LAST LOVE : 12

2081 Words
@กรุงเทพมหานคร หลังจากเครื่องลงจอดสนิท ผู้ชายที่ต้องจำใจร่วมการเดินทางในครั้งนี้ด้วย ก็พาพวกเรามาหยุดยืนหน้าประตูทางออก โดยที่ฉันยังทำหน้ามุ่ยราวกับเด็กถูกขัดใจตลอดเวลา เพราะไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ ก่อนที่เขาจะก้มกดหน้าจอสมาร์ตโฟนชั่วครู่ แล้วยกมันขึ้นแนบหู พลางสอดส่องสายตาไปโดยรอบ เหมือนกำลังมองหาใคร และฉันคิดว่าน่าจะเป็นคนเดียวกับที่อยู่ในสาย “เฮียหมอ!!!” ไม่ใช่แค่คนที่ถูกตะโกนเรียก ฉันกับเพื่อนสนิทก็หันไปทางต้นเสียงโดยพร้อมเพรียงเช่นกัน ขมวดคิ้วมองเฮียไวน์และสาวสวยที่ยืนโบกไม้โบกมืออยู่ข้างฟอร์จูนเนอร์สีขาวสะอาด สลับกันไปมาด้วยความสงสัย เฮีย...? ต้องสนิทแค่ไหนถึงมีสิทธิ์เรียกเขาแบบนี้ได้ ส่วนอดีตพี่ชายก็ตอบรับด้วยรอยยิ้มหวานทันที พร้อมเก็บมือถือเข้ากระเป๋าแจ็กเกตตัวเอง “ไปกัน” เขาหันมาบอก แล้วก้าวนำไปหาเจ้าของใบหน้าสวยดูแพง ทั้งการแต่งตัวและบุคลิกอยู่ในโหมดไฮโซได้เลย ซึ่งเธอยังเอาแต่จ้องมองเฮียไวน์ไม่ละสายตา “รอนานไหมคะ” เสียงหวานของบุคคลปริศนาเอ่ยถาม ขณะสอดเท้าข้างหนึ่งเข้าใต้รถเล็กน้อยเพื่อให้ระบบอัตโนมัติเริ่มทำงาน จากนั้นประตูฝาท้ายก็ค่อยๆ เปิดขึ้น “ไม่หรอก เพิ่งมาถึงเหมือนกัน” เฮียไวน์ตอบด้วยคำพูดที่ดูเป็นกันเอง เอื้อมมายกกระเป๋าสัมภาระขึ้นเก็บ และพอฉันกับอีทิจะยืนมือเข้าไปช่วย กลับถูกปฏิเสธทันควัน “เดี๋ยวเฮียยกเอง” “อ๋อ ขอบคุณค่ะ” เพื่อนรักตอบกลับอย่างสุภาพ เนื่องจากในนั้นมีของมันด้วย ก่อนจะดึงฉันถอยห่างออกประมาณหนึ่งเพื่อไม่ให้เกะกะขว้างทาง แต่ผู้หญิงอีกคนดันได้รับอนุญาตให้ยืนช่วยดันกระเป๋าอยู่ฝั่งตรงข้ามได้ เหอะ…! ฉันแค่นหัวเราะในลำคอ ก่อนเบี่ยงมองไปทางอื่น พลางยกแขนขึ้นกอดอดแน่น “คิดถึงจังเลย ไม่ได้เจอกันกี่ปีแล้วเนี่ย” ประโยคเริ่มบทสนทนาของสาวสวย ดึงความสนใจจากฉันไปได้เฉยเลย แต่ในจังหวะนั้น เฮียไวน์เอี้ยวตัวกลับมายกกระเป๋าในรถเข็นพอดี เราสบตากับแวบหนึ่ง ก่อนฉันจะเลื่อนมองท้องฟ้า ก้อนเมฆ นกที่บินไปมา แสร้งทำเป็นไม่สนใจ “หึ คิดถึงแล้วทำไมไม่ขึ้นไปหากันบ้างละ” “ก็อยากไปอยู่นะ แต่งานเยอะมาก” และยังได้ยินทุกคำพูดของชายหญิงที่เพิ่งเจอกันได้อย่างชัดเจน เลยทำให้รู้ว่าความจริงพวกเขาสนิทสนมกันมากเลยแหละ หลายนาทีผ่านไป สัมภาระถูกขนขึ้นท้ายรถจนหมด เฮียไวน์ก็พุ่งเป้ามาที่ฉัน โดยไม่มีการส่งสัญญาณเลยสักนิด “นี่…มิเชล” ฉันยกมือไหว้ผู้หญิงคนนั้นแบบเก้ๆ กังๆ แต่ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนหน้าฉันหรอกนะ ด้วยว่าตกใจก็ส่วนหนึ่ง อีกอย่างคือยังไม่รู้เลยว่าเธอเกี่ยวข้องอะไรกับเฮียไวน์ “โตขนาดนี้แล้วเหรอเนี่ย” เธอรับไหว้ พร้อมทำหน้าตกใจ นี่ยิ่งทำให้คิ้วฉันขมวดหนักเข้าไปอีก เธอพูดเหมือนเคยเจอฉันตอนเด็กอย่างงั้นแหละ หรือเธอจะเป็นหนึ่งในผู้หญิงของนายแพทย์จอมเจ้าเล่ห์นี่ แต่ฉันไม่คุ้นเลยนะ… “ส่วนนั้น ก็ทิชา เพื่อนมิเชล” “สวัสดีค่ะ” คนถูกแนะนำ รีบยกมือไหว้อย่างนอบน้อม “นี่ พี่พลอยใส ลูกพี่ลูกน้องไอ้ธาม” “...” หือ…นี่สร้างความเซอร์ไพรส์ให้ฉันเป็นอย่างมาก เฮียธามมีลูกพี่ลูกน้องด้วยเหรอ ทำไมฉันไม่เคยเห็นผู้หญิงที่ชื่อ พลอยใส คนนี้เลย “จำพี่ไม่ได้เหรอ วันงานเลี้ยงต้อนรับเรา พี่ก็ไปด้วย” เธอถามทันทีที่เห็นสีหน้าชัดเจนของฉัน “เอ่อ…คือ” ถ้าตอบไปตามความจริง จะเป็นการหักหน้าเธอเกินไปรึเปล่านะ แต่ไม่มี เอ๊ะ สักนิดเลย “น้องน่าจะจำไม่ได้หรอก เพราะหลังจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลยนิ” ดีที่เฮียไวน์ออกหน้าแทนให้ “เออเนอะ” พี่สาวเลิกสนใจฉัน และหันไปหาเฮียไวน์ทันที “งั้นเดี๋ยว เอาของไปเก็บก่อนละกัน คอยไปหาไรกิน” “ดีเหมือนกัน” “สรุปมึงรู้จักพี่พลอยใส คนนี้ไหม” อีทิกระซิบถามทันทีที่ผู้ใหญ่สองคนหันหลังให้ “ไม่แน่ใจวะ” ฉันตอบกลับในโทนเสียงเดียวกัน “เฮียขับให้ไหม” “ไม่เป็นไร ฉันขับเองไวกว่า เฮียยังไม่ชินทาง” ข้อเสนอของเฮียไวน์ถูกปัดทิ้ง ก่อนเจ้าของรถจะเดินอ้อมไปขึ้นประจำที่ ส่วนเพื่อนรักกับฉันก็ขึ้นนั่งด้านหลังตามลำดับ โดยได้รับการบริการอย่างดีจากสุภาพบุรุษหนึ่งเดียวในที่นี้… จากนั้นเขาก็พาตัวเองไปนั่งเบาะหน้า หลังจากที่พี่พลอยใส คาดเข็มขัดนิรภัยเรียบร้อย ฝั่งคนนั่งก็เช่นกัน เธอก็เอื้อมหยิบรีโมตคอนโทรลตรงซอกเกียร์ ยื่นให้คนข้างๆ “อะนี่ รถจอดอยู่ที่พักแล้ว” “สุดยอด สั่งได้ดั่งใจจริงๆ” น้ำเสียงจากคนที่ได้รับมัน ออกอาการชื่นชมขั้นสุด อะไรจะขนาดนั้น…? ฉันทิ้งแผ่นหลังพิงเบาะ แล้วเอนศีรษะอิงกระจกซ้ายมือ ยกแขนขึ้นกอดอก หลังจากที่รถเริ่มเคลื่อนตัวออกจากหน้าสนามบิน และในขณะที่ฉันพยายามจะไม่สนใจบทสนทนา หรืออากัปกิริยาของสองคนข้างหน้า แต่เพื่อนตัวดีไม่คิดแบบนั้น มันเอาแต่จ้องมองพลางย่นคิ้วเข้าหากัน คล้ายกับมีความสงสัยอยู่ตลอดระหว่างการโต้ตอบของพวกเขา “นี่ใคร ดูด้วยค่ะ” “แล้วเป็นไงบ้าง สบายดีไหม” เฮียไวน์เริ่มประเด็นในการถามสารทุกข์สุกดิบ “ก็เรื่อยๆ” “แฟนละ” เรื่องนี้จำเป็นที่จะต้องถามด้วยเหรอ ฉันแอบลอบมองเจ้าของประโยคด้วยความขับข้องใจ แต่ก็เห็นแต่หัวที่ไหวไปมาเท่านั้นแหละ “เอาเวลาไหนไปหาก่อน ทำแต่งานจนโดนเทไปหมดแหละ” “อะไรวะ…” เป็นการบ่นที่มีเสียงกลั้วหัวเราะเล็กน้อย ซึ่งฉันไม่เข้าใจว่ามันหมายความว่ายังไง แต่ที่รู้ชัดเจน คือ พี่พลอยใสอะไรนี่ เธอโสด… “ว่าแต่เฮียเหอะ รั้งท้ายเพื่อนได้ไงเนี่ย ฉันยังแปลกใจอยู่เลย เพราะคนที่โสดน่าจะเป็นเฮียฟิวส์มากกว่าอีก” ทันทีที่จบประโยค ผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างหน้าฉันเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงของท่าทาง ศีรษะที่ตั้งตรงในตอนแรก เอี้ยวหันกลับมาทางซ้าย “ก็คนที่ชอบ เขาก็ไม่ได้ชอบเฮียนี่หว่า ทำไงได้ละ” ฉันรีบเลื่อนมองออกนอกรถ เพื่อหลีกเลี่ยงการประสานสายตา ทั้งที่ไม่คิด แต่มันก็ยังรู้สึกว่าผู้หญิงที่เขาพูดถึง คือตัวเอง... นั่นทำให้อัตราการเต้นของหัวใจฉันเร็วขึ้นเล็กน้อย “จริงดิ มีผู้หญิงไม่ชอบเฮียด้วยเหรอวะ” คู่สนทนามีน้ำเสียงที่ค่อนข้างประหลาดใจ ราวกับไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนปฏิเสธเขายังงั้นแหละ เฮียไวน์ไม่ได้ตอบกลับ แต่เปลี่ยนประเด็นไปเรื่องอื่นแทน “ว่าแต่ ทำไมอยู่ๆ ย้ายมานี่ได้วะ ไหนบอกจะไม่กลับมาแล้ว” “ไม่รู้ดิ เขาเห็นว่าฉันเป็นคนไทยมั่ง ก็เลยส่งมา” ซึ่งฉันไม่รู้เลยว่าพวกเขาคุยกันถึงเรื่องอะไร… “เอ่อ ลืมบอกเลย” เฮียไวน์ ขยับยื่นหน้ามาตรงกลาง “พลอยใส เป็นทีมวิจัยในโครงการ RVS ด้วยนะ” ทุกอย่างในความคิดตอนแรก หายวับไปกับตา ร่างกายดีดตั้งตรงราวกับสปริง “จริงเหรอคะ” ฉันถามด้วยความตื่นเต้น “อือ ตอนแรกอยู่กับอีกโครงการหนึ่ง แต่พอ RVS ย้ายมาทำที่ไทย เขาก็เลยจับพี่มาเข้าโครงการนี้” เธอตอบพลางเหลือกตาขึ้นมองกระจกหลังสลับกับท้องถนน “พี่ทำงานกับผู้ริเริ่มโครงการนี้เหรอคะ” ดวงตาลุกวาวเป็นประกาย พี่พลอยใสคนนี้ เริ่มมีจุดน่าสนใจขึ้นมาแล้ว ฉันเอื้อมมือไปเกาะหลังเบาะที่เฮียไวน์นั่งอยู่และค่อยๆ ขยับเข้าไปใกล้มากขึ้น “หมายถึง ดอกเตอร์ซอ ใช่ไหม” เธอย้ำชื่อเพื่อความชัดเจน “ค่ะ” นักวิทยาศาสตร์คนนี้แหละ ที่เป็นจุดประสงค์หลักของการเข้ารวมทีมวิจัยในครั้งนี้ “อือ พี่อยู่ภายใต้โครงการของเขาทั้งหมด” คำตอบเป็นที่น่าพอใจมาก “พี่เคยเจอเขาไหมคะ” ฉันแทรกร่างกายเข้าระหว่างกลางทั้งสองคนเป็นที่เรียบร้อย ถ้าไปนั่งบนที่เท้าแขนได้คงทำ “ไม่เคยเจอตัวจริง ทีมรุ่นใหม่ไม่มีใครเคยเจอเขาเลยนะ แต่ได้ข่าวว่าเขามาควบคุมโครงการนี้ด้วยตัวเอง น่าจะได้เจออยู่หรอก” ริมฝีปากฉันยกยิ้มขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับที่ฉันกำลังเข้าใกล้เป้าหมายขึ้นเรื่อยๆ และให้ความสนใจแต่หญิงสาวหลังพวงมาลัย จนลืมอีกสองคนที่อยู่ในรถไปเลย “แล้วพี่พลอยใสพอจะรู้รายละเอียดอะไรบ้างไหม” คำถามของฉันจบลงพร้อมกับรถถูกหยุดการเคลื่อนที่กะทันหัน ด้วยความที่ไม่ได้ระแวดระวังส่งผลให้ฉันพุ่งไปด้านหน้า และอาจจะถึงขั้นได้รับอันตรายถ้าไม่มีอะไรบางอย่างมากันร่างฉันเอาไว้ ฉันหลุบมองฝ่ามือหนาประคองอยู่บริเวณหัวไหล่ขวา แล้วไล่ไปตามท่อนแขนพาดผ่านลำตัวด้านหน้า จนปะทะเข้ากับสายตาคู่คมของเฮียไวน์ ที่จ้องมองด้วยความกังวลและเป็นห่วงคละเคล้ากัน “นั่งดีๆ” เขาปรามเสียงเข้ม ก่อนฉันจะดึงตัวกลับมานั่งเบาะหลังแต่ยังอยู่ระหว่างกลาง “โทษที ขับรถในกรุงเทพก็จะแบบนี้แหละ” พี่พลอยใสหันมาบอกฉันยิ้มๆ ก่อนจะเคลื่อนรถไปตามทางอีกครั้ง พร้อมกับสานต่อสิ่งที่ยังค้างคา “เมื่อกี้มิเชลถามถึงรายละเอียดใช่ไหม” “ใช่ค่ะ” “พี่ไม่ได้อยู่ใน RVS ตั้งแต่แรก รู้แค่มันเริ่มทำทดลองเกือบยี่สิบปี ไม่สำเร็จสักที เปลี่ยนทีมไปเป็นสิบละ” ฉันกำลังจะอ้าปากถาม แต่ไม่ทันเฮียไวน์ “ทำไมถึงไม่สำเร็จวะ” ซึ่งตอนนี้เขาเลื่อนท่อนแขนข้างขวามาวางบนเบาะของคนขับ ทำให้ฉันไม่สามารถแทรกตัวเข้าไปได้ น่าหงุดหงิดชะมัด! “ฉันยังไม่รู้ว่ามันทดลองเกี่ยวกับอะไรเลย” “โครงการลับของจริง” เสียงพึมพำที่ไม่ได้เบามาก จากเพื่อนสนิทที่นั่งเงียบมาพักใหญ่ “ลับสุดยอดเลยแหละ” พี่พลอยใสเสริม พลางเหลือบมองอีทิผ่านกระจก จังหวะนี้ทุกคนพยักหน้าเห็นด้วยแทบจะพร้อมกัน “แล้วเหตุผลที่ย้ายมานี่ละ” เฮียไวน์ยังถามต่อ ดูเหมือนบรรยากาศภายในรถเริ่มตึงเครียดขึ้นเรื่อยๆ รวมถึงให้ความสนใจกับบทสนทนาของผู้ใหญ่ทั้งสองมากขึ้นด้วย ฉันพยายามคิดตามและเก็บข้อมูลให้ได้เยอะที่สุด “อันนี้ไม่รู้อีกเหมือนกัน” “แล้วลูกทีมเก่าๆ” “ในสัญญาเขาระบุชัดเจนว่าห้ามแพร่งพรายเรื่องนี้เด็ดขาด ไม่มีใครกล้าพูดหรอก อีกอย่าง ไม่มีใครรู้ด้วยว่าลูกทีมชุดเก่าๆ มีใครบ้าง แม้แต่หัวหน้าฉันที่อยู่มาเป็นสิบปี ยังไม่รู้เลย” “อะไรจะลับขนาดนั้นวะ” “เดี๋ยววันเข้าไปเซนต์สัญญาก็รู้ ว่าลับขนาดไหน แม้แต่รายชื่อ ก็ยังไม่ประกาศเลย ถ้าเฮียไม่โทรมาหาฉัน ว่าจะขึ้นมากรุงเทพ ฉันก็คงไม่รู้ว่าเฮียกับน้องๆ ได้เข้าทีมด้วย” “มึงว่ามันมีอะไรแปลกๆ ปะวะ” อีทิ ดึงฉันไปกระซิบข้างหู ในโทนเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน “มึงกลัวเหรอ” ฉันเองก็เริ่มรู้สึกกังวลแล้วเหมือนกัน เพราะยังมีอะไรที่ไม่รู้เกี่ยวกับโครงการนี้อีกเยอะเลย แต่คำตอบของเพื่อนรัก ช็อตฟิลขั้นสุด “ไม่ กูหมายถึงคุณหมอกับพี่พลอยใสเนี่ย” ฉันถอนหายใจแรงด้วยความเหนื่อยหน่าย ก่อนจะยกมือขึ้นผลักหัวมันจนโยกไปตามแรง อยากจะด่ามากเลย แต่ตรงนี้คงจะไม่เหมาะ...
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD