"นายพูดจริงหรอ"
ยามเช้าอันแสนสดใสของผมที่ผมควรมีความสุข ถูกแทนที่ด้วยเรื่องกระทันหันจนผมประมวลผลไม่ทัน
"ใช่ อาจารย์ต้องการให้เราไปแก้งานด่วน นายต้องกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด" ผมค้างนิ่ง
ผมพึ่งได้พี่โนเป็นแฟนเอง ยังทำอะไรที่คนเป็นแฟนกันควรทำได้ไม่เยอะเลย
"ต้องกลับเท่านั้นเหรอ รู้ไหมว่าตั๋วเครื่องบินมันแพงแค่ไหนน่ะ" ผมโอดโอยทันที
เพื่อนที่อยู่ปลายสายก็มองผมอย่างจนใจ
"อาจารย์ต้องการให้นายกลับมาจัดการโปรเจคต่อ นายอยากเรียนให้จบเพื่อใช้เวลากับแฟนนี่เพื่ออนาคตที่สดใสกลับมารับชะตากรรมได้ล่ะ” ผมเบะปาก มันก็ถูกของเพื่อนตอนนั้นผมอยากกลับมาหาแพรวให้เร็วที่สุด อยากสร้างอนาคตไปพร้อมกับแพรวเลยพยายามเร่งเรียนเพื่อให้จบภายใน 3 ปี นั่นอาจเป็นเหตุผลที่ผมไม่ค่อยมีเวลาให้แพรวก็ได้
ถึงตอนนี้ผมไม่ได้มีแพรว ผมมีพี่โนผมก็ยังอยากเรียนให้จบโดยเร็วอยู่ แต่ผมยังไม่พร้อมแยกกับพี่โนตอนนี้
“อาจารย์นัดคุยงานวันไหน”
“วันจันทร์หน้า”
ถ้าไม่นับวันเดินทางผมมีเวลาอยู่กับพี่โนแค่ 3 วันเอง
“ตอนนี้ทางนู้นมันช่วงปิดเทอมไม่พาแฟนนายมาด้วยล่ะ”
เป็นข้อเสนอที่ดี แต่พี่โนคงไม่มากับผมหรอกเดี๋ยวรอถามอีกที ตั๋วเครื่องบินราคาเกือบครึ่งแสนแบบนั้น
“อืม เดี๋ยวดูตั๋วก่อนแล้วจะบอกอีกที”
ผมคุยกับเพื่อนอีกสักพักก็วางสายไป ผมโทรคุยกับม๊าเพื่อเลื่อนวันกลับ ม๊าบ่นยาวถึงเหตุการณ์กระทันหันที่เกิดขึ้นแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากทำใจยอมรับ
ผมเดินออกไปด้านนอก ในห้องโถงพี่โนกำลังนอนอ่านหนังสือบนโซฟา พี่แอลกำลังแก้งานในโน๊ตบุ๊คที่พามาด้วย ผมเดินไปทรุดตัวนั่งพื้นวางคางลงกับโซฟาของพี่โน
“เป็นอะไร” พี่โนรับรู้ได้ถึงสิ่งผิดปกติ แต่ดวงตากลมไม่คิดละจากหนังสือมามองผมเลย
“อีก 3 วันผมต้องกลับไปเรียนต่อแล้วครับ”
“เร็วขนาดนั้นเลย”
พี่แอลหันมามองผมทันทีที่ได้ยิน ผมพยักหน้าให้พี่สาวตัวเอง ก่อนถอนหายใจอย่างอึดอัด
ตอนนี้ถ้าคำด่าอาจารย์ในหัวผมสามารถออกสื่อได้ผมจะแบ่งปันคำหยาบกับทุกคน
“อาจารย์ต้องการให้พวกผมไปช่วยแก้โปรเจค พวกพี่ก็รู้ว่าผมตั้งใจจบภายใน 3 ปี ช่วงนี้เลยเป็นช่วงวุ่นวาย”
“งั้นฉันก็พาโนไปเที่ยวกับฉันได้แล้วน่ะสิ”
ผมด่าพี่แอลอย่างไม่ออกเสียง เพราะคำด่านี้ไม่ควรด่าคนแก่สักเท่าไหร่
พี่ผมนี่ไม่คิดจะให้ผมอยู่อย่างสงบเลยใช่ไหม
“ไปทำหน้าที่ของอาร์ตให้เต็มที่เถอะ”
พี่โนยกมือลูบหัวผม ผมยึดมือพี่โนไว้อย่างไม่ชอบใจ
“พี่โนอย่าปันใจให้ใครนะครับ” ผมมองพี่โนอย่างออดอ้อน
“สเปคโนไม่ใช่แบบนายเลยอาร์ต อย่าเอาความเด็กเข้าสู้สิ โนชอบคนที่ดูเป็นคนโตกว่าคนที่แค่พูดก็ทำให้โนสะท้านไปทั้งร่างน่ะ”
“จะตรงสเปคไหมยังไงผมก็เป็นแฟนพี่โนแล้วนะ” ผมเชิดหน้าใส่พี่สาวตัวเอง พี่แอลไม่เคยอยู่เงียบ ๆ ให้ผมได้มีโลกส่วนตัวกับพี่โนเลย
“เนี่ย เป็นซะอย่างเนี้ยจะทำให้โนหลงได้ยังไง โนชอบคนโหดไม่ใช่คนมีนิสัยเด็ก ๆ”
“ผมก็โหดได้น้า”
“จริงหรอ” คราวนี้คนที่พูดไม่ใช่พี่แอล แต่เป็นพี่โนที่มองผมอย่างมีความหวังแทน
นี่พี่แอลพูดจริงหรอเนี่ย
“หึ ๆ โหดใส่โนให้ดูหน่อยสิน้องรัก”
ผมมองพี่โนที่ขยับตัวนั่งมองผมด้วยดวงตาเป็นประกาย ผมจะโหดกับพี่โนลงได้ยังไงผมรักของผมจะตาย
“นิ่งทำไมล่ะ อีกอย่างโนชอบคนที่แสดงความเป็นเจ้าของชัดเจนด้วยนะ ดวงตาโหด ๆ ทุกครั้งที่โนอยู่กับผู้ชายคนอื่นนี่ใช่เลย...ไม่ใช่หึงหวงแบบเด็ก ๆ อย่างนาย”
ก็ผมยังเป็นเด็กอยู่นี่
ยิ่งพี่แอลอธิบายพี่โนก็ยิ่งมีสีหน้าคาดหวัง ผมรู้สึกอึดอัดขึ้นมาเสียดื้อ ๆ
โดยพื้นฐานผมเป็นคนอัธยาศัยดีนะ ผมจะทำตัวโหดใส่พี่โนได้ยังไง
“ช่างมันเถอะอาร์ต เป็นตัวของตัวเองก็ได้พี่โอเค”
แววตาคาดหวังอันสดใสของพี่โนหายไปแล้ว
ผมเหงื่อตกอย่างหนักเลยตอนนี้ใครก็ได้ช่วยผมด้วย
...ผมดึงพี่โนมานั่งคร่อมตักผม ยื่นหน้าเข้าไปประกบปากอิ่ม ไม่ได้ล่วงล้ำเข้าไปมากกว่านั้น ก่อนผละออกมากระซิบข้างหูเล็ก และงับเล่นไปที
“ถ้าพี่โนนอกใจผม ผมจะลงโทษพี่โนนะครับ”
ความเงียบเกิดขึ้นในห้องโถง ผมเริ่มอายแล้วนะทำไมไม่มีใครพูดอะไรเลย
ผมขยับตัวไปมองหน้าพี่โน ริ้วสีแดงปรากฏขึ้นจนหน้าพี่โนเหมือนผลมะเขือเทศ หยดน้ำใสคลออยู่ข้างแก้มพร้อมดวงตาฉ่ำ ความร้อนจากพี่โนแผ่มาถึงผม
นี่พี่โนอายหรอ
“พี่โนครับ...ระหว่างผมไม่อยู่ช่วยเป็นเด็กดีด้วยนะครับ”
บู้ม
ผมว่าผมได้ยินเสียงคนหน้าระเบิด พี่โนยกมือปิดหน้าอย่างน่าเอ็นดู ผมอดหัวเราะท่าทางนั้นไม่ได้
“ว้าว นี่คือสิ่งที่เป็น หรือแค่แสดงเอาใจโนเนี่ย” พี่แอลปรบมือให้กับความสามารถของผม ผมยืดอกอย่างภูมิใจ รั้งพี่โนเข้ามากอดไว้ทั้งตัว
“ผมแค่บอกความรู้สึกของตัวเองในอีกรูปแบบหนึ่งเท่านั้นเอง ผมชอบแบบนี้นะไม่ฝืนดี”
ผมยังคงกอดพี่โนต่อไป รู้สึกพอใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นไม่น้อย ปกติผมจะเป็นแฟนที่อ่อนโยน ยอมแฟนง่ายนะ ถึงแม้สิ่งนั้นจะเป็นบุคลิกที่แพรวสั่งสอนมาแต่ผมก็ทำมันมาตลอดจนนึกว่ามันคือมาตราฐานของผู้ชายที่ผู้หญิงต้องการจนลืมไปเลยว่าสิ่งเหล่านั้นไม่ใช่สิ่งที่ผมอยากทำเลย
ผิดกับสิ่งที่ผมทำเมื่อกี้ผมรู้สึกดี และเหมือนได้บางสิ่งกลับมา...ความมั่นใจในฐานะผู้ชายล่ะมั้ง ไม่ใช่เด็กที่พยายามตามใจแฟน แต่เป็นผู้ชายที่พยายามครอบครองแฟนตัวเองไว้แต่เพียงผู้เดียว มันดูเติมเต็มผมในฐานะผู้ชายแบบแปลก ๆ
ผมมองคนที่ฝังหน้าไว้กับอกผม ใบหู และหลังคอแต่งแต้มด้วยสีชมพูจนผมอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปลูบมัน ดูเหมือนพี่โนชอบที่ผมแสดงอารมณ์ด้านนี้ออกมานะเนี่ย
แต่ถ้าพี่โนอยากให้ผมกลับไปเป็นแฟนสายอ้อนอีกครั้งผมก็ไม่ขัด เพื่อพี่โนผมทำได้หมดนั่นแหละ
“พวกนายมีความสุขมากไปแล้ว แยก ๆ” พี่แอลก็ยังคงเป็นพี่สาวที่เห็นน้องชายมีความสุขไม่ได้ เดินเข้ามาดึงพี่โนออกจากอ้อมแขนผม ผมก็ยอมปล่อยแต่โดยดีพร้อมกับเสียงโทรศัพท์พี่แอลที่ดังขึ้น พี่แอลเบะปากทันทีที่เห็นชื่อสายเรียกเข้า
“ไอ้เด็กเปรต”
ผมเดาได้ไม่ยากเลยว่าเป็นใคร พี่แอลเดินออกไปเพื่อลงไปรับแขกที่ได้รับเชิญมาเมื่อวาน ผมหันไปดูโทรศัพท์พี่โนมันมีสายเรียกเข้าที่ไม่ได้รับหลายสายมาก ดูเหมือนพี่โนจะไม่ชอบเปิดเสียงโทรศัพท์
“พี่โนครับ”
“หืม” พี่โนตอบรับผม ร่างบางนอนพาดโซฟาอีกครั้ง ดูเหมือนพี่โนจะเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวกับนิยายตัวเองแล้ว
“ผมจะทำยังไงให้พี่โนรับสายผมถ้าพี่โนปิดเสียงโทรศัพท์ไว้แบบนี้ ไม่คุยกันจนกว่าผมจะกลับมาผมได้ลงแดงตายแน่ ๆ”
พี่โนเหลือบมองโทรศัพท์ตัวเอง ก่อนจะปลดล็อคมันยื่นให้ผม
“จัดการเองเลย”
ผมมองไลน์ที่ขึ้นจุดแดง 99+ เมื่อเปิดเข้าไปหลังรายชื่อมีรูปลำโพงที่โดนขีดปิดแจ้งเตือนไว้ทุกรายชื่อ
“พี่ไม่เล่นไลน์เหรอ”
“ต้องบอกว่าพี่ไม่เล่นอะไรเลยมากกว่า คนสนิทกันยังไงเขาก็โทรมาอยู่แล้ว”
“ผมจะคอลไลน์มาหานะ พี่ต้องรับสายผมด้วย”
พี่โนไม่คิดสนใจผม ผมเลยใช้มาตรการขั้นเด็ดขาดที่พึ่งเรียนรู้มา ผมคร่อมพี่โนไว้ทั้งตัว สองมือกักพี่โนไว้ใต้ร่างของผม พี่โนมองผมอย่างตื่นตนก ถ้าเป็นแต่ก่อนผมคงผละออกแล้ว แต่ตอนนี้ผมรู้ดีว่าพี่โนชอบที่ผมทำแบบนี้
“ถ้าพี่เมินสายผม ด้วยเหตุผลที่ไม่มีน้ำหนักพอ...” ผมก้มหน้าเข้าหาพี่โน ย่นระยะห่างระหว่างพวกผมลงเรื่อย ๆ
พี่โนมองผมนิ่ง สีหน้าเรียบนิ่งนั่นปรากฏริ้วสีแดงที่ช่วยเรียกความมั่นใจให้ผมมากขึ้น
ทำไมการกระทำของพี่โนถึงได้ทำให้ผมเป็นผมได้ขนาดนี้นะ
ผมก้มไปประกบปากอิ่มนั้นอีกครั้ง แต่คราวนี้ผมได้ล่วงล้ำเข้าไปในปากเล็กนั่น ผมบรรเลงบทจูบจนพอใจก่อนจะผละออก ในหน้าสวยนั้นขึ้นสีจากความอาย และมาพร้อมจังหวะหายใจที่ไม่ปกติ ริมฝีปากอิ่มเปื้อนน้ำใสจนผมอยากกดจูบลงไปอีกครั้งแต่พี่โนหันหน้าหนี ทำให้ผมสัมผัสกับแก้มอุ่นที่ขึ้นสีแทน
พี่โนกำลังทำให้เลือดในกายผมพุ่งพล่านจนผมเริ่มรู้สึกถึงความอันตรายในตัวเอง
“...ผมจะทำมากกว่านี้นะครับ”
พี่โนยกมือขึ้นปิดหน้าอีกครั้ง น่ารักจนใจเจ็บเป็นแบบนี้นี่เอง
“...ในอนาคต...ก็อยากได้มากกว่านี้นะ”
...ผมว่าสถานการณ์ตอนนี้มันอันตรายเกินไปแล้ว
พี่โนกำลังปลุกบางอย่างในตัวผมขึ้นมา ผมกัดฟันกรอดพยายามกดสิ่งนั้นลงไป ผมทิ้งตัวไปกอดพี่โนทั้งตัวเพื่อสะกดอารมณ์ตัวเองผมกอดรัดด้วยแรงทั้งหมดจนพี่โนต้องตบหลังผมให้ผมผ่อนแรงลงหน่อย
“พี่โนกำลังทำให้ผมไม่อยากกลับไปเรียนต่อ” ผมไม่คิดผ่อนแรง ผมพลิกตัวพี่โนขึ้นมาทาบทับบนตัวผม และยังคงเพิ่มแรงตัวเองต่อไป
ให้ตายสิ ทำไมผมบ้าพี่โนขนาดนี้นะ
“พวกนายกำลังทำอะไรกันอยู่” ผมไม่คิดสนใจแขกที่ขึ้นมา ผมยังคงกอดพี่โนต่อไปจนคนทั้งสองจับพวกผมแยกกัน
เนมมองผมอย่างไม่พอใจที่ผมล่วงเกินพี่โน ผมยักไหล่ให้อีกฝ่ายแฟนกันต้องแสดงความรักต่อกันบ้าง
ผมมองสำรวจคนมาใหม่ก็จะสะดุดตากับบางอย่าง
“กระเป๋านั่นคืออะไร” ผมชี้ไปที่กระเป๋าเดินทางที่เนมถือเข้ามาด้วย
“ฉันจะมาค้างที่นี่จนกว่าโนจะกลับบ้าน”
หะ
“ฉันด้วย” พี่แอลเองก็กอดอกพูดยืนยันเสียงแข็ง
เดี๋ยวก่อนสิผมมีเวลาอยู่กับพี่โนมีจำกัดนะ ทำไมสองคนนี้ไม่ปล่อยให้ผมมีความสุขหน่อยล่ะ
ผมหันไปหาพี่โน พี่โนกลับไปอ่านหนังสือตัวเองอีกแล้ว
“...เฮ้อ นอนตรงโซฟาไปละกัน” ผมยอมแพ้ ผมเองก็เคยรับปากพี่โนไปแล้วด้วยว่าผมไม่มีปัญหาถ้าเนมมาอยู่ด้วย ก็ยังดีที่พี่แอลก็ตามมาด้วย
เนมกระแทกตัวนั่งบนโซฟาข้างพี่โนทันที ท่าทางตรงหน้าคือปกป้องพี่สาวเต็มที่เลยสินะ
ผมไม่ถือสากับท่าทางนั้น ผมเดินไปเตรียมจัดการกับกระเป๋าเดินทางของตัวเอง ถึงจะเสียดายที่ต้องห่างจากพี่โนแต่เพื่ออนาคตที่พี่โนจะภูมิใจในตัวผม ผมต้องกลับไปเป็นนักศึกษาต่อ
ผมจัดของที่จำเป็นเอากลับไป ส่วนเสื้อผ้าค่อยจัดตอนวันสุดท้ายก่อนออกเดินทาง
เสียงเคาะประตูดังขึ้น เนมเปิดประตูเข้ามาในห้องส่วนตัวผมอย่างไม่มีมารยาท ผมที่คิดจะเตือนแต่เห็นสีหน้าบึ้งตึงของอีกฝ่ายจึงเลือกที่จะรอฟังสิ่งที่เนมจะพูดแทน
“ไปเก็บแอลให้ห่าง ๆ โนหน่อย” ดูเหมือนแม้กระทั่งกับเพื่อนเนมก็หวงพี่โนแหะ
ผมส่ายหน้าปฏิเสธคำพูดนี้
“ผมก็ชนะพี่สาวตัวเองไม่ได้ ทนเอาล่ะกัน” เนมฮึดฮัดไม่ค่อยพอใจกับคำพูดนี้ของผม
“นายจะไปไหน”
“อีก 3 วันผมต้องกลับไปแก้งาน พวกนายน่าจะใจดีปล่อยให้ผมกับพี่โนใช้เวลาด้วยกันหน่อย”
“หึ ไม่ล่ะ”
ดูเหมือนผมจะเจอคนยินดีที่ผมหายไปอีกคนซะแล้ว เนมเดินฮัมเพลงออกห้องไปเพื่อย้ำเตือนผมว่าการกลับไปของผมสามารถเปลี่ยนอารมณ์บูดของตัวเองได้มากแค่ไหน
ผมว่าเนมควรเป็นน้องชายพี่แอลมากกว่าผมอีก
ผมจัดกระเป๋าต่อไปจนเวลาล่วงเลยไปถึงเที่ยง
“จะไปกินข้าวที่ไหนกัน” ผมถามสมาชิกในห้องผมทั้ง 3 ชีวิต
“ฉันกับแอลหาอะไรกินด้านล่างแล้ว นายไปหาอะไรกินเองเถอะ” เนมตอบผมพร้อมยื่นมือไปปิดปากพี่แอลที่กำลังจะพูดะไรสักอย่าง
ผมมองการกระทำนั้นอย่างไม่เข้าใจ
พี่โนขยับตัวลุกขึ้นหยิบโทรศัพท์ และเดินนำผมออกไป
“พี่ยังไม่ได้กินอะไร ไปหาอะไรกินกัน”
ผมหันไปมองเนมทันที เนมไม่คิดสนใจผม ร่างใหญ่ยังคงพยายามล็อคพี่แอลไว้
“จะไปไม่ไป” เมื่อเห็นผมไม่ขยับไปไหน เนมก็พูดต่ออย่างหงุดหงิดผมรีบเดินจูงมือพี่โนออกไปทันที
“นายจะห้ามฉันทำไม”
“อยากเป็นมารชีวิตคนอื่นเขาหรือไง เป็นคนอยู่ดี ๆ ไม่ชอบ”
เสียงเถียงกันของคนในห้องดังรอดมาถึงพวกผมที่อยู่ในลิฟท์ เมื่อประตูเหล็กปิดลงผมก็หลุดยิ้มออกมา
นี่คือการให้เวลาผมฉบับเนมสินะ
“ซึนดีใช่ไหมละ” พี่โนถามผมด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ดูเหมือนจะชอบการแสดงออกของน้องชายตัวเองพอสมควร
“ครับ” ผมตอบรับ
พวกผมเลือกร้านที่อยู่ใกล้ที่พัก เพราะอากาศประเทศไทยมันร้อนเกินทานทนไหว
ผม และพี่โนเลือกเมนูที่ชื่นชอบมาแบ่งกันกิน พวกผมพูดคุยกันตามประสาแฟน (ไม่ใช่พี่น้องแล้วครับ) สิ่งที่ชอบ สิ่งที่ไม่ชอบ สิ่งที่อยากได้ จนอาหารบนโต๊ะหมดลง
"ผมอยากอยู่กับพี่โนสองคน" ผมบ่นออกมาเมื่อเข้าไปในลิฟท์ของคอนโดตัวเอง
"แต่พี่ชอบนะ ดูครอบครัวกว้างดี"
นี่ผมเป็นครอบครัวไหนของพี่โนละเนี่ย
"ทำไมสมาชิกครอบครัวตรงนี้ต้องมีพี่แอลกับเนมด้วยละครับ" พี่โนมองผม ก่อนจะหันไปมองเลขของลิฟท์
"ดีแล้วนี่ ปกติในโลกของพี่ครอบครัวนี้พี่มีแค่แอลนะ"
แสดงว่าพี่โนไว้ใจผมพอ ๆ กับพี่แอลแล้วใช่ไหม
ผมยิ้มกว้างกับคำพูดนี้ เมื่อถึงห้องเสียงโวยวายของคนสองคนก็ดังลอดออกมาให้ได้ยิน ห้องนั่งเล่นผมยังปลอดภัยอยู่ใช่ไหม
พี่โนเดินเข้าห้องไป สภาพห้องตอนนี้เละเทะมาก โซฟาเคลื่อนตำแหน่ง รีโมตทีวีตกอยู่บนพื้นจนถ่านกระจัดกระจาย ต้นไม้ประดับนอนเอนกระเท่เร่พร้อมดินที่หลุดออกมาจากกระถาง กระเด็นไปโดนพรมปูพื้น ข้าวของกระจัดกระจายเต็มห้อง
ผมมองสภาพห้องตัวเองนิ่งค้าง
ในห้องเนมกำลังปัดป้องของที่พี่แอลโยนใส่ตัวเอง ดูเหมือนเป็นคนโดนกระทำแต่เพียงผู้เดียว แต่ปากยังคงพ่นคำยั่วโมโหพี่แอลให้ของในมือชิ้นใหญ่ขึ้นกว่าเดิม
"ทะเลาะอะไรกัน" พี่โนถามเสียงนิ่ง ผมรู้ว่าพี่โนหงุดหงิด เพราะนิยายสุดรักของพี่โนกระเด็นตกแหมะอยู่ข้างกำแพง เดาได้ไม่ยากว่าเพราะอะไร
สองหนุ่มสาวคนต้นเรื่องชี้มือเข้าหากัน
“หมอนี่เริ่มก่อน/ยัยนี่ผิด”
“ฉันไม่สนหรอกว่าใครเริ่มก่อน ใครเริ่มหลัง ฉันสนแค่ว่าตอนนี้พวกนายสองคนกำลังทำร้ายข้าวของคนอื่น เก็บกลับไปที่เดิมด้วย”
พี่โนยืนกอดอกชี้ตามข้าวของที่กระจัดกระจาย สองคนต้นเรื่องดูเหมือนยังอยากทะเลาะกันต่อ แต่ก็กลัวพี่โนโกรธจึงยอมแยกย้ายช่วยกันเก็บของ...ง่ายดีแหะ
“แล้วทะเลาะอะไรกัน” ผมถามถึงเหตุผลที่ทำให้ห้องผมเละขนาดนี้
“ไอ้เด็กเปรตนี่มันทำให้คนคุยของฉันนึกว่าฉันสวมเขาให้เขา” พี่แอลโวยวาย และเล่าเรื่องทุกอย่าง
สรุปได้ว่าคนคุยของพี่แอลคอลมา แล้วเขาเห็นแอลอยู่กับเนม เลยถามถึงความสัมพันธ์ พี่แอลบอกว่าเป็นน้อง แต่เนมแย้งว่าไม่มีพี่แบบนี้ทำให้โดนเข้าใจผิดว่าเกินเลยกัน พอสายตัดไปพี่แอลด่าเนม แต่เนมไม่คิดสำนึกทำให้เกิดการทำร้ายร่างกายกันขึ้นมา
“แอลเรื่องส่วนตัวทำไมไม่ไปคุยในห้อง ส่วนเนมนายไม่ผิดแต่มันไม่ควร”
“เนมโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนพี่แอล...น่าสงสารนะ”
พี่แอลชี้หน้าผม และเตรียมหยิบของในมือมาทำร้ายผมต่อ แต่เนมเดินเข้ามาจับมือผมท่ามกลางความงงงวยของทุกคน
“ใช่ ฉันน่าสงสารใช่ไหม แค่เป็นน้องของยัยนี่ว่าแย่แล้วเป็นแฟนแย่กว่าอีก”
ผมว่าอันนี้ความรู้สึกในใจจริง ๆ ไม่ได้ซึนแล้วล่ะ
“ไอ้เนม”
เหตุการณ์วุ่นวายกลับมาอีกครั้ง ท่ามกลางเสียงหัวเราะสะใจที่ยั่วโมโหพี่แอลได้ของเนม ดูเหมือนพี่แอลจะเจอคู่ปรับที่สมน้ำสมเนื้อซะแล้ว แต่ประโยคเมื่อกี้ผมว่ามันมีบางอย่างที่ดูทะแม่ง ๆ
ผมน้องพี่แอลนี่นา การที่ผมเป็นน้องพี่แอลมันดูแย่ขนาดนั้นเลยหรอ
ผมมองของในห้องที่ลอยข้ามหัวผมไป และตัดสินใจปัดความคิดนั้นออกไป
ไม่ว่าจะความจริง หรือแค่ต้องการยั่วโมโหพี่แอล ผมก็ไม่สนทั้งนั้น ผมไปหาพี่โนดีกว่า
ตอนนี้พี่โนเข้าไปอ่านหนังสือต่อในห้องแล้ว ผมเดินไปหยิบหนังสือที่เลือกซื้อกับพี่โนเข้าไปอ่านด้วย ผมถือวิสาสะนอนข้างพี่โนบนเตียง
พี่โนไม่สนใจอะไร คนตัวเล็กยังคงอ่านหนังสือต่อไปพวกผมสองคนอ่านหนังสือท่ามกลางเสียงโวยวาย และเสียงของตกจากภายนอกเป็นซาวน์เอฟเฟคให้นิยายของพวกผม ได้อรรถรสดีจริง ๆ
พวกผมอยู่ในห้องนั้นจนอ่านหนังสือเสร็จ เมื่อออกมาสภาพด้านนอกยังคงเละเทะอยู่ แต่คนสร้างเรื่องทั้งสองต่างหลับยัดกันอยู่บนโซฟาตัวใหญ่ เป็นภาพที่แปลกตาสำหรับพวกผม พี่โนแอบถ่ายรูปท่านอนของทั้งสองไว้เป็นที่ระลึกด้วย ถึงแม้จะหันหลังให้กัน แต่ระยะห่างก็ไม่ได้ไกลกัน
เมื่อพี่โนถ่ายรูปจนพอใจพวกผมก็ปลุกทั้งสองคนไปหาข้าวเย็นกินกัน
พวกผมใช้ชีวิตด้วยกันในห้องสี่เหลี่ยมกับคนสี่คน ทั้งนิสัยใจคอที่ดูเข้ากันได้ยาก แต่กับไม่ได้ทำให้คนอื่นอึดอัด ทุกอย่างมันลงตัวในแบบของมันไม่ต้องปรับ ไม่ต้องแสดง ไม่ต้องลืมความเป็นตัวของตัวเอง
มันเป็นการใช้เวลาที่คุ้มค่าสำหรับผม มันคือความสุขที่ผ่านไปไวเสมอ ตอนนี้ผมได้ยืนอยู่หน้าเกตเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับน้านายด์ พี่แอล พี่โน และเนมยืนรอส่งผมอยู่ ผมจับมือพี่โนตลอดเวลาตั้งแต่ก้าวเท้าเข้าสนามบิน ไม่มีใครมารบกวนพวกผม ทุกคนต่างล่ำลากันอยู่ห่าง ๆ ปล่อยให้ผมใช้เวลาอยู่กับพี่โนอย่างเต็มที่
“พี่โนต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะครับ ไม่งั้นผมจะบังคับให้พี่โนมาอยู่กับผม ถ้ามีคนมาวุ่นวายต้องปฏิเสธเขาไปพี่โนมีผมแล้วนะครับ”
“พี่รู้แล้ว” พี่โนตอบรับคำพูดผมด้วยรอยยิ้ม ผมดึงพี่โนเข้ามากอดแน่น
ให้ตายสิ ลักพาตัวมีโทษรุนแรงไหมนะ
“ถ้าผมคอลมา พี่ว่างต้องรับนะครับ แต่ถ้ามันวุ่นวายไปพี่ไม่ชอบต้องบอกผมนะ ไม่ใช่หายไปเลย” พี่โนพยักหน้ารับ
เสียงประกาศบอกไฟท์บินของผมถึงท่าอากาศยานแล้ว เพื่อให้ทุกคนเตรียมตัวรอขึ้นเครื่อง
ผมเดินไปรอน้านายด์ พี่แอล ก่อนจะมองเนม
“ถ้ามีอะไรบอกผมด้วยนะ” เนมไม่ตอบผม ทำเพียงแค่ส่งมือมาจับลาผมเท่านั้น ถึงแม้ผมจะเรียกเนมว่าเพื่อนไม่ได้ แต่ผมมั่นใจว่าเนมจะดูแลพี่โนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะในฐานะน้องชาย หรือคนซึน
ผมหันไปกอดลาพี่โนอีกรอบ และเดินเข้าเกตกับม๊าไป พี่แอลโบกผ้าเช็ดหน้าน้ำตาซึม ดูเหมือนเสียใจที่ผมต้องเดินทาง แต่ความจริงในใจพี่แกลิงโลดกว่าใครเพราะจะได้พาพี่โนไปเที่ยวได้เต็มที่โดยไม่มีผมห้าม ผมนึกหมั่นไส้ท่าทางนั้น
ผมมองพี่โนอีกครั้ง พี่โนโบกมือให้ผม ผมทำมือเชิงบอกว่าถึงที่แล้วจะโทรหา พี่โนพยักหน้าให้
ผมกับม๊ามาเวลาขึ้นเครื่องพอดี เมื่อนั่งประจำที่เรียบร้อยเครื่องบินก็ค่อย ๆ ออกตัว
ผมมองลงไปพื้นเบื้องล่างหวังเห็นกลุ่มคนที่มาส่งผม แต่ก็ได้แค่หวัง เพียงไม่นานผืนน้ำก็ปรากฏขึ้นแทนที่ผืนดิน เป็นการย้ำเตือนผมว่าผมไม่ได้อยู่ข้างพี่โนแล้ว
ผมจะรีบเรียนแล้วรีบกลับมานะครับ พี่โนต้องดูแลตัวเองดี ๆ นะ รอผมด้วยนะ