“พี่วินคะ มุกไปห้องน้ำ พี่วินจะรอมุกที่นี่หรือเราจะลุกออกไปด้วยกันเลย”
“พี่รอมุกอยู่ที่นี่ดีกว่า มุกไปทำธุระเถอะไม่ต้องห่วงพี่นะคะ”
“ค่ะ งั้นรอมุกแปบนึงนะคะ” พราวมุกส่งยิ้มหวานให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะหยิบกระเป๋าลุกออกจากร้านไป
จนเมื่อแน่ใจว่าพราวมุกออกจากร้านและเดินพ้นสายตาไปแล้วแน่นอน เขาถึงลุกออกจากโต๊ะที่ตนเองนั่งเดินไปหาหญิงสาวคุ้นตาที่เขาคาดไว้ว่าจะต้องเป็นอดีตคนรักของเขาแน่นอน
“เฟย์” แม้จะไม่มั่นใจว่าจะใช่คนที่เขาคิดหรือเปล่า แต่เขาก็อยากจะลองทักเธอดู
นาฬิริณทร์นั่งนิ่งหลังตรง คอแข็ง พยายามควบคุมมือที่จับแก้วกาแฟไม่ให้สั่นจนเขาสังเกตเห็นได้ ข่มความรู้สึกตนเองอย่างยิ่งยวดไม่ให้หวั่นไหว ปรับสีหน้าให้เป็นปกติมากที่สุด เหลือบสายตามองอดีตคนรักด้วยใบหน้าเรียบเฉย
“ค่ะ มีอะไรคะ”
“หึ พี่นึกว่าใคร วันนี้แปลกตาไปนะ ตั้งใจแต่งตัวสวยเพื่อจะมาง้อมาเอาใจพี่สินะ” ริมฝีปากหนายกยิ้มมุมปากอย่างคนที่คิดว่าเหนือกว่า ถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ตัวเดียวกับเคเซีย มองการแต่งเนื้อแต่งตัวของอดีตคนรักด้วยความพอใจ
“เปล่าค่ะ”
“อย่าปากแข็งเลยเฟย์ ทุกครั้งที่พี่โกรธ หนูก็จะมาง้อพี่ทุกครั้ง” ความจริงเขาตั้งใจเอาไว้ว่าหากนาฬิริณทร์มาทำตัวงี่เง่างอแง ร้องไห้งอนง้อเขาแบบทุกครั้งเขาจะไม่ยอมลดตัวกลับไปคุยด้วยอีก แต่ทว่าครั้งนี้เขากลับนึกเปลี่ยนใจขึ้นมา อาจจะเพราะรูปโฉมแปลกใหม่ที่ดูสวยจนเขาถึงกับตะลึง อาจเป็นเหตุผลที่ให้เขาอยากจะลองให้โอกาสผู้หญิงคนนี้อีกสักครั้ง
“ค่ะ แต่ไม่ใช่ครั้งนี้” น้ำเสียงราบเรียบ กับสายตาที่เย็นชาทำให้เขาชะงัก ชักสีหน้าใส่ทันที เผลอพูดเสียงดังใส่อย่างลืมตัว
“อะไรกันเฟย์ หรือเธอต้องการให้พี่เป็นฝ่ายง้อเธอออย่างนั้นเหรอ”
“เปล่าค่ะ ไม่จำเป็น
“แล้วเธอต้องการอะไร โน้นก็ไม่ใช่ นี่ก็ไม่เอา ก็เธอเป็นแบบนี้ไงพี่ถึงได้เบื่อ ปรับนิสัยซะถ้ายังคิดที่จะคบกันต่อ พี่ไม่ใช่ชอบที่เธอทำงี่เง่าน่ารำคาญแบบนี้ ส่วนการแต่งตัวแต่งแบบนี้ก็ดีนะ พี่ชอบ ถือว่าเธอน่ารักที่คิดจะปรับปรุงเรื่องนี้เพื่อพี่”
“เดี๋ยวนะ นี่พี่คิดอะไรไปไกลไปแล้วนะคะพี่วิน เฟย์ไม่ได้แต่งตัวแบบนี้เพื่อพี่นะคะ” เธอที่พยายามข่มใจนั่งฟังเขาพูดพล่ามเกือบนาที รู้สึกขัดใจกับอาการมั่นหน้าของเขาจนต้องแย้งออกมาอย่างเสียไม่ได้
“เมื่อวานพี่เพิ่งว่าเธอไป วันนี้เธอก็เปลี่ยนการแต่งตัวมาหาพี่ที่นี่ หรือที่ทำอยู่คือการเล่นตัวให้พี่ง้ออย่างนั้นเหรอ ถ้าไม่ใช่เพื่อพี่แล้วเพื่อใครห๊า”
“นาฬิริณทร์ทำเพื่อผม” เสียงทุ้มห้าวแปลกหูดังขึ้นจากด้านหลังทำให้หญิงสาวต้องหันกลับไปมองด้วยความแปลกใจ ดวงตากลมโตคู่สวยไร้กรอบแว่นเลนส์หนาเบิกกว้างขึ้นด้วยอาการแปลกประหลาดใจเหนือที่คาดคิดไว้
“อะ...อาภาคย์” ใบหน้าหวานซับสีเลือดระเรื่อแดงจนสังเกตเห็นได้ชัด ก้มหน้าหลบสายตาด้วยอาการประหม่าทันทีที่สบตาเขา
“รบกวนคุณหมอภวินทร์ช่วยลุกออกจากที่นั่งของผมได้ไหมครับ” น้ำเสียงสุภาพ หากแฝงไว้ด้วยอำนาจที่ทำให้นายแพทย์ภวินทร์ยอมล่าถอยอย่างง่ายดายโดยไม่ปริปากพูดอะไร นอกจากลุกกลับไปนั่งที่โต๊ะตัวเองด้วยอาการมึนงงแปลกใจแต่ก็เต็มไปด้วยความไม่ชอบเท่าไหร่นัก
“อะ...เอ่อ...คือ...เอ่อ”
“เรามีเรื่องต้องคุยกัน”
“คะ!? อ่อค่ะ”