“เวนิส เรียนต่อให้จบเถอะนะลูก”
“...” เวนิสชะงักมือสวยที่กำลังพับเสื้อผ้าใส่กระเป๋าเดินทางใบย่อม หันมองแม่วัยกลางคนซึ่งสุขภาพไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไรและน้องฝาแฝด
“ตอนนี้มีคนติดต่อขอซื้อที่ดินของเราแล้ว อีกไม่นานหรอกเวนิส แม่ก็จะขายที่ได้ แล้วแกก็เอาเงินนั่นไปเรียนมหา'ลัยดีๆ ในกรุงเทพ”
แม่นั่งลงปลายเตียงอย่างยากลำบากเพราะสุขภาพเข่าไม่ค่อยดี ส่วนเวนิสนั่งเก็บของอยู่บนพื้นข้างเตียง ตรงหน้าตู้เสื้อผ้า ในห้องเล็กๆ
ภายในบ้านไม้ที่ผุพัง น้องฝาแฝดก็ไม่รีรอนั่งบนตักพี่สาวคนละพ่อคล้ายอ้อนวอนให้เธอไม่ไป เวนิสมองน้องทั้งสองด้วยรอยยิ้มอ่อนโยน
เวนิสเป็นสาวผิวขาว หน้าตาดี ลูกครึ่งไทยนอร์เวย์ พ่อของเวนิสเป็นคนนอร์เวย์ มาทำงานที่ไทยจึงได้พบรักกับแม่ แต่แล้วพ่อก็ทิ้งแม่ไป
แม่พอรู้ว่าท้องก็ไม่ท้อแท้ที่จะเลี้ยงเวนิสจนเติบใหญ่ ทว่าที่ดินผืนนั้นเป็นของพ่อของน้องๆ
พ่อของนิรา นารา ไม่ใช่คนใจยักษ์ เขายินดีขายที่เพื่อส่งลูกเลี้ยงอย่างเธอเรียนสูงๆ
แต่เวนิสคิดว่าการเรียนของเธอมันไม่จำเป็นหรอก อนาคตของน้องๆ สำคัญกว่า อยากให้พวกท่านขายที่ดินตอนที่จำเป็นจริงๆ ส่วนเธอที่จบแค่ม.6 ตราบใดที่ไม่ย่อท้อต้องหาทางเรียนต่อได้แน่
“พ่อกับแม่คุยกันแล้วจะยกเงินที่ขายที่ได้ให้แกหมดเลย แกก็เอาไว้ใช้จ่ายตอนอยู่กรุงเทพ”
“แม่จ้ะ หนูสัญญาว่าจะเอาใบปริญญามาให้แม่กับพ่อให้ได้ แม่เชื่อใจหนูเถอะนะ” เวนิสกุมมือผู้ให้กำเนิด แม่พยักหน้าโต้กลับอย่างจนใจ
“ถ้าไม่ไหวก็กลับบ้านเรานะ”
..
.
เวนิสลงจากรถทัวร์ก็แบกกระเป๋าที่หอบมาขึ้นรถตู้ซึ่งเป็นรถของผู้ว่าจ้างงานเธอ ก่อนหน้านี้เธอหางานใน Google สมัครทิ้งไว้หลายแห่ง
แต่ไม่มีบริษัทไหนติดต่อมา จนมาเจองานที่เธอคิดว่าทำได้แน่ๆ และเธอก็ชอบมาก นั้นก็คือพี่เลี้ยงเด็ก น้องทั้งสองคนเธอก็เลี้ยงมากับมือ
เลยคิดว่าแค่นี้สบายมาก แถมเธอยังมีความฝันอยากเป็นครูเด็กเล็กหรือไม่ก็พยาบาลเด็ก
เมื่อได้งานนี้จึงไม่รีรอ รีบเก็บสัมภาระไปอยู่บ้านเจ้านาย เลี้ยงเด็กวัยแบเบาะเพศหญิงชื่อมารี
แต่เมื่อย่างกรายเข้ามาในบ้านหลังโออ่าซึ่งตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์ยุโรป ก็รู้สึกไม่เป็นอย่างฝัน ไม่ทันชื่นชมความหรูหราก็ผวาสุดตัว
โครม!
เสียงของหนักๆ หล่นกระทบพื้นกระเบื้อง ต่อด้วยเสียงคล้ายแก้วตกแตก ดังสนั่นหวั่นไหวและเสียงกรี๊ดบ่งบอกถึงความไม่พอใจสุดขีด
“เราแต่งงานกันก็เพื่อผลประโยชน์ของวงศ์ตระกูล แล้วทำไมฉันจะคุยกับคนอื่นไม่ได้ละคะ”
“...” เวนิสประกบปากแน่น ยืนนิ่งอยู่ตรงหน้าหัวหน้าแม่บ้านสูงวัย แต่หูได้ยินเสียงชั้น2ชัดเจน
“เธออ่านรายละเอียดที่ฉันส่งให้แล้วใช่ไหม”
“ค่ะ” เวนิสตอบ
“ดี เรื่องที่ได้ยินในวันนี้ หรือวันพรุ่งนี้ และในวันข้างหน้า ทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ซะ ถ้าอยากทำงานนี้”
“เอ่อ...ขะ เขาไม่ได้ทำร้าย...”
“โธ่เว้ย!”
“...” เวนิสพูดไม่ทันจบ เสียงทุ้มเข้มก็ดังขึ้นพร้อมประตูห้องชั้นบนเปิดออก เวนิสดวงตาเป็นประกายทำตัวไม่ถูก แต่ก็อดไม่ได้มองไปทางต้นเสียง สบตาคมกริบของใครคนหนึ่งที่เดินตรงมา
ใบหน้าของเขาหล่อเหลา ตัวสูงกำยำ ท่อนแขนมีรอยสักงานอาร์ตพลาดไขว้ ทั้งเท่และสวย มันขับให้เขาคนนี้ดูร้ายกาจอย่างหาตัวจับได้ยาก ราวกับหลุดออกมาจากในซีรีส์ พวกแก๊งอันธพาลก็ไม่ปาน แถมยังดูเย่อหยิ่ง เย็นชาจนน่ายำเกรง
“เนี่ยเหรอ พี่เลี้ยงคนใหม่?”
เขาถามหัวหน้าแม่บ้านที่สวมกระโปรงยาวถึงข้อเท้า มัดผมเรียบร้อย ซึ่งกำลังอุ้มเด็กที่หลับไม่รู้เรื่องรู้ราวว่าพ่อแม่ทะเลาะกันบ้านแทบแตก
“ใช่ค่ะคุณมิกซ์ เธอชื่อ...”
“ถ้าเลี้ยงลูกฉันไม่ดี หรือทำให้มีรอยขีดข่วนแม้แต่นิดเดียว ฉันเอาเธอตายแน่” มิกซ์ขัด
ใช้ดวงตาอันดุร้ายราวกับสัตว์ป่าที่ซุ่มโจมตีกวางน้อยซึ่งยังไม่โตเต็มวัยก็ต้องเผชิญโลกด้วยตนเองหลุบมอง เมื่อข่มขู่เธอจนหนำใจก็จากไป
หัวหน้าแม่บ้านนำเธอไปที่ห้องนอนของมารีแต่ไม่ทันถึงเจ้านายคนที่สองก็เดินชนไหล่
“ขะ ขอโทษค่ะ” เวนิสยกมือไหว้แม้จะไม่ใช่ฝ่ายผิด ซึ่งเธอไม่ได้เสแสร้งหรือเอาหน้า เธอเป็นของเธอแบบนี้ตั้งแต่เด็กและยังอ่อนน้อมถ่อมตน
แต่อีกฝ่ายคงไม่คิดเช่นนั้น มองเธอที่กำลังก้มหน้าตาค้อน ตะคอกเสียงดัง “นางโง่!”
วินาทีที่ได้ยินคำนี้เวนิสพลันเข้าใจแจ่มแจ้งว่าเหตุใดใบรับสมัครพี่เลี้ยงที่แสดงในเน็ตถึงขึ้นคำตัวใหญ่ๆ ว่าด่วนมาก ค่าแรง 30,000
“ขะ ขอโทษอีกครั้งนะคะ” เวนิสยกมือไหว้อีกรอบ อีกฝ่ายก็สะบัดหน้าจากไป นั้นจึงทำให้เวนิสหายใจโล่งขึ้น ตามแม่บ้านไปห้องมารีต่อ
“หลับลึกจังเลยนะคะ” เวนิสแซวทารกน้อย
“คงชินน่ะ...อย่าลืมที่ฉันบอกล่ะ และก็ห้องนี้มีกล้องวงจรปิด จะทำอะไรก็คิดให้ดีๆ”
“หนูไม่ใช่คนใจร้ายขนาดนั้นหรอกค่ะ”
“ฉันแค่เตือนเธอไว้ก่อน เพราะคุณมิกซ์ เขารักลูกมาก เขาจะเปิดกล้องนั้นบ่อยๆ”
“...” เวนิสมองไปที่กล้องแล้วยิ้มแห้งๆ
“ค่ะ แล้วให้หนูพักที่ไหนเหรอคะ”
“ก็ที่นี่ไง...คุณหนูเพิ่งจะ 3 เดือนคาดสายตาไม่ได้หรอก เธอก็พยายามอย่าหลับลึกนักละ”
“...ค่ะ” เวนิสเลือกที่จะมาแล้ว ให้กลับตอนนี้มีแต่ขายหน้า เพราะงั้นต้องผ่านมันไปให้ได้
หัวหน้าแม่บ้านสูงวัยที่ดูหน้าเหวี่ยงอยู่ตลอด แต่พอได้คุยกัน เวนิสรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่กับแม่
ฝ่ายนั้นสอนวิธีการดูแลหนูน้อยมารีคร่าวๆ มารีเป็นเด็กน้อยขี้เซา กินเก่ง ทำความรู้จักกันไม่นานหัวหน้าแม่บ้านก็ปล่อยให้ดูแลมารีเต็มตัว...
“ฝันดีนะคะแม่”
เวนิสบอกแม่ผ่านโทรศัพท์ เมื่อกดวางสายเธอปิดไฟ กลิ้งอยู่บนฟูกข้างเตียงสำหรับเด็กเล็ก แต่มารีไม่ได้นอนบนเตียง นอนในเปลโยนไฟฟ้า
เธอผวาเมื่อได้ยินเสียงประตูเปิดแง้มเข้ามา ผู้มาเยือนไม่ได้เปิดไฟ อาศัยแสงไฟถนนซึ่งลอดผ่านหน้าต่างกระจกเข้ามาเป็นทางสีเหลืองนวล
เวนิสได้กลิ่นมังคุดเน่า จากที่จะทักทายมิกซ์ที่นานๆ จะเจอกันที ก็ขอแกล้งหลับดีกว่า
เขาหยุดอยู่ปลายเท้า ไม่รู้เลยว่าทำหน้ายังไงเพราะเธอไม่กล้าลืมตามอง แต่สัมผัสได้ถึงลมวูบหนึ่ง ราวกับเสื้อลอยผ่านหน้าไป
แล้วพลันสะดุ้ง แต่ก็พลิกตัวเนียนๆ เมื่อเจ้านายถาโถมลงมาคร่อมเธอ เขารั้งเสื้อนอนขึ้นพ้นเต้าอวบอิ่ม เหมือนไม่แคร่ว่าเธอจะตื่นหรือไม่
เธอสะดุ้งอีกครั้งเมื่อตะขอเสื้อในถูกปลด ยกทรงมากองอยู่บนเนินอก มือหนาบีบคลึงเต็มไม้เต็มมือ ปลายลิ้นเย็นสากตวัดผ่านยอดถัก
“จะเจ้านายคะ” เวนิสฝืนแกล้งหลับไม่ไหวแล้ว แต่ใช่ว่าเขาจะหยุด เขาล็อกมือทั้งสองข้างที่ยกมาปัดไว้เหนือศีรษะโดยที่ปากยังคงคาบนม
จุ๊บจ๊วบ
เขากดเม้มยอดถักแรงขึ้นเรื่อยๆ ตาสวยที่หยาดไปด้วยน้ำขยายโต ปากกระจับเผยอ ร้องอึกอักในลำคอ ทั้งอยากไล่และอยากยินยอม
อาจเพราะเธออยู่ในวัยกำดัด ที่กำลังอยากรู้อยากเห็น อยากลอง ซึ่งเวนิสไม่เคยลองมาก่อน
เลยอดไม่ได้ที่จะหวั่นไหว แต่เวนิสไม่ใช่คนเช่นนั้น จึงกัดปากตนเองเพื่อเรียกสติ
“พอได้แล้ว เดี๋ยวเมียเจ้านายก็มาเห็นหรอกค่ะ” เธอเน้นคำว่าเมียเพราะหวังเรียกสติเขาด้วย
“งั้นต้องรีบๆ ทำใช่ไหม ก่อนที่เมญ่าจะมา”
“หือ ทะ ทำไรคะ?”
“ก็ตอก**ของเธอแรงๆ จนน้ำแตกไงวะ”
.
.
“ทำโทษที่แกปากพล่อยเอาเรื่องที่ฉันคุยกับผู้ชายคนอื่นไปบอกมิกซ์” เมญ่าเอ่ยพร้อมโยก