บทที่ 4 คนหน้าหนวด EP.4

1349 Words
ลอราชทักทายพร้อมรอยยิ้มนิดๆ แต่ได้รับเพียงสีหน้าบึ้งตึงกลับคืนมา ทำให้ชายหนุ่มอดขุ่นขวางในใจไม่ได้ ไม่เข้าใจเลยว่าการที่เขาโวยวายเพราะถูกกาแฟร้อนๆ หกรดมันผิดตรงไหน เหตุใดผู้หญิงคนนี้จึงได้แสดงกิริยาไม่ชอบหน้าเขาออกมาอย่างชัดเจนเช่นนี้ด้วย “สวัสดีครับคุณน้ำอิง ชื่อเพราะจังเลยครับ เรียกผมว่าเคนก็ได้ครับ” คำชมของภูวดลเรียกรอยยิ้มหวานจากอิงลดาพร้อมคำขอบคุณที่หวานไม่แพ้กัน ทว่าคำขอบคุณดังกล่าว กลับสร้างความหงุดหงิดให้เกิดขึ้นแก่ลอราชโดยไม่มีเหตุผล “คุณน้ำอิงที่พี่แจงเล่าให้ฟังว่าเคยมาฝึกงานกับบริษัท และถูกเรียกมาทำงานตั้งแต่ยังเรียนไม่จบใช่หรือเปล่าครับ” ภูวดลเอ่ยถามพี่สาวยิ้มๆ หลังจากสั่งอาหารสำหรับเขากับผู้เป็นเพื่อนเรียบร้อยแล้ว “ใช่แล้วจ้ะ นอกจากจะมีผลการเรียนโดดเด่นแล้ว การทำงานก็เก่งไม่แพ้การเรียนเลยจ้ะ” อภิรดีกล่าวชื่นชมแล้วจึงมองไปทางชายหนุ่มอีกสองคนที่ยืนอยู่ด้านหน้า “แล้วหนุ่มหล่อสองคนนั่นเป็นใครหรือจ๊ะ ทำไมไม่มานั่งด้วยกัน” “อ๋อ คนสนิทของไอ้เรน หรือจะเรียกว่าบอดี้การ์ดก็ได้ครับพี่แจง” คำว่าคนสนิทที่เอ่ยออกมาจากปากของภูวดล เรียกรอยยิ้มกึ่งเยาะให้เกิดขึ้นบนริมฝีปากอิ่มของอิงลดาทันควัน ‘แค่ช่างภาพ ต้องมีคนคุ้มครองราวกับพวกเจ้าพ่อ คงจะเพาะศัตรูไว้เยอะล่ะสิท่า!’ ทว่าอากัปกิริยาของหญิงสาวหาได้รอดพ้นจากสายตาคมกล้าของลอราชไปไม่ “แหม เท่จังนะเรนมีบอดี้การ์ดด้วย” อภิรดีกระเซ้ายิ้มๆ “คนมีบอดี้การ์ดส่วนใหญ่มักจะเป็นพวกทำงานไม่ค่อยจะโปร่งใส หรือเป็นพวกนักเลงไม่ใช่หรือคะคุณลอราช” คำพูดที่เอ่ยถามออกมาตรงๆ ของอิงลดา ทำให้ภูวดลมองหน้าคนถามแวบหนึ่ง แล้วจึงหันไปมองหน้าเพื่อนสนิทพลางหัวเราะหึ นึกอยากรู้นักว่าผู้เป็นเพื่อนจะตอบสาวเจ้าว่าอย่างไร ส่วนอภิรดีมองหน้าลูกน้องสาวอย่างสงสัย เพราะปกติเจ้าตัวไม่ใช่คนที่จะมาถามอะไรโพล่งออกมาเช่นนี้ เพราะถือเป็นการเสียมารยาท โดยเฉพาะกับคนที่เพิ่งรู้จักอย่างลอราชด้วยแล้วยิ่งไม่น่ากระทำ! “ใช่ครับ” ลอราชตอบเสียงเรียบสนิทแล้วกระตุกยิ้มมุมปาก “ผมมีบอดี้การ์ดเพราะพ่อผมเป็นผู้ทรงอิทธิพล เอ่ยชื่อไปใครๆ ก็รู้จัก แถมกลัวกันหัวหด ดังนั้นศัตรูจึงมีเยอะแยะไปหมด ไปไหนมาไหนจึงต้องคอยระวังตัว แล้วไม่ได้มีแค่สองคนนะครับ ยังมีอีกเป็นสิบ” คำพูดดังกล่าวแม้จะกึ่งประชด แต่ก็ไม่ได้เกินจากความเป็นจริงไปนัก เพราะพ่อเลี้ยงพูนลาภบิดาของเขาเป็นผู้ทรงอิทธิพลในแถบภาคเหนือกับอีสานตอนบนจริงๆ เท่านั้นไม่พอชายหนุ่มยังพูดต่อไปด้วยน้ำเสียงเหี้ยมๆ ระคนขู่ต่อไปอีกว่า “ใครคิดจะเป็นศัตรูกับผมให้พึงระวังตัวไว้ให้ดีแล้วกัน เพราะคนอย่างผมเป็นประเภทจิกกัดไม่ปล่อยซะด้วย” อิงลดาได้ยินถึงกับคอแข็งขึ้นมาทันทีและเผลอพูดออกมาเบาๆ “ป่าเถื่อน ไม่เห็นจะกลัวเลย” จากนั้นก็หันไปสนใจแก้วน้ำตรงหน้าโดยไม่ชำเลืองมองไปทางลอราชอีกเลย ทำให้ทั้งอภิรดีกับภูวดลต้องลอบสบตากันด้วยความสงสัยในปฏิกิริยาของคนทั้งคู่ “เอาละ พี่ว่าเรามากินอาหารกันดีกว่า” อภิรดีเอ่ยทำลายบรรยากาศที่มองแล้วแปลกๆ ขึ้น เมื่อบริกรนำอาหารที่สั่งมาวางให้บนโต๊ะ ทว่าหลังจากจัดการกับอาหารตรงหน้าไปได้สักพักเธอก็ต้องหันไปทางอิงลดา “น้ำอิงจ๋า ทำไมต้องหั่นสเต๊กอย่างเอาเป็นเอาตายแบบนั้นด้วยล่ะจ๊ะ โกรธอะไรกับสเต๊กนั่นนักหนาเชียว” เพราะท่าของอิงลดาที่กำลังหั่นสเต๊กนั้นเป็นไปตามที่อภิรดีพูดทุกประการ ไม่ว่าจะเป็นการจับมีดหรือการเฉือน “ปละ เปล่าค่ะพี่แจง ก็มันเหนียวนี่คะ” คนกำลังตั้งหน้าตั้งตาหั่นสเต๊กหันมาปฏิเสธเสียงระรัวอย่างมีพิรุธ และพูดยังไม่ทันจบเสียงของลอราชก็เอ่ยแทรกขึ้นมา “คุณอิงลดาอาจจะคิดว่าหน้าผมเป็นสเต๊กก็ได้มังครับ เลยหั่นไม่ยั้งแบบนี้” หางเสียงมีแววคล้ายเยาะเย้ยน้อยๆ จนอิงลดารู้สึกได้ “แล้วทำไมคุณน้ำอิงต้องคิดว่าหน้ามึงเป็นสเต๊กด้วยเล่า” ภูวดลถามเพื่อนด้วยความกังขา “คุณอิงลดาอาจเกลียดขี้หน้ากูก็ได้ใครจะรู้ ใช่ไหมครับ” ลอราชหันไปถามเหมือนเป็นการตอกย้ำคำพูดของเขา เป็นผลให้คนถูกถามถึงกับอึ้ง เพราะจะตอบออกมาตรงๆ ก็ดูจะเป็นการเสียมารยาท เมื่อครู่ตอนเอ่ยถามโพล่งออกไปก็รู้ว่าเป็นการไม่เหมาะที่จะถามออกไปแบบนั้น “น้ำอิงจะไปเกลียดขี้หน้าเรนได้ยังไงล่ะจ๊ะ เพิ่งพบกันครั้งแรก” อภิรดีเอ่ยขึ้น ทำให้อิงลดาได้ทีเชิดหน้าเล็กน้อย พูดออกไปด้วยสีหน้าไม่รู้ไม่ชี้ “นั่นสิคะ ฉันจะไปเกลียดขี้หน้าคุณทำไมล่ะ” คำพูดเน้นย้ำว่าเกลียด มีหรือคนที่ตั้งอกตั้งใจฟังอย่างลอราชจะไม่สะดุดหู จึงผุดรอยยิ้มหยันๆ ขึ้นที่เรียวปากหยักได้รูป “ดีแล้วครับที่ไม่เกลียดขี้หน้าผม เพราะผมเชื่อคำสุภาษิตโบราณที่บอกว่าผู้หญิงเกลียดให้คิดว่าผู้หญิงรัก” ดวงหน้าที่กำลังจะขยับยิ้มของอิงลดาหุบยิ้มในฉับพลัน รีบพูดปฏิเสธออกไปทันที “ไม่มีทาง” “ผมจะคอยดูวันนั้น” ลอราชพูดเสียงเข้มพลางจ้องดวงหน้าสวยๆ ตาวาว ซึ่งคนถูกจ้องก็ไม่หลบตาเช่นกันในตอนแรก แต่ก็ต้องหลบในเวลาต่อมา เพราะทนกระแสร้อนแรงที่ส่งมาจากหน้าหนวดๆ นั่นไม่ไหว ก่อนเจ้าของดวงตาร้อนแรงนั่นจะหันไปทางอภิรดี “ผมจำได้ว่าบริษัทของพี่แจงรับจัดงานอีเวนต์ ผมคงได้มีโอกาสใช้บริการ อยากรู้คุณอิงลดาจะทำงานเก่งเหมือนที่พี่แจงพูดอวดไว้หรือเปล่า” ลอราชพูดทิ้งท้ายในทำนองท้าทาย “ได้เลยจ้ะเรน” อภิรดีพยักหน้าแล้วเบือนไปยังลูกน้องคนเก่งอย่างสงสัย เดี๋ยวคงต้องคาดคั้นเอาความจริงให้ได้ว่ามีอะไรเกิดขึ้นระหว่างเจ้าตัวกับเพื่อนสนิทของน้องชาย ส่วนคนถูกท้าเม้มปากแน่นแต่ไม่ยอมพูดอะไรออกมา มีเพียงดวงตาคู่สวยเท่านั้นที่ฉายแววไม่ยอมแพ้ออกมาให้เห็น “แต่ว่างานของเรนต้องทำประชาสัมพันธ์ด้วยหรือจ๊ะ” พี่สาวของภูวดลอดถามออกไปอย่างสงสัยไม่ได้ เพราะอาชีพช่างภาพไม่น่าต้องใช้บริการบริษัทของเธอเลยสักนิด ภูวดลที่เก็บความสงสัยไว้ในใจกับปฏิกิริยาของเพื่อนไม่แพ้ผู้เป็นพี่สาวเป็นผู้ตอบแทน “ครอบครัวของไอ้เรนทำไร่องุ่นครับพี่แจง ผลิตไวน์ชั้นดีออกจำหน่าย และที่สำคัญกำลังตีตลาดไวน์ของต่างประเทศอยู่ตอนนี้ นอกจากนั้นยังมีพวกโรงแรม รีสอร์ต ครบวงจรอีกด้วยครับ” “อ๋อ อย่างนี้นี่เอง” อภิรดีพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ “หวังว่าเราคงได้ร่วมงานกันนะครับคุณอิงลดา” ลอราชเอ่ยออกมายิ้มๆ ทว่านัยน์ตาคมดุไม่ได้ยิ้มตามไปด้วย “ด้วยความยินดีคุณลอราช” อิงลดาเชิดหน้าตอบ ยิ่งเห็นภูวดลยิ่งสงสัย เพราะตามปกติ ผู้หญิงสวยๆ กับลอราชมักจะเป็นของคู่กันเสมอ แต่ทำไมคราวนี้เพื่อนเขากับสาวสวยตรงหน้า กลับทำท่าทางเหมือนเคยมีเรื่องอะไรกันมาก่อน เขาต้องถามข้อเท็จจริงจากอีกฝ่ายให้ได้
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD