ทุกวันอาทิตย์ของแต่ละสัปดาห์จะเป็นวันที่ครอบครัวศาตนันท์มาอยู่รวมกันพร้อมหน้าพร้อมตา และใช้เวลาตลอดทั้งวันในการรับประทานอาหาร พบปะพูดคุยหรือมีกิจกรรมทำระหว่างกันอยู่เสมอ ด้วยเพราะเป็นครอบครัวที่ค่อนข้างใหญ่ ลูกๆ แต่ละคนต่างก็มีชีวิตเป็นของตนเอง แม้จะปลูกบ้านให้หลังใหญ่โตแค่ไหน อยู่ในเนื้อที่เดียวกัน รั้วเดียวกันแต่ทว่าก็ยังไม่ได้พบหน้าเจอกันอยู่ดี ต่างคนต่างทำงานต่างคนต่างอยู่ คุณหญิงอำภาประมุขของครอบครัวในเวลานี้จึงตั้งให้ทุกวันอาทิตย์ลูกๆ หลานๆ จะต้องมานัดรวมตัวและใช้เวลาร่วมกันนับตั้งแต่มื้อเช้าจวบจนไปถึงมื้อเย็นเลยด้วยซ้ำ เป็นธรรมเนียมและข้อปฏิบัติที่ไม่มีใครหลีกหนีได้หากธุระนั้นไม่สำคัญและจำเป็นจริงๆ ก็ห้ามขาด
ชุดของว่างยามบ่ายเสิร์ฟพร้อมขนมไทยหลากหลายเมนูจัดใส่ถาดทองเหลืองสามชั้นดูน่าทาน พร้อมกับชาดอกบัว และชาเก็กฮวยจักรพรรดิ เป็นของว่างที่ลูกๆ หลานๆ ทานระหว่างพูดคุยกันในเรื่องต่างๆ
เคเซียคลุกตัวพูดคุยกันกะหนุงกะหนิงอยู่กับคุณหญิงอำภาตั้งแต่ทานมื้อเที่ยงเสร็จในห้องนั่งเล่นที่อยู่ไม่ไกลจากห้องที่คนอื่นๆ กำลังสังสรรค์กันอยู่ โดยมีประตูกระจกบานใหญ่เชื่อมตรงกลางระหว่างห้องทำให้เห็นกิริยาท่าทางออดอ้อนและคอยออเซาะผู้เป็นย่าตามแบบฉบับหลานสาวคนเล็กและเป็นหลานสาวคนเดียวทำให้คุณหญิงอดที่จะให้ความรักและเอ็นดูมากกว่าลูกหลานๆ คนอื่นๆ ไม่ได้
“ยายเซียลไปปะเหลาะจะเอาอะไรกับคุณแม่ก็ไม่รู้นะคะ” คุณหญิงจารวีมองไปยังบุตรสาวอย่างสงสัย ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้มนึกมองอย่างเอ็นดู
“ทรงนี้คงจะขอรถคันใหม่ ไม่ก็กระเป๋าเหมือนอย่างเคยนั่นล่ะ”
“ผมว่าไม่ใช่หรอกครับ” เคลย์ตันที่นั่งฟังผู้เป็นพ่อวิเคราะห์น้องสาวแล้วก็นึกขัน วันนี้ยายตัวแสบของเขาไม่มีของที่อยากได้หรอก นอกจากเรื่องที่ยุยงส่งเสริมให้คนเขามีคู่ต่างหากล่ะ
“เคลย์รู้หรอลูก”
“ก็พอรู้บ้างครับ” ชายหนุ่มหันไปสบตากับน้องสาวของเขาเข้าพอดี แต่ยังไม่ทันที่จะได้ขยายความอะไร อาฝาแฝดของเขาทั้งสองก็เดินเข้ามาในห้องพร้อมกับขนมหวาน ที่เดินจับจูงมือกับคนรักเข้ามาพอดี บทสนทนาจึงเปลี่ยนไปยังกลุ่มคนที่เข้ามาใหม่ ไม่นานนักเคเซียก็จับจูงมือคุณหญิงย่าเดินกลับเข้ามาสมทบกับทุกคนด้วยใบหน้าเต็มไปด้วยรอยยิ้มสดใส ทว่าสายตานั้นเต็มไปด้วยความซุกซนยามเมื่อสบตากับพี่ชาย
“เย็นนี้แม่สั่งให้ห้องอาหารทำปลากะพงทอดน้ำปลาของเขาโปรดเราด้วยนะตาภาคย์” ประโยคแรกที่เอ่ยทันทีที่ได้นั่งบนโซฟาหรูก็หันไปบอกกล่าวแก่ลูกชายคนเล็ก
“ขอบคุณครับแม่”
“แล้วช่วงนี้เป็นยังไงบ้าง งานที่โรงพยาบาลหนักมากหรือเปล่า”
“ไม่เท่าไหร่ครับ ปกติทั่วๆ ไป”
“ดีแล้วล่ะ แม่มีเรื่องจะคุยแล้วก็อยากให้พี่ๆ แกรับรู้ รับฟังไปพร้อมๆ กัน”
“เรื่องอะไรเหรอครับ” พร้อมพัชร์เอ่ยถามแทนน้องชายด้วยความสงสัย
“เรื่องให้ตาภาคย์แต่งงาน” คุณหญิงอำภาพูดด้วยสีหน้าราบเรียบไม่มีท่าทีอะไรพิเศษ แตกต่างจากหลานสาวข้างกายที่แสดงอาการดีใจจนออกนอกหน้า
“อะไรกันครับแม่ ไหนแม่เคยบอกว่าจะไม่หาคู่ให้นายภาคย์ไม่ใช่เหรอครับ”
“นั่นมันก่อนที่แม่จะไปรู้ไปเห็นอะไรเข้าน่ะสิ อีกอย่างแม่ก็อยากจะอุ้มหลานจะแย่ล่ะ”
“อุ้มหนูก่อนก็ได้นี่คะคุณย่า ไม่เห็นต้องรอให้อาภาคย์แต่งงานก่อนเลย” เมื่อหลานสาวคนเดียวพูดจบก็เรียกรอยยิ้มและเสียงหัวเราะให้แก่คนทั้งบ้านกับประโยคแสนทะเล้นของเคเซีย ในขณะที่พุฒิภาคย์นั้นเอาแต่นั่งนิ่งเฉยไม่ได้พูดหรือสีหน้าท่าทางแบบไหน
“เอ๊ะเรานี่! ตัวโตขนาดนี้ย่าจะไปอุ้มยังไงไหว” คุณหญิงอำภาเอ็ดอย่างไม่ได้จริงจังมากนัก นอกจากหมั่นเขี้ยวเท่านั้น
“แล้วคุณแม่ไปรู้อะไรมาเหรอครับ” พร้อมพัชร์ยังคงถามด้วยความอยากรู้ เพราะแม่ของเขาเคยให้คำมั่นเอาไว้ในคราวของเขากับขนมหวาน ว่าจะไม่บังคับลูกหลานคนไหนในครอบครัวให้หมั่นหมายกับใครอีก ซึ่งก็เหลือเพียงแค่พุฒิภาคย์คนเดียวเท่านั้นที่ยังไม่มีคู่หมั้นคู่หมาย นอกเหนือจากนั้นทุกคนในครอบครัว หลานๆ ทุกคนก็ถูกจับจองมีคู่หมายไว้แต่เด็กทุกคนอยู่แล้ว
“เรื่องงามหน้าน่ะสิ งานนี้เราเป็นฝ่ายชายยังไงก็ต้องรับผิดชอบอยู่แล้ว แม่จะไปพูดคุยสู่ขอด้วยตัวเอง ฉะนั้นต่อแต่นี้ให้แกเตรียมตัวแต่งงานได้เลยนะ แม่ไม่อยากรออีกแล้ว ขืนรอนานกว่านี้ฝ่ายนั้นท้องไส้ขึ้นมาจะยุ่งกันเปล่าๆ”
“โธ่คุณย่า สมัยนี้แล้วนะครับ เขาไม่ถือสากันหรอก อีกอย่างอาภาคย์เป็นหมอเขาไม่ปล่อยให้ท้องแน่นอน ใช่ไหมครับอาภาคย์” เคลย์ตันพยายามออกตัว ช่วยคุณอาของเขาเต็มที่ แต่ฝ่ายที่ถูกพูดถึงกลับนิ่งงันไม่โต้แย้งหรือพูดอะไรออกไปไป เพราะรู้แน่แก่ดีว่าคืนนั้นเขาไม่ได้ป้องกันเลยสักครั้ง แถมยังไม่ได้จัดหายาให้เธอกินอีก วันนั้นเธอก็วุ่นๆ เพราะถูกหลานรักของเขาลากไปโน้นไปนี่ก็คงไม่ได้คิดถึงเรื่องนี้เช่นกัน พอคิดมาถึงตรงนี้ความรู้สึกก็ตีบตันจนพูดไม่ออก เขาเองเป็นลูกผู้ชายพอ แม้จะไม่ได้รัก ไม่ได้ชอบ แต่ในเมื่อเขาได้ทำสิ่งนั้นลงไป ผู้ใหญ่รับรู้ เขาก็ไม่ควรนิ่งเฉย ความรับผิดชอบเป็นสิ่งเดียวที่เขาต้องทำในตอนนี้
“แล้วตาภาคย์แต่งงานกับใคร ลูกเต้าเหล่าใครครับแม่” คุณภูมิผู้มีศักดิ์เป็นพี่ชายคนโตของบ้านและเป็นพ่อของเคลย์ตันและเคเซียเอ่ยถามขึ้น
“เพื่อนลูกสาวแกไง ตาภูมิ”
“ใช่ค่ะเพื่อนเซียลเอง คาเฟย์ไงคะพ่อ ทั้งสวย ทั้งน่ารัก อ่อนหวาน แสนดี ทำขนมก็เก่งนะคะ เหมาะกับอาภาคย์สุดๆ เลยค่ะพ่อ”
“แล้วไงล่ะเรา รู้จักหรือสนใจเพื่อนของหลานสาวเราบ้างมั่ยล่ะ” ธารมิกาพี่สาวคนรองเอ่ยถามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม นึกขันน้องชาย อายุขนาดนี้แล้วยังมาถูกให้แต่งงานกับเจ้าสาวรุ่นคราวหลาน
“ครับพี่” คนถูกจับแต่งงานยกยิ้มเพียงเล็กน้อยให้กับพี่สาวเพราะไม่รู้ว่าควรจะต้องพูดอะไรออกไป สีหน้าเคร่งเครียด ในขณะที่หลานสาวที่สถาปนาตนเองเป็นแม่สื่อแม่ชักถึงกับตบมือลั่นชอบใจทันที จนโดนผู้เป็นย่าเอ็ดไปเล็กน้อยเพราะหลานรักแสดงกิริยาเกินงาม
“เห็นมั่ยคะคุณย่า เซียลบอกแล้วว่าอาภาคย์ต้องชอบเพื่อนเซียล เฟย์ทั้งสวยทั้งน่ารัก สเปคอาภาคย์เลยค่ะ”
“วันนี้เซียลไปชวนเพื่อนเรามาทานข้าวกับย่า เอาเย็นนี้เลย ตาภาคย์แกขับไปรับหนูคนนี้มากินข้าวกับแม่วันนี้เลย แม่อยากเจอจะได้คุยได้รู้จัก แล้วแม่จะหาวันหาผู้ใหญ่ทางเขาด้วยตัวเอง หรือแม่ควรไปวันนี้เลย” พุฒิภาคย์มองสบตากับพี่ชายฝาแฝดที่นั่งยิ้มอยู่ใกล้กันด้วยใบหน้าเรียบเฉยเมื่อได้ยินว่าผู้เป็นแม่อยากเจอเพื่อนสนิทของหลานสาว
“ไว้วันอื่นดีกว่ามั่ยครับ วันนี้อาจจะฉุกละหุกเกินไป” ภูมิที่ลอบเห็นสายตาของน้องชายคนเล็กจึงเอ่ยขัดขึ้น
“งั้นก็แค่มาทานข้าว พบปะพูดคุยกันธรรมดา นี่ยังเพิ่งบ่ายโมงเท่านั้น ยัยเซียลโทรหาเพื่อนเราเดี๋ยวนี้เลยแล้วให้คนไปรับ ดีที่สุดคือตาภาคย์ต้องไปรับ”