บทที่ 6 พรหมลิขิตหรือโลกแคบ EP.4

1302 Words
“ดีเหมือนกันไอ้เรน มานั่งดื่มเบียร์กันต่อดีกว่า ปล่อยหน้าที่ทำอาหารให้ดอนกับแดน กูเองก็ไม่อยากท้องเสียด้วยฝีมือทำกับข้าวของมึงหรอกว่ะ” ภูวดลช่วยพูดคลี่คลายสถานการณ์ นึกขำเพื่อนกับคนสนิทไม่หาย ภาพตรงหน้าช่างเป็นอะไรที่ขัดกันเป็นที่สุด ทว่าชายหนุ่มรู้ว่าภายใต้ท่าทางราวไอดอลเกาหลีของดอนกับแดน ได้ซ่อนความร้ายกาจเอาไว้เพื่อพรางสายตาจากผู้ไม่ประสงค์ดี ทั้งตัวผู้เป็นเพื่อนก็ไม่ใช่คนที่จะมาเล่นงานกันได้ง่ายๆ เช่นกัน ไม่นานยำเห็ดสดรสจัด อาหารจานแรกที่ควรเรียกว่าเป็นกับแกล้มมากกว่า ก็ถูกดอนยกมาตั้งไว้บนโต๊ะตัวเตี้ยตรงหน้าสองหนุ่ม ซึ่งอยู่ในอาการกรึ่มๆ กับเบียร์นุ่มๆ บวกกับอากาศที่เริ่มเย็นจัดลงเรื่อยๆ ภูวดลจึงต้องหยิบเสื้อหนาวตัวหนามาคลุมกาย ทั้งยังสวมถุงเท้าพร้อม ทว่าลอราชยังอยู่ในชุดเดิมโดยไม่หวั่นต่อลมหนาวที่พัดกรูเกรียวจนเต็นท์สั่นพึ่บพั่บ ผิวขาวๆ เริ่มเป็นสีระเรื่อราวผิวของสตรีเพศจากเบียร์ที่ดื่ม “มึงนี่มันหนังหนาสุดๆ เลยนะไอ้เรน ไม่รู้สึกหนาวบ้างหรือไงวะ” ภูวดลถามอย่างสงสัย ถึงจะรู้ว่าเพื่อนชินกับอากาศแบบนี้ แต่การสวมเสื้อกล้ามตัวเดียวมันดูเกินไปจริงๆ “หนาวกายไม่เท่าหนาวใจว่ะ” คนถูกหาว่าหนังหนาตอบเล่นลิ้น “แหมไอ้เรน อย่างมึงมีหนาวกายด้วยหรือวะ ร้อนฉ่าจนเกินไปล่ะไม่ว่า” ภูวลดลพูดแขวะพลางใช้ส้อมจิ้มยำกุนเชียง ที่แดนเพิ่งยกมาวางให้เข้าปากตามด้วยเบียร์อึกใหญ่ ลอราชยิ้มเล็กน้อยมองจานกุนเชียงตรงหน้าก่อนตะโกนถามคนสนิท “ตกลงแกสองคนตั้งใจจะทำแต่ยำให้ฉันกับไอ้เคนกินเท่านั้นหรือไงวะ” “อากาศแบบนี้ต้องกินรสจัดๆ แบบนี้แหละครับ” ดอนเป็นผู้ตอบตามเคย “เออ! ในถังน้ำแข็งยังมีอาหารสดอีกหลายอย่างแกยำมาอีกก็ได้นะ” คนเป็นนายพูดประชด “ครับ” คราวนี้คนตอบคือแดน ทำเอาคนถามเงียบเสียงแต่มีเสียงถอนหายใจหนักๆ ดังแทน ภูวดลถึงกับปล่อยเสียงก๊ากออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่ และต้องชะงักการหัวเราะไว้แทบไม่ทัน เมื่อได้ยินเสียงทักทายจากเต็นท์แฝดข้างๆ “พี่เคน สวัสดีครับ” เสียงทักทายนั่นทำให้คนถูกทักรวมทั้งลอราช พากันหันขวับไปมองเป็นตาเดียวกัน ไม่เว้นแม้แต่ดอนกับแดนที่สาละวนทำอาหารอยู่ มือของทั้งคู่แตะที่เอวพร้อมราวกับนัดกัน “อ้าวนิก” ภูวดลทักตอบอย่างงงๆ มองชายหนุ่มตรงหน้า ซึ่งเป็นนายแบบที่กำลังมีชื่อเสียงโด่งดัง และเคยเป็นแบบให้กับนิตยสารของเขาอยู่หลายครั้ง จึงคุ้นหน้ากันเป็นอย่างดี ทว่าเมื่อมองไปทางด้านหลังก็พบเข้ากับหญิงสาวอีกสองคน ที่หนึ่งในนั้นเขาเพิ่งพบมาเมื่อวันก่อน แต่อีกคนที่ยืนหลบหน้าหลบตาอยู่ข้างหลัง เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน เพียงแต่ตอนนี้นึกไม่ออกเท่านั้น “ไม่นึกว่าจะมาเจอพี่เคนที่นี่นะครับ” “นั่นสิ พี่ยังคุยกับเพื่อนอยู่เลยว่าเต็นท์ใครนะเหมือนของเพื่อนพี่ราวกับคู่แฝด ที่แท้เป็นนิกนี่เอง” ส่วนคนที่ไม่นึกว่าจะเจอเช่นกันอีกสามคนก็มีความรู้สึกไม่แตกต่างกันนัก! หนุ่มเครางามอย่างลอราชไม่นึกเลยว่า หญิงสาวที่เขาเพิ่งจะตาฝาดเห็นเธอบนท้องฟ้าก่อนหน้านี้ จะมาปรากฏกายให้เห็นตรงหน้าตัวเป็นๆ ราวกับปาฏิหาริย์ นับเป็นเรื่องเหลือเชื่อจริง แล้วดูสายตาวับๆ ที่มองมานั่นอีก ยังเต็มไปด้วยแววเกลียดชังเช่นเดิมไม่มีผิด นี่กะเกลียดกันจนถึงชาติหน้าเลยหรือไง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ คนถูกเกลียดโดยไม่รู้สาเหตุคิดอย่างขุ่นขวาง อิงลดาเขม้นมองร่างสูงที่แต่งกายท้าลมหนาวตรงหน้าอย่างนึกหมั่นไส้ คนอะไรหนาวจะตายดันใส่เสื้อกล้ามโชว์รูปร่างอยู่นั่นแหละ และต้องรีบเบือนหน้าหลบทันควัน เมื่อสายตาพบเข้ากับขนหน้าอกที่โผล่ให้เห็นอยู่รำไรๆ ทั้งเคราทั้งขนมีให้เห็นอยู่ยุ่บยั่บ น่าเกลียดจริงเชียว ที่เที่ยวมีตั้งเยอะแยะมากมายทำไมต้องมาโคจรพบกันด้วยก็ไม่รู้ คนใจอคติคิดอย่างขุ่นเคือง ขณะอินทิราที่ยืนหลบอยู่ด้านหลังหลานสาว ก็ทวีอาการหนาวเยือกเพิ่มขึ้น จากที่หนาวปกติอยู่แล้วหลังจากลงจากรถ จนต้องยกแขนทั้งสองขึ้นกอดอก นึกรู้ทันทีว่าอาการดังกล่าวนั้นมีสาเหตุเกิดมาจากอะไร ทำไมโลกถึงได้กลมจนต้องมาวนเวียนเจอะเจอเขาที่นี่ด้วยนะ ไม่ได้เจอกันมาตั้งเป็นสิบๆ ปี ไม่ควรเลยที่จะต้องมาเจอกันอีก เกือบจะทำใจให้ลืมได้แล้วนะ แต่มาเจอแบบนี้เลยกลายเป็นทำให้ลืมได้ยากเข้าไปใหญ่ คนแอบรักเขาคิดอย่างสังเวชตัวเอง “คุณเรนหรือเปล่าครับ ดีใจจังที่ได้เจอที่นี่” ช่างภาพคนดังเลิกคิ้วเข้มและมองคนทักอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์นัก ไม่รู้เหมือนกันว่าความรู้สึกนี้เกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่รู้สึกขัดตากับท่าทีสนิทสนมของอิงลดากับเจ้าหนุ่มหน้าหล่อนี่จริงๆ แล้วทำไมเขาต้องขัดตาด้วยวะเนี่ย ไม่ใช่เรื่องของตัวเองเสียหน่อย “คุณรู้จักผมด้วย” “รู้จักสิครับ ใครไม่รู้จักช่างภาพชื่อดังอย่างคุณเรนก็คงเชยแหลก” อาชวินพูดยิ้มๆ มองช่างภาพคนดังด้วยสายตาชื่นชม นอกจากฝีมือถ่ายภาพจะหาตัวจับยากแล้ว ความหล่อที่ซ่อนไว้ภายใต้หนวดเครายังเปล่งประกายจนรู้สึกได้ “สวัสดีค่ะคุณเคน” อิงลดาพูดแทรกขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้ภูวดล แต่ยังไม่ยอมทักทายลอราชแม้แต่คำเดียว “สวัสดีครับคุณน้ำอิง” ชายหนุ่มยิ้มรับเบือนสายตามองไปทางหญิงสาวอีกคนที่ยืนเงียบๆ อยู่ยังนึกไม่ออกว่าเคยพบเธอที่ไหนมาก่อน “สวัสดีครับคุณ...” “อินทิราค่ะ” เสียงตอบเบาๆ ที่เอ่ยออกมา เกือบทำให้ภูวดลถอนหายใจอย่างโล่งอก เพราะตอนแรกคิดว่าเธอเป็นใบ้เสียแล้ว “น้ำอิง เอ่อ อิงลดาเป็นเพื่อนกับผมครับพี่เคน คุณเรน ส่วนคุณอินทิราเป็นอาของน้ำอิง” นายแบบหนุ่มแนะนำเพิ่มเติมแก่ชายหนุ่มทั้งสอง “สวัสดีค่ะคุณลอราช คุณภูวดล” อินทิราตัดสินใจทักทายออกไปตามชื่อจริงของทั้งคู่ สร้างความประหลาดใจให้เกิดแก่หลายคนไม่น้อย ยกเว้นอิงลดาที่เคยรู้เรื่องนี้มาบ้างแล้ว “อาแหนมรู้จักพี่เคนกับคุณเรนด้วยหรือครับ” อาชวินถามโพล่งขึ้นมาเป็นคนแรก อย่างตัวอิงลดาเขารู้ถึงสาเหตุที่ผู้เป็นเพื่อนรู้จักกับชายหนุ่มทั้งสอง แต่อาสาวของเพื่อนนี่สิไปรู้จักได้อย่างไร ส่วนคนถูกทักชื่ออย่างลอราชกับภูวดลไม่ต้องพูดถึง ทั้งคู่งงจนแปลกใจ ตกลงที่รู้สึกเหมือนเคยเห็นหน้ามาก่อน นั่นเป็นเพราะเคยรู้จักกันมาก่อนหรือ? และตั้งแต่เมื่อไร ทำไมพวกเขานึกไม่ออก “นั่นสิครับ ผมยังนึกไม่ออกเลยว่าเคยรู้จักคุณอินทิราตอนไหน” ภูวดลถามด้วยความงุนงงไม่หาย
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD