บทนำ

960 Words
ทะเบียนสวาท (นามปากกา อังสวรรณ) บทนำของเรื่อง มือเล็กสั่นเทาอย่างเห็นได้ชัด ขณะเอื้อมไปหยิบปากกาเพื่อเซ็นชื่อลงบนใบทะเบียนสมรส ที่เวลานี้เจ้าบ่าวได้ทำการเซ็นชื่อลงไปเรียบร้อยแล้ว และกำลังจดจ้องมาที่เธอด้วยสายตาเย็นชา และเธอก็สมควรได้รับสายตานั่นอยู่แล้ว ในเมื่อคนที่เธอกำลังจะเรียกเขาว่าสามี มีเจ้าของหัวใจอยู่แล้ว แต่ต้องมารับผิดชอบเธอ เพราะความผิดพลาด! ‘เซ็นไปเถอะดา เพราะยังไงก็หลีกเลี่ยงไม่ได้อยู่แล้ว’ หล่อนเฝ้าพึมพำบอกตัวเองและพยายามจับปากกาให้มั่นคง แต่คำพูดของเจ้าบ่าวก็ดังก้องเข้ามา ทำให้มือเล็กยิ่งสั่นเทา ‘ถึงเธอจะได้ชื่อว่าเป็นเมียที่ถูกต้องของฉัน เธอก็อย่าหวังว่าฉันจะรักเธอ...ณัฐธิดา’ “เกิดจำชื่อตัวเองไม่ได้หรือไง ถึงได้ยึกยักไม่ยอมเซ็นซะที” เสียงของเจ้าบ่าวพูดขึ้นให้พอได้ยินกันเพียงสองคน พร้อมสายตาเย็นชาเช่นเดิม “จำได้ค่ะ” เจ้าสาวคนสวยตอบเสียงแผ่วๆ “งั้นก็เซ็นซะ เพราะเธอเองก็อยากได้ฉันเป็นผัวจนตัวสั่นอยู่แล้ว จะมัวชักช้าอยู่ทำไม หรือเปลี่ยนใจไม่อยากได้ฉันเป็นผัวแล้ว” จบคำเหน็บแหนมของเจ้าบ่าว เจ้าสาวคนสวยก็จรดปากกาลงไปอย่างจำใจ “เธอเป็นสมบัติของฉันแล้ว…ณัฐธิดา” จบคำนั่นปากหยักก็ผุดรอยยิ้มที่ทำให้เจ้าสาวคนสวยหวาดหวั่น “ดาไม่ใช่สิ่งของนะคะ” หล่อนแย้งเสียงสั่นเครือ น้ำตาก็เริ่มรื้นขอบตา “จะใช่หรือไม่ใช่ ก็คอยดูต่อไปแล้วกัน แล้วก็เลิกบีบน้ำตาซะ เพราะฉันไม่มีวันสงสารหรือเห็นใจผู้หญิงร้ายกาจเจ้ามารยาอย่างเธอ” “ถ้าดาร้ายกาจขนาดนั้น แล้วพ่อเลี้ยงมาแต่งงานกับดาทำไมคะ” “หุบปากของเธอไปซะ ณัฐธิดา แล้วก็จำเอาไว้ว่าที่ฉันยอมจัดงานใหญ่โตนี่ก็เพราะคนที่ฉันรักขอร้อง” ไม่ใช่แค่วาจาที่ทำร้ายเธอ แต่สายตานั้นก็เต็มไปด้วยความชิงชังรังเกียจระคนอาฆาตแค้น ณัฐธิดาเมินหน้าหนีสายตาคู่คมนั่นด้วยใจสั่นรัว ยอมรับเลยว่ากลัวมากๆ กับชีวิตแต่งงาน ที่ขึ้นเกิดเพราะเรื่องน่าอับอาย ที่ทุกวันนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าเรื่องบ้าๆ นั่นเกิดขึ้นได้อย่างไร “พ่อเลี้ยง หนูดา” เสียงที่ดังนั่นทำให้บ่าวสาวหันมอง ณัฐธิดาพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ “เรียบร้อยแล้วนะพ่อเลี้ยง อาขอให้หลานทั้งสองมีความสุขมากๆ แล้วก็รีบมีหลานให้อาอุ้มเร็วๆ ด้วยล่ะพ่อเลี้ยง หนูดา” กรองภพ เจ้าหน้าที่วัยกลางคน ที่สนิทสนมกับเจ้าของ ไร่กิตติกานต์ ตั้งแต่รุ่นพ่อจนมาถึงรุ่นลูกพูดขึ้น ก่อนจะส่งใบทะเบียนสมรสแก่สองหนุ่มสาว “ขอบคุณครับ” “ขอบคุณค่ะ” จบคำของบ่าวสาว กรองภพก็ขอตัวกลับ เจ้าบ่าวจึงหันไปทางลูกน้องแล้วบอกให้ไปส่งอากรองภพ จากนั้นพิธีการก็ดำเนินต่อไป จนถึงเวลาของงานเลี้ยงในค่ำ ที่วันนี้มีคนมาร่วมแสดงความยินดีกันมากมาย รวมถึงเป็นอารยา คนรักของพ่อเลี้ยงหนุ่ม ที่เจ้าตัวก็ร่วมแสดงความยินดีกับบ่าวสาวด้วย “แม่ กลับกันได้หรือยัง ฉันเบื่อจะตายอยู่แล้วนะ ไม่รู้จะบังคับให้มาทำไม น่าเบื่อชะมัด!” อารยาหันมาถามผู้เป็นแม่ด้วยสีหน้าหงุดหงิด และเบื่อเหนื่อยหน่ายอย่างที่สุด ที่ต้องโดนผู้คนในงานหันมองแล้วก็ซุบซิบกัน อันที่จริงเธอก็อยากจะด่าพวกมันทุกคน แต่มารดาห้ามไว้ “ก็รออีกสักพักเถอะ นี่มันงานแต่งน้องสาวของแกนะยัยอาย ลุกออกไปตอนนี้แขกจะนินทาเอาได้” แต่ใช่ว่าตนจะไม่เบื่อที่ต้องมานั่งปั้นหน้ายิ้มให้กับบรรดาแขกเหรื่อในงาน “แค่เรื่องฉาวๆ ที่นังดาก่อเอาไว้ คนในงานก็นินทาพวกเราจนไม่มีเวลามานินทาเรื่องอื่นแล้วแม่ หรือจะนินทาก็ให้มันนินทาไป ฉันไม่อยากสนใจพวกมันแล้ว” “เอาน่า อยู่ต่ออีกนิดแล้วกัน แล้วค่อยกลับ เพราะแม่ก็เบื่อนั่งปั้นหน้าแล้วเหมือนกัน” “ก็ได้!” คนเป็นลูกรับปากแบบไม่เต็มใจนัก ก่อนจะหันไปมองบนเวที ที่ตอนนี้คนในงานกำลังส่งเสียงเชียร์ให้พ่อเลี้ยงจูบเจ้าสาวคนสวย “จูบเลยพ่อเลี้ยง จูบ! จูบ! จูบ!” เสียงเชียร์จากคนในงานดังระงม ทำเอาเจ้าสาวคนสวยหน้าเริ่มเปลี่ยนสี หล่อนพยายามดึงมือที่ถูกเจ้าบ่าวกุมออก แต่เขากลับจับไว้แน่น “เห็นทีฉันคงต้องจูบเธอโชว์คนในงานซะแล้ว ณัฐธิดา แต่เธออย่าได้คิดเข้าข้างตัวเองว่าที่ฉันจูบเธอ เพราะฉันพิศวาสเธอ” ปากหยักเหยียดยิ้ม แล้วโน้มหน้าลงมาหา “อย่า...พ่อเลี้ยง” เจ้าสาวคนสวยเอ่ยห้ามเสียงสั่นๆ “ก็แค่จูบนิดหน่อย มันคงไม่ทำให้เธอสึกหรอมากนักหรอก ณัฐธิดา” “อย่า พ่อเลี้ยง” เจ้าสาวคนสวยเอนหนี “ถ้าเธอไม่ยอมให้ฉันจูบดีๆ ฉันจะทำให้เธออับอายคนทั้งงาน” เจ้าบ่าวขู่เสียงเข้ม “พ่อเลี้ยง จะ...จะทำอะไร” “กระชากชุดแต่งงานของเธอออกไง แล้วคงไม่ต้องบอก ว่าเธอจะอับอายคนในงานแค่ไหน ที่โดนจับแก้ผ้า” ปากหยักกระตุกยิ้มเหี้ยมแล้วประกบปากจูบ ท่ามกลางเสียงปรบมือดังไปทั้งงานและก่อนที่เจ้าบ่าวจะถอนจูบออกก็ขบกัดริมฝีปากอิ่มจนได้เลือด เจ้าสาวคนสวยเจ็บจนน้ำตาร่วง แต่ก็ต้องพยายามข่มกลั้นน้ำตาเอาไว้ แล้วฝืนยิ้มให้กับคนในงาน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD