บทที่ -๑- มังกรของข้า มันเป็นของเจ้า

2048 Words
บทที่ -๑- มังกรของข้า มันเป็นของเจ้า ในพระราชวังแคว้นอวี๋ ในครานี้มีการคัดเลือกพระสนมคนใหม่ของฮ่องเต้ มีลูกท่านหลานเธอมารับการคัดเลือกเป็นจำนวนมาก เพราะข้าราชบริพารต่างหวังความยิ่งใหญ่ให้แก่วงศ์ตระกูลของตนทั้งนั้น ใครบ้างที่ไม่อยากยิ่งใหญ่ ไม่อยากได้ยศศักดิ์และอำนาจเงินทอง ในการนี้มีบุตรีของท่านราชครูหมิงลี่ฉู นามว่า หมิงไป่ลู่ก็ได้รวมกับสตรีอื่นเช่นกัน ด้วยหน้าตาที่สวยสดงดงามผิวพรรณนวลเนียนรูปร่างสะโอดสะองเย้ายวน อรชรอ้อนแอ้นและอวบอิ่มด้วยวัยสาว นับอายุอานามก็ได้สิบแปดปีพอดิบพอดี ในครานี้หมิงไป่ลู่ได้เข้ารับการคัดเลือกสนมด้วย เหตุเพราะบิดาของนางร้องขอมา ซึ่งตนนั้นไม่ได้อยากเป็นพระสนมแม้แต่นิด นางสวดมนต์อ้อนวอนให้เทพเจ้าเห็นใจ อย่าให้ได้รับการคัดเลือก ทว่า เทพเจ้ากลับใจร้าย นางถูกเลือกเป็นคนแรก จึงทำให้หมิงไป่ลู่เกิดอาการเซ็งจับใจ แม้จะไม่มีแม่สื่อมาสู่จอไปเป็นฮูหยินของคุณชายตระกูลสูงศักดิ์ทั้งหลาย แต่นางก็ไม่อยากเป็นเมียน้อยใคร ถึงผู้ที่ได้ครอบครองกายเป็นถึงเจ้าแผ่นดินก็เถอะ!!  แต่เพราะขัดคำสั่งของบิดาไม่ได้จึงเข้ามาสมัครด้วยเมื่อได้รับการคัดเลือกแล้ว ว่าที่พระสนมคนใหม่ต่างก็เข้าเรือนที่พัก ก่อนจะได้รับแต่งตั้งเพื่อทำการถวายตัวในวันพรุ่งนี้ ยามจื่อ(23.00-24.59 น.) ยามรัตติกาลอันมืดมิด มีเงาลึกลับสูงใหญ่หลายเงาได้ย่างเท้าเข้ามาในห้องนอนของพระสนมคนใหม่ ซึ่งนอนบนเตียงเรียงรายกันอยู่นับสิบคน ขาอันแข็งแรงก้าวมาอย่างมั่นคงและไร้ซึ่งเสียงของการเดิน ตามหลังด้วยบุรุษวัยฉกรรจ์อีกเจ็ดคน เฝ้าคอยระแวดระวังพร้อมจะห้ำหั่นต่อศัตรูที่เข้ามาทำอันตรายต่อผู้อยู่เบื้องหน้า หลังจากเข้ามาแล้ว จึงเดินมาดูตามเตียงต่าง ๆ จนกระทั่งหยุดอยู่ข้างเตียงของว่าที่พระสนมหมิงไป่ลู่ บุรุษลึกลับผู้นั้นจับจ้องใบหน้างดงามของบุตรีท่านราชครูหมิงลี่ฉูนิ่ง ๆ แต่แววตาวูบวับ หลังจากสำรวจคนนอนหลับจนพอใจจึงทำสัญญาณให้บุรุษทั้งเจ็ดออกไปรออยู่นอกห้อง เมื่อคนของตนออกไปจนหมดจึงนั่งลงบนเตียงหลังเล็กอย่างระมัดระวัง เกรงว่าคนงามจะตื่นก่อน ไม่เช่นนั้นอาจจะอดเอาได้ ชายปริศนามองไปรอบ ๆ กาย ท่ามกลางความมืดมิดแต่กลับเห็นได้ชัด เพราะมีปราณระดับสูง มองแล้วครุ่นคิด พลันยกมือขึ้น สะบัดเพียงครั้ง ทุกอย่างก็เงียบงัน ราวกับอยู่ในป่าช้า เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยดังใจนึก บุรุษร่างสูงใหญ่จึงก้มหน้าลงไปจูบหน้าผากเนียน ลากปากหนาสีสวยไปจูบแผ่วเบาตรงแก้มนวลหอม ก่อนจะฉกลงบนกลีบปากอิ่มฉ่ำน้ำของสนมคนงาม แล้วทำการเคล้นคลึง บุตรสาวท่านราชครูหมิงลี่ฉูกำลังอยู่ในห้วงนิทรา ก็พลันสะดุ้งตื่นขึ้นมา แต่แล้วต้องตกใจถึงสุดขีด เมื่อจักษุกลมสวยเห็นได้ชัดว่ามีใครบางคนกอดจูบลูบไล้ไปทั่วร่างบางอันเย้ายวนของตน หัวใจดวงเล็กแทบจะหยุดเต้น ความหวาดหวั่นในโทษทัณฑ์ที่จะได้รับฉายชัดในดวงตาคู่งาม จึงได้แต่ผลักดันคนร่างหนาให้ออกไปจากตัวของตน “อื้อ ปละ ปล่อยข้านะ” สนมคนงามดิ้นรนแต่ยากจะหลุดพ้นจากอ้อมแขนแกร่งนี้ เปรียบได้ว่า ยิ่งดิ้นยิ่งรัดแนบแน่นขึ้นกว่าเดิม จึงเปลี่ยนมาใช้วิธีขยุ้มเส้นผมสุดแรงเกิด ทว่ากายสูงใหญ่ยังคงไม่ไหวเอนราวกับหินผา “เจ้าจะดิ้นรนไปไย ไม่มีผู้ใดช่วยเจ้าหรอกนะ” ปากหนาได้รูปกดจูบกลีบปากงามอีกครั้ง “อะ ท่านปล่อยข้านะ ข้าไม่ใช่หญิงคณิกานะเจ้าคะ ข้าเป็นว่าที่สนมของฮ่องเต้ ท่านปล่อยข้าได้แล้ว ถ้ามีผู้ใดรู้ว่าท่านทำเช่นนี้ จะถูกลงโทษได้รวมทั้งข้าด้วย” คนงามเอ่ยแผ่วเบาเสียงแหบแห้ง “แค่ว่าที่พระสนม ยังไม่ได้รับการแต่งตั้ง อีกอย่าง ต่อให้เจ้าเป็นพระสนมหรือกุ้ยเฟยข้าก็จะทำเช่นนี้อยู่ดี และไม่มีผู้ใดกล้าลงโทษเจ้าแน่ ๆ” น้ำเสียงหนักแน่นมั่นคง แต่บุตรีท่านราชครูไม่ฟัง จึงดันใบหน้าเขาให้ไกลห่าง พร้อมทั้งเขยิบหนี แต่เพราะเตียงนอนนั้นเล็กมาก ขยับได้เพียงสองครั้งก็จะร่วงลงพื้น ร่างหอมละมุนจึงหยุดนิ่ง หันมองคนบุกรุกอย่างหวาด ๆ “เจ้าจะหนีไปไหน หมิงไป่ลู่” คนงามตะลึงเมื่อคนตัวโตรู้จักชื่อของนาง “ทะ ท่าน ท่านรู้จักชื่อของข้าได้อย่างไร” ถามอย่างงง ๆ “ไม่มีอันใดที่ข้าจะไม่รู้ โดยเฉพาะเรื่องของเจ้า” “…..” หมิงไป่ลู่กล่าวอันใดไม่ออก จึงได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ “เจ้าเป็นของข้าเถิดนะไป๋ลู่” ขอกันตรง ๆ เลยแล้วกัน ว่าที่พระสนมคนใหม่ตาโต หัวใจเต้นโครมคราม เหตุใดถึงมาขอค่ำคืนวสันต์สวาทกับนางได้อย่างหน้าตาเฉยเช่นนี้นะ แล้วนางควรจะตอบกลับไปอย่างไรดี “ข้าคงให้ท่านไม่ได้ เพราะข้านั้นเป็นพระสนมของฮ่องเต้ พรุ่งนี้ข้าต้องเข้าพิธีรับการแต่งตั้งแล้ว ในยามราตรีข้าจะต้องถวายงาน ถ้าเกิดฮ่องเต้ทรงล่วงรู้ว่าข้ารักษาพรหมจรรย์ไม่ได้ ข้าจะมีโทษถึงตัดคอเอาได้นะท่าน ท่านกลับไปเถิด เรื่องในคืนนี้ ข้าจะคิดว่าข้านั้นฝันอยู่ ขอแค่ท่าน กลับไปก็พอ” คนงามหวาดกลัว “ไป่ลู่ไป่ข้าบอกเจ้าแล้วอย่างไร ว่าไม่มีผู้ใดจะมาทำอันใดเจ้าได้ ตราบใดที่มีข้าอยู่กับเจ้า ทั้งแผ่นดินนี้จะไม่มีภัยอันตรายใด ๆ มากล้ำกรายเจ้าแน่นอน” ชายปริศนาให้คำมั่น แต่นางกลับไม่เชื่อ ใครจะเชื่อชายที่เพิ่งพบกันยังไม่ถึงครึ่งเค่อกันเล่า ถ้าเชื่อ ตนคงเป็นคนวิปลาสแน่แล้ว “ไม่เจ้าค่ะ ท่านกลับไปได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ข้าจะร้อง เหล่าทหารคงกรูกันเข้ามาจับท่านไปลงโทษอย่างแน่นอน” ดันอกแกร่ง แต่คนตัวสูงกลับหน้ามึน โน้มใบหน้าลงมาแล้วจูบคนตัวบางอย่างโหยหิว  “อื้อ ทะ ท่าน” แม้จะดิ้นรน แต่ทว่าสู้แรงชายร่างใหญ่โตไม่ได้ แถมมือแข็งแกร่งยังจับมือนุ่มนิ่มไปวางทาบทับมังกรตัวเขื่อง ที่พอถูกสัมผัสจากสิ่งแปลกปลอมอันหอมกรุ่น มันจึงขยายตัวเต็มที่ พร้อมออกมาสู้ศึกอย่างอหังการ “… อะ ท่าน” หมิงไป่ลู่ตกใจตาโต รีบสะบัดหน้าหนีจนหลุดพ้นจากจูบของคนตัวโต “มังกรของข้า มันเป็นของเจ้า เจ้าจงขยำมันแรง ๆ เพราะว่า มันชอบมาก” น้ำเสียงหื่นจัด พระสนมคนใหม่ส่ายหน้า จู่ ๆ มาขอกันเช่นนี้ตนรับไม่ได้ “มะ ไม่ ข้ากลัว ท่านปล่อยข้าเถิดนะ” สนมคนงามหวาดกลัวความยิ่งใหญ่ อีกทั้งโทษที่จะตามาจนคุมสติแทบไม่อยู่ “เจ้าจะกลัวอันใดไป๋ลู่ ไม่มีอันใดที่เจ้าจะต้องกลัวแม้แต่น้อย” ยังไม่รู้ตัวอีก คนร่างนุ่มนิ่มตาขวาง สะบัดเสียงเข้าใส่ทันที “ก็มังกรของท่านมันใหญ่มาก อีกทั้งโทษจากฮ่องเต้อีก ข้าจะไม่กลัวได้อย่างไร ท่านกลับไปได้แล้ว ข้าง่วง อยากจะนอน” ไล่อย่างเดียว “ชู่ววววว์ เจ้าไม่ต้องกลัวไป เรื่องโทษทัณฑ์เหล่านั้นไม่มีวันเกิดขึ้นกับเจ้า ส่วนมังกรทองของข้า ถ้าเจ้าได้กินมัน เจ้าจะชอบมันที่สุด ข้ารับรองได้” ชักจูงเก่ง สนมคนงามหน้าร้อนผ่าว ที่จู่ ๆ ชายแปลกหน้าก็มาชวนให้มอบกายเชยชม ผู้ใดจะบ้าทำเช่นนั้นได้เล่า “ท่าน อื้อ ท่านจะบ้าหรืออย่างไร ถึงมาขอให้ข้ามอบกายถวายตัวให้ท่าน เราไม่เคยรู้จักกัน ไม่เคยได้รักกัน ข้าจะยินยอมได้อย่างไร อีกทั้งข้านั้นเป็นพระสนม ไม่กี่ชั่วยาม ข้านั้นจะเป็นของฮ่องเต้แล้ว ท่านควรเลิกการทำเช่นนี้เถิดนะ มันไม่ดี” หมิงไป่ลู่ส่ายหน้าหนี พลางดึงมือของตนออกจากการจับมังกรตัวยักษ์ “ข้าเหนื่อยที่จะอธิบายเต็มที” ก้มหน้าลงมา แต่คนงามไม่ยินยอมโดยง่าย “มะ ไม่ !! ปล่อยข้า” ดันอกแกร่งเอาไว้ สมองคิดหาทางหลบหลีก “เฮ้อ ไป่ลู่ เจ้าฟังข้านะ จะไม่มีผู้ใดมาทำอันใดเจ้าได้ เพราะข้าจะไม่ยินยอม เจ้าจะเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว เหมือนที่ข้านั้น จะเป็นของเจ้าเพียงผู้เดียวเช่นกัน เจ้าเชื่อใจข้าเถอะนะ ข้ามีนามว่า อวี๋ตี้เฟิ่ง เจ้าจำเอาไว้ให้ดี ตอนนี้ เราก็รู้จักชื่อแซ่ของกันและกันแล้ว เจ้ายอมเป็นของข้าเถอะนะ” บอกเสร็จก็กดมือน้อยแล้วคลึงเบา ๆ ให้ส่วนแข็งแกร่งของตนสัมผัสกับมือนุ่มได้อย่างเต็มที่ “อื้อ อะ อวี๋ตี้เฟิ่ง” ขนลุกซู่ ชายผู้นี้มีแซ่เช่นเดียวกับราชวงศ์อวี๋ นี่มันเรื่องจริงหรือเรื่องล้อเล่นกันนะ “ถูกแล้ว ชื่อของข้า อวี๋ตี้เฟิ่ง” จมูกโด่งคมของบุรุษตัวโต กดลงตรงซอกคอหอมกรุ่น แลบชิวหาร้อนจัดตวัดเลีย ส่งความสยิวเข้าสู่กายงามอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว “อื้อ ทะ ท่าน อะ อ่าส์” หมิงไป่ลู่สยิวเสียวซ่านแปลก ๆ ไม่ว่าจะร่างกายอวบอัด หรือช่อกุหลาบอันงดงามของตน มันก็ร้อนวูบวาบ คล้ายรอคอยการสัมผัสเช่นนี้มานานแล้ว “เจ้าเป็นของข้า อ่าส์ หอม คอเจ้าหอมยิ่งนัก แล้วตรงส่วนล่างจะหอมเช่นนี้หรือไม่นะไป๋ลู่” เสียงครางกระเส่าบาดจิตบาดใจคนฟังเป็นที่สุด ไม่พอเพียงแค่นั้น กระบี่ยักษ์ยังคงผงกหัวหงึกหงัก ช่างท้าทายเหลือเกิน แล้วคนร่างอรชรจะทานทนได้อย่างไร “อื้อ ท่าน มังกรท่านมันใหญ่มาก ข้า เอ่อ ข้ากลัว” ในตอนแรกที่ต่อต้าน เพราะหวาดกลัวในอำนาจและบารมีของฮ่องเต้ แต่ถูกคนตัวโตมอบความสยิวให้ ความกลัวมันก็จางหายไป หลงเหลือเพียงแค่กระสันเสียวที่ก่อตัวขึ้นมาจากการเล้าโลมของอีกคนเท่านั้น “เจ้าอย่าได้กลัวไปเลย มังกรของข้ามันอาจดูน่ากลัว เพราะมันใหญ่นัก แต่ถ้าเจ้าได้กินมันทั้งตัว เจ้าจะต้องชอบใจเป็นแน่ ข้ารับรอง” คนลึกลับเอ่ยโน้มน้าวให้ว่าที่พระสนมคล้อยตามด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม แววตาพราวระยับ ในความมืดมิด ที่ไม่รู้ใครเป็นใคร หมิงไป่ลู่จึงทำใจกล้า ค่อย ๆ ลูบไล้มังกรตัวเขื่องไปมา มันตอบรับการสัมผัสนั้นด้วยการดิ้นพล่าน “อ่าส์ ไป๋ลู่ เจ้าขยำมัน ได้โปรด ขยำมันหน่อยนะ มันชอบ” บุรุษปริศนาเว้าวอน สนมคนงามตาโตเผลอสบตากับเจ้าของมังกรยักษ์ แล้วก็ตกลงไปในหลุมสวาทที่คนตัวโตขุดเอาไว้ทันที มือนุ่มนิ่มลองขยำดู แล้วต้องใจเต้นตึกตัก เพราะนอกจากจะดิ้นรนอย่างหนักแล้ว แท่งหฤหรรษ์นั้น ยังพ่นพิษร้ายใส่นางอีกด้วย “อ่าส์ ซี้ดดด” “…..” ด้วยความตกใจ พระสนมจึงรีบยกมือขึ้นมาดู แม้จะไม่เห็นแต่ก็รับรู้ได้ว่า ฝ่ามือน้อย ๆ นั้น เปียกแฉะอยู่นิดเดียว ท่ามกลางสายตาแห่งความหิวโหย กลับระคนไปด้วยความเอ็นดูที่มีต่อเจ้าร่างบางนี้ เพียงคนเดียว “อ่าส์ ใช่แล้ว ไป่ลู่ เจ้าเก่งมาก” เอ่ยชม แม้คนทำจะเงอะ ๆ งะ ๆ แต่กลับเร้าใจของเขาเป็นอย่างมาก
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD