หะ? เมื่อกี้เขาว่าอะไรนะ?
“จีบ?” ฉันย้อนถามเสียงสูง “นายกำลังจีบเมียเพื่อนเนี่ยนะ? ชั่วเกินไปไหม?!”
“ไม่เคยได้ยินเหรอ เมียเพื่อนก็เหมือนเมียเราอ่ะ” นับพันยิ้มเจ้าเล่ห์ นัยน์ตาน้ำตาลทองวับวาวแปลก ๆ ท่าทางสนุกจนเกินควรนี่คืออะไร?
“ตรรกะคนชั่ว ๆ”
“อยากได้คนชั่วเป็น ‘ผัว’ เพิ่มอีกคนไหมล่ะครับ” นับพันยักคิ้วถามยิ้ม ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน ความหน้าด้านให้สิบกะโหลกอ่ะ!!
ฉันเกลียดรอยยิ้มเขา!!
“ไอวี่…”
เสียงเรียกจากด้านหลังนับพันช่วยหยุดสงครามประสาทระหว่างฉันกับเขาในทันที ฉันเป็นฝ่ายยอมก้าวถอยหลังเพื่อเว้นระยะห่างจากนับพัน
ให้ตายสิ... ผู้ชายคนนี้โมโหจริง ๆ เลย! ทั้งคำพูด ท่าทาง และการกระทำ มันไม่น่าไว้วางใจเลยสักนิด
ฉันละสายตาไปมองผู้มาใหม่ที่กำลังเดินเข้ามาหา อาร์มี่เลื่อนสายตามองผู้ชายข้างกายฉันเล็กน้อย แววตาเขามีแววไม่พอใจฉายชัดเลยล่ะ
“มึง… มาทำห่าไรตรงนี้วะไอ้พัน”
“อ้อ พอดีเห็นไกล ๆ แล้วรู้สึกคุ้นเคย… ก็เลยแวะมาทักทาย ‘เมียเพื่อน’ สักหน่อย” นับพันยืดตัวขึ้นเต็มความสูง เขายังคงยิ้มมุมปากขณะตอบ สายตาคมสีน้ำตาลทองนั่นก็ยังจับจ้องฉันไม่วางตา
อาร์มี่มองฉันสลับกับนับพันด้วยสีหน้ากร้าวขึ้นเล็กน้อย สองคนนี้เป็นเพื่อนกันจริง ๆ น่ะเหรอ บอกว่าเป็นศัตรูฉันยังจะเชื่อซะมากกว่า ดูจากสายตาที่มองกันก็น่าจะรู้แล้ว
แต่ก็นะ... ถ้าฉันมีเพื่อนสันดานแย่แบบนับพัน ฉันก็คงจะปวดประสาทตายวันละหลายร้อยหน
“เออ ทักเสร็จแล้วใช่ไหม? ถ้างั้นเรากลับกันเถอะที่รัก” ไม่รู้ว่าอาร์มี่กำลังคิดจะทำอะไร จู่ ๆ เขาก็เดินเข้ามาโอบไหล่ฉันแล้วดึงให้ออกห่างจากนับพัน ฉันมองหน้าเขานิ่ง ๆ แต่อาร์มี่ทำเป็นไม่สนใจ เขาหันกลับไปหานับพันที่ยังใช้สายตาจับผิดมองมาไม่ยอมละ “งั้นกูพาเมียกลับห้องก่อนนะ ไว้เจอกันมึง”
อาร์มี่พูดแค่นั้นก่อนจะรั้งร่างฉันให้เดินตามเขาออกมา ทว่ากลับก้าวเดินได้ไม่กี่ก้าว ข้อมือของฉันก็ถูกมือหนาของใครอีกคนคว้าไปจับไว้แน่น
หมับ!
“เดี๋ยวสิ จะรีบไปไหน? ยังไม่หาย ‘คิดถึง’ เลยว่ะ”
มันเหมือนกระแสไฟฟ้าแรงสูงช๊อตเปรี้ยะตรงตำแหน่งที่ถูกมือร้อนสัมผัส คิดไม่ถึงเลยว่านับพันจะใจกล้าถึงขนาดรั้งฉันไว้ทั้ง ๆ ที่อาร์มี่กำลังโอบไหล่ฉันอยู่ เวลานี้ฉันพูดอะไรไม่ออกเลย ไม่สิ ต้องเรียกว่าไม่รู้จะพูดอะไรเลยต่างหาก บรรยากาศรอบข้างมาคุขึ้นมาทันที ทุกคนพากันเงียบจนได้ยินเสียงลมหายใจเข้าออกของกันและกัน ผลสุดท้ายอาร์มี่ก็เป็นฝ่ายกระชากฉันให้หลุดจากการจับกุมของนับพันซะเอง
“มึงคิดจะทำอะไรวะไอ้พัน...”
“ก็ไม่รู้สินะ… แล้วแต่มึงจะคิด”
“ไอวี่เป็นเมียกู หวังว่ามึงคงยังไม่ลืมนะ”
“...”
“เลิกคิดเรื่องชั่ว ๆ ไปได้เลย ถ้ายังเห็นว่ากูเป็นเพื่อน”
บรรยากาศตอนนี้มันน่าอึดอัดชะมัด ฉันไม่เคยเห็นอาร์มี่จริงจังขนาดนี้มาก่อนเลย สีหน้าเขาดุดันและแข็งกร้าวมาก ต่างจากนับพัน หมอนั่นเอาแต่แสยะยิ้มชอบใจ ไม่รู้ว่าจะสนุกอะไรนักหนา ปั่นประสาทชาวบ้านเขาเนี่ย สนุกมากนักใช่ไหม?!
“แหม ทำเป็นเครียดไปได้ กูก็แค่ ‘แหย่’ เล่นเท่านั้นเองเนอะ”
นับพันหันมาเนอะใส่ฉันเหมือนต้องการหาพรรคพวก แต่ถูกฉันจิกสายตากลับ ทว่าเขากลับก้มลงมากระซิบเบา ๆ อย่างจงใจให้ฉันได้ยินเพียงคนเดียว หมอนี่คิดจะปั่นประสาทอาร์มี่ไปถึงเมื่อไหร่!
“ผัวเผลอแล้วเจอกัน”
“ไอ้…” ฉันอ้าปากค้างเตรียมจะด่าเขา ทว่าคนตัวสูงกลับยืดตัวขึ้นแล้วหันไปบอกลาอาร์มี่เสียงดัง เขาทำเป็นไม่สนใจฉัน แต่ฉันเห็นนะว่าเขาเหลือบตามองฉันน่ะ!
“กูไปละ ไว้เจอกันมึง” พูดจบเขาก็เดินผิวปากออกไปอย่างสบายอกสบายใจ เชื่อเขาเลย! เหอะ! หมอนั่นต้องบ้าแน่ ๆ นอกจากบ้าแล้วยังโรคจิตอีกต่างหาก!
“ไอ้เวรนั่นมันพูดอะไรกับเธอ?” อาร์มมี่ที่ยืนเงียบมาสักพักถามขึ้น ฉันถอนหายใจแรง ๆ เพราะเบื่อที่จะตอบ ตอนนี้อยากกลับห้องเต็มแก่แล้ว เดี๋ยวคืนนี้ต้องไปขึ้นโชว์อีกต่างหาก
“กลับกันเถอะ ฉันอยากอาบน้ำแล้ว”
“ไอวี่! ตอบ!”
“...” ฉันชะงักนิ่งก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตากับอาร์มี่ สีหน้าเขาตอนนี้ทะมึนทึงแปลก ๆ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่เขาแสดงอาการแบบนี้ ทุกครั้งที่มีผู้ชายเข้าใกล้ฉัน เขาก็มักจะเป็นแบบนี้เสมอ อารมณ์ร้อน ดุดัน เจ้าอารมณ์
“ฉันเตือนแล้วไงว่าอย่าเข้าใกล้มัน! ขอร้องละไอวี่… ใครก็ได้ที่ไม่ใช่ไอ้นับพัน!”
นี่เขาคิดว่าฉันอยากจะเจอหน้าหมอนั่นมากนักหรือยังไง แล้วทำไมต้องทำสีหน้าแบบนั้นใส่ฉันด้วย ทำไมต้องทำเหมือนกำลังเจ็บปวดด้วย ฉันไม่เข้าใจ
“นายรู้จักฉันมากี่ปีแล้วอาร์มี่” ฉันสูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ก่อนจะเอ่ยถามเขาน้ำเสียงเย็นชา “นายคิดว่าฉันเป็นผู้หญิงแบบไหนกัน ฉันไม่อยากจะพูดอะไรซ้ำ ๆ นะ เอาเป็นว่า…”
“...”
“ฉันเกลียดผู้ชายทุกคน… ยกเว้นนาย” ฉันจ้องตาเขาอย่างสื่อความหมาย อาร์มี่เม้มปากแน่นก่อนจะเอ่ยเรียกชื่อฉันออกมาแผ่วเบา
“ไอวี่…”
“อย่าทำ… ให้ฉันต้องเกลียดนายอีกคน”