“ยัยมินนี่ แกคิดอะไรอยู่ย่ะ...เลิกกับผัวแล้วก็จะไปอยู่กับพี่ชายของเขาเนี่ยนะ” น้ำถามเพื่อนอย่างไม่เข้าใจ เธอไม่ได้อะไรหรอก แค่เป็นห่วง
“ก็แล้วฉันมีทางเลือกที่ไหน...น้ำฉันมันโง่เองที่ไม่ยอมเชื่อฟังแก มีเงินเท่าไหร่ก็ไปให้มันหมด”
มินนี่ สาวอวบทว่าหน้าตางดงาม รีบเก็บข้าวของใส่กระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบ
“ตอนนี้ฉันก็เหลือแค่นี้แหละ ถ้าไม่ไปอยู่กับเขา ฉันก็ไม่มีที่ให้ไปแล้ว อึก...” เธอสะอื้น แต่ฝืนไม่ให้น้ำตาไหลออกมาเพราะภรรยาใหม่ของสามีกำลังเชิดหน้ารอให้เก็บของเสร็จอยู่หน้าประตู
“ไปอยู่กับฉันเถอะ”
“มินนี่ ฉันอยากไปอยู่กับแกนะ แต่แกมีลูกมีสามีแล้ว ฉันไม่อยากไปรบกวนเวลาของพวกแก”
“ฉันคุยกับลูกและสามีแล้ว พวกเขาโอเค”
“ฝากขอบคุณพวกเขาด้วย แต่ฉันตัดสินใจแล้วว่าจะไปเลี้ยงจิมมี่ให้พี่ชายของเขา”
มินนี่ไม่ได้เอ่ยถึงพี่ชายสามีดังนัก เพราะไม่อยากให้สามีได้ยิน เรื่องนี้มีเพียงเธอและเพื่อนที่รู้ว่าเธอได้ตอบตกลงข้อเสนอเลี้ยงเจ้าจิมมี่
สุนัขพันธุ์โดเบอร์แมนให้พี่ชายสามี
ซึ่งเธอไม่ได้ไปเลี้ยงให้ฟรีๆ เจคอบหนุ่มลูกครึ่งไทยฮ่องกง ในวัยสามสิบห้าปี หน้าตาคมสัน ดูหล่อร้ายและบางบทก็แฝงไปด้วยความทะเล้น
เธอเจอเขาไม่บ่อยนักหรอก แต่ทุกครั้งที่เจอกันก็มักจะไม่พ้นเรื่องเงิน เขาเลยไม่ชอบเธอนัก
แต่ที่ให้ไปเลี้ยงหมา อาจจะเพราะเขาไว้ใจเธอเพราะที่บ้านของเขายังมีอาและย่าที่อายุมากแล้วด้วย เมื่อมินนี่เก็บของเสร็จ เพื่อนก็จูงมือเธอออกนอกห้อง มินนี่ไม่แม้จะเหลียวมองอดีตคนรัก
อีกฝ่ายก็คงไม่คิดจะใส่ใจเธอเช่นกัน มินนี่ไม่คิดถึงวันเก่าๆ หรือเวลาที่ล่วงเลยมาเกือบหกปี เพราะมันมีแต่จะทำให้เสียเวลาเปล่าๆ
ตอนนี้เธอพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่แล้ว
“ขอบคุณนะน้ำ”
“เออ ดูแลตัวเองดีๆ มีอะไรก็โทรมานะ” น้ำดึงเพื่อนรักมากอด มินนี่ส่งยิ้มให้แฟนกับลูกของน้ำที่นั่งอยู่ในรถ พวกเขาโบกไม้โบกมือให้เธอ
“แล้วเจอกันแล้ว” มินนี่หมุนตัวเดินไปที่รถตู้ พลางนึกขอบคุณเพื่อนซ้ำๆ น้ำพอรู้ว่าเธอโดนผัวและเมียใหม่ไล่ออกจากบ้าน อีกฝ่ายก็รีบมาหา
ช่วยเธอเก็บของแล้วมาส่งที่สถานีขนส่ง มินนี่พอขึ้นรถ เธอก็หลับปุ๋ยกระทั่งถึงที่หมาย
“ตอนแรกฉันว่าจะไปรับ แต่ขึ้นรถมาที่หน้าบ้านฉันเองละกัน” คนปลายสายพูดอย่างเย็นชา แต่มินนี่ไม่ได้ใส่ใจหรอก เขาเชิญให้มาอยู่ด้วยก็ดีแค่ไหน หลังจดจำชื่อหมู่บ้านและซอย
มินนี่ก็หอบกระเป๋าหนักๆ สองใบไปขึ้นรถสองแถวที่จอดรอรับผู้โดยสารอยู่แถวนั้น ผ่านไปครึ่งชั่วโมง เธอในชุดเห่ยๆ ก็มาอยู่หน้าคฤหาสน์
พอประตูรั้วคฤหาสน์เปิด สุนัขตัวใหญ่ก็โดดใส่ตัวเธอ ร่างอวบๆ ของเธอเซถลาถอยหลัง
แต่ไม่ถึงกลับล้ม นี่อาจเป็นโชคดีของการที่กินจุมาครึ่งค่อนชีวิตในวัย 28 ปี...โชคดีเป็นบ้า!
“ตกใจหมดเลย ฉันคิดว่านายจะกัดฉันแล้วนะ” มินนี่ลูบเจ้าจิมมี่อย่างเอ็นดู สาเหตุที่มันไม่งับก็เพราะเธอเป็นคนเอามันมาจากเพื่อนคนหนึ่ง
แต่เพราะเลี้ยงไม่ไหวเลยให้สามีเอาไปให้พี่ชายของฝ่ายนั้นเลี้ยงต่อ ตอนนี้มันถึงได้ดีใจมากเมื่อได้เจอเจ้านายคนเก่า มันเลียทั่วใบหน้าสวย
“อื้ออ พอแล้ว”
“...” เจคอบยืนมองหมาและคนอย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร เนื่องจากข้างนอกบ้านร้อนมาก ที่ยอมเดินออกมาเปิดประตูรั้วให้ก็เพราะอาสั่งมา
“รีบๆ เข้ามาสักทีเถอะ”
“ค่ะ” มินนี่ลากกระเป๋าตามหลังแกร่ง เธอไม่ได้สนใจหรอก ว่าเขาจะช่วยถือกระเป๋าหรือไม่
“กินข้าวเสร็จแล้วมาหาฉันที่ห้อง”
ด้วยความที่เจคอบสูงถึงหนึ่งร้อยเก้าสิบจึงต้องหลุบตามองสาวร่างอวบที่สูงหนึ่งร้อยเจ็ดสิบ
ซึ่งเอาจริงมินนีนี่หุ่นนางแบบเลยนะ เพียงแค่พอมีครอบครัวเลยทานเยอะไปหน่อย
ถึงได้เนื้อนมไข่เช่นนี้ มินนี่มองตามสายตาดุไปยังห้องที่อยู่ถัดจากห้องของเธอแล้วพยักหน้า
“อย่าให้ฉันรอนานล่ะ ฉันอยากจะรู้สาเหตุที่เธอกับน้องเลิกกันน่ะ” เขาพูดทิ้งท้ายก่อนจากไป
หลังกองกระเป๋าเดินทางไว้หน้าตู้เสื้อผ้า มินนี่ก็รีบไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วรีบไปหาอากับย่า
อานงนุชแม้จะอายุหกสิบสองแล้วแต่หน้าตาไปจนถึงรูปร่างดูดีไม่เปลี่ยนและเป็นคนใจดีมาก
เวลาที่มินนี่มีปัญหากับสามีมักจะโทรปรึกษาเธอตลอด แล้วเผอิญอานงนุชมีความชอบหลายๆ อย่างเหมือนกัน ทำให้คุยกันได้อย่างลื่นไหล
เธอคุยกับอาเรื่อยเปื่อยในขณะกินข้าว ซึ่งไม่มีเจคอบ อีกฝ่ายคงยังไม่หิวหรือไม่ก็ทานข้าวกันไปแล้ว อาหารมื้อนี้เหมือนแค่ตั้งใจจัดให้เธอ
“ขอบคุณนะคะอา” มินนี่บอกอานงนุช ก่อนจะกลับเข้าห้อง เธอเดินตรงไปที่ระเบียง
ระเบียงห้องของเธอมองเห็นสวนหย่อมเล็กๆ หลังบ้านและสระว่ายน้ำ เธอพ่นควันสีขาวออกมา ปล่อยให้มันลอยอ้อยอิ่งกลมกลืนไปกับสายลม
ห่างออกไปเรื่อย จนในที่สุดก็มลายหายไป ทว่าจะพ่นควันอีกเฮือกหนึ่งออกมาก็ต้องสะดุ้ง
“อ๊ะ พะ พี่เจคอบ!”
“...” เจคอบชะงักอยู่หน้าประตู ก่อนปิดแล้วเดินเข้ามาแย่งบุหรี่ออกไปจากมือเรียวบาง
“สูบด้วยเหรอ?”
“เอ่อ...” มินนี่ไม่รู้จะแก้ตัวยังไงดี
ตอนที่แตะต้องมันครั้งแรกเพราะเครียด แต่ตอนนี้ดันขาดไม่ได้เสียแล้ว และถ้าไม่ได้สูบ
เธอกลายเป็นนางยักษ์ได้เลยนะ
“น่าเสียดาย ฉันไม่ชอบผู้หญิงที่มีกลิ่นบุหรี่ติดตัว” พูดจบ เจคอบขยี้มวนบุหรี่ด้วยฝ่ามือ นั่นทำให้มินนี่ตาเบิกโพลง เพราะกลัวมือนั้นจะพอง
แต่ไม่ทันได้ทักท้วงอะไร เจคอบก็กระชากแขนเธอเข้าไปบดขยี้กลีบปากที่มีกลิ่นบุหรี่จางๆ
“อุ๊ปส์ อื้ออ!” มินนี่หรี่ตา สายตาคมกริบของอีกฝ่ายทำให้สมองของเธอขาวโพลน พอรู้ตัวอีกที หลังก็แนบอยู่บนที่นอนนุ่มนิ่มในห้องตนเอง
“อย่า”