ตอนที่ 6-1

1479 Words
โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่ 6 “เรื่องเมื่อคืน เอ่อ...คือ” “ผมยังไม่พูดตอนนี้หรอก ที่นี่ไม่สะดวกที่จะคุย” เขาพูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบ แต่สีหน้าจริงจังจนหญิงสาวถึงกับนั่งเกร็ง มือเย็บเฉียบบีบหากันแน่นด้วยความประหม่าจนเขาสังเกตได้ เอื้อมมือมาจับมือเล็กของเธอมากุมไว้ “คุณกลัวผมอย่างนั้นเหรอ ผู้หญิงใจกล้าบ้าบิ่นคนเมื่อคืนหายไปไหนแล้วล่ะ” ชายหนุ่มแสร้งเย้าเพื่อหวังให้เธอผ่อนคลาย แล้วก็ได้ผลเมื่อเธอชักมือกลับ ใบหน้ายิ่งแดงก่ำลามไปถึงใบหู “งื้อคนบ้า พูดทำไมเล่า” หล่อนยิ่งอยากจะลบมันออกไปจากสมองให้เร็วๆ ไม่อยากที่จำหรือพูดถึงมันอีกด้วยซ้ำ “วันนี้ผมมีประชุมอาจจะเลิกดึก คุณกลับไปกับเซียลก่อน เดี๋ยวผมจะไปหาเรายังมีเรื่องที่ต้องคุยกันอีกเยอะนะนาฬิริณทร์” หญิงสาวขบกัดริมฝีปากตัวเอง ครุ่นคิด เพราะใจเธอไม่คิดที่จะเจอเขาอีกแล้วอยากให้เขาทำเป็นลืมๆ ไปเสียด้วยซ้ำ ธุระอะไรนั่นที่เขาว่าเธอก็ไม่อยากที่จะคุยด้วยสักนิด “ลุกขึ้นเถอะ เซียลรอคุณอยู่ด้านนอก เขาให้ผมมารับคุณเดินออกไป” หญิงสาวมองสบตาเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาราวกับเทพปั้น ด้วยอาการสั่นประหม่าเมื่อเขาลุกขึ้นยืน ส่งมือมาเธอจับ นาฬิริณทร์มองมือใหญ่ที่ยื่นมาตรงหน้าด้วยอาการช่างใจเล็กน้อย สายตาชำเลืองมองไปยังอดีตคนรักที่นั่งข้างหลังผ่านหลังกว้าง ก่อนจะตัดสินใจยื่นมือไปวางให้เขาจับจูงเดินออกไปด้วยกันโดยมีสายตาอยากรู้อยากเห็นจากทุกคนทั้งพนักงานในร้าน บุคลากรทางการแพทย์ทั้งหมอ พยาบาล รวมไปถึงอดีตคนรักที่มองตามคนทั้งคู่อย่างคาดไม่ถึง และยังติดใจ สงสัย โซนวีไอพีบนชั้นสองของ Tonic Bar ที่เคเซียจับจองไว้สามารถมองเห็นบรรยากาศภายในร้านที่ยังมีแขกหรือนักเที่ยวราตรียังไม่ค่อยมากนักอาจเป็นเพราะยังเป็นช่วงหัวค่ำอยู่ เพลงที่เปิดยังเป็นเพลงช้าๆ คลอไปกับบรรยากาศกับแสงไฟในร้านที่ค่อนข้างสลัว มุมนี้ค่อนข้างส่วนตัวกว่าส่วนอื่นของร้าน เป็นมุมประจำที่เธอและคนในครอบครัวมักจับจองโซนตรงนี้เป็นประจำเมื่อต้องการมาเที่ยว มาเต้นมาฟังเพลงเพื่อผ่อนคลาย “เดี๋ยวยัยพราวจะตามมานะ เมื่อกี้มันเพิ่งตอบไลน์ ฉันให้คนลงไปจองโต๊ะข้างล่างไว้ล่ะ ค่อยลงไปเต้นกันพร้อมกัน” เคเซียหันไปบอกเล่ากับเพื่อนสนิทที่เอาแต่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จาตั้งแต่กลับออกมาจากโรงพยาบาลจนถึงตอนนี้ เวลาผ่านไปไม่นานเคลย์ตันและธีร์ธามพี่ชายและลูกพี่ลูกน้องของเขาเคเซียก็ตามขึ้นมาสมทบนั่งร่วมโต๊ะเดี๋ยวกันกับน้องสาว แม้จะแปลกใจที่เห็นนาฬิริณทร์เพราะเขารับรู้มาโดยตลอดว่าเพื่อนสนิทของน้องสาวคนนี้ ค่อนข้างถูกที่บ้านเข้มงวดกวดขันพอสมควร จนไม่เคยได้ออกมาเที่ยงกลางคืนกับเพื่อนฝูงเลยสักครั้ง เคลย์ตันหรี่ตามองเพื่อนน้องสาวด้วยความแปลกใจ อยากจะเอ่ยปากถามแต่ก็ยั้งไว้ “พี่เคลย์มองเพื่อนเซียลทำไม ห้ามจีบนะคนนี้ อาภาคย์เขาตีตราจองไว้เรียบร้อย” “ว่าไงนะ” ข่าวใหม่ที่เขาเพิ่งได้ยินออกจะประหลาดหูเล็กน้อยจนต้องถามย้ำ “เดี๋ยวพี่เคลย์กับพี่ธีร์ก็รู้ค่ะ” เวลาผ่านไปสักพักจังหวะเพลงที่เพิ่มเร็วขึ้น ผู้คนก็เริ่มหนาแน่นสองหนุ่มมองสองสาวที่บุคลิกต่างกันชัดเจน คนหนึ่งก็ร่าเริงสุดขีดลุกเต้นไม่หยุด อีกคนก็เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ตกดึกเขาหน่อยก็เริ่มยกแก้วค็อกเทลสีสวยที่เขาสั่งมาให้ลองใส่ปากดื่มไม่ยั้ง “พี่เคลย์ พี่ธีร์ ยายพราวมันมาถึงร้านล่ะเดี๋ยวเซียลกับเฟย์จะลงไปเต้นกันข้างล่างนะคะ” “อืม ดูแลตัวเองดีๆ ล่ะอย่าให้ใครมายุ่มย่าม” ถึงแม้ร้านนี้จะเป็นธุรกิจของพวกเขา ซึ่งมีเขา ธีร์ธาม และคิรินเป็นเจ้าของ บอดี้การ์ดเต็มรอบร้านก็จริง แต่คนสมัยนี้ก็ไว้ใจยาก ถ้าหูตาไม่ไว ไม่ระมัดระวังตัวเองมากพอก็อาจเกิดเหตุไม่ฝันขึ้นมาได้ “รู้แล้วค่า” คนเป็นน้องรับคำเสียงใส ก่อนจะจูงมือเพื่อนสนิทเดินลงไปยังโต๊ะสี่เหลี่ยมขนาดเล็กกลางร้านหน้าเวทีซึ่งมองเห็นได้ชัดจากด้านบน รายล้อมด้วยเหล่าบรรดาบอดี้การ์ดประมาณห้าหกคนที่ยืนตีกันเป็นวง ล้อมโต๊ะนั้นไว้เพื่อกันไม่ให้บุคคลที่ไม่ต้องประสงค์แวะเวียนเข้าไปใกล้น้องสาวของเจ้าร้าน ซึ่งเจ้านายของพวกเขาค่อนข้างหวงน้องสาวมากเป็นพิเศษ ชนิดที่ไม่ให้ใครมาเข้าใกล้ได้ง่ายๆ ถ้าหากพวกเขาไม่อนุญาต พริบพราวเพื่อนสนิทอีกคนในกลุ่มมาถึงร้านด้วยชุดเสื้อสายเดี่ยวสีดำ กางเกงยีนต์ทรงสกินนี่รัดรูปอวดสัดส่วนปล่อยผมยาวสวยทรงยิ้มโปรย ให้กับผู้คนที่เธอได้เดินผ่าน “กว่าจะยุรยาตรมาได้ ยายเฟย์จะเมาทิ่มลงไปในถังน้ำแข็งอยู่ละ” พริบพราวมองเพื่อนสนิทอีกคนที่เอาแต่ยืนเต้นโยกตัวไปมาช้าๆ ในมือถือแก้วก้านมีน้ำเมาสีสวยรสชาติหวานแต่ฤทธิ์ของมันค่อนข้างรุนแรงพอควร ถึงกับหัวเราะออกมาด้วยความชอบใจ “เออดี เมาให้ทิ่มเลยคืนนี้แล้วไปหยุดด้วยกันที่ฝาชักโครกค่า เอ้าชน!!!” คนมาใหม่หยิบแก้วที่อีกฝ่ายชงไว้รออยู่ยกขึ้นชูให้เพื่อนทั้งสองชนแก้วร่วมกันก่อนจะโยกตัวเองไปตามจังหวะเพลงด้วยความสนุกสนาน บ้างก็เดินมากอดคอเต้นกันสามคนเต้นไปด้วยกัน บางทีก็แยกออกไปเต้นเดี่ยวๆ วาดลีลากันสุดฤทธิ์ไม่มีใครยอมใคร “เห้ยเซียล ฉันว่าพวกเราสามคนน่ะยืนหนึ่งเรื่องความสวยเลยนะ แต่ทำไมไม่มีใครเข้ามาหาพวกเราเลยว่ะ” พริบพราวที่เริ่มสังเกตถึงความผิดปกติของโต๊ะตนเอง ที่มีพื้นที่เต้นมากกว่าคนอื่น ไม่ต้องเต้นเบียดเสียดกับใคร “เดี๋ยวฉันจัดการเอง” เคเซียตอบเพื่อน ก่อนจะหันไปกระดิกนิ้วชี้เรียกชายในชุดสูทสีดำสุภาพที่ยืนอยู่ใกล้ๆ เข้ามาหา กระซิบเพียงไม่กี่ประโยคคนที่แต่งในชุดแบบเดียวกันก็ค่อยๆ เดินหายไป เวลาไม่กี่นาทีจากนั้นบรรยากาศโดยรอบของสามสาวก็เปลี่ยนไปทันที ผู้คนที่ก่อนหน้าเต้นอยู่ห่างออกไปขยับมาเต้นใกล้ๆ อย่างที่ทั้งสามคนพอใจ “วันนี้เธอสวยมากรู้หรือเปล่าเฟย์ หยุดเศร้าได้แล้วมาสนุกกันดีกว่า” เคเซียพูดจบเธอก็ส่งสายตาให้กับผู้ชายร่างสูงหน้าตาดี พร้อมกับโปรยยิ้มเสน่ห์ไปให้ “เดี๋ยวพี่ๆ ของแกก็ลงมาลากกลับขึ้นไปนั่งข้างบนหรอก” นาฬิริณทร์ว่าอย่างไม่จริงจังนัก เธอหยิบแก้วทรงสูงที่บรรจุน้ำค็อกเทลสีสวยยกดื่มรวดเดียวจนหมด ก่อนจะขยันเรือนร่างโยกย้ายเต้นตามจังหวะเพลงพยายามสนุกเพื่อจะได้ลืมเรื่องเศร้าที่ยังก่อกวนหัวใจเธออยู่ “ขอโทษนะครับ ขอผมร่วมโต๊ะด้วยคนได้ไหม ถ้าคุณไม่รังเกียจ” หนึ่งในสามของผู้ชายหน้าตาดีเอ่ยถามขึ้นพลางส่งสายตามาเจาะจงไปที่นาฬิริณทร์โดยเฉพาะ จนคนที่ถูกมองถึงกับหยุดเต้นเสหยิบแก้วที่มีแอลกอฮอล์สีสวยขึ้นดื่ม รู้สึกประหม่าเพราะไม่เคยถูกใครใช้สายตาเจ้าชู้กับเธอแบบนี้มาก่อนสักครั้ง “ยินดีค่ะ” เคเซียตอบพร้อมกับโยกย้ายตัวไปมาตามจังหวะเพลงอย่างสนุกสนาน “มากันแค่สามคนหรอครับ” ชายคนนั้นหันไปหาเรื่องชวนคุยกับนาฬิริณทร์พร้อมส่งยิ้มให้ “เปล่าค่ะ” “ผมชื่อโฬมนะครับ ส่วนนี่เพื่อนผมชื่อปัถย์ ส่วนอีกคนชื่อเตอร์ครับ ยินดีที่ได้รู้จักพวกคุณทั้งสามคนนะครับ” “ยินดีค่ะฉันชื่อเซียล ส่วนนี่เพื่อนฉันชื่อเฟย์ค่ะ” “ส่วนฉันพริบพราวค่ะ เรียกพราวเฉยๆ ก็ได้” สาวสวยอีกคนในกลุ่มเอ่ยแนะนำพลางขยิบส่งยิ้มให้กับชายหนุ่มทั้งสามคน “ครับน้องเฟย์ น้องเซียล น้องพราว ชื่อน่ารักมากเลยนะครับ” ชายชื่อโฬมเอ่ยชมด้วยสายตากรุ่มกริ่ม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD