“ฉันไม่ทำงานในร้านสปา !”
เอ็มมี่ประกาศจุดยืนของตน
“เอาเถอะ เธอจะทำหรือไม่ก็สุดแล้วแต่เธอ แต่ตอนนี้มันจะเย็นแล้ว พี่ว่าเราไปที่พักกันเลยดีกว่า”
ดาวก้าวนำสองสาวออกมาจากสนามบิน โดยไม่ใส่ใจกับอาการเก้ ๆ กัง ๆ ลากกระเป๋าใบโตของลูกคุณหนูอย่างสาวเอ็มมี่เท่าใดนัก มีเพียงเพื่อนสาวที่คอยรอ รอช่วยลากกระเป๋าทั้งของตนและของเพื่อน
...............................................................................
และแล้วรถตู้ก็พาสองสาวจากแดนอีสาน มาถึงที่ร้านสปาแดนสรวง
ตึกสูง 4 ชั้นเบียดตัวแทรกขึ้นกับตึกอื่นๆ บ่งบอกถึงการเป็นร้านสปาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองแห่งนี้ ร้านสปาในรูปแบบไทยแท้ มีพนักงานเป็นคนไทย แต่เจ้าของตัวจริงคือชาวอเมริกัน
ทันทีที่ลงจากรถ ดาวก็นำสองสาวเดินเข้าร้าน
ชั้นหนึ่งเปิดเป็นร้านสปาและบริการนวด ผ่านขึ้นมาที่ชั้น 3 โดยลิฟต์ พี่ดาวอธิบายว่า ชั้น 3 เป็นที่พักของพนักงาน ทุกคนจะมีห้องเป็นส่วนตัวของตนเอง ชั้น 4 เป็นชั้นสำนักงานและห้องผู้จัดการใหญ่
เมื่อพี่ดาวส่งกุญแจหมายเลขห้องพักให้กับสาวทั้งสองคน หล่อนบอกแก่ทั้งสองว่า อาบน้ำพักผ่อนแล้วคืนนี้หนึ่งทุ่มตรงให้ขึ้นไปพบผู้จัดการที่ชั้นสี่ เพื่อเจรจาเรื่องงานที่จะทำและทำสัญญาจ้าง
เรียมรับลูกกุญแจจากดาวอย่างรู้สึกขอบคุณ และรู้สึกว่าตนเองช่างโชคดีเหลือเกินที่ได้มีโอกาสมาทำงานที่ต่างประเทศ และได้รับการดูแลอย่างดีจากพี่ดาว หล่อนไม่รู้ว่าเพื่อนของตนที่อยู่ห้องข้าง ๆ จะรู้สึกเช่นเดียวกับหล่อนหรือไม่ เพราะหลังจากได้รับลูกกุญแจแล้ว เอ็มมี่ก็เข้าห้องทันที ดูจากทีท่าของเพื่อนสาวคงจะชอบใจกับการที่ต้องทนเป็นลูกจ้างในร้านสปา แต่เอ็มมี่ก็มีทางเลือกไม่มาก พี่ดาวบอกเสียงเด็ดว่าหากไม่ทำงานจะพักที่นี่ได้แค่หนึ่งคืน และจะต้องหางานเอง และเพื่อนของหล่อนก็ไม่เก่งภาษาอังกฤษนัก เงินที่นำติดตัวมาก็มีไม่มาก เรียมจึงคาดว่าเพื่อนของเธอน่าจะทำงานที่ร้านสปาแห่งนี้ด้วยกันสักระยะก่อนอย่างแน่นอน
.........................................................
19.00 น.
เมื่ออาบน้ำ แล้วเผลองีบไปด้วยความเหนื่อยล้า เมื่อตื่นขึ้นมาก็ได้เวลานัดรายงานตัวกับเจ้าของร้านสปาแล้ว เธอจึงรีบเปลี่ยนเป็นชุดกางเกงยีนสีซีด เสื้อยืดสีขาวถูกสวมทับด้วยเสื้อกันหนาวสีดำตัวใหญ่ที่หล่อนซื้อมาจากตลาดมือสอง แม้ว่ามันจะดูเก่า แต่คุณภาพการให้ความอบอุ่นแก่ร่างกายยังคงทำงานได้ดี
เรียมนั่งข้างๆ พี่ดาวบนโซฟาสีแดง ถัดไปจากโซฟา มีชายร่างท้วมผู้หนึ่งกำลังนั่งพ่นซิก้าร์หลังโต๊ะทำงาน เอนหลังไขว้เท้าทั้งสองไว้บนโต๊ะ พุงกระเพื่อมขึ้นลงสม่ำเสมอ ดวงตาสีน้ำตาลมองเด็กสาวสีน้ำผึ้งอย่างพินิจรูปร่างของเด็กสาวที่ได้มาใหม่
คนนี้คงจะชื่อ “เรียม” ตามคำบอกเล่าของดาวนี่ แต่ไม่รู้ว่าทรวดทรงที่เร้นใต้เสื้อกันหนาวจะอวบอัดทำเงินให้กับร้านได้มากแค่ไหน เขาอยากจะเห็นเด็กสาวอีกคนที่รับรู้ว่าชื่อ เอ็มมี่ อยากจะรู้นักว่าจะสาวสดสักแค่ไหน นี้คงจะเป็นเหยื่อถูกดาวนี่หลอกมาเป็นทาสกามให้กับร้านของเขา เพียงเขาเสนอเงินให้หล่อนมากหน่อย ดาวนี่ก็สนองต่อเขาในทุกอย่างที่เขาต้องการแม้แต่การขายเพื่อนร่วมชาติ !
เรียมเริ่มขยับ เพราะรู้สึกอึดอัดกับสายตาของชายวัยใกล้ 40 ที่จับจ้องมองเธออย่างเปิดเผย แม้ว่าเธอจะพยายามคิดว่าเป็นสายตาของนายจ้างที่กำลังประเมินลูกจ้างว่าสมควรได้รับงานหรือไม่ แต่สายตาโลมเลียที่เขามองมามันยังชวนให้รู้สึกอึดอัด และระแวง จนหล่อนเริ่มไม่แน่ใจว่ายังอยากทำงานกับร้านสปาที่ใหญ่ที่สุดในเมืองนี้หรือไม่
“เป็นอะไรจ๊ะเรียม”
พี่ดาวถาม เมื่อเห็นหญิงสาวเดี๋ยวขยับ เดี๋ยวชะเง้อ
“มันผ่านเวลานัดมาโดนแล้ว หยังบ่เห็นเอ็มมี่มาเลย ให้เรียมไปตามบ่จ๊ะ?”
เรียมพูดสื่อภาษาอีสาน อยากปลีกตัวออกจากสายตาที่จับจ้องเธอราวกับจะกลืนกิน
“โน่นแน่ะ เพื่อนเธอมาแล้ว”
พี่ดาวพยักพเยิดให้ดูสาวสวยในเสื้อคอเต่าสีขาว กางเกงรัดรูปสวมทับด้วยเสื้อโค้ทสีน้ำตาล ราวกับโขลกออกมาจากแม็กกาซีน เรียมยิ้มกว้างเต็มหน้า ที่เห็นเพื่อนสาวยอมมารายงานตัวเพื่อทำงานด้วยกัน
เมื่อสาวสวยผู้มาใหม่กระแทกก้นลงโซฟา ชายผู้นั่งหลังโต๊ะ วางซิการ์และเท้าลง แล้วลุกขึ้น ผายมือออกแล้วกล่าวขึ้น
“ยินดีต้อนรับสาวสวยทั้งสองท่าน คุณเรียมและคุณเอ็มมี่ ร้านสปายินดีต้อนรับสาวสวยจากแดนตะวันออกทุกคน ผม –อีวาน รามานอฟ- เจ้าของร้านสปาแห่งนี้”
เจ้าของร้านเอ่ยชื่อพนักงานใหม่ได้อย่างถูกต้อง ดวงตาเล็กหยีคู่นั้น จับจ้องเอ็มมี่เป็นพิเศษ
“ขอบคุณค่ะ ท่านรับเราสองคนเข้าทำงานแล้วหรือคะ ?”
เรียมถามขึ้นด้วยภาษาอังกฤษ ทั้งตื่นเต้นและดีใจที่จะได้ทำงาน
“ใช่ ! และเราต้องเริ่มงานกันคืนนี้เลย !”
“คืนนี้ !”
ทั้งเอ็มมี่และเรียม ต่างตะโกนขึ้นพร้อมกัน
“ใช่ ! คืนนี้”
“ร้านสปาไม่ได้เปิดตอนเช้าหรือคะ ?”
เรียมซักต่อ
“ร้านสปาเปิดตอนเช้าสำหรับสาว ๆ ที่มีแรงเหลืออยากจะทำงานพิเศษเพิ่ม แต่งานหลักของพวกเธอคือสนองความต้องการของบุรุษเพศ”
“หมายความว่ายังไง ?”
เอ็มมี่แว้ดขึ้น
“ดาวนี่ไม่ได้บอกพวกเธอหรือว่า จะรับเข้าทำงานเป็นหญิงขายบริการ”
เสียงทุ้มแหบกล่าวเนิบ ๆ ราวกับว่าเขาต้องตอบคำถามเหล่านี้ด้วยความเคยชิน
“หญิงขายบริการ ก็เท่ากับจะในเราขายตัวนะสิ !”
เอ็มมี่ตวาดขึ้นพร้อมกับดีดตัวลุกจากโซฟา
“ฉันไม่ทำ !”
“ฉันก็ไม่ทำ !”
สองสาวจากแดนอีสานประกาศก้อง แต่ชายผู้เป็นเจ้าของร้านหัวเราะฮึ ๆ ในลำคอ แล้วเอ่ยอย่างสบาย ๆ ว่า
“พวกเธอเข้าอเมริกามาด้วยวีซ่านักท่องเที่ยว ถ้า 6 เดือน หากพวกเธอไปทำงานที่อื่น จะมีใครเขากล้ารับเข้าทำงาน หรือต่อให้รับไม่นานพวกเธอก็จะกลายเป็นแรงงานเถื่อนที่ผิดกฎหมาย ถูกตำรวจจับ แม้แต่บ้านเกิดเมืองนอนเธอก็อย่างหวังว่าจะได้กลับ”
“นี่คุณขู่พวกฉันรึ?”
เรียมตวาดกลับสำเนียงภาษาอังกฤษชัดถ้อยชัดคำ แม้หล่อนจะดูเป็นเด็กสาวใสซื่อ แต่เมื่อต้องเผชิญกับสิ่งที่ไม่เป็นธรรม หล่อนก็ไม่ยอมให้ใครรังแกได้
“ไม่ได้ขู่ แค่เล่าความจริงให้ฟัง ฮึ ฮึ”
อีวานหยิบซิการ์ขึ้นมาพ่นต่ออย่างสบายใจ
“เอื้อยดาว ! เรียมบ่เฮ็ด หัวเด็ดตีนขาดหนูกะบ่เฮ็ด !”
เรียมหันไปบอกกับพี่สาวบ้านเดียวกัน เสียใจอย่างสุดซึ้งที่ถูกคนบ้านเดียวกันหลอกให้มาขายตัว
“ถ้าไม่ทำ ก็คืนเงินค่าทำวีซ่า และค่าตั๋วมาทั้งหมดก็แสนกว่าบาทเอง”
สาวที่นั่งไขว่ห้างพูดด้วยทีท่าสบายๆ
เรียมกัดฟันจนเจ็บ! เจ็บใจที่ทั้งแม่และตนหลงเชื่อป้าเดือนที่ถูกพี่ดาวหลอกต่ออีกทอดว่าทำงานที่ร้านสปาหรูรายได้งาม ที่แท้พี่ดาวก็เป็นแม่เล้าคอยหาเด็กสาวๆ ป้อมเข้าสู่วงการค้ามนุษย์!!!
“เงินแสนเดียว ! ฉันมีปัญญาจ่าย !”
พูดจบเอ็มมี่ก็กระทืบเท้าแล้วหมุนตัวจะออกไปจากห้อง
เรียมได้แค่ยืนนิ่ง มือชื้นไปด้วยเหงื่อ ครอบครัวของหล่อนไม่ได้ร่ำรวยเหมือนกับเอ็มมี่ หัวใจของเรียมเริ่มเต้นแรงหล่อนไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกคนใกล้ตัวหลอกมาขาย ถ้าหล่อนหนีไป แม่ก็ต้องมีหนี้เป็นแสน แต่ถ้าหล่อนขายตัวที่นี่หล่อนก็เท่ากับตายทั้งเป็น
“เอื้อยดาว เห็นแก่ความเป็นพี่น้อง เอื้อยให้หนูเฮ็ดหยังกะได้ที่บ่ขายตัวได้บ่ ?”
เรียมยื่นข้อเสนอผสมความวิงวอน สื่อด้วยภาษาอีสานเพราะไม่ให้อีวานรับรู้เรื่องที่หล่อนต่อรอง
“เสียใจ ตำแหน่งอื่น ๆ เต็มหมดแล้ว เหลือแค่ตำแหน่งนี้อย่างเดียว !”
พี่ดาวยื่นคำขาด
กรี้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
เรียมหันขวับไปยังเสียงกรี้ดร้องนอกห้อง
“เอ็มมี่”
หล่อนเรียกชื่อเพื่อนสาวด้วยความตกใจ เกิดอะไรขึ้นกับเพื่อนของเธอ ! ! ! !
“ปล่อยนะ ! ปล่อยฉัน ! ไอ้พวกบ้า กรี้ดดดด”