5. ล็อบบี้ยีสต์

1250 Words
“เอามันออกจากเตียง” “คะ” พรึ่บ! ทันทีที่ผ้านวมผืนหนานุ่มผืนนั้นถูกกระชากออก ร่างน้อยอรชรไร้อาภรณ์ใดๆ ปกปิดก็เผยชัดต่อสายตาชายหนุ่ม เขามองสำรวจจนเกิดอารมณ์จากนั้นหญิงสาวก็ถูกกดลงกับเตียงกว้างหลังเดิม ร่างสมบูรณ์แบบอย่างคนดูแลมาอย่างดีแทรกตัวเองคุกเข่าลงระหว่างกลางกายของเธอผู้นั้น ใบหน้าบิดเบ้พยายามข่มตัวเองให้หยุดเบะปากร้องไห้ ชายหนุ่มจ้องเธอไม่วางตาดูว่าหญิงสาวจะให้ความร่วมมือถึงขั้นไหน และเมื่อสินค้าราคาดีรู้หน้าที่ของตนเองแล้ว เขาผู้นั้นก็เริ่มต้นใหม่ อีกครั้ง! ข้อมือบางถูกยึดครองด้วยฝ่ายชายในลักษณะกึ่งบังคับแกมสมยอม กำปั้นชุ่มเหงื่อกางออกกำรอบท่อนเนื้อร้อนของคนเอาแต่ใจ เธอบรรจงชักรูดแผ่วเบาเพื่อให้อีกคนพอใจ ไม่นานมันก็พร้อมใช้งานอีกครั้ง เศรษฐีหนุ่มผู้จ่ายเงินซื้อเธอมาโน้มตัวลงช้าๆ สั่งการด้วยเพียงสายตาที่มีแค่อารมณ์เดียวคือหื่นกระหายบอกให้เธอจับจ่อของร้อนท่อนใหญ่นั้นเข้าในส่วนล้ำลึก อ๊าห์... ใบหน้านิ่งเฉยไร้ความรู้สึกนั้นหลับตาลงและขมวดหัวคิ้วยุ่งชนกัน เม็ดเหงื่อพราวระยับเกาะตามผิวกายกระจ่างใสแม้เครื่องปรับอากาศจะปล่อยความเย็นฉ่ำมาอย่างดีก็ตาม เขากำลังใช้สมาธิทั้งหมดไปกับส่วนรัดรึงแน่นกระชับจนตัวเองแทบคลั่งตาย น่าโมโหที่เขาพึ่งใจไปกับค้าประเวณีของสาวแรกแย้ม ไม่ว่าเธอต้องการจะเอาเงินน้อยนิดนั้นไปทำอะไรก็ตาม แต่สำหรับคนมากประสบการณ์แล้วราคานี้มันถือว่า 'โคตรคุ้ม' “ฮัลโหลโบว์!” “อ้อ! ว่าไงจัส” “แก! พลอยหายากของบริษัทเรามีกี่ชนิดนะ” “สามถึงสี่ชนิดนี่แหละไม่ชัวร์” “แล้วแบรนด์ที่อยู่ภายใต้ศิขรินละ มีเท่าไรหึ่ม” “อ๊ะ! เอสอาร์อย่างเดียวนี่หน่า มีแบรนด์อื่นด้วยเหรอจัส เราไม่เห็นข้อมูลนะ ตายแล้วๆ นี้เราเผลอข้ามหน้าไหนไปรึเปล่าเนี้ย” สมองตันๆ แบกความคิดไว้หลายอย่างจนเริ่มเหนื่อยล้า งานใหม่ภายใต้ศิขรินนี้หนักหนาเอาการ และการไต่อันดับของเกรดซีห้านั้นก็ยากสุดๆ ด้วยเช่นกัน อดีตฝ่ายขายเครื่องประดับประจำภาคกลางเจ้าของรางวัล Best saler อันดับหนึ่งของบริษัทเล็กๆ ที่โบว์จากมานี้ถือว่าเธอโชคดีกว่าคนอื่นแล้ว เพราะเท่าที่แอบได้ยินคนอื่นหลุดพูดเรื่องตัวเองว่า บ้างก็เป็นเซลล์เครื่องมือแพทย์ เซลล์ซูเปอร์คาร์ นายหน้าประกันในรูปแบบต่างๆ รวมไปถึงเครื่องชูกำลังและสุราจากค่ายทั้งน้อยและใหญ่คละเคล่ากันไป หญิงสาวพยายามสลัดความทรงจำอันโสมมที่ติดเป็นปมอยู่ในใจและภาระที่ติดหนึบจนแยกออกได้ยากกลับมามุ่งสนใจแต่งาน “แก! ตั้งใจหน่อย” “อืม! รู้แล้วๆ” “นี้สาว! ข่าวเด็ดข่าวด่วนจ้ะ รู้ไหมว่านางเอสองมัน Gone ไปแล้วจ้ะ” “หมายถึงอะไรปิ่น” “วันก่อนที่คุณบัสมาไงจำได้ไหม ฉันว่าเขามาซื้อตัวมัน ระดับคุณบัสมาดีลใครไม่เคยพลาดสักรายจริงๆ นับถือเลย” “สรุปนางเอสองเหรอ! พูดก็พูดเถอะน่าอิจฉามันนะพวกแกว่าไหม” “นางโบว์” “ห้ะะ...!!” จัสกับปิ่นคุยกันในเรื่องที่โบว์ไม่เข้าใจ จริงๆ แล้วทั้งคู่มักพูดคุยเรื่องที่โบว์ไม่เข้าใจแทบจะตลอดเวลา “แล้วเขาไปไหนเหรอ” “เพิ่งจะได้คำถามฉลาดๆ จากนางคนนี้ก็นี่แหละนะ ประเด็นก็คือ จะมีบริษัทไหนให้ข้อเสนอดีกว่าศิขรินวะ” ปิ่นตบหัวเข่าแป๊ะ แน่นอนว่าปิ่นเองก็ถูกซื้อตัวมาจากสังกัดเดิมด้วยค่าจ้างเท่าตัวเช่นเดียวกัน และเงินเดือนขนาดเธอนั้นก็เทียบเท่าระดับผู้จัดการบริษัทบางบริษัทด้วยซ้ำไป “อ้าวเกรดบีทั้งสองมาทำอะไรตรงนี้ค่ะ ไปดูงานตัวเองซะไป โบว์ตามพี่มาที่ห้องนะ” “คะ!?” จัสบีหนึ่งกับปิ่นบีสองแยกย้ายไปคนละทางเพราะผู้จัดการสาวใหญ่มาตามเบญฤดี เจ้าตัวเดินมองแผ่นหลังตรงเหยียดไปอย่างเงียบๆ และเต็มไปด้วยความสงสัย ซึ่งในวินาทีต่อมาทุกอย่างก็เพิ่มเท่าทวี “สวัสดีครับคุณเบญฤดี จำผมได้มั้ย” “ได้ค่ะ” “เป็นไงบ้าง ชอบที่นี่ไหมครับ” “ก็ไม่ถึงกับชอบนักหรอกค่ะ แต่ก็ดีกว่าบริษัทเดิม” “ชู่ว...เขาห้ามบอกเรื่องส่วนตัวกันจำได้มั้ย” “อุ๊ย!” ฮาๆๆๆ ชายหนุ่มใบหน้าขาวใสเกลี้ยงเกลาหัวเราะรวนจนตาหยีที่แกล้งเบญฤดีได้ โบว์จะกลัวไปไยในเมื่อชายคนนี้เป็นคนไปซื้อตัวเธอมาเองจากผู้จัดการพุงกลม “คุณบัสก็ แกล้งคนอื่นเก่งเสียจริงนะ” ผู้จัดการสาวใหญ่พูดขึ้นในขณะที่โบว์ยังทำหน้าเหวอกับความผิดพลาดของตัวเอง “บางคนพอได้แกล้งแล้วสนุกดี เหมือนพี่จิกไงครับ” “พอๆ นี้เวลางานน้องโบว์นะมีอะไรรีบๆ คุยแล้วกัน” “ครับ! ผมไม่รบกวนนานแน่นอน ขอบคุณมากนะครับพี่จิก” ไขข้อข้องใจแล้วว่าคนตรงหน้านี้คือใครแต่โบว์ก็ยังไม่รู้ว่าเหตุใดล็อบบี้ยีสต์ไร้สังกัดคนนี้ถึงมีธุระกับเธอ มองในแง่ดี อาจมีที่อื่นต้องการซื้อตัวโบว์และก็อาจจะเสนอเงินเดือนที่สูงกว่าอีกหนึ่งเท่าตัว “โอเคครับโบว์ มาคุยเรื่องของเรากัน” ชายหนุ่มเปิดแฟ้มของเบญฤดีขึ้นมา ในนั้นมีสัญญาลงนามด้วยลายมือครบถ้วนทุกใบแล้วว่ายินยอมทำตามทุกเงื่อนไขอย่างไม่มีข้อแม้ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตของผู้ให้สัญญา เอกสารชุดนี้เจ้าตัวจำได้พอประมาณ เพราะเธอไม่ได้อ่านข้อความภายในเลยเอาลงเซ็นจนครบทุกตำแหน่ง “วันนั้นผมไม่ตรวจเช็กเอกสารก่อนให้โบว์เซ็นเองต้องขอโทษนะครับ ที่มาวันนี้ผมจึงรบกวนให้ช่วยเซ็นรับทราบเพิ่มอีกใบ” ว่าแล้วล็อบบี้ยีสต์ก็ส่งกระดาษให้เธออีกครั้ง “โบว์ขออ่านก่อนได้ไหมคะ” “ทำไมจะไม่ได้ละ โบว์อ่านเร็วจะตายไป” “อ่า...” คนฟังรู้สึกเขินกับคำชม ถ้าบัสพูดถึงวันที่เซ็นสัญญากันตอนนั้นโบว์แทบไม่มองอะไรนอกจากลงลายเซ็นของตัวเอง วันนี้จึงไม่อยากพลาดซ้ำ “อ อะไรกันคะเนี้ย ค คุณบัส” “ทำไมครับ” “สัญญาพวกนี้คือ...” “มันก็สัญญาซื้อขายทั่วไปนี้แหละ อย่าไปมันสนใจเลยว่าสินค้าคืออะไร” ชายหนุ่มเจ้าของรอยยิ้มทรงเสน่ห์นั้นเปลี่ยนไปสิ้นเชิง ล็อบบี้ยีสต์แสดงสีหน้าเอือมระอากับกระดาษแผ่นนั้น ราวกับว่ามันคือของเสียที่ไม่น่ามอง “ยังไงซะ! ผมมาเพื่อเคลียร์ปัญหาให้จบ สัญญาใบนี้จะให้โบว์เซ็นยินยอมว่าจะไม่เผยแพร่ข้อความดั่งกล่าวในชุดแรก ปกติผมก็ไม่ค่อยให้ใครเซ็นนะครับเพราะว่ามันการันตีอะไรไม่ได้ ตัดไฟตั้งแต่ต้นลมง่ายกว่า ผมเป็นพวกขี้เกียจมาตามแก้แล้วแก้อีกบ่อยๆ” นัยน์ตาดุร้ายแบบนี้ที่โบว์เคยได้รับ มันเป็นแววตาของคนโหดเหี้ยมที่ดูไร้วิญญาณหากจะเห็นคนสักคนดิ้นตายต่อหน้า อีกครั้งที่บัสส่งปากกาหรูดูออกว่าแพงมาให้ “รีบเซ็นให้มันจบๆ”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD