น้องสาวของนางนั้นนอกจากจะทำขนมและกับข้าวอร่อยชนิดหาตัวจับยากแล้ว ยังมีหัวด้านการตัดเย็บเสื้อผ้าอีก ถ้าเห็นเสื้อผ้าของใครสวยแปลกตา มองปราดเดียวก็สามารถตัดเย็บตามได้ มิหนำซ้ำยังมีลูกเล่นเก๋ๆ มากกว่าเสียอีก ไม่แปลกที่พรสวรรค์ดังกล่าวจะถ่ายทอดมาสู่หลานสาวของนาง “หลานสาวพี่นุชน่ะเก่งหลายด้านจนไม่รู้ว่าจะเอาดีด้านไหนกันแน่” อรสาพูดแล้วยิ้ม ซึ่งพี่สาวก็พยักพเยิดอย่างเห็นด้วย “นั่นสิ พี่จำได้ว่าแม้แต่ขี่ควายที่ไม่ใช่เรื่องง่ายๆ ยายพัดชาก็ยังทำได้ดีไม่แพ้เด็กตามท้องนา สมกับเป็นหลานสาวกำนันมิ่งจริงๆ” ระหว่างเกิดสงครามอรสาพาครอบครัวหลบระเบิดไปอาศัยที่บ้านบิดาซึ่งเป็นบ้านเกิด บรรยากาศท้องทุ่งนาถูกอกถูกใจบุตรสาวของนางยิ่งนัก เนื่องจากได้ลองหัดขี่ควายเป็นครั้งแรก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD