ตอนที่13

2459 Words
โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก นาฬิริณทร์สวมชุดเดรสยาวแขนกุดเปิดไหล่สีฟ้าน้ำทะเล ลายดอกไม้เล็กๆ ทั้งชุด ผมยาวมัดรวบสูง สวมแว่นกันแดดอำพรางสายตาจากแสงแดดจ้ายามบ่ายที่ค่อนข้างแรง ยืนมองวิวท้องทะเลยามต้องแสงแดดส่องประกายระยิบระยับ รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าหวานเมื่อนึกถึงความอบอุ่นที่เธอได้รับจากคนรักของเธอตลอดหลายวันที่ผ่านมา เสียงประตูห้องพักเปิดกว้างขึ้นพร้อมกับร่างสูงใหญ่ของนายแพทย์หนุ่มเดินตรงเข้ามาหาเธอ “จะออกไปเดินเล่นไหม หรือจะนอนพักอยู่ในห้องดีครับ” “แดดยังแรงอยู่เลยค่ะแด๊ดดี้ สักสี่โมงเย็นเราค่อยไปออกเดินเล่นดีกว่าค่ะ” “เมื่อกี้พี่คุยกับยายเซียลก็บอกกลัวแดด เลยจะนอนยาวถึงมื้อเย็น” หญิงสาวได้ฟังถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆ รายนั้นเป็นโรคแพ้แดด ไม่ค่อยชอบกิจกรรมกลางแจ้งเท่าไหร่หรอกแต่ก็ชอบท่องเที่ยว เป็นเพื่อนที่ค่อนข้างย้อนแย้งในตัวเองพอสมควรเลย “งั้นเราออกไปนวดสปากันดีไหมคะ เสร็จแล้วค่อยออกไปเดินเล่นกัน” เมื่อเธอเอ่ยชวนเขาก็ตอบรับทันที ต่างพากันจูงมือนั่งรถกอลฟ์ออกจากบ้านพักไปยังห้องสปาของโรงแรมที่ตกแต่งอย่างหรูหราสวยงามมีกลิ่นหอมหวาน ให้ความรู้สึกโปร่งสบายเป็นเอกลักษณ์ นาฬิริณทร์แยกตัวออกไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ใช้เวลาไม่นานเธอก็เดินกลับมาแต่ก็ต้องชะงักฝีเท้าที่ก้าวเดินเมื่อเห็นคนรักของตนเองกำลังยืนคุยอยู่ใครที่เธอไม่คุ้นหน้าเลยสักนิด แต่รู้เพียงอย่างเดียวว่าเธอคนนั้นค่อนข้างสวยมากทีเดียว ใบหน้ารูปไข่รับกับดวงตากลมโต จมูกโด่งได้รูป ริมฝีปากบางเล็กเป็นกระจับ พิศมุมไหนก็เหมาะเจาะสวยงามจนไม่มีที่ติ “แด๊ดดี้คะ เฟย์แต่งตัวเรียบร้อยแล้วค่ะ” เธอเอ่ยแทรกบทสนทนาของคนทั้งคู่ พร้อมกับก้าวเท้ามาหาคนรัก แสดงสิทธิ์ของตนเองด้วยการคล้องแขนชายหนุ่มไว้แน่นมองผู้หญิงตรงหน้าด้วยรอยยิ้มหวานอย่างผูกมิตร ก่อนจะหันไปถามคนรัก คิ้วเลิกสูงเล็กน้อยเมื่อเห็นเขายังอยู่ในชุดเดิม “แด๊ดดี้ทำไมยังไม่เปลี่ยนชุดอีกคะ” “กำลังจะไปครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะ” เขารีบบอกกับเธอและบอกกับผู้หญิงคนนั้นด้วยสีหน้าเรียบนิ่งไม่บอกอารมณ์ใดๆ แตกต่างกับผู้หญิงคนนั้นที่มองคนรักเธอด้วยแววตาเศร้า เสียใจ ดูอาวรณ์คนรักของเธอ แสดงออกอย่างชัดเจน จนเธอสะอึกกับประโยคตอบกลับของเธอคนนั้น “ค่ะ ไว้ปริมโทรหานะคะ” “ครับ” เขารับคำเสร็จแล้วเดินแยกไปยังห้องเปลี่ยนเสื้อผ้าที่อยู่อีกทาง ทิ้งให้เธอยืนอยู่ลำพังกับผู้หญิงแปลกหน้าโดยไม่คิดที่จะแนะนำให้เธอได้รู้จักสักนิด “งั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ” นาฬิริณทร์บอกกับหญิงคนนั้นก่อนจะเดินแยกยังไปห้องสปาคู่แบบส่วนตัวด้วยความรู้สึกแปลกๆ หล่อนติดใจในน้ำเสียง สีหน้าและแววตาของผู้หญิงคนนั้น ทั้งๆ ที่เธอพยายามจะสลัดความคิดที่ไม่ดีออกไป แต่มันก็ยังคอยตามมาหลอกหลอนความรู้สึกเธออยู่ตลอดเวลา เวลาผ่านไปร่วมสองชั่วโมงที่เธอและเขาต่างจ่มอยู่กับความคิดของตนเอง ไม่มีการพูดคุยหรือบทสนทนาระหว่างกัน จนพนักงานสปานวดดูแลเธอและเขาจนเสร็จเรียบร้อย เขาจึงชวนเธอออกมาเดินเล่นรับลมทะเล พร้อมกับเป็นตากล้องส่วนตัว คอยถ่ายรูปให้เธออีกตั้งหลายภาพ จนความคิดด้านมืดเหล่านั้นค่อยๆ จางหายไป เมื่อความสุขที่อยู่ตรงหน้าของเธอตอนนี้นั้นมันมีค่ากับเธอมากกว่าเอาเวลาไปนั่งคิดอะไรที่มันบั่นทอนตัวเอง “แด๊ดดี้คะ ถ่ายรูปคู่กันนะคะ” นาฬิริณทร์ร้องเรียกชายหนุ่มที่กำลังก้มหน้าเช็คข้อความในมือถือ หลังจากถ่ายรูปให้เธอเสร็จเรียบร้อยและส่งมือถือคืนให้เธอได้เช็คภาพว่าสวยถูกใจไหม หญิงสาวชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นสีหน้าของคนรัก มีท่าทีกระอักกระอ่วนคล้ายกับลำบากใจฉายชัดอยู่บนใบหน้าของเขาจนเธอเริ่มรู้สึกน้อยใจขึ้นมา “เอ่อ...ถ้าพี่ภาคย์ลำบากใจก็ไม่เป็นไรนะคะ” “เปล่าหรอกครับ พี่แค่ไม่ค่อยชอบถ่ายรูปเท่าไหร่ แต่ถ้าให้เป็นคนถ่ายจะถนัดมากกว่านะ” ชายหนุ่มพยายามปรับสีหน้าให้ดูดีขึ้นเมื่อเห็นหน้าตาของสาวคนรักดูซึมลงไปถนัดตา “แต่มุมภาพตรงนี้สวยมากเลยนะคะ อีกอย่างเรามาเที่ยวด้วยกันครั้งแรกด้วย เฟย์อยากมีรูปไว้เป็นที่ระลึกน่ะค่ะ นะคะๆ แด๊ดดี้” นาฬิริณทร์ใช้เสียงเล็กเสียงน้อยออดอ้อนคนรัก พลางขยับเข้ามากอดแขนซบถูไถใบหน้ากับต้นแขนชายหนุ่ม “งั้นก็ได้ครับ” แม้เขาจะลอบถอนหายใจ แต่ก็ยังมีรอยยิ้มเล็กๆ ส่งให้กับหญิงสาว ยอมหยิบโทรศัพท์ที่เธอยื่นมาให้ ยกแขนขึ้นสูงยื่นออกไปจนสุดแขนเพื่อให้เห็นทั้งตัวเธอและเขารวมทั้งวิวทะเลด้านหลัง กดถ่ายไปอีกสองสามรูปก่อนจะยื่นโทรศัพท์คืนให้เธอที่ยื่นมารับด้วยสีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข ถ่ายรูปตามสถานที่ท่องเที่ยวชื่อดังของภูเก็ตจนพอใจแล้ว พุฒิภาคย์จึงพาหญิงสาวมานั่งรับลมทะเลกับบรรยากาศสวยๆ ที่สามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของท้องทะเลยามพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าได้อย่างชัดเจน ไวน์รสเลิศทานคู่กับอาหารทะเลรสชาติดีที่จัดแต่งจานมาอย่างสวยงาม ยิ่งช่วยสร้างบรรยากาศระหว่างมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี แสงแดดสีทองส่องกระทบผืนน้ำทะเลเป็นประกายระยิบระยับสวยงามจับนัยน์ตา หญิงสาวหยิบกล้องมาถ่ายเป็นคลิปวีดีโอสั้นๆ เพื่อจะลงสตอรี่ไอจี พร้อมกับถ่ายภาพบรรยากาศโดยรอบไปด้วย รวมไปถึงอาหารที่ดูละลานตาเต็มโต๊ะไปหมด “หัวเราะอะไรหรอครับ” เขาเห็นเธอหัวเราะคิกคักชอบใจสักพักแล้ว “เฟย์ขำยัยเซียลค่ะ ส่งอิโมจิร้องไห้มา” เธอเล่าพลางส่งมือถือให้ชายหนุ่มดู ก่อนที่เขาจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นรูปที่หญิงสาวโพส เป็นรูปคู่ของเขากับเธอพร้อมกับแคปชั่น ‘ทะเลเรียกว่า SEA ช่วงเวลาดีๆ เรียกว่าเธอ…. ทริปแรกกับรูปคู่รูปแรกของเรา’ “ทำไมแด๊ดดี้ทำหน้าแบบนั้นล่ะคะ ไม่พอใจอะไรเฟย์หรือเปล่า” สีหน้าเรียบขรึมของอีกฝ่ายทำให้เธอใจเสียอยู่ไม่น้อย “หนูไม่บอกว่าจะลงรูปพวกนี้” “หมายถึงรูปคู่หรอคะ หรือว่ารูปอื่น” เพราะเธอลงหลายรูปเลยไม่แน่ใจว่าสาเหตุคือรูปไหนกันแน่ “ทำไมเรามาเที่ยวด้วยกันถึงต้องอัพเดทลงรูปหรือเช็คอินให้ใครทราบด้วยล่ะครับ เรามาเที่ยวเงียบๆ ไม่บอกให้ใครรู้ไม่ได้หรอ” “แต่ยัยเซียลก็มากับเรา เขารู้อยู่แล้วนะคะ” “ผมหมายถึงคนอื่นๆ ลงรูป เช็คอินแบบนี้ใครก็รู้สิว่าเรามาทำอะไรไปที่ไหน ทำไมต้องอยากให้คนรับรู้ชีวิตของเราด้วยล่ะ” น้ำเสียงตำหนิจริงจังกับสีหน้าท่าทาคล้ายไม่พอใจของเขา ทำให้เธอถึงกับนิ่งงันไปทันที “แล้วทำไมเราต้องไม่อยากให้ใครรู้ด้วยล่ะคะ ในเมื่อเรามาเที่ยว เราก็ไม่ได้แอบใครมานะคะ” นายแพทย์หนุ่มไม่ได้พูดอะไรออกมาอีก หันไปหยิบแก้วไวน์ขึ้นมาจิบเพื่อดับอารมณ์ที่คุกกรุ่นของตนเอง “เฟย์ลบก็ได้ค่ะ ถ้าการที่เฟย์ลงรูปคู่ที่เรามาเที่ยวด้วยกันครั้งแรกแล้วจะทำให้อาภาคย์ไม่พอใจ เฟย์ขอโทษนะคะ” หญิงสาวพูดด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ พยายามอย่างยิ่งยวดที่จะไม่ร้องไห้ออกมา เก็บกลืนความน้อยใจเอาไว้ก่อนจะลบรูปภาพทั้งหมดรวมทั้งคลิปภาพบรรยากาศที่แสนสวยงามของท้องทะเลยามเย็น ความทรงจำดีๆ ที่ควรเก็บไว้เธอกัดใจลบทิ้งไม่เหลือแม้แต่รูปเดียว บรรยากาศที่ควรจะหวานชื่นกลับเต็มไปด้วยความอึดอัด เมื่อถูกคลื่นอารมณ์บางอย่าง ซัดซาพาความรู้สึกดีๆ พัดจางหายไปทันที อาหารรสชาติดี หน้าตาน่าทานกลับรู้สึกชืดกร่อยไม่น่ารับประทานเฉกเช่นตอนแรก จนมีเสียงของใครคนหนึ่งดังแทรกทำลายบรรยากาศนั้นขึ้น “พี่ภาคย์สวัสดีค่ะ” “อ้าว...น้องฝนสวัสดีครับ” พุฒิภาคย์ส่งยิ้มให้กับหญิงสาวรุ่นน้องที่เข้ามาทักหา รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่ได้พบกับอีกฝ่ายที่นี่ “ดีใจจังเลยค่ะได้มาเจอพี่ภาคย์ที่นี่ มาเที่ยวหรอคะ หรือว่ามาทำงาน” “มาเที่ยวครับ แล้วฝนล่ะ” “ฝนมาสัมมนาค่ะ เอ่อ...แล้วนี่...” “สวัสดีค่ะ ชื่อคาเฟย์ค่ะ อาภาคย์คะ เฟย์ขอตัวไปเข้าห้องน้ำก่อนนะคะ เชิญตามสบายค่ะ” นาฬิริณทร์ส่งยิ้มให้กับหญิงสาวอีกคนด้วยความเป็นมิตรก่อนจะลุกเดินออกจากโต๊ะไปทันทีโดยไม่หันมามองหน้าชายหนุ่มคนรัก “ใครหรอคะพี่ภาคย์ หน้าตาน่ารักเชียว” หล่อนถามด้วยความสนใจก่อนจะถือวิสาสะนั่งเก้าอี้ตัวที่นาฬิริณทร์เพิ่งลุกออกไป “อ่อ เธอเป็นเพื่อนสนิทของหลานพี่เอง ชื่อนาฬิริณทร์ครับ” “อ๋อ...มิน่าถึงได้ดูเด็กจัง ฝนก็นึกว่าเป็นแฟนพี่ภาคย์ซะอีก” พุฒิภาคย์ไม่ได้พูดอะไรนอกจากหยิบแก้วไวน์มาจิบ ก่อนจะชวนหญิงสาวคุยในเรื่องอื่นแทน ในขณะที่นาฬิริณทร์ซึ่งยืนหลบอยู่ไม่ไกลได้ยินชายหนุ่มตอบอีกฝ่ายแบบนั้นความน้อยใจก็ตีตื้นขึ้นมา แวบแรกเธออยากจะนั่งรถกลับที่พักไปก่อน แต่อีกใจเธอก็ไม่อยากจะดูเป็นเด็กงี่เง่าในสายตาของเขา เธอจึงตัดสินใจออกมาเดินเล่น รับลมทะเลมองบรรยากาศยามค่ำคืน พยายามขจัดความรู้สึกน้อยอกน้อยใจที่มีต่อเขา จนตัวเองเริ่มรู้สึกดีขึ้นจึงเป็นฝ่ายเดินกลับไปหาเขาเองที่โต๊ะ “อาภาคย์คะ เฟย์ขอตัวกลับที่พักก่อนได้ไหมคะ” นายแพทย์หนุ่มเลิกคิ้วหันมามองอีกฝ่ายด้วยความแปลกใจ ที่อีกฝ่ายกลับมาเรียกเขาว่า’ อาภาคย์’ และจะเอ่ยขอตัวกลับก่อนอีกด้วย “ทำไมล่ะครับ ยังทานข้าวไม่เสร็จเลยนะ” หญิงสาวเหลือบมองใครอีกคนที่มานั่งเก้าอี้ตำแหน่งของเธอ ริมฝีปากบางยกยิ้มเล็กน้อย “เฟย์อิ่มแล้วค่ะ พอดีอยากกลับไปหาเซียลกับพราวที่ห้องด้วย” “งั้นก็ได้ ถ้าอย่างนั้นเช็กบิลเลยนะครับ” เขาหันไปเรียกพนักงานทันที “อ้าวทำไมพี่ภาคย์ต้องกลับไปด้วยละคะ เรายังนั่งคุยกันไม่เสร็จเลยนะคะ” เกวลินหรือฝนเอ่ยท้วงขึ้น เมื่อเห็นอีกฝ่ายเตรียมตัวที่จะกลับ “เอาไว้วันหลังเราค่อยนัดกันที่กรุงเทพนะครับ” “งั้นก็ได้ค่ะ” แม้จะยังอยากนั่งคุยกับอีกฝ่ายแค่ไหนแต่เธอก็เก็บความรู้สึกไว้เพียงแค่ยิ้มให้กับชายหนุ่ม ก่อนจะหันไปยิ้มให้กับหญิงสาวอีกคนแม้จะเริ่มรู้สึกไม่ชอบอีกฝ่ายก็ตาม กลับถึงโรงแรมนาฬิริณทร์ก็แยกตัวมาที่บ้านพักของเคเซียและพริบพราวซึ่งอยู่ถัดจากบ้านพักเธอไปหนึ่งหลัง เห็นสองสาวกำลังง่วนอยู่กับการแต่งตัวสวย เตรียมที่จะออกไปท่องราตรีกันสอง แต่พอเห็นสีหน้าของเพื่อนสนิทหลังจากออกไปดินเนอร์กับอาของเธอ เคเซียจึงอดไม่ได้ที่จะทักถามด้วยความแปลกใจ “ทำไมหน้ามุ่ยแบบนั้นอาหารไม่อร่อยเหรอ หรือทะเลาะกับอาภาคย์มา” “ไม่มีอะไรหรอก” “ฉันรู้ว่าแกมี ไหนพูดมา มีอะไร” พริบพราวที่กำลังใช้สมาธิอยู่กับการเขียนคิ้วอยู่หันมาพูดกับคนที่ปากบอกว่าไม่มีอะไร แต่กลับทำหน้าเหมือนอยากจะร้องไห้ “วันนี้ฉันเจอผู้หญิงสองคนมาทักอาภาคย์ ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่อาภาคย์ก็ดูแปลกๆ ไปตั้งแต่เจอผู้กับผู้หญิงที่ชื่อปริมแล้วล่ะ ฉันไม่รู้เหมือนกันว่าฉันต้องทำยังไง อยากจะหึงอยากจะโวยวายแต่ก็กลัวจะดูงี่เง่า เป็นเด็กในสายตาเขา” แล้วเธอก็เล่าทุกอย่างในสิ่งที่เห็นและสิ่งที่คิดให้กับเพื่อนทั้งสองคนฟังอย่างละเอียด จนไม่ทันสังเกตเห็นว่าเพื่อนอีกคน ที่นั่งฟังเงียบๆ มาตั้งแต่ต้นมีสีหน้าแบบไหน จนพริบพราวหันมาถามจึงได้พูดออกมาด้วยสีหน้าลำบากใจเล็กน้อย “ถ้าฉันบอกอะไรไป แกจะคิดมากมั่ยเฟย์” “ก็ลองพูดมา เพราะยังไงฉันก็คิดมากอยู่แล้ว” นาฬิริณทร์ตอบเพื่อนเสียงเศร้าลงเล็กน้อย “คนชื่อปริมเป็นแฟนเก่าอาภาคย์ แต่มันนานแล้วนะ เลิกกันหลายปีแล้ว มันไม่มีอะไรหรอก” เมื่อได้ยินแบบนั้น ภาพที่คนรักของเธอกำลังยืนคุยกับแฟนเก่าก็แวบเข้ามาในความคิด ขบกัดริมฝีปากตัวเองอย่างใช้ความคิด เพราะคำว่ามีมีอะไรหรอก มันไม่มีอยู่จริงน่ะสิ “แกกำลังจะออกไปเที่ยวกันใช่ไหม งั้นฉันไปด้วย” สิ้นประโยค เพื่อนทั้งสองก็หันมามองหน้ากันทันที “เห้ย!แล้วอาภาคย์ของแกล่ะ จะปล่อยให้นอนคนเดียวในห้องน่ะเหรอ” “ตอนนี้เขาไม่ได้อยู่ในห้องหรอก ออกไปทำธุระที่ไหนก็ไม่รู้ เขาไม่ได้บอก” หญิงสาวรู้สึกไม่พอใจเขาอยู่พอสมควรเมื่อพูดถึงเรื่องนี้ เพราะเมื่อตอนที่เธอบอกกับเขาว่าจะมาหาเคเซียและพริบพราวที่บ้านพัก เขากลับบอกกับเธอว่า จะต้องออกไปทำธุระข้างนอกเช่นกัน มันทำให้ในตอนนั้น ไม่พูดอะไรกับเขาสักคำนอกจากเดินแยกออกมา ส่วนตัวเขาเองก็ไม่พูดอะไรกับเธอเช่นกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD