โปรดแค่ไหน...คุณก็ไม่รัก ตอนที่ 11
ห้องทำงานของท่านประธานกรรมการอยู่บนชั้นสิบห้า นาฬิริณทร์ต้องเดินมาแลกบัตรตรงจุดแลกถึงจะเดินเข้าไปใช้ลิฟต์สำหรับผู้บริหารโดยเฉพาะได้ หางตาของเธอเหลือบไปเห็นอดีตคนรัก กำลังก้าวเท้ายาวๆ มาทางนี้พอดี แต่ประตูลิฟต์ก็ถูกปิดเสียก่อน หญิงสาวลอบถอนหายใจอย่างโล่งอกเพราะไม่อยากที่จะข้องเกี่ยวกับเขาคนนั้นอีกแม้เพียงแค่หายใจร่วมกันอีกสักนิดเธอก็ไม่ต้องการ
ร่างเล็กมาถึงยังชั้นที่ต้องการ ก่อนจะเดินมาตามทางที่คิดว่าน่าจะเป็นทางไปห้องทำงานของคนรัก ประตูไม้สักบานใหญ่มีป้ายชื่อท่านประธานกรรมการติดอยู่ทำให้หญิงสาวยิ้มออก โล่งใจว่าเธอเดินมาถูกทาง แต่ก็ต้องหยุดอยู่ตรงหน้าห้องเมื่อหญิงสาวหน้าตาดีเอ่ยเรียกเธอไว้ก่อน
“เดี๋ยวค่ะยังเข้าไปไม่ได้นะคะ ไม่ทราบว่านัดท่านไว้หรือเปล่าคะ”
“นัดไว้ค่ะ คุณพุฒิภาคย์บอกให้ฉันเข้าไปหาได้เลยถ้ามาถึง” เธอจะไม่แคลงใจเลยสักนิดหากน้ำเสียงและสีหน้าท่าทางของอีกฝ่ายที่ใช้พูดกับเธอ สายตาคล้ายดูแคลนที่ใช้มองเธอตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า สุ้มเสียงไม่เป็นมิตรทำให้หญิงสาวรู้สึกไม่สบอารมณ์เช่นกัน
“เหรอคะ แต่ท่านไม่ได้แจ้งให้ดิฉันทราบนะคะว่าจะมีใครมาเข้าพบ ฉันว่าคุณควรนั่งรออยู่ตรงนั้นก่อนดีกว่านะคะ เดี๋ยวดิฉันจะแจ้งให้ท่านทราบ...ว่าแต่คุณชื่ออะไรคะ”
“นาฬิริณทร์ค่ะ หรือว่าคาเฟย์” ชื่อไม่คุ้นหูเธอเลยสักนิด เลขาหน้าห้องนึกอยู่ในใจ และก็ไม่คิดที่จะแจ้งให้ผู้เป็นนายทราบอย่างที่แจ้งกับหญิงสาว จนเวลาล่วงเลยผ่านไปร่วมหนึ่งชั่วโมงเสียงโทรศัพท์จึงดังขึ้นที่เครื่องของนาฬิริณทร์ เมื่อเห็นชื่อว่าเป็นใครเธอจึงรีบกดรับทันที
“ค่ะพี่ภาคย์”
“อยู่ไหนละครับ ทำไมไปซื้อกาแฟนานจัง”
“อยู่หน้าห้องพี่ภาคย์ค่ะ เลขาของพี่ ให้เฟย์รออยู่ที่หน้าห้อง”
“ว่าไงนะครับ!!” ปลายสายตอบรับเสียงดังอย่างแปลกใจ ก่อนจะกดตัดสายไปทันที ไม่ถึงนาทีที่ประตูบานใหญ่ก็ถูกเปิดออกด้วยฝีมือของเจ้าของห้อง ใบหน้าหล่อเหลาเคร่งขรึม สีหน้าเรียบนิ่งแต่ฉายความไม่พอใจทันทีก้าวออกมา น้ำเสียงเข้ม
“คุณลลิตา ทำไมมีคนมาหาผมถึงไม่แจ้ง แล้วไม่เชิญให้เข้าไปครับ”
“คะ...คือ เอ่อ ดิฉันขอโทษค่ะ ดิฉันไม่ทราบ” พุฒิภาคย์ตวัดตามองอย่างไม่พอใจไม่อยากรอฟังคำแก้ตัว ครั้งนี้เขาจะคาดโทษเอาไว้ก่อนหากมีครั้งหน้าอีกเห็นทีเขาคงจะต้องพิจารณาเปลี่ยนเลขาหน้าห้องใหม่มาทำหน้าที่แทน ก่อนจะเดินเข้าไปหาหญิงคนรักที่ลุกขึ้นยืนทันทีที่เข้าก้าวมาหา
“กาแฟของพี่ภาคย์ละลายหมดแล้ว ให้เฟย์ลงไปซื้อให้ใหม่มั่ยคะ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เดี๋ยวพี่ให้เลขาลงไปซื้อให้ใหม่ เข้าไปนั่งเล่นข้างในดีกว่านะ พี่ใกล้เคลียร์งานเสร็จแล้ว” เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนก่อนจะจับจูงมือเพื่อที่จะพาเดินกลับเข้าไปในห้องทำงาน
“เดี๋ยวคุณลงไปซื้อกาแฟให้ผมใหม่ แล้วต่อไปนี้ให้คุณจำไว้ นี่คุณนาฬิริณทร์เป็นแฟนของผม ครั้งหน้าถ้าเธอมาให้เข้าไปรอในห้องผมได้เลยไม่ต้องแจ้งให้ผมทราบ”
“ได้ค่ะท่าน” สายตาที่มองอย่างคาดโทษทำให้ลลิตาเพียงแต่ก้มหน้านิ่งรับคำเสียงเบาอย่างลุแก่โทษของตนเองดี
“เที่ยงนี้อยากทานอะไรดีครับ หรือว่าจะออกไปทานข้างนอกแต่อาจต้องรอหน่อยนะ เพราะพี่ยังมีเอกสารที่ต้องเซ็นอ**บางส่วน” นายแพทย์หนุ่มโอบเอวบางพาเดินไปนั่งที่โซฟา ก่อนจะหันไปสนใจขนมที่หญิงสาวซื้อติดมือขึ้นมาด้วย
“ทานที่นี่ก็ได้ค่ะ จะได้ไม่เสียเวลางาน...นี่แซนวิชทานรองท้องก่อนนะคะ” หญิงสาวหยิบแซนวิชปูอัดไข่กุ้งให้กับชายหนุ่มที่รับมาแกะทานทันที
“เอ่อ...พี่ภาคย์คะ หนูถามอะไรได้ไหม”
“ครับ”
“เลขาคนเมื่อกี้ทำงานให้พี่ภาคย์นานแล้วหรอคะ”
“ก็หลายปีแล้วนะ ทำไมหรอครับ”
“เอ่อ...ไม่รู้สิคะ ดูเหมือนเธอจะไม่ชอบเฟย์”
“ครับ เดี๋ยวพี่จะจัดการให้ ไม่ต้องห่วงนะ” มือใหญ่ลูบศีรษะของเธอเบาๆ คล้ายปลอบประโลมก่อนที่ร่างเล็กจะโน้มตัวเข้าไปซบอย่างออดอ้อนเขาเองจึงโอบกอดหญิงสาวเอาไว้
“พี่เพิ่งรู้ว่าหนูขี้อ้อนขนาดนี้”
“เป็นแค่กับแด๊ดดี้คนเดียวเท่านั้นค่ะ” ชายหนุ่มยิ้มกริ่มอย่างพอใจในคำตอบ กดจูบที่หน้าผากของหญิงสาว
นายแพทย์หนุ่มใช้เวลาอยู่กับคนรักร่วมสิบนาทีเสียงเคาะประตูจึงดังขึ้น ทว่าหญิงสาวกลับกอดรัดชายหนุ่มแน่นขึ้นไม่ยอมปล่อย ใบหน้าแนบซบกับอกกว้างอย่างออดอ้อนรอจนเขาเชิญให้อีกฝ่ายเข้ามา
“ขออนุญาตค่ะ กาแฟที่ท่านประธานสั่งได้แล้วค่ะ” ลลิตาเลขาหน้าห้องเดินเข้ามาพร้อมกับกาแฟจากร้านดังร้านเดียวกับที่เธอซื้อเอาเข้ามาเสิร์ฟ สายตาที่มองส่งมาที่เธอไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่นัก เดาได้ไม่ยากว่าที่อาการเธอเป็นแบบนี้คงจะเป็นเพราะแอบหลงรักแฟนเธออยู่เป็นแน่
“แด๊ดดี้คะ เฟย์อยากทานมะม่วงกับฝรั่ง แล้วก็ชานมไข่มุกด้วยค่ะให้เลขาแด๊ดดี้ไปซื้อให้หนูหน่อยได้ไหมคะ”
“ได้ครับ คุณลลิตา ช่วยจัดการให้ทีนะครับ” พุฒิภาคย์ตอบรับเสียงนุ่ม ก่อนจะหันไปสั่งเลขาของเขาด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม
“ได้ค่ะ” แม้จะตอบรับด้วยน้ำเสียงสุภาพแต่เธอก็รับรู้ได้ว่าอีกฝ่ายไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด สายตาที่ลอบมองมาที่เธอเต็มไปด้วยความชอบใจ
“ร้ายไม่เบาเลยนะ” ชายหนุ่มสัพยอกไม่จริงจังนัก ก่อนจะกดจมูกไปที่เรือนผมของหญิงสาวสูดความหอมเต็มปอด ร่างเล็กหัวเราะเบาๆ อย่างชอบใจก่อนจะยื่นหน้าไปจุ๊บที่ปลายคางของชายหนุ่ม การถูกรักถูกชอบมันมีความสุขแบบนี้นี่เอง
โรงอาหารสำหรับพนักงานและบุคลากรทางการแพทย์อยู่บริเวณชั้นสิบ พุฒิภาคย์เดินนำหญิงสาวเข้ามาเลือกโต๊ะที่อยู่บริเวณด้านใน โดยสายตาของทุกคนลอบมองมาอย่างสนใจ เพราะไม่บ่อยเลยที่ประธานของพวกเขาจะพาใครมาทานข้าวด้วยแบบนี้
“อยากทานอะไรครับ”
“ข้าวขยำแมวปลาทูร้านนั้นได้มั่ยคะ เห็นแล้วน่าทานมากเลย”
“ได้ครับ งั้นนั่งรออยู่ตรงนี้นะ เดี๋ยวพี่จัดการให้” พุฒิภาคย์เดินไปยังร้านที่หญิงสาวบอกก่อนจะสั่งเมนูที่เธอต้องการมาทั้งสองจาน โดยมีน้ำซุปเพิ่มเข้ามาอีกสองถ้วย น้ำพริกกะปิถ้วยเล็กพร้อมกับไข่เจียวร้อนๆ อีกจานใหญ่
“น่าทานจังเลยค่ะ ทานแบบนี้ทุกวันสงสัยน้ำหนักต้องขึ้นแน่ๆ”
“ไม่ขึ้นหรอกครับ ทานเยอะยังไงก็ต้องออกกำลังกายอยู่ดีจริงไหม”
“แฮ่ๆ จริงค่ะ แต่เฟย์ไม่ค่อยชอบแบบออกแรงนะคะ แต่ถ้าดูคลิปเฉยๆ พอได้”
“หึหึ แต่พี่มีวิธีแบบออกแรงนะครับ รับรองหนูต้องชอบแน่ๆ” เป็นครั้งแรกเลยก็ว่าได้ที่เธอได้เห็นสายตากรุ่มกริ่มแฝงไปด้วยความทะเล้นของชายหนุ่มจนทำให้เธอรู้สึกเขินขึ้นมาเสียอย่างนั้น
“บ่ายนี้อยากไปไหนครับ”
“ไปดูชุดว่ายน้ำกันมั่ยคะ ที่จะไปเที่ยวด้วยกันวันศุกร์นี้”
“ตกลงครับ” ทั้งคู่พูดคุยหยอกล้อ ผลัดกันดูแลตักอาหารให้กัน
จนเวลาผ่านไปสักพักอาหารในจานพร่องจนเกือบหมด มื้อที่แสนหวานก็เป็นอันต้องสะดุด เมื่อสายตาของหญิงสาวเหลือบไปเห็นร่างสูงของใครบางคนเดินเคียงคู่มากับนายแพทย์หญิงอีกคนที่ค่อนข้างคุ้นตาเธอเป็นอย่างดี
สายตาโกรธเคืองฉายชัดในแววตาคู่สวยเพียงแค่แวบเดียวก่อนจะหายไปเมื่อเธอหันมาสบตากับชายหนุ่มตรงหน้า นายแพทย์หนุ่มเหลือบหันไปมองตามสายของเธอ ก่อนจะเห็นว่าเป็นนายแพทย์ภวินทร์และแพทย์หญิงพราวมุกเดินเคียงคู่กันข้าวมาในโรงอาหาร
“เป็นอะไรครับ” แม้จะรู้อยู่แก่ใจดี แต่เขาก็ยังคงแกล้งถาม
“เปล่าค่ะ ไม่มีอะไร ทานเสร็จแล้วเราไปกันเลยมั่ยคะ” เธอไม่อยากอยู่ตรงนี้แล้ว ไม่อยากรับรู้ ไม่อยากเห็นและไม่อยากพูดคุยทักทายคนทั้งคู่ ทว่าเมื่อนายแพทย์หนุ่มผู้มีศักดิ์เป็นถึงประธานกรรมการบริหารลุกขึ้นยืนแล้วเดินมาจูงมือหญิงสาว เป็นเวลาเดียวกับที่คนทั้งคู่หันมาเห็นพอดี ครั้นที่พวกเขาจะเลี่ยงไม่เข้ามาทักทายผู้บริหารก็คงจะเสียมารยาท
ภวินทร์และพราวมุกจึงเดินเข้ามาหาเพื่อทักทายโดยที่สายตาของทั้งคู่มองไปยังหญิงสาวที่ยืนอยู่ข้างกายทั้งตกตะลึง แปลกประหลาดใจและสนใจในคราวเดียว โดยเฉพาะภวินทร์มองไปยังมือที่เกาะกุมกันอยู่ แววตาวาวโรจน์แสดงออกถึงความไม่พอใจฉายชัดออกมาหากแต่ก็ต้องรีบกักเก็บอารมณ์ขุ่นมัวนั้นไว้ คิดย้อนไปถึงวันที่เขาเจอเธอกับนายแพทย์พุฒิภาคย์ที่ร้านกาแฟวันนั้นก็พอจะเข้าใจอะไรบางอย่าง
“ผมคงต้องขอตัวก่อนนะครับ ผมมีธุระต้องรีบไปทำ” หลังจากพูดคุยไม่กี่ประโยคพุฒิภาคย์จึงเอ่ยเพื่อจะขอแยกตัวไป
“ครับ ถ้าอย่างนั้นผมไม่รบกวนเวลาแล้วนะครับ” ภวินทร์ก้มโค้งเล็กน้อย ก่อนจะหลบให้คู่รักเดินผ่านหน้าเขาไป
ภวินทร์มองตามคู่รักที่เพิ่งจูงมือผ่านหน้าไปด้วยแววตาขุ่นเคือง ทั้งโกรธทั้งเสียดาย ที่เห็นอดีตคนรักมีคนรักใหม่ไวขนาดนี้ แถมยังดูดีกว่าเขามากหลายเท่า ทั้งที่ๆ เมื่อก่อนหล่อนออกจะคลั่งรักเขาขนาดนั้น ทั้งวิ่งไล่ตาม คอยหาข้าวหาน้ำให้เขาตลอดเวลาอย่างกับสุนัขวิ่งตามเจ้าของ มิหนำซ้ำผู้ชายคนใหม่ยังเป็นถึงประธานกรรมการบริหารโรงพยาบาลที่เขาทำงานอยู่ นั่นเท่ากับว่าเธอไปได้ดียิ่งกว่าตอนคบหากับเขา แถมยังดูแลตัวเองจนดูสวยสะพรั่งยิ่งกว่าเดิม จนนึกอยากได้กลับคืน แต่ก็ได้แค่คิดอยู่ในใจเพียงนั้น เพราะความเป็นจริงมันงไม่สามารถทำอะไรได้อีกแล้ว