โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่ 7
ภายในรถยนต์คันหรู อุณหภูมิในรถเย็นฉ่ำ กลิ่นเครื่องปรับอากาศในรถหอมสดชื่นแต่ไม่เท่ากลิ่นกายของคนข้างตัวที่ส่งกลิ่นหอมหวานคล้ายดอกไม้อ่อนๆ ดึงสายตาและความสนใจมองไปยังเสี้ยวหน้าหวานที่นั่งอยู่เบาะด้านข้างนานอยู่หลายนาทีแล้ว มือเรียวใหญ่ของชายหนุ่มยกขึ้นจับเรือนผมของที่ปรกบนใบหน้า เกลี่ยไรผมของหญิงสาวอย่างเบามือ สายตาคมทอดมองใบหน้าหวานที่วันนี้ถูกหลานสาวตัวดีของเขาจับแต่งองค์ทรงเครื่องจนดูเป็นคนใหม่ ราวกับคนละคนที่เขาได้เจอเมื่อวาน เขาจ้องมองใบหน้าหวานในระยะใกล้แม้จะมืดสลัว มีเพียงแสงสว่างจากแสงสว่างด้านนอกที่สาดกระทบใบหน้าสวย แววตาที่ทอดมองเต็มไปด้วยความสับสน หลากหลายความคิดวิ่งเข้ามาในหัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาถึงขับรถมาส่งเธอที่บ้านแทนการพาเธอกลับไปพักที่เพนท์เฮาส์ของเขาซึ่งมันดูน่าจะง่ายกว่าหากแต่รู้ตัวอีกทีฝีเท้าที่เหยียบคันเร่งและมือที่หมุนจับพวงมาลัย ก็พาทิศทางมาจนถึงที่นี่
หรือเพราะเขากลัวใจตัวเอง ว่ามันจะมีอะไรเกินเลยแบบที่เกิดขึ้นเมื่อคืน เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าหากเกิดขึ้นอีก เขาควรจะทำอย่างไร แค่เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน จนถึงเช้า มันก็มากมายจนเขาเองก็ไม่ทันคาดคิดว่าต่อจากนี้จะเป็นอย่างไร
“คุณ...คุณนาฬิริณทร์” ท้ายที่สุดเขาก็ตัดสินใจเรียกหล่อน ที่นั่งหลับตั้งแต่เข้ามานั่งในรถได้ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ และเมื่อตัดสินใจเขย่าตัวเธอเบาๆ หญิงสาวก็สะบัดมือเขาออก ทำเสียงจิจ๊ะคล้ายรำคาญที่มีคนมากวนใจเวลานอน
“งื้อ...เฟย์ขออีกห้านาทีนะคะแม่” หญิงสาวงึมงำออกมากับคล้ายละเมอ แต่ก็ทำให้คนฟังถึงกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่เมื่อได้ยินแบบนั้น และเขาก็นั่งรอเธอตื่นอย่างที่หล่อนขอจริงๆ ทว่ามันกลับไม่ใช่ห้านาทีอย่างที่บอก แต่มันล่วงเลยจนจะครบชั่วโมงอยู่แล้ว
เสียงเคาะกระจกด้านข้างคนขับทำให้เขาเผลอสะดุ้งเล็กน้อย หันไปสบตากับเจ้าของมือที่มาเคาะกระจกแววตาฉงนระคนแปลกใจ ก่อนจะตัดสินใจลดกระจกลงเพื่อพูดคุยกับชายสูงวัยท่าทางดีแลดูภูมิฐานที่ก่อนหน้านั้นคอยเมียงมอง จดจ้องรถของเขาอยู่ครู่ใหญ่แล้ว
“สวัสดีครับ ผมพุฒิภาคย์ ศาตนันท์ครับ เป็นอาของเคเซีย พอดี...เอ่อ” ชายหนุ่มรีบแนะนำตัวทันทีเมื่อประเมินจากสายตาแล้วว่าบุคคลตรงหน้าอาจจะเป็นประมุขของบ้านหลังนี้ ด้วยชุดคลุมสีน้ำเงินเข้มสวมทับชุดนอนขายาวเป็นผ้าเนื้อดีสีเข้าชุดกัน หน้าตาละม้ายมีทรงคล้ายกับคนด้านข้างของเขาที่ยังคงนอนหลับไม่รู้สึกตัว
“ครับ ผมเป็นพ่อของหนูนาฬิรินทร์ นั่นน่าจะเป็นลูกสาวผมใช่มั้ย” สายตาคมมากประสบการณ์มองผ่านเข้าไปท่ามกลางความมืด เค้าโครงร่างของบุตรสาวแม้เพียงนิดเขาก็จดจำมันได้อย่างดี
“ใช่ครับ เธอกำลังหลับอยู่ ผมไม่กล้าปลุกเธอ”
“งั้นคุณช่วยขับรถเข้าไปจอดด้านในได้ไหม ผมจะอุ้มเธอลงมาเอง”
“ได้ครับ” เขารีบรับคำ และทันทีที่ได้ยินคำตอบ ประตูรั้วบานใหญ่ก่อนเปิดออกกว้างทันทีด้วยระบบอัตโนมัติที่เจ้าของบ้านเป็นคนกด รถยนต์หรูสัญชาติยุโรปขับเคลื่อนเข้าไปจอดด้านในเทียบประตูทางเข้าบานใหญ่ที่มีบันไดอยู่ถึงสามขั้น
“ให้ผมอุ้มไปส่งให้ดีกว่าไหมครับ” เขาเอ่ยอาสาเมื่อเห็นชายเจ้าของบ้านสืบเท้าเข้ามาใกล้ และตั้งท่าจะอุ้มบุตรสาวลงจากรถ ทว่าด้วยอายุที่มากกับสังขารที่เริ่มโรยราทำให้ดูเก้กังจนเขาไม่อาจทนเฉยได้
“นั่นสิคุณ ให้คุณเขาอุ้มยัยหนูขึ้นไปนอนเถอะ คุณเองก็ปวดหลังอยู่นะ จะอุ้มไหวได้ยังไง” คุณนิตย์รดีที่คอยเมียงมองอยู่ด้านในตัวบ้านเดินออกมาเอ่ยสำทับเมื่อเห็นท่าทีของผู้เป็นสามีก็นึกเป็นห่วงเพราะอาการบาดเจ็บเรื้อรังประกอบกับอายุที่มากโขแล้วด้วย
เมื่อได้ยินดังนั้นชายหนุ่มเพียงคนเดียวจึงเดินเข้ามาช้อนตัวหญิงสาวที่ยังคงหลับใหลไม่รู้สึกตัวด้วยฤทธิ์ของแอลกอฮอล์ที่ทานไป เดินตามฐากูรขึ้นไปยังชั้นบนที่เป็นห้องนอนของบุตรสาวเจ้าของบ้าน ชายหนุ่มวางร่างของหญิงสาวที่ยังคงอยู่ในห้วงนิทราด้วยท่าทางฝันดีลงไปยังเตียงหลังใหญ่ พลางกวาดสายตามองรอบห้องนอนแอบสำรวจรสนิยมของเจ้าของห้อง เห็นข้าวของที่หล่อนนิยมใช้ตกแต่ง ส่วนใหญ่เน้นคุมโทนสีขาว ของตกแต่งส่วนมากกระจุกกระจิจุ๋มจิ๋มไปทางน่ารัก อ่อนหวาน เหมือนกับเจ้าของ ของสะสมล้วนเป็นเหล่าบรรดาตุ๊กตาหลากหลายรูปแบบแปลกตาสำหรับเขา วางเรียงรายอยู่เต็มตู้โชว์
“ขอบคุณมากนะครับที่พาลูกสาวผมมาส่ง” ชายสูงวัยเอ่ยขอบคุณเมื่อพากันเดินออกมานอกห้องนอนของบุตรสาวเรียบร้อยแล้ว พลางมองสบตากับชายหนุ่มโดยไม่ลืมพิจารณารูปพรรณสัณฐาน หน้าตาบุคลิกของอีกฝ่ายไปด้วยความพึงพอใจอยู่ลึกๆ
“ไม่เป็นไรครับ ดึกมากแล้ว ผมคงต้องขอตัวกลับก่อนนะครับ”
“เดี๋ยวสิคะ อยู่นั่งเล่นจิบชาด้วยกันก่อนดีไหมคะ” คุณนิตย์รดีเอ่ยชวนเพราะอยากพูดคุยกับชายหนุ่มแปลกหน้าท่าทางดีที่เป็นคนมาส่งบุตรสาวจนลืมดูเวลา พุฒิภาคย์เหลือบสายตามองนาฬิกาเวลาเกือบเที่ยงคืนด้วยความลังเล และท่าทางคล้ายกระอักกระอ่วนทำให้ชายผู้มากประสบการณ์เอ่ยขัดภรรยาขึ้น
“คุณจะชวนเขาดื่มชาเวลานี้เนี่ยนะ มันดึกแล้วเกรงใจเขา”
“ไม่เป็นไรหรอกครับ ดื่มชาเล็กน้อยก็อาจทำให้สดชื่นขึ้นครับ” เขาไม่อยากทำให้คำชวนของอีกฝ่ายเสียน้ำใจจึงเอ่ยตกลงในที่สุด เขาเองก็ยังไม่ง่วงและไม่ได้มีอะไรให้ต้องรีบกลับนั่งต่ออีกสักหน่อยก็คงจะไม่เป็นอะไร
เมื่อได้ยินการตอบรับคำเชิญของชายหนุ่ม คุณนิตย์รดีก็รีบกุลีกุจอไปจัดชุดน้ำชาและของว่างสำหรับมื้อดึกเกือบทันทีด้วยความดีใจ เพราะอยากทำความรู้จักพูดคุยกับชายหนุ่มหน้าตาดี ดูสุขุมและสุภาพ เธอรู้สึกถูกชะตากับชายหนุ่มคนนี้มากกว่าแฟนของบุตรสาวที่เธอเคยพบปะเพียงครั้งสองครั้งนั่นเสียอีก
อดีตนายทหารยศนายพล บิดาของนาฬิริณทร์เป็นฝ่ายนำชายหนุ่มมานั่งรับรองในห้องรับแขกของบ้าน พลางสอบถามและ พูดคุยบางส่วนถึงได้รู้ว่าเขาเป็นนายแพทย์หนุ่มและเป็นเจ้าของโรงพยาบาลที่คนรักของลูกสาวทำงาน อีกทั้งยังเป็นลูกชายของคุณหญิงอำภาและอดีตนายทหารระดับพลเอก มีตำแหน่งสูงสุดของสายงาน พลเอกบรรทัด ศาตนันท์ และนามสกุลนี้ทำให้รู้ว่าเขาเป็นถึงทายาทเจ้าของธุรกิจใหญ่มากมายในประเทศ ทั้งธุรกิจเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ โครงการหมู่บ้านจัดสรร ธุรกิจโรงแรมยักษ์ใหญ่ที่มีสาขาอยู่อีกหลายประเทศ รวมทั้งโรงพยาบาลและธุรกิจอื่นๆ เกี่ยวกับเครื่องอุปโภคและบริโภคที่ครอบครัวนี้บริหารอยู่ซึ่งเขาเคยรับรู้ผ่านข่าวสารทางหน้าหนังสือพิมพ์และติดตามข่าวทางโทรทัศน์มาบ้าง เพียงเท่านี้ก็ทำให้คุณนิตย์รดี อดีตอาจารย์มหาวิทยาลัยถึงกับอึ้งพูดไม่ออกไปทันที เธอรู้จักเพื่อนสนิทของบุตรสาวแต่ก็ไม่ได้รู้ลึกซึ้งว่าครอบครัวของอีกฝ่ายประกอบอาชีพอะไรรู้เพียงว่าครอบครัวทำธุรกิจเพียงเท่านั้น บุตรสาวก็ไม่เคยโอ้อวดว่าเป็นเพื่อนกับคนระดับไหน
“เอ่อ...ฉันต้องขอบคุณ คุณพุฒิภาคย์มากเลยนะคะ ที่อุตส่าห์มาส่งลูกสาวดิฉันถึงบ้าน ขอบคุณมากจริงๆ ค่ะ” เมื่อได้พูดคุยถามไถ่เรื่องสัพเพเหระอื่นๆ พอหอมปากหอมคอแล้ว เห็นควรแก่เวลาที่เหมาะสม ประกอบกับเวลาที่ค่อนข้างดึกมาก หากเขาจะนั่งคุยต่อนานอีกนิดก็จะดูไม่ควร เขาจึงเอ่ยลาในที่สุด คุณนิตย์รดีกับอดีตนายทหารผู้เป็นสามีจึงเอ่ยขอบคุณเขาอีกครั้งเมื่อเดินเคียงคู่กันออกมาส่งชายหนุ่มขึ้นรถ สายตาที่ทั้งคู่มองชายหนุ่มมีแต่ความเอ็นดูและพึงพอใจอยู่ไม่น้อยที่ลูกสาวได้รู้จัก และสนิทสนมกับอีกฝ่าย หากในอนาคตจะได้มีโอกาสใกล้ชิดกันมากขึ้นพวกเขาก็ยินดีอยู่ไม่น้อย ทว่าตอนนี้จะแสดงท่าทีมากมายอะไรก็คงไม่ได้ เพราะยังคิดว่าบุตรสาวยังมีคนรักอยู่จะไปหักหาญน้ำใจให้เลิกรากันและสนับสนุนให้คบหากับชายหนุ่มตรงหน้าก็คงไม่ควร
“ไม่เป็นไรครับ ไว้มีโอกาสหน้าผมจะแวะมาเยี่ยมอีกครั้งนะครับ” ชายหนุ่มยกมือไหว้ลาผู้ใหญ่ทั้งสองก่อนจะขึ้นรถยนต์คันหรูขับออกไป
“ฉันถูกใจพ่อหนุ่มคนนี้จริงๆ เลยค่ะคุณ เสียดายยัยหนูไม่น่ามีแฟน ไม่งั้นฉันจะเชียร์คนนี้”
“เถอะน่าคุณ ของแบบนี้มันแล้วแต่บุญพาวาสนานะ ถ้าเขาไม่ใช่คู่กันยังไงเราก็คงทำอะไรไม่ได้มากกว่านี้หรอก”
“นั่นสิคะ” ภรรยาตอบรับผู้เป็นสามีก่อนจะพากันเดินกลับเข้าบ้านเพื่อกลับขึ้นไปพักผ่อนเพราะเวลาที่ล่วงเข้าวันใหม่มาเกือบชั่วโมงแล้ว