พุฒิภาคย์และพร้อมพัชร์แฝดผู้พี่ตามมาสมทบภายหลังพร้อมกับขนมหวานคนรักของเขา มองตามสายตาของน้องชายที่มีสีหน้าเครียดขรึม ภาพที่เห็นคือหลานสาวของเขากับเพื่อนสนิทสองคนกำลังยืนกอดคอกันเต้นสนุกสนานกันอยู่ ในขณะเดียวกันกลับมีชายแปลกหน้ายืนร่วมโต๊ะอยู่ด้วยถึงสามคน
“ผู้ชายสามคนนั้นใคร ธีร์นายรู้จักไหม” ธีร์ธามหันไปมองตามผู้เป็นอา ก่อนจะส่ายหน้า
“ไม่รู้จักครับ”
“คงแขกในร้านทั่วๆ ไปนี่ล่ะ อย่าไปสนใจเลยอา ปล่อยๆ ยัยเซียลไปเถอะ ยังไงก็อยู่ในสายตา” เคลย์ตันเอ่ยขึ้นอย่างไม่สนใจเท่าไหร่นัก พร้อมกับขยับตัวเข้าไปหาหญิงสาวที่เขาพามานั่งด้วยคลอเคลียใบหน้าเข้าหาลำคอสวยของหญิงสาวหน้าตาดี ปล่อยให้อาทั้งสองคนของเขามองกลุ่มของน้องสาวตนเองด้วยความหวงและเป็นห่วง อย่างไม่ได้อะไรมากนัก
นาฬิริณทร์เริ่มทรงตัวไม่ค่อยได้ ยืนเซไปเซมา มองภาพตรงหน้าเป็นภาพซ้อนจนต้องสะบัดหัวไปมา ขยิบตาปริบๆ หวังช่วยขับไล่อาการที่ตนเองเป็นอยู่ รสหวานของค็อกเทลกอปรกับไม่ค่อยได้ดื่มแอลกอฮอล์บ่อยทำให้เธอมีอาการมึนเมาเร็วกว่าเคเซียและพริบพราวที่ยังคงดูปกติ กอดคอเต้นด้วยกันอย่างสนุกสนาน เหมือนไม่ได้ดื่มแอลกอฮอล์ไปเลยสักนิด
“ไหวมั่ย ให้พี่พาไปนั่งพักมั่ยครับ” โฬมเอ่ยพลางขยับตัวเข้าหาหมายจะดึงตัวเธอมากอดประคองไว้ไม่ให้ยืนเซไปเซมาอีก แต่ก็ต้องชะงักเพราะถูกร่างสูงใหญ่จากใครคนหนึ่งคว้าตัวเข้าไปประคองเสียก่อน
“เห้ยอะไรของคุณเนี่ย” ชายหนุ่มชักสีหน้าไม่พอใจ หมายจะเอาเรื่องชายแปลกหน้าที่มาขวางทางแต่ก็ต้องชะงักเมื่อหันไปสบตาคมดุของอีกฝ่าย
“เมามากแล้ว พากันกลับขึ้นไปนั่งข้างบนได้แล้วเคเซีย พริบพราว นาฬิริณทร์” เสียงเข้มดุ ใบหน้าเรียบนิ่ง แต่ท่าทางเคร่งขรึมแฝงไว้ด้วยความไม่พอใจ เอ่ยกับหลานสาวที่เมื่อครู่ยังคงสนุกสนานอยู่จนไม่ได้ทันสังเกตว่าอาหนุ่มของมาปรากฏกายอยู่ตั้งแต่ตอนไหน
“อุ้ยพ่อมา!!!”
“กลับขึ้นไปข้างบนเคเซีย” เขาย้ำกับหลานสาวอีกครั้ง พลางสบตากับชายหนุ่มคนตรงหน้าที่เมื่อครู่ดูเหมือนจะสนใจผู้หญิงคนที่เขากำลังประคองกอดอยู่ไม่น้อย
“งื้อ ไม่กลับๆ หนูยังสนุกอยู่เลย” คนเมาเริ่มดิ้นไปมาพยายามจะผละตัวออกห่าง แต่ถูกแขนแกร่งดึงกลับมากอดไว้แน่น
“ขึ้นไปเต้นข้างบน” เขาสั่งเสียงเรียบ แต่ดูเหมือนคนเมาก็คือเมา ยังคงต่อต้านด้วยการผลักเขาออกห่างจากตัว จนเขาอดรนทนไม่ไหวคว้าตัวขึ้นมาพาดบ่าเดินกลับไปขึ้นไปยังชั้นสองโซนวีไอพีทันทีไม่สนใจเสียงหวีดร้องโวยวายของเจ้าหล่อนที่เอาแต่ตะโกนโหวกเหวกตลอดทางโดยมีหลานสาวกับเพื่อนเดินหน้างอตามมาติดๆ
พุฒิภาคย์วางหญิงสาวขี้เมาลงบนโซฟาค่อนข้างแรงแทบจะกลายเป็นโยนลงด้วยซ้ำจนหล่อนถึงกับนิ่วหน้า เขาโยนเสื้อสูทที่สวมอยู่ก่อนหน้าคลุมทับช่วงขา เดรสกระโปรงสั้นที่เจ้าหล่อนใส่ล่อหน้าล่อตาใครต่อใคร รวมทั้งตัวเขาด้วย ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆ ปล่อยให้ร่างเล็กที่ทำตัวอ่อนเลื่อยตัวเข้ามาอิงซบกับอกของเขา
“เอาเรื่องเหมือนกันนะเนี่ย” ธีร์ธามกระซิบกับเคลย์ตัน คิ้วเข้มเลิกขึ้นสูงอดขำขันกับเห็นท่าทางของผู้เป็นอาไม่ได้
“หึ สงสัยคนนี้อาภาคย์จะจองว่ะ หวงใช้ได้” เคลย์ตันกระซิบตอบกลับ
“หน้ามุ่ยทำไมเซียล” เคลย์ตันมาถามคนเป็นน้องที่มานั่งกอดอกอยู่ข้างๆ ใบหน้าบูดบึ้งไม่พอใจชัดเจน
“อาภาคย์ทำเกินไป คนกำลังสนุกอยู่ๆ ก็ไปลากพวกหนูขึ้นมา”
“ก็เพื่อนเราเมาขนาดนั้น แถมมีผู้ชายที่ไหนไม่รู้มาเกาะแกะ อาภาคย์ทำถูกแล้ว” เคเซียฟังแล้วย่นจมูกใส่ ก่อนจะถามหาคิรินญาติผู้พี่อีกคนของเธอ ตั้งแต่มายังไม่เห็นตัวคนเป็นเจ้าของร้าน
“สงสัยคิรินจะติดงาน เมื่อกี้โทรไปไม่ยอมรับสาย”
“เห็นว่ามีส่งของล็อตใหญ่ มันเลยต้องไปดูด้วยตัวเอง” ธีร์ธามบอกเสียงเรียบตามที่รู้มา ก่อนที่พี่ชายทั้งสองคนจะหันไปหาอาทั้งสอง พูดคุยด้วยเรื่องทั่วๆ ไปก่อนที่จะวกกลับมาคุยเรื่องงานซึ่งเป็นธุรกิจกับการลักลอบค้าอาวุธที่ทั้งสามและพร้อมพัชร์รวมทั้งคิรินร่วมหุ้นด้วยกัน เป็นความลับที่ไม่ให้ผู้ใหญ่ในครอบครัวรับรู้
“เบาๆ หน่อยเซียล เดี๋ยวเมาแล้วพี่ไม่ไปส่งนะ ปล่อยให้นอนเรื้อนอยู่นี่แล้วอย่ามาโกรธพี่ล่ะ” เคลย์ตันหันมาเห็นน้องสาวที่ยกกระดกแก้วค็อกเทลที่พนักงานเพิ่งนำมาเสิร์ฟเพิ่มจนหมดแก้วจึงร้องเตือน พลางส่ายหน้าไปมาทั้งระอาแกมเอ็นดูในคราวเดียวกัน
“ชิใครง้อตัวล่ะ เรียกคนขับรถมารับก็ได้”
“อ้าว แล้วจะทิ้งเพื่อนให้กลับเองหรือไง”
“เพื่อนคนไหนล่ะ ถ้ายายพราวเขามีคนขับรถมารับอยู่แล้ว ส่วนยายเฟย์ เซียลจะให้เพื่อนกลับกับอาภาคย์ต่างหาก” เคเซียพูดจบก็แอบขยิบตาส่งให้พี่ชายด้วยหน้าตาแสนเจ้าเล่ห์ หล่อนมีแผนการไว้ในใจหมดแล้วและดูเหมือนคนเป็นพี่ก็พอเดาความคิดน้องสาวออก จึงหันมาเย้าคนเป็นอาด้วยใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม
“อ้าว อาภาคย์รับจบหรอครับ” เคลย์ตันได้ยินแบบนั้นจึงหันมาสัพยอกผู้เป็นอาทันที โดยผู้เป็นอาเพียงแค่ยิ้มแล้วหยิบยกแก้ววิสกี้ขึ้นดื่มโดยไม่ได้พูดหรือตอบรับอะไรออกมา
ชายหนุ่มทั้งสี่คนยังคงนั่งดื่มกิน พูดคุยกันในเรื่องสัพเพเหระทั่วๆ ไป โต๊ะที่นั่งซึ่งเป็นโซฟายาวทำให้แบ่งโซนชายหญิงได้ชัดเจนมากขึ้น เคเซียหันมองนาฬิริณทร์ที่กำลังอยู่ในอาการสะลึมสะลือ ซบไหล่เกาะแขนอาพุฒิภาคย์ของเธอไม่ยอมปล่อย รอยยิ้มผุดพรายบนใบหน้าอย่างเจ้าเล่ห์
“อาภาคย์คะ”
“หื้อ มีอะไร” ผู้เป็นอาหันมาหาหลานสาว เลิกคิ้วสูงเป็นเชิงถาม
“เพื่อนหนูสวยมั่ย”
“อืม” เขาตอบรับเสียงเบา ใบหน้ากลับมาเรียบเฉยไม่แสดงสีหน้าบ่งบอกให้รู้ถึงความคิดให้อีกฝ่ายรู้
“โสดแล้วด้วยน๊า”
“แต่ขี้เมา” เคเซียจิ๊ปากใส่ผู้เป็นอาอย่างขัดใจ ก่อนจะหันไปชวนพริบและพราวขนมหวานซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเธออีกคนเช่นกัน ที่ตอนนี้มีสถานะกลายเป็นคนรักของอาพร้อมพัชร์เป็นที่เรียบร้อย
พุฒิภาคย์มองหลานสาวที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกับเพื่อนและคนรักของพี่ชาย ก่อนจะเลื่อนสายตามามองสาวข้างกายที่นั่งกอดแขนเขาแน่น ซบใบหน้าคลอเคลียอยู่กับต้นแขนของเขา ผิวขาวๆ ของร่างเล็กแดงซ่านไปทั้งตัวด้วยฤทธิ์แอลกอฮอล์
“กินน้ำเยอะๆ จะได้สร่าง” เขายื่นแก้วน้ำเปล่าส่งให้เธอซึ่งรับไปอย่างว่าง่ายแต่กลับถือไว้เฉยๆ ไม่ยอมยกขึ้นดื่ม จนเขาต้องเป็นคนจับแก้วยกขึ้นถึงปากป้อนให้เธอดื่มด้วยตนเอง
“งื้อ....” หล่อนส่งเสียงในลำคอ ต่อต้านเขาเล็กน้อยแต่ก็ยอมดื่มน้ำที่เขาป้อนถึงปาก จนเกือบหมดแก้ว
“จะไปไหน” ชายหนุ่มถามเสียงเข้ม เมื่อเห็นหญิงสาวผุดลุกขึ้น ทั้งๆ ที่ยังยืนเฉยๆ ก็ยังยืนแทบไม่อยู่ ยังคิดที่จะเดินไปไหนต่อไหนอีก
“ปาย....ห้องน้ามม”
“เดินไหวหรือไง” เขาถามเสียงห้วนจัด รู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก เคเซียซึ่งหันมาเห็นเพื่อนและได้ยินว่าอีกฝ่ายบอกว่าจะไปห้องน้ำ ก็อาสาจะเข้ามาช่วยพยุงเพื่อน หวังจะเป็นคนพาไปเพื่อนไปด้วยตนเอง
“เดี๋ยวอาพาไปดีกว่า เราอยู่นี่แหละ” ร่างสูงขยับลุกยืน ประคองร่างบางที่ตัวอ่อนปวกเปียกจนทิ้งน้ำหนักศีรษะพิงแผ่นอกกว้างของเขาแทบจะทันที มือทั้งสองกอดรัดเอวสอบของเขาแน่น
“งั้นเซียลฝากด้วยนะคะ”
“อาว่า เดี๋ยวพากลับเลยดีกว่า เมามากล่ะ” เขาประเมินจากสายตาเห็นว่าหญิงสาวเริ่มจะนั่งต่อดื่มต่อไม่ไหวแล้วเพราะแทบจะไม่รู้สึกตัว ไม่มีสติด้วยซ้ำ
“จะเอาอย่างนั้นหรอคะ งั้นเซียลฝากเพื่อนด้วยนะคะอาภาคย์” เคเซียยกยิ้มอย่างพึงพอใจ ที่ทุกอย่างเข้าที่เข้าทางอย่างที่เธอต้องการพอดิบพอดีราวกับถูกจับวาง ในเมื่อเพื่อนเธอก็โสดแล้ว อาของเธอก็โสดเช่นกัน มิหนำซ้ำทั้งคู่ก็ยังลึกซึ้งกระโดดข้ามขั้นตอนไปแล้วเรียบร้อย ยุส่งให้คบหากันไปเลยก็มีแต่ดีกับดี ทั้งหน้าตาและฐานะทางสังคมก็ไม่ได้ห่างกันถึงแม้อายุจะต่างกันมากสักหน่อย แต่คู่ของอาพร้อมพัชร์กับขนมหวานเพื่อนสนิทของเธอก็พอจะตอบได้แล้วว่าอายุไม่ใช่อุปสรรค หากใจคนเราจะรักกันก็ไม่มีอะไรสิ่งใดมาขวางกั้น