ตอนที่ 9-2

1869 Words
บรรยากาศในห้องอาหารวันนี้ของคฤหาสน์หลังใหญ่ครึกครื้นกว่าทุกครั้ง อาจจะเพราะท่าทีดีอกดีใจจนออกนอกหน้าของหลานสาวคนเล็กของบ้านละมั่ง ตั้งแต่ผู้เป็นอาจูงมือเพื่อนสนิทของเธอเดินเข้ามาในห้องอาหาร หล่อนก็ปรบมือดีใจอย่างกับเด็กน้อย ท่าทีกุลีกุจอรีบลุกมาจัดแจงให้เพื่อนรักได้นั่งใกล้ชิดกับคุณอาของเธอ แม้เธอจะต้องนั่งตรงกันข้าม นั่งห่างแค่ไหนเธอก็ไม่เกี่ยงงอนเลยสักนิด เคเซียฉีกยิ้มกว้างเมื่อสบตากับผู้เป็นย่า ก่อนจะหันไปสบตากับนาฬิริณทร์ด้วยแววตาหยอกล้อราวกับเหมือนล่วงรู้อะไรบางอย่าง จนเจ้าตัวรู้สึกประหม่า เขินอายเมื่อนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นกับพุฒิภาคย์เมื่อช่วงเย็น ได้แต่หลบตาไม่กล้ามองสบตาใครตรงๆ แก้มขาวสีระเรื่อขึ้นอย่างเห็นได้ชัด จนนายแพทย์หนุ่มซึ่งลอบมองเธออยู่ก่อนแล้วเผลอยิ้มออกมาเมื่อเห็นอากัปกิริยาเขินอาย หล่อนเอาแต่ก้มหน้าก้มตามองจานอาหารกับช้อนส้อมตรงหน้า นานเข้าหน่อยหล่อนก็แสร้งหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มเพื่อหลบสายตารู้ตามากของแม่สื่อตัวดีที่ค่อยแต่ส่งยิ้มล้อเลียนมาให้ อาหารในจานของเธอไม่เคยพร่องเลยสักนิดเพราะชายหนุ่มข้างกายคอยขยันตักเมนูต่างๆ มาให้เธอได้ลิ้มลอง ทุกครั้งที่เธอเงยหน้าขึ้นมองก็จะเจอกับสายตาของทุกคนที่คอยเฝ้ามองเธออยู่แม้จะเป็นอย่างนั้นแต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกอึดอัดเลยสักนิดเพราะแววตาที่ผู้ใหญ่ทุกคนมองมาที่เธอนั้นล้วนแล้วแต่เต็มไปด้วยความเอ็นดูทั้งสิ้น เรื่องที่ชวนคุยก็เป็นเรื่องราวทั่วๆ ไปชายหนุ่มที่นั่งข้างเธอแม้จะไม่ได้หันมาชวนคุยกับเธอเท่าไหร่นักเพราะเขาจะคอยหันไปตอบหรือพูดคุยกับคุณแม่ของเขาหรือสมาชิกในบ้านคนอื่นๆ เสียมากกว่า “วันศุกร์นี้มีใครว่างบ้างมั่ยคะ เซียลจะไปดำน้ำที่ภูเก็ตมีใครจะไปกับเซียลมั่ย” เคเซียถามทุกคนไม่ได้เจาะจงใครเป็นพิเศษหากสายตานั้นกลับจ้องสบตากับผู้เป็นอาอีกคนไม่กะพริบ จนพร้อมพัชร์ต้องเอ่ยขึ้น “ที่จะชวนเนี่ยไม่ได้หมายถึงอาใช่มั้ย” “อาพร้อมกับขนมว่างมั่ยละคะ ไปหลายๆ คนจะได้สนุก เราไม่ได้ไปเที่ยวพร้อมหน้ากันนานแล้วนะคะว่ามั้ย” “วันศุกร์อามีนัดกับคู่ค้าคนสำคัญต้องคราวหน้าแล้วล่ะ” “ชวนกระชั้นชิดแบบนี้พ่อหาคิวให้ไม่ทันหรอกนะเซียล” ผู้เป็นพ่อเอ่ยขึ้นยิ้มๆ ด้วยหน้าที่การงานที่ค่อนข้างรัดตัว เพราะตำแหน่งทางการเมืองที่ค่อนข้างสูงทำให้เวลามีหากไม่จัดสรรปันส่วนให้ดีก็ค่อนข้างยากที่จะปลีกตัวไปทำอะไรได้ง่ายๆ “แล้วพวกพี่ๆ ละคะว่างมั้ย” “พี่มีประชุมผู้ถือหุ้น ไว้รอบหน้านะ” ธีร์ธามเอ่ยขึ้น รวมทั้งเคลย์ตันเองก็ยกมือเป็นปางห้ามญาติพร้อมกับส่ายหัวไปมาเป็นคำตอบว่าเขาเองก็คงไม่ว่างเช่นกัน “คุณพ่อไม่ว่าง อาพร้อมไม่ว่าง พี่ธามไม่ว่าง พี่เคลย์ก็ไม่ว่าง พี่คิรินยิ่งแล้วใหญ่รายนั้นยังไม่กลับจากญี่ปุ่น เหลือแต่อาภาคย์แล้วค่ะ เซียลจำได้ว่าวันศุกร์นี้อาภาคย์ว่างเพราะเซียลไปถามคุณเลขาของอามาแล้ว จริงมั่ยคะอาภาคย์” สิ้นประโยคทุกคนบนโต๊ะอาหารก็พากันหัวเราะเพราะประโยคคล้ายมัดมือชกของหญิงสาวทำให้ผู้เป็นอาที่นั่งเงียบอยู่ก่อนหน้าถึงกับส่ายหน้าเล็กน้อย “หึหึ อาว่าง” ริมฝีปากหนายกยิ้มขบขันกับการเจ้าวางแผนของหลานสาว นี่คงตั้งใจจะเป็นแม่สื่อแม่ชักให้เขาอย่างเต็มที่เลยสินะ หัวเรือใหญ่คงไม่แคล้วคุณหญิงอำภาและพี่ๆ ของเขาทุกคน ดูจากการที่ทุกคนพร้อมใจกันติดธุระสำคัญกันหมดคงจะนัดกันไว้หมดแล้วสิท่า “ดีเลยค่ะ คาเฟย์เองก็ไม่มีธุระใช่ไหม งั้นเราไปเที่ยวด้วยกันนะ ไปดำน้ำดูปะการังกันให้ทะเลหวานฉ่ำไปเลย” “ทะเลที่ไหนมันหวานห๊ะ มันมีแต่เค็ม กับเค็มมากเท่านั้นล่ะ” เคลย์ตันแสร้งขัดขึ้นก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจที่เห็นน้องสาวทำเสียงจิ๊ปากใส่ ก่อนจะสะบัดหน้าหันกลับไปฉอเลาะคุณย่าของเธอต่อ หลังจากจบมื้อเย็นทุกคนก็พากันมานั่งรวมตัวกันที่ห้องนั่งเล่นใหญ่ของบ้าน ของเล่นสันทนาการที่มีติดบ้านทำให้ทุกคนมีกิจกรรมทำร่วมกันอยู่เสมอ บางครั้งผู้ใหญ่จะมานั่งร่วมกับลูกๆ หลานๆ แต่บางครั้งก็แยกไปนั่งคุยกันที่โซฟา จิบไวน์คุยเรื่องสัพเพเหระทั่วไปแต่ก็ยังคงอยู่ในพื้นที่เดียวกัน พุฒิภาคย์แยกตัวจากกลุ่มพี่ๆ ที่กำลังคุยเรื่องธุรกิจ เดินมาหาหญิงสาวที่กำลังนั่งเล่นเกมไพ่อูโน่อยู่กับกลุ่มหลานๆ ของเขา พลางทรุดตัวลงนั่งใกล้ๆ ชะโงกหน้าเข้าไปดูไพ่ในมือของเธออย่างสนใจ “ทิ้งใบนั้นสิ” เขาออกความเห็นเมื่อเห็นว่าไพ่ในมือเธอตรงกับไพ่ที่หงายอยู่กลางโต๊ะ หญิงสาวหันมาสบตากับเขาและรู้ว่าใบหน้าหล่อนั้นโน้มมาจนใกล้กับใบหน้าของเธอขนาดไหน โชคดีที่รอบนี้เธอระวังตัว ไม่เช่นนั้นจมูกของเธอคงโดนแก้มของเขาและกลายเรื่องให้ยายเคเซียล้อเลียนเธอได้แน่ๆ แม้จะเขิน และประหม่าที่พุฒิภาคย์โน้มตัวและใบหน้ามาใกล้จนเกือบชิดแถมคอยบัญชาการ การเล่นไม่ห่างจนเคเซียและเคลย์ตันโวยวายอยู่หลายครั้ง นาฬิริณทร์ก็พยายามควบคุมอาการและท่าทางไม่ให้แสดงออกมากไปกว่านี้ แค่นี้เธอก็อายจนไม่รู้จะทำสีหน้าแบบไหนแล้วจนไพ่ในมือของเธอเหลือใบสุดท้ายพุฒิภาคย์จึงเอ่ยชวนเธอกลับทันที พุฒิภาคย์ขับรถมาจอดบริเวณด้านหน้าประตูบ้านของหญิงสาว เขายังไม่บีบแตรเรียกใครให้มาเปิดประตูให้เพราะยังอยากนั่งในรถอยู่กับเธอต่ออีกสักหน่อย “อาภาคย์คะ” นาฬิริณทร์เป็นฝ่ายเอ่ยขึ้นมาก่อนเขาเมื่อเห็นรถจอดสนิท ทำให้ใบหน้าหล่อที่กำลังมองไปยังเบื้องหน้าหันมาหามองใบหน้าของหญิงสาวที่แม้จะอยู่ในความมืด แต่เขาก็รู้ดีว่าอีกฝ่ายคงจะหน้าแดงและเขินเขาอยู่มาก “ครับ” “เรื่อง...วันนี้ที่...เราคุยกัน” มุมปากหนากระตุกยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำพูดของหญิงสาว เขามองสบตาเธอเฝ้ารอคำพูดต่อจากนั้น “ครับ” “สรุปตอนนี้เราเป็นแฟนกันแล้วใช่ไหมคะ” นาฬิริณทร์ถามย้ำสถานะของตนเองอีกครั้ง ย้ำเพื่อให้เธอมั่นใจ ชายหนุ่มยิ้มเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำถามนั้นกับท่าทางของหญิงสาว เอื้อมไปจับมือเล็กของเธอมาเกาะกุมเอาไว้ “ครับ ตอนนี้เราเป็นแฟนกัน” เมื่อได้ยินคำตอบนั้น ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อนับพันบินกระพืออยู่ภายในท้องจนแทบทะลุหน้าอกมา รอยยิ้มฉีกกว้าง ดวงตากลมโตแวววาวซุกซน มองสบตาเขานิ่ง หัวใจเต้นโครมคราม ก่อนที่ร่างเล็กจะโผเข้ากอดเขาทันที พร้อมกับเอ่ยถามย้ำสถานะกับเขาอีกครั้ง หล่อนต้องการแน่ใจว่าเรื่องที่เกิดขึ้นตอนนี้หล่อนไม่ได้ฝันไปใช่ไหม “อาภาคย์เป็นแฟนเฟย์แล้วใช่ไหมคะ” “ครับ” “งั้น...เฟย์ก็จุ๊บอาภาคย์ได้อีกสิคะ” “หึหึ ครับ” เมื่อได้ยินแบบนั้นนาฬิริณทร์ก็โน้มใบหน้าที่เขาเองก็เต็มใจโน้มเข้ามาหาเพื่อรับกับจูบของเธอแม้จะเป็นเพียงแค่สัมผัสผิวเผินไม่ได้จูบจนหวานเคลิ้มเหมือนเมื่อตอนเย็นแต่เธอก็มีความสุขมากที่เขารู้สึกเช่นเดียวกันกับเธอ มันอาจจะดูเร็วไปสักหน่อยเพราะเขาและเธอยังไม่ได้พูดคุยหรือผ่านขั้นตอนการจีบเหมือนคนอื่นๆ แต่อย่างน้อยเธอก็รู้สึกดีที่ไม่ต้องวิ่งไล่ตามความรักเหมือนอย่างที่ผ่านมา พุฒิภาคย์ดึงหญิงสาวขึ้นมานั่งบนตกของเขาพร้อมกดจมูกลงบนแก้มนวล หอมแก้มนวลขาวที่แดงระเรื่อราวกับลูกตำลึงเหมือนอย่างทุกครั้งเวลาที่เธอเขินอาย “เฟย์ไม่เรียกอาภาคย์ว่าอาได้มั่ยคะ” “หึหึ ทำไมครับ” เขาหัวเราะเบาๆ ถามกลับอย่างสงสัย หล่อนยู่ปากใส่เขาด้วยกริยาน่ารักอย่างที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน แอบรู้สึกผิดคาดไปเล็กน้อยเพราะบุคลิกภายนอกที่ดูเรียบร้อย อ่อนหวานไม่ค่อยพูด แต่พอได้เปลี่ยนสถานะก็เหมือนเธอจะกล้าแสดงตัวตนมากขึ้น และยังมีมุมออดอ้อนที่เขาไม่คาดไม่ถึงจากตัวเธอ “เฟย์อยากดูพิเศษค่ะ เรียกอาภาคย์มันดูเหมือนอาหลาน เหมือนอาภาคย์กับเซียลค่ะ ดูไม่เหมือนคนรักกัน” “แล้วเฟย์อยากจะเรียกแบบไหนครับ” นาฬิริณทร์รู้สึกใจเต้นแรงเมื่อได้ยินน้ำเสียงทุ้มนุ่นอ่อนโยนของเขาเอ่ยเรียกชื่อเล่นของเธอเพราะที่ผ่านมาเขาไม่เคยเรียกชื่อเธอเลยสักครั้ง หญิงสาวทำหน้านึกอยู่ชั่วครู่อย่างน่ารัก จนเขาอดที่หอมแก้มเธอแรงๆ อีกครั้งไม่ได้ หล่อนถึงกับต้องย่นคอหนีพร้อมกับหัวเราะคิกคักเมื่อถูกเขาหอมแก้มอีกฟอดใหญ่ “แด๊ดดี้ค่ะ!! แด๊ดดี้ที่ไม่ได้แปลว่าพ่อ แต่แปลว่าแฟนค่ะ เฟย์อยากเรียกว่าแด๊ดดี้ได้มั่ยคะ ถ้าอยู่สองคน เฟย์จะเรียกอาภาคย์ว่าแด๊ดดี้ค่ะ แต่ถ้ามีคนอื่นเฟย์จะเรียกว่าพี่ภาคย์ ส่วนอาภาคย์ก็เรียกเฟย์ว่าหนูเฟย์หรือว่า....อืม บี๋...เบบี๋ดีมั่ยคะ....แด๊ดดี้กับบี๋น่ารักดีค่ะ อาภาคย์อนุญาตไหมคะ” ถึงจะออดอ้อนแต่หล่อนก็ยังเกร็งอยู่ไม่น้อย “หึหึทำไมถามแบบนั้นล่ะครับ เรียกแบบไหนก็ได้ทั้งนั้น” “แด๊ดดี้ ลองเรียกหนูว่าบี๋สิคะ หนูอยากฟัง” พุฒิภาคย์ยิ้มรับพร้อมกับกระชับอ้อมแขน กอดรัดหญิงสาวบนตักแน่นขึ้น ก่อนจะกดจมูกลงบนแก้มของเธออีกครั้ง “ครับบี๋!” นาฬิริณทร์ฉีกยิ้มกว้าง จมูกเล็กถือโอกาสหอมแก้มเขาคืนทั้งสองข้าง สองมือประคองใบหน้าหล่อเหลาของเขาก่อนจะกดริมฝีปากตนเองจุ๊บที่ปากของเขาติดๆ กันหลายทีด้วยความดีใจ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD