โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่ 12
หลังจากทานข้าวเที่ยงเสร็จพุฒิภาคย์ยังต้องเคลียร์งานต่ออีกเล็กน้อย ก่อนจะพาหญิงสาวมายังห้างสรรพสินค้าที่เป็นหนึ่งในธุรกิจที่ครอบครัวเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ เลือกซื้อชุดสำหรับใส่ไปเที่ยวดำน้ำด้วยกันสุดสัปดาห์นี้
“แด๊ดดี้ได้บอกเซียลหรือยังคะ เรื่องของเรา” ร่างเล็กเอ่ยถามขณะที่เดินจูงมือชายหนุ่มเดินเล่นภายในห้าง
“ยังครับ พี่คิดว่าหนูบอกไปแล้ว”
“ยังไม่มีโอกาสบอกเหมือนกันค่ะ” หญิงสาวหัวเราะคิกคักอย่างมีความสุข เพราะตั้งแต่ได้พูดคุยได้ปรับเปลี่ยนสถานะกันเธอยังไม่ได้คุยกับใครเลยนอกจากชายหนุ่มข้างกายเธอ สมองของเธอตอนนี้เลยไม่ทันได้คิดถึงเรื่องอื่นๆ รวมไปถึงโทรไปบอกเพื่ออัพเดทความสัมพันธ์ให้กับแม่สื่อตัวดีได้รับรู้
“งั้นเราค่อยบอกตอนไปเที่ยวด้วยกันดีมั่ยคะ จะได้เซอร์ไพรส์ยัยเซียลด้วย”
“อย่างนั้นก็ได้ครับ”
นาฬิริณทร์เลือกชุดว่ายน้ำสำหรับใส่ดำน้ำไว้หลายแบบ โดยเป็นชุดเวทสูทสีดำแขนยาวขายาวหนึ่งชุดและแบบบอดี้สูทสีดำแขนยาวอีกหนึ่งชุด แต่เธอก็ยังไม่แล้วใจสายตาเหลือบไปเห็นชุดว่ายน้ำแบบทูพีชที่เธอไม่เคยได้มีโอกาสใส่เลยสักครั้งเพราะมันค่อนข้างโป๊เกินไปสำหรับเธอ แต่ตอนนี้เธออยากจะลองสวมมันเพื่อเอาใจใครบางคนที่กำลังก้มหน้าก้มตาอยู่กับโทรศัพท์มือถือ
“จะเข้าไปลองดูก่อนไหมคะ” พนักงานที่คอยบริการอยู่ใกล้ๆ เอ่ยขึ้น เมื่อเห็นท่าทางคล้ายกับลังเลของหญิงสาว เธอหยิบมาดูหลายชุดแต่ก็แขวนกลับเข้าตามเดิม ทำอยู่อย่างนั้นหลายครั้ง
“อ่อค่ะ...งั้นขอลองทั้งหมดนี่เลยนะคะ” เธอรวบชุดว่ายน้ำที่เธอเลือกไว้ก่อนหน้าเข้ามากอดไว้ก่อนจะเดินหายเข้าไปยังห้องลองเสื้อผ้าที่อยู่ไม่ไกลนัก
หญิงสาวหยิบมาลองใส่หลายชุดแต่ก็ยังไม่มั่นใจเท่าไหร่และไม่รู้ว่าควรจะเลือกแบบไหนถึงจะเหมาะ ครั้นจะออกไปเรียกชายหนุ่มให้เข้ามาช่วยดู เธอก็อายเกินกว่าที่จะให้เขาเห็นรูปร่างของเธอในตอนนี้ได้ คิดอยู่นานจนสุดท้ายจึงหยิบโทรศัพท์กดวีดีโอคอลหาเพื่อนรักทันที รอสายเพียงไม่นานอีกฝ่ายก็กดรับสาย
“ว่าไงจ๊ะ อุ้ย! นี่เธออยู่ไหนเนี่ยกำลังลองชุดว่ายน้ำอยู่หรอ” พริบพราวเพื่อนสนิทอีกคนร้องถามอย่างแปลกใจเมื่อเห็นชุดที่เพื่อนกำลังสวมใส่อยู่ค่อนข้างแปลกตาจากสไตล์เดิมของเพื่อนอยู่มาก
“ว้าว!!ใส่บิกินี่ด้วย จะเปลี่ยนเป็นสาวแซบเหมือนยัยเซียลหรือไง”
“แค่อยากลองดู เป็นไงสวยมั่ย” ร่างเล็กถอยหลังออกห่างจากโทรศัพท์เล็กน้อยก่อนจะหมุนตัวไปมาให้เพื่อนได้ดูชัดขึ้น
“สวยยยมากแม่ สวยแซบไปเลยชุดนี้ นี่เธอซ่อนรูปมากนะยะฉันเห็นแล้วยังหิวเลยเนี่ย”
“หิวอะไรยะ พูดจาน่าเกลียด”
“หิวซุปหมาล่า! เผ็ดขนาดนี้ขอพริกทั้งไร่เลยได้มั่ย ฮ่าๆ”
“กรีสหวีดว้ายอะไรเสียงดังห๊ะ” เสียงหวานคุ้นหูดังแทรกขึ้นก่อนจะชะโงกใบหน้าเข้ามาร่วมเฟรมด้วยความสนใจ จนนาฬิริณทร์ถึงกับสะดุ้งเมื่อรู้ว่าพริบพราวไม่ได้อยู่คนเดียวอย่างที่คิดไว้เอ่ยขึ้นเสียงแผ่ว
“อ้าวนี่อยู่ด้วยกันหรอ”
“อืม แวะมานอนเล่นกับยัยพราว...เดี๋ยวนะนี่ซื้อชุดสำหรับใส่ไปเที่ยววันศุกร์นี้ใช่มั้ย ฮั่นแน่! ทำไมไม่ชวนฉันห๊ะ!”
“มันฉุกละหุก พอดีผ่านก็เลยมาลองดู นี่ๆ ช่วยดูก่อนว่าใส่แล้วเป็นไง โป๊มากมั่ย” หล่อนอ้อมแอ้มแก้ตัวเสียงเบาก่อนจะเบี่ยงประเด็นให้อีกฝ่ายกลับมาสนใจชุดที่เธอใส่อยู่เป็นชุดว่ายน้ำแบบทูพีชสีเหลืองอ่อนแต่ค่อนข้างเปรี้ยวด้วยดีไซน์บริเวณหน้าอกที่มีเชือกเล็กๆ ผูกเชื่อมกัน เพียงแค่ดึงเบาๆ ชุดก็สามารถหลุดออกจากตัวได้ง่ายๆ แถมยังผูกที่บริเวณด้านข้างของกางเกงว่ายน้ำทั้งสองด้านอีกด้วย
“สายแบบนี้มันคล้องคอได้ด้วยใช่มั้ย”
“อืมๆ ใช่ เอามาผูกคล้องคอได้”
“งั้นผ่าน!!” เคเซียออกความคิดเห็นเสียงดังฟังชัด จนพริบพราวที่นั่งอยู่ข้างๆ ถึงกับหัวเราะร่วน
ก๊อก ก๊อก
“เฟย์ครับ ลองเสร็จหรือยัง มีปัญหาอะไรหรือเปล่า ให้พี่ช่วยดูให้มั่ย”
ยังไม่ทันให้เธอได้พูดอะไรเสียงเคาะประตูห้องก็ดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ้มคุ้นหูที่ทำให้หญิงสาวถึงกับชะงักงันนิ่งค้างไปทันที เมื่อเทียบกับอีกสองสาวที่อยู่ในสายโทรศัพท์ ที่นิ่งเงียบเพื่อตั้งใจฟังก่อนจะร้องโวยวายออกมาเมื่อเคเซียจำน้ำเสียงของใครอีกคนได้
“นั่นเสียงอาภาคย์นี่!! นี่เธออยู่กับอาภาคย์หรอเฟย์!!” เสียงร้องโวยวายของปลายสายทำให้หญิงสาวถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจ อารามรีบคิดอะไรไม่ทันทำให้มือกดตัดสายไปทันทีพร้อมกับเดินไปเปิดประตูห้องอย่างลืมตัว
แต่เมื่อเห็นสายตากรุ่มกริ่มของอีกฝ่ายที่จ้องมองเธอกลับมา ก็ทำให้ระลึกได้ว่าตนเองอยู่ในชุดที่ค่อนข้างล่อแหลมพอสมควรจึงรีบกระโดดหลบซ่อนตัวจากหลังประตูแทน
“เอ่อ…พี่เห็นหายเข้ามานาน เลยคิดว่าชุดมีปัญหาอะไรหรือเปล่า ให้พี่ช่วยดูนะครับ” แต่ยังไม่ทันที่เธอจะได้ตอบรับหรือปฏิเสธร่างสูงก็สอดแทรกตัวเข้ามาในห้องทันที พร้อมกับปิดประตูเรียบร้อย
สายตาแพรวพราว กรุ่มกริ่มที่เธอไม่ค่อยได้เห็นจ้องมองหญิงสาวไม่วางตา
“ทำไมพี่...เอ่อแด๊ดดี้ยืนจ้องหนูแบบนั้นละคะ หนูเขินนะ”
“บี๋จะซื้อชุดนี้ด้วยหรอคะ” ร่างสูงถามเสียงแปร่งพร่า ขยับเท้าเข้ามาหาจนกลายเป็นยืนชิดกัน มือใหญ่ดึงรั้งหญิงสาวเข้ามากอดจนร่างบางที่ยังไม่ทันได้ตั้งตัวเสถลาเข้าไปหาทันที
“อ๊ะ!!แด๊ดดี้!!”
“ว่าไงคะจะซื้อชุดนี้ไปด้วยหรอ” มืออุ่นที่สัมผัสกับผิวกายบริเวณช่วงเอว พลางลูบไล้เนื้อเนียนเปลือยเปล่าไปด้วยทำให้เลือดในกายของนาฬิริณทร์สูบฉีด. หัวใจเต้นแรงเพราะไม่ค่อยถูกใครสัมผัสถึงเนื้อถึงตัวแบบนี้มาก่อน แม้จะผ่านความสัมพันธ์ทางการยที่ลึกซึ้งมาแล้ว แต่เพราะตอนนั้นสติสัมปชัญญะของเธอมันไม่ได้ครบถ้วนเช่นตอนนี้
“ค่ะ เฟย์ใส่ได้ใช่มั่ยคะ”
“แต่มันโป๊นะคะ” นายแพทย์หนุ่มไม่พูดปากเปล่ามือหนาก็ลูบไล้เรือนร่างของหญิงสาวไปด้วย ก่อนจะโอบกระชับวงแขนแน่นขึ้น สายตาที่มองหญิงสาวแพรวพราวจนใจเธอสั่นระรัว ก่อนที่เจ้าของใบหน้าหล่อเหลาจะโน้มเข้าไปประกบจูบริมฝีปากอวบอิ่มสีชมพูระเรื่อ มือหนาที่ลูบไล้กอดกระชับแน่น ปลายลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าไปตวัดหยอกล้อสลับกับดูดดื่มน้ำหวานอย่างอ่อนโยน รสจูบให้ความรู้สึกหอมหวานของกลิ่นมินต์ทำให้รู้สึกถึงความวาบหวานและสดชื่นในคราวเดียวกัน ร่างเล็กแทบจะหลอมละลายไปกับรสจูบของเขา มือที่ก่อนนี้จับบ่าของเขาไว้กลับโอบรอบลำคอของเขาเพื่อรับจูบที่เขามอบให้ เนิ่นนานหลายนาทีกว่าที่เขาจะทอดถอนริมฝีปาก จนเธอแทบจะหมดลมหายใจ
“อื้ออออ พี่ภาคย์” เสียงหวานครางเรียกชื่อเขาเสียงแปร่งพร่า
“ว่าไงคะ” ประโยคตอบรับ น้ำเสียงแผ่วเบาแต่นุ่มละมุนหูทำให้คนฟังถึงกับหน้าแดงไม่กล้าสบตาตรงๆ
“ปล่อยเฟย์ก่อนสิคะ”
“สรุปจะซื้อชุดนี้ใช่มั่ยคะ” เขาถามย้ำอีกครั้ง สายตาก้มมองชุดที่หญิงสาวสวมใส่
“ได้ไหมคะ” เธอย้อนถาม สายตาเสมองไปทางอื่นไม่กล้าสบตาเขาตรงๆ
“ได้ค่ะ แต่ใส่ได้เฉพาะตอนอยู่กับพี่เท่านั้นนะ”
“หื้อ...ถ้าใส่กับเซียลละคะได้มั่ย”
“หึหึ น่าจะได้นะ”
เสียงโทรศัพท์ที่ดังต่อเนื่องติดๆ กันหลายสาย แต่เจ้าของเครื่องก็ยังไม่คิดที่จะกดรับ พลางชำเลืองสายตามองคนรักที่นั่งมองอยู่ก่อนแล้ว หลังจากเดินชอปปิ้งจนได้ของตามที่ต้องการทั้งคู่จึงมานั่งเล่นแก้เหนื่อยในร้านไอศครีมชื่อดัง
“ทำไมไม่รับละครับ”
“หนูไม่รู้จะคุยกับเซียลยังไง” ป่านนี้เพื่อนสาวของเธอคงทั้งว้าวุ่น งุ่นง่านและพร้อมกับคำถามมากมายที่จะคาดคั้นเธอ และคงกำลังรอที่จะโวยวายใส่เธอแล้วแน่ๆ หากเธอกดรับสาย
นายแพทย์หนุ่มส่ายหน้าเล็กน้อย เขาไม่เห็นด้วยกับวิธีหนีปัญหาของเธอเท่าไหร่ จึงเอื้อมมือมาหยิบโทรศัพท์จากมือของหญิงสาวไปกดรับสายเสียเอง
“ว่าไงยัยเซียล”
“ห๊ะ ทำไมๆๆๆ ทำไมอาภาคย์เป็นคนรับสายล่ะคะ เซียลโทรหาคาเฟย์ไม่ใช่หรอ นี่อาอยู่กับเพื่อนหนูหรอ ทำไมอยู่ด้วยกันละคะแล้วตอนนี้อยู่ที่ไหน” คำถามระรัวของอีกฝ่ายทำให้พุฒิภาคย์หัวเราะเบาๆ พลางนึกไปถึงสีหน้าของหลานสาวตอนนี้คงจะนั่งไม่ติดเป็นแน่
“หึหึ ให้อาตอบคำถามไหนก่อนล่ะ ถามเร็วขนาดนี้” เขาถามกลับด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี ขบขันกับท่าทีร้อนรนของหลานสาว นี่คงอยากรู้เรื่องของเขามากเลยสินะ
“ตอบคำถามไหนก่อนก็ได้ค่ะ เหมือนกัน” ทันทีที่รู้ว่าอาหนุ่มของตนเองอยู่กับเพื่อนสนิท ก็รีบกดเปิดวีดีโอคอลทันที
“อยู่ห้างดิไอคอนของบ้านเรานี่ล่ะ” ห้างดิไอคอนเป็นธุรกิจที่ครอบครัวของพี่ชายเขาที่เป็นหุ้นส่วนใหญ่ของที่นี่ ซึ่งก็คือคุณภูมิ ศาตนันท์ บิดาแท้ๆ ของเคเซียหลานสาวของเขานั่นเอง
“งื้อๆ ทำไมทั้งคู่อยู่ด้วยกันละคะ ยังไม่ตอบเซียลเลยนะ” พุฒิภาคย์อมยิ้มเล็กน้อยก่อนจะลุกจากเก้าอี้ที่นั่งสลับไปนั่งข้างๆ คนรัก พลางยกมือขึ้นโอบกระชับไหล่หญิงสาวแทนคำตอบ
“นี่ๆๆๆ อย่าบอกนะ....ว่า” เคเซียเบิกตากว้าง แทบไม่เชื่อสายตาตนเองเลยสักนิดจนต้องลองขยี้ตาดูสองสามครั้งให้มั่นใจว่าภาพที่เห็นผ่านจอโทรศัพท์มือถือไม่ใช่ภาพลวงตา
“อื้อ... เราคบกับอาภาคย์แล้ว” นาฬิริณทร์เป็นคนบอกแทน ด้วยใบหน้าแดงก่ำ ทั้งเขินทั้งอายเพื่อนสนิทของตนเองที่ไปแอบงุบงิบคบหาโดยไม่ได้บอกเล่าให้เพื่อนสนิททราบ
“เมื่อไหร่!!!!!!!” สองสาวที่นั่งอยู่ด้วยกันตะโกนออกมาแทบจะพร้อมกัน จนนาฬิริณทร์ต้องรีบยกนิ้วชี้แนบที่ปาก พร้อมกับปรามเพื่อน
“จุ๊ๆ เบาๆ สิ จะตกโกนเสียงดังทำไม อายเขา”
“เมื่อไหร่!” เคเซียยังคงถามซ้ำ
“เมื่อคืนนั้นนะล่ะ”
กรีสสสสส!!!! เซียลนึกไว้อยู่แล้วเชียว” เคเซียว่าอย่างชอบใจ พลางหัวเราะลั่นหันไปกรี๊ดกร๊าดกับพริบพราว จนนาฬิริณทร์ต้องเป็นฝ่ายกดวางสายไป ตั้งใจเอาไว้ว่าเดี๋ยวกลับถึงบ้านแล้วถึงจะโทรกลับไปเม้าท์กับเพื่อนใหม่อีกครั้ง
“เซียลชอบเล่นใหญ่เสมอเลยนะคะ” เธอหันมาบ่นกับชายหนุ่มด้วยสีหน้าเปื้อนยิ้ม ก่อนจะหันมาให้ความสนใจกับไอศกรีมที่พนักงานยกมาเสิร์ฟแทน