“เจ้นี่ชุดหรือผ้าขี้ริ้วครับ ขาดจนจะเห็น...”
เปรมใช้สายตาแทนคำพูดน่าอาย นี่ถ้าเป็นคนอื่น ฉันจะตบให้ตาแตก แต่นี่เป็นเพื่อนลูกชาย แถมบ้านอยู่ใกล้กัน จึงอโหสิให้
ฉันไม่ใส่ใจเขา ที่พยายามสืบเท้ามาใกล้ ใช้ตัวโตบังเรือนร่างอรชรของฉัน ปกติฉันมันคุณป้า
หน้าตาไม่แต่ง อาบน้ำวันละครั้ง
นั่งเขียนนิยายวายจนขอบตาดำ แต่เงินทองไม่พอใช้ ส่วนวันนี้เป็นวันที่เรียกได้ว่า ปลดปล่อยผีบ้า แต่งหน้าจัดเต็ม สวมชุดวับๆ แวมๆ
มาปาร์ตี้ที่ผับหรูหราแห่งหนึ่ง ซึ่งไอ้เจ้าของ ก็คือคนที่ยืนเกะกะอยู่ตรงหน้านี่แหละ
“เจ้ไปเปลี่ยนชุดเดี๋ยวนี้”
“...” ฉันไม่ตอบ เงยหน้ามองค้อนคนที่สูงกว่า ฉันไม่ได้ชวนเขามา แค่บ่นกับลูกว่าอยากไปเต้น
คิดไม่ถึงว่าลูกจะมาหาที่นี่ ไม่สิ
คิดไม่ถึงว่าเด็กคนหนึ่ง ตัวดำๆ เล่นดินทราย วันหนึ่งโตเป็นหนุ่มหล่อแล้ว ยังเป็นเจ้าของที่นี่
อห.มาก
“ได้สิ” อาจเพราะเมานิดหน่อย แม้ดื่มไปครึ่งแก้ว ก็นะอยู่แต่ในบ้าน นานทีมาเที่ยว แก้วเดียวก็ทำให้เพี้ยนได้ มือข้างหนึ่งถือแก้วเหล้า
อีกข้างเกี่ยวสายเดี่ยว เลื่อนลงมาที่หัวไหล่ ทว่าไม่ทันลงมาถึงต้นแขน ไอ้เด็กเปรตนี่ คว้ามือฉัน กำไว้แน่น ไม่รู้ไปโกรธเคืองใครมา เจ็บ
“อย่ายั่วโมโหผมนะ”
“เดี๋ยวนะ! ฉันไปยั่วนายตอนไหน?”
“ก็ตอนนี้ไง”
“โอ๊ย” ฉันโวยวายเสียงดัง แต่ไม่มีใครได้ยินหรอก เพราะเพลงในผับดังจนกลบทุกสิ่ง
แม้กระทั่งเสียงกระแทกเท้า ฉันผลักแผ่นอกเขาให้ไปไกลๆ แต่นอกจากเปรมจะไม่ถอย
แล้วยังขยับมาใกล้ เปรมถอดเสื้อแจ็กเกตสีดำออก คลุมบนไหล่ฉัน ฉันปัดมันหล่นโดยไม่สนว่ามันจะแพงแค่ไหน นานทีนักเขียนไส้แห้ง
จะมาเที่ยว ก็ขอเปรี้ยวจี๊ดหน่อยเถอะ!
“จะหยุดดื้อได้ยัง?”
“ถามจริงมันน่าเกลียดมากเลยเหรอ?”
“อือ ใส่เสื้อผมคลุมซะ”
“แต่นมฉันก็ไม่ยานนะ ขาก็ยังเรียวสวยไม่มีเซลลูไลท์” ฉันก้มมองตนเอง แล้วเงาร่างใหญ่โตก็เข้ามาบดบังไว้ และเผอิญยืนชิดมุมกำแพง
นอกจากเปรมแล้ว ฉันมองไม่เห็นใครเลย
“ถ้าไม่ใส่ก็ไปเต้นในห้องทำงานผม”
“เต้นในห้องแล้วจะได้ผู้เหรอ”
“ปีนี้เจ้อายุเท่าไรแล้ว ยังคิดเรื่องผู้อีก”
“แรง!” ฉันกดเสียงต่ำ โกรธของจริง แต่ก็ทำอะไรเปรมไม่ได้ จำต้องเดินตามแรงดึงมาที่ห้อง
“ลูกก็มีแล้ว...หรือยังอยากจะมีอีก?”
เปรมนั่งอยู่หลังโต๊ะทำงาน เหลือบมองฉันที่ยืนทำหน้าเซ็งอยู่กลางห้อง ภายในห้องนี้ เปิดไฟสลัว เสียงดนตรีจังหวะมันๆ ดังเข้ามาด้านใน
ให้ความรู้สึกเหมือนอยู่ในห้องคาราโอเกะ
“เปามันให้นายมาเฝ้าฉันเหรอ?”
“อืม” เขาตอบสั้นๆ
“งั้นฝากบอกเปาที ฉันโตแล้วดูแลตัวเองได้”
เปาคือลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน เขาเกิดเพราะความผิดพลาด และผู้ชายเลวๆ คนนั้น
ไม่รับผิดชอบ ฉันจึงเป็นแม่เลี้ยงเดียว แต่ใช่ว่ารังเกียจลูก ฉันรักลูกมาก เลี้ยงดูจนโต
พอลูกชายเข้ามหา'ลัย ฝ่ายนั้นก็ออกไปอยู่หอ และใช้ชีวิตด้วยตนเองเรื่อยมา ลูกฉันเก่ง
ฉันชื่นชม แม้ต้องทนอยู่บ้านคนเดียว ก่อนหน้านี้สิบนาที เปาขอไปห้องน้ำ แต่คงจะชิ่งกลับบ้านไปก่อน อาจเพราะเมียโทร.ตาม
เรื่องนี้ฉันเข้าใจ และเขาคงเป็นห่วง จึงฝากฉันไว้กับเพื่อนของเขา แต่ฉันสามสิบแปดแล้ว
อืม...โสดมานาน เปล่าเปลี่ยวเป็น วันนี้อยากเสียตัว ลูกชายกลับไปแล้วก็ดี อีแม่จะหาผัว!
“ไปก่อนนะ วันนี้ฉันจะหาใครสักคน” ฉันเก็บคำว่าแก้เหงาไว้ในใจ ไม่อยากเป็นตัวอย่างไม่ดี
แม้ดูแล้ว อีกฝ่ายคงชำนาญเรื่องเพศนี้ดีกว่าป้าแก่อย่างฉัน...ฉันพลันสะดุ้งโหยง
เมื่อเปรมตามมาจับลูกบิด ไม่ให้เปิดประตู
“เปรม ฉันถามนายตรงๆ เลย นายเป็นไรเนี่ย มีเรื่องไม่สบายใจอะไรรึเปล่า ปรึกษาเจ้ได้นะ”
ฉันไม่ใช่ลูกหลานคนจีน แต่ผิวขาวเพราะแม่เป็นคนเวียดนาม พ่อคนไทย ที่แทนตัวเองว่าเจ้
เพราะอีกฝ่ายเป็นลูกครึ่งไทยจีน ดวงตาชั้นเดียว จมูกโด่งมาก ปากเรียวหยัก เวลายิ้มก็โอเคอยู่ แต่ฉันไม่ค่อยชอบ เหตุผลคือ
เขาชอบยิ้มมุมปาก แต่เขาก็ยิ้มแบบนี้ ตั้งแต่ตัวเท่าลูกหมา มันดูเจ้าเล่ห์ ชั่วช้า ไว้ใจไม่ได้
ตอนนี้โตเป็นหนุ่มแล้ว คงจะเจ้าชู้สุดๆ
“ผมว่าเจ้ยังพูดไม่จบ”
“แล้ว?”
“พูดต่อสิครับ”
“เออๆ หาคนแก้เหงาอะนะ”
“ฮึ!” อยู่ๆ เปรมก็ทำเสียงเหี้ยม ยิ้มแบบที่ฉันเกลียด แล้วพูดขึ้นอีก “ไม่ต้องไปหาไกลหรอก”
“$##” ฉันกรี๊ดลั่น เมื่อเปรมมันเขวี้ยงฉันไปที่โซฟา แล้วกดร่างฉันไว้ ขาฉันตั้งฉากโดยไม่ได้ตั้งใจ “ไอ้เด็กเมื่อวานซืน แกจะทำอะไร?!”
“ก็ทำให้เจ้หายคันไงครับ”