บทที่ 6 ลูกชาวบ้านกับลูกชาววัง EP.1

1402 Words
“อยากไปครับ” หลานชายคนเดียวบอกโดยไม่หยุดคิด แล้วจึงหันไปสบตากับผู้เป็นพ่อที่นั่งฟังเงียบๆ “ตัดสินใจแน่นอนแล้วใช่ไหมลูก” คนเป็นแม่ถามเสียงแผ่ว ใจหายที่ลูกชายจะต้องไปอยู่แดนไกล แค่คิดก็รู้สึกแย่แล้ว “ครับแม่” พัชระตอบด้วยสีหน้ามั่นคงและน้ำเสียงหนักแน่น วิศาลมองสีหน้าภรรยาแล้วบีบมือของอีกฝ่ายเบาๆ “ให้ลูกไปน่ะดีแล้วแม่อร ไปนำความรู้กลับมาพัฒนาประเทศชาติของเรา ตอนนี้คนในพระนครที่พอจะมีเงินทองก็มักจะส่งลูกไปเรียนต่างประเทศกันทั้งนั้น” แล้วจึงหันไปทางบุตรชาย “แต่ที่ป๊าส่งเพชรไป ไม่ใช่เป็นเพราะตามคนอื่น แต่ป๊าอยากให้เพชรเรียนหนังสือเยอะๆ จะได้ไม่มีใครมาดูถูกเรา ป๊าเองก็ไม่ได้เรียนสูงเพราะไม่มีโอกาส” “ครับป๊า เพชรจะตั้งใจเรียน จะไม่ให้ใครมาดูถูกถึงป๊ากับแม่เป็นอันขาด” พัชระบอกด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจริงจัง อีกเดือนเดียวเขาก็จะเรียนจบชั้นมัธยมปลายแล้ว “ว้า อีกไม่นานพี่เพชรก็จะไปเรียนต่างประเทศแล้ว น้องคงจะเหงาแย่เลย” เด็กหญิงโอดครวญเสียงเศร้าเพราะเธอนั้นติดพี่ชายมาก “พี่ไปไม่นานก็กลับจ้ะ” คนเป็นพี่ชายบอกน้องสาว เขาเองก็คงคิดถึงอีกฝ่ายไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน “เทอมหน้าพัดชาก็จะจบชั้นมัธยมหกแล้วใช่ไหมลูก” วิศาลถามบุตรสาว ไม่ได้สนใจต่อเสียงโอดครวญของอีกฝ่ายแต่อย่างใด “ใช่จ้ะป๊า” คนเป็นพ่อนิ่งไปชั่วอึดใจ ก่อนจะบอกสิ่งที่ตัวเองใคร่ครวญดีแล้ว “ป๊าจะส่งพัดชาไปเรียนต่อที่ปีนัง” “ปีนัง!?” อรสาอุทานเสียงสูงด้วยสีหน้าตระหนก แล้วหันไปทางผู้เป็นสามี พลางจับแขนอีกฝ่ายเขย่าไปมา “พัดชายังเล็กอยู่เลยนะเฮีย แค่จะส่งตาเพชรไปคนเดียว อรก็จะแย่แล้ว นี่จะส่งพัดชาไปอีก” “นั่นสิวิศาล พี่ว่าตาเพชรก็พอจะช่วยเหลือตัวเองได้เพราะจะสิบแปดแล้ว แต่ยายพัดชาเพิ่งจะสิบห้าเองนะ จะไปอยู่ต่างบ้านต่างเมืองอย่างไร” นงนุชตีโพยตีพายราวกับหลานสาวจะไปภายในวันสองวันนี้ “ถ้าคิดว่าลูกหรือหลานยังเล็กแล้วเมื่อไหร่ถึงจะโตล่ะ บางครั้งก็ต้องให้ประสบการณ์เป็นผู้สอนสั่งในการดำเนินชีวิต ถ้าเราไม่ให้ลูกออกไปผจญภัยในโลกกว้าง ลูกจะเก่งได้อย่างไร” คนเป็นพ่อพูดเสียงเข้มอย่างคนมองการณ์ไกล แล้วจึงหันไปถามบุตรสาวที่นั่งฟังตาแป๋ว “พัดชาอยากไปเรียนที่ปีนังหรือเปล่าลูก ถ้าบอกว่าไม่คำเดียว ป๊าจะไม่ฝืนใจหนู” เด็กหญิงผู้ถูกถามนิ่งเงียบไปชั่วครู่ เธอเคยได้ยินชื่อปีนังจากคุณน้าสิริมา ที่เรียนจบวิชาเลขานุการมาจากที่นั่น อีกทั้งเจ้าตัวก็เคยเล่าชีวิตสมัยเรียนหนังสือให้ฟัง ซึ่งเธอฟังแล้วก็คิดว่าถ้าได้ไปเรียนที่นั่นคงจะดี ไม่นึกว่าโอกาสนั้นจะถูกหยิบยื่นให้โดยผู้เป็นบิดา “ไปจ้ะป๊า พัดชาอยากไปเรียนที่ปีนัง” คนเป็นแม่พอได้ยินดังนั้นก็รีบพูดทักท้วงเสียงสั่น “พัดชา คิดดีแล้วหรือลูก” “เอาละ พ่อจะให้ลูกบอกอีกครั้งว่าอยากไปเรียนที่ปีนังหรือไม่” วิศาลให้โอกาสลูกตัดสินใจอีกครั้ง เด็กหญิงหันไปยิ้มให้ผู้เป็นมารดาแล้วกอดเอวอีกฝ่ายอย่างออดอ้อน “ให้พัดชาไปเถอะจ้ะแม่ พัดชาอยากไปเรียนที่ปีนัง อยากเก่งเหมือนคุณน้าสิริมา ที่สำคัญ พัดชาอยากใช้ภาษาที่คุณน้าเจมส์เคยสอน ต่อให้เราเก่งภาษาเพียงใดแต่ถ้าไม่ได้ใช้ก็เปล่าประโยชน์จ้ะ และสุดท้าย พัดชาสัญญาว่าจะไม่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวพัดชาอย่างแน่นอน” เด็กหญิงพูดฉะฉาน ซ้ำยังยกเอาภาษาอังกฤษที่เคยเรียนกับมิสเตอร์เจมส์มาอ้าง ซึ่งวิศาลฟังแล้วก็หันไปสบตากับพัชระ นึกชมเชยความเฉลียวฉลาดของบุตรสาวคนเดียว ซึ่งเขามั่นใจว่าภายภาคหน้าจะต้องเอาตัวรอดได้อย่างแน่นอน เมื่อได้ฟังบุตรสาวยกเหตุผลมาอ้างอย่างนี้ อรสาจะพูดคัดค้านอะไรได้ เมื่อหันไปมองสามี เห็นสีหน้าของอีกฝ่ายก็เดาได้ว่าเรื่องนี้เจ้าตัวคงนึกไตร่ตรองดีแล้ว ที่ยอมทุ่มหน้าตักส่งทั้งบุตรชายและบุตรสาวไปเรียนต่างแดนในคราวเดียวกัน ซึ่งค่าใช้จ่ายก็คงไม่ใช่น้อยๆ “เอาละ ถ้าเป็นความปรารถนาของลูก แม่จะพูดอะไรได้ล่ะ” “ถ้าทั้งเพชรกับพัดชาไม่อยู่ บ้านช่องคงเหงาแย่เลย” นงนุชที่ตอนนี้เด็ดสายบัวเสร็จเรียบร้อยแล้วเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหงอยๆ “กว่าเพชรกับพัดชาจะไปก็อีกตั้งสองสามเดือน ใช่ว่าจบแล้วจะไปได้เลยเมื่อไหร่เล่า ต้องจัดเตรียมเอกสารอีก ถึงตอนนั้นพี่นุชก็คงทำใจได้แล้วแหละ” วิศาลพูดเสียงกลั้วหัวเราะกับพี่ของภรรยา “ป๊าต้องเสียเงินทองไม่น้อยเลยนะครับ ที่จะต้องส่งเพชรกับน้องไปเรียนต่างประเทศ” พัชระที่นั่งฟังเงียบๆ พูดขึ้นอย่างไม่ค่อยสบายใจนัก เพราะลำพังค่าใช้จ่ายที่บิดาต้องส่งเขาไปเรียนที่ประเทศอังกฤษก็นับว่าสูงแล้ว นี่ยังต้องส่งน้องสาวไปเรียนที่ปีนังอีก “นั่นสิจ๊ะป๊า พัดชาเรียนต่อโรงเรียนเดิมก็ได้จ้ะ” แม้ใจของเด็กหญิงอยากจะไปเรียนที่ปีนังเพียงใด แต่เมื่อได้ฟังคำพูดของพี่ชายก็คล้อยตาม เพราะถ้าทำให้ครอบครัวต้องเดือดร้อนเรื่องเงินทอง เธอก็ขอเลือกเรียนที่นี่ดีกว่า นัยน์ตายาวรีของวิศาลมองไปยังบุตรชายสลับกับบุตรสาวด้วยความรักใคร่ แล้วก็เปล่งเสียงหัวเราะออกมา ก่อนจะพูดเสียงขรึมไร้แววล้อเล่น “ในเมื่อป๊าคิดจะส่งเพชรกับพัดชาไปเรียนต่างแดน แสดงว่าคิดใคร่ครวญดีแล้วถึงค่าใช้จ่ายที่จะตามมา ไม่ต้องวิตกกังวลอะไรทั้งสิ้น มีหน้าที่ศึกษาหาความรู้ก็ทำหน้าที่ของตัวเองไป ทรัพย์สมบัติแม้จะมีมากมายก็มีวันหมด แต่วิชาความรู้อยู่ติดตัวเราไปตลอดชีวิต ซึ่งป๊ายินยอมแลกกับสิ่งที่ลูกทั้งสองจะได้รับ” “เราสองคนไม่รู้หรือไงว่าป๊าน่ะเป็นพวกผ้าขี้ริ้วห่อทอง เพียงแต่ไม่เคยอวดโอ้ให้ใครรู้ก็เท่านั้น ไม่แน่นะอาจจะมีเงินมากกว่าคนในกำแพงนั่นด้วยซ้ำ” นงนุชหันไปพูดกับหลานทั้งสองคน เพราะนางรู้ดีจากการที่ช่วยทำบัญชีรายรับรายจ่ายในโรงสีให้น้องเขย เมื่อเห็นสีหน้าของบุตรชายกับบุตรสาวดีขึ้น วิศาลก็รีบเปลี่ยนประเด็นทันที เพราะเขาไม่นิยมพูดถึงเรื่องเงินๆ ทองๆ นัก “เห็นสายบัวแสดงว่าเย็นนี้ต้องได้กินต้มกะทิสายบัวใส่ปลาทูใช่ไหมครับพี่นุช” คนถูกถามส่งค้อนให้น้องเขยขวับใหญ่ ก่อนจะหันไปทางหลานชายที่นั่งยิ้มอยู่ “วันก่อนได้ยินตาเพชรบ่นอยากกิน วันนี้ป้าเลยจะทำให้กิน” “ป้านุชของเพชรน่ารักที่สุดเลยครับ ไม่มีใครทำต้มกะทิสายบัวได้อร่อยเท่า” “เรียกว่าเย็นนี้ผมพลอยได้ผลบุญจากลูกว่างั้นเถอะ” วิศาลพูดกระเซ้า เพราะนงนุชนั้นทำต้มกะทิสายบัวอร่อยอย่างที่ลูกชายว่าจริงๆ ซึ่งเขาก็ติดใจรสมือมาตั้งแต่เข้ามาเป็นเขยบ้านนี้ “พัดชาก็นึกอยากกินอยู่พอดีเลยจ้ะป้านุช” เด็กหญิงพูดแล้วก็นึกถึงเพื่อนใหม่ขึ้นมา ไม่รู้ว่าเคยกินต้มกะทิสายบัวบ้างไหม เธอคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่เคยกินอาหารบ้านๆ ซึ่งแม้แต่คุณน้าเจมส์กับคุณน้าสิริมายังพากันติดใจความอร่อย เอาไว้คราวหน้าจะให้ป้านุชทำอีกครั้ง จะได้ให้หญิงนิ่มลองชิม รับรองว่าเพื่อนใหม่ของเธอต้องติดใจอย่างแน่นอน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD