บทที่ 7

3940 Words
"สมบัติอะไรของนาย โนคือโนไม่ใช่ของใครทั้งนั้นแหละ" พี่แอลเถียงอย่างเดือดดาล และแย่งกล่องปฐมพยาบาลมาส่งให้ผม และยืนกันเนมไม่ให้มาวุ่นวายกับผมและพี่โน ผมรีบหายาทาแก้ฟกช้ำมาป้ายที่แก้ม และนวดอย่างเบามือ ผมคอยมองด้วยว่าเนมจะทำร้ายพี่แอลหรือเปล่า แต่ไม่เกิดเรื่องที่ผมกลัว ผมทำแผลที่ปากให้พี่โน เมื่อดูจนแน่ใจว่าไม่มีแผลที่อื่นแล้ว ผมก็ส่งกล่องปฐมพยาบาลคืนเจ้าของห้อง "ทำธุระเสร็จก็ไปได้แล้ว" เนมชี้ไปทางลิฟต์อย่างไม่ปิดบัง ท่าทีอีกฝ่ายดูรำคาญพวกเราอยู่พอสมควร "กลับกันไปก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันโทรหา" พี่โนหันไปบอกพี่แอล แล้วหันมาพยักหน้าให้ผม เป็นเชิงบอกให้ผมไม่ต้องเป็นห่วง ในสถานการณ์แบบนี้ใครจะไม่เป็นห่วงได้ล่ะ พี่โนจะอยู่กับศัตรูหัวใจผมสองต่อสองนะ "กลับไปก่อนนะอาร์ต" พี่โนพูดย้ำเมื่อเห็นผมไม่ขยับไปไหน ผมพยักหน้าอย่างจำยอม และลากพี่แอลออกจากห้องไปท่ามกลางสายตาของเนมที่มองพวกผมทุกการกระทำ ผมเองก็มองตอบเหมือนกัน ถ้านายกล้าทำอะไรพี่โนฉันไม่ปล่อยนายไว้แน่ เนมแสยะยิ้มให้พวกผมเมื่อเห็นว่าคนที่ต้องถอยคือผมกับพี่แอล เมื่อประตูลิฟต์ปิดลง พี่แอลก็เตะประตูเหล็กระบายอารมณ์ คำด่าทอพูดออกมาไม่หยุดจนกระทั่งถึงลานจอดรถพี่แอลถึงใจเย็นลงได้ "ปะ กลับ!" พี่แอลพูดกับผมเสียงหนัก และเหยียบคันเร่งทันที ผมได้แต่ภาวนาให้พี่แอลพาพวกผมถึงบ้านโดนสวัสดิภาพ "ครอบครัวพี่โนเป็นยังไงน่ะพี่แอล" ผมเอ่ยถามทำลายความเงียบ "ครอบครัวรักลูกชายแบนลูกสาวไง ปกติคนพวกนั้นปล่อยให้โนใช้ชีวิตตามยถากรรม ไม่เคยส่งเสริมด้านไหนเลย หลังส่งโนเรียนจบการศึกษาที่กฎหมายกำหนด ก็ลอยแพโนทันทีทำให้โนต้องดิ้นรนเองจนจบมหาลัยเนี่ยแหละ" "แล้วเนมละถ้าเมินพี่โนทำไมไปอยู่ด้วยกัน" พี่แอลเหยียบคันเร่งเพิ่มขึ้นกับคำถามนี้ ผมรีบหาอะไรเกาะทันที "สองปีก่อนหมอนั่นเข้ามหาลัย มันต้องการให้โนไปเป็นคนใช้มัน เลยบอกให้พ่อแม่กดดันโนทุกวิถีทางให้ย้ายไปอยู่ที่นั่น ทั้งขู่ ทั้งไปโวยวายกับเจ้าของห้องพัก จนโนยอมเพราะกลัวเกิดเรื่องวุ่นวายกับคนรอบข้าง" นิสัยเอาแต่ใจตัวเองสุด ๆ ไปเลยทีเดียว "กฎหมายไทยมันฟ้องพ่อแม่ไม่ได้ก็ได้แต่กัดฟันยอมรับไป กตัญญูกตเวทิกา" พี่แอลประชดออกมา พร้อมเร่งเครื่องแรงขึ้นไปอีก ผมว่าผมต้องอดทนไปถามตอนถึงบ้านแทนแล้ว ไม่งั้นชีวิตผมคงไปก่อนแน่ ๆ เสียงไลน์เด้งขึ้นมาทั้งของผม และของพี่แอล ผมรีบหยิบมาดู เป็นข้อความที่พี่โนส่งเข้ากลุ่ม "บอกแอลด้วยว่าอย่าหงุดหงิดบนรถ เดี๋ยวฉันไม่มีเพื่อนให้ระบายความเครียด" ผมอ่านข้อความนั้น พี่แอลลดความเร็วลงทันที ดูเหมือนคำพูดนี้ได้ผลพอสมควร "พี่โนจะปลอดภัยไหมฮะ" "โนไม่เป็นอะไรหรอก อยู่กับมันมาตั้ง 2 ปี" "ผมหมายถึงจิตใจพี่โนน่ะฮะ" พี่แอลเงียบไป ก่อนจะถอนหายใจยาวเหยียดอย่างอัดอั้น ผมว่าถ้าลักพาตัวพี่โนได้พี่แอลคงทำไปแล้วแน่ ๆ ... ผมก็ด้วย "พี่แอล ให้พี่โนพักที่คอนโดพวกเราไม่ได้เหรอ ตอนนี้พี่โนจบแล้วไม่จำเป็นต้องทนอยู่ต่อนี่" ผมเสนอหนทางที่เป็นไปได้ถ้าเป็นที่พักที่อยู่ภายใต้การคุ้มครองของครอบครัวผม ไม่มีทางที่คนพวกนั้นจะมากดดันพวกเขาได้ "โนไม่ยอมหรอก โนกลัวแม่กับฉันโดนลูกหลง" "ก็ตอนนั้นมีแค่น้านายด์กับพี่แอลนี่ ตอนนี้มีผมกับม๊าเพิ่มมาด้วยนะ คนพวกนั้นไม่กล้าหรอก" ผมตบอกตัวเองด้วยความภาคภูมิใจ ที่สามารถแก้ปัญหาพวกนี้ได้ ถ้าคนที่ให้พี่โนอยู่คือผม ม๊ากับป๊า ไม่มีทางที่คนพวกนั้นจะมากดดันอะไรพวกเราได้ "...พี่จะไปคุยกับโนอีกรอบละกัน นายโทรไปบอกป๊า กับม๊านายด้วย" ดูเหมือนพี่แอลเองก็จะเห็นด้วย ผมพยักหน้าหงึกหงัก "พี่แอล เราบอกสถานการณ์ที่พี่โนเจอด้วยไหม" "เรื่องนี้ต้องขออนุญาตโน ถ้าโนไม่ยอม โนไม่มา เราก็บังคับไม่ได้" "อย่างน้อยมีที่ให้พี่โนพักก็ยังดี" ถึงแม้พี่โนจะไม่มา ผมก็จะกันห้องไว้ให้พี่โนมาพักใจ ผมส่งข้อความไปคุยกับป๊าที่อยู่อีกซีกโลก ‘SOS ว่าที่สะใภ้กำลังมีปัญหาต้องการความช่วยเหลือ’ ผมว่าถ้าป๊าเห็นประโยคนี้คงตกใจมากแน่ ๆ แม้แต่แพรวผมก็ไม่เคยเรียกแบบนี้ เมื่อถึงบ้านผมเข้าไปคุยกับม๊าทันที ผมไม่ได้บอกสถานการณ์ครอบครัวของพี่โน แต่ผมบอกเรื่องที่ผมไปเจอมา ม๊าดูไม่ชอบใจที่เนมทำแบบนั้นเหมือนกัน ช่วงค่ำผม และพี่แอลรอพี่โนติดต่อมาอย่างใจจดใจจ่อจนเกือบห้าทุ่มพี่โนถึงโทรมา “โนเป็นยังไงบ้าง” พี่แอลถามขึ้นทันที ‘สบายดี แก้มม่วงนิดหน่อยแต่ไม่บวมมาก’ พี่โนตอบด้วยเสียงอิดโรย “พี่โนดูเหนื่อย ๆ” ผมเป็นห่วงพี่โนมาก ‘มลพิษทางเสียงมันเยอะ ฉันอยากอยู่เงียบ ๆ แล้ว...ตอนนี้ฉันสบายดี เดี๋ยวพรุ่งนี้เนมต้องเข้าบ้านแล้ว คนพวกนั้นเรียกกลับน่ะ’ “พรุ่งนี้พี่โนมาหาพวกผมไหม” ‘ไม่ล่ะ ขอพักก่อน อาจจะออกไปหาอะไรกินอีกที’ “โนมาอยู่ที่คอนโดพวกเราไหม ถ้าคนพามาเป็นพ่อ แม่ของอาร์ตคนพวกนั้นยุ่งกับเธอไม่ได้หรอกนะ” ปลายสายเงียบไป ผมนึกว่าพี่โนหลับไปแล้ว ‘ไม่เป็นไร อยู่กับเนมก็ไม่ได้แย่ขนาดนั้น’ “งั้นพรุ่งนี้โนจะไปกินข้าวที่ไหนบอกฉันด้วย ฉันจะไปหา ไม่ฟังคำปฏิเสธ” ‘ได้ ยังไงเดี๋ยวบอกอีกที ฉันไปนอนก่อนนะ ฝันดี’ สายตัดไป ผมมองหน้าพี่แอล ดูเหมือนพี่โนไม่คิดจะพึ่งพาพวกผมเลย “พรุ่งนี้ฉันจะไปคุยกับโนให้รู้เรื่อง” ผมพยักหน้ารับพร้อมกับโทรศัพท์ผมที่ส่งเสียง เป็นสัญญาณว่าคนที่ผมรอ ได้ตื่นขึ้นมาแล้ว ผมกับพี่แอลมองหน้ากัน และกดรับสายทันที ... ยามเช้าของวันใหม่ พี่แอลโดนเรียกตัวเข้ามหาลัยเพื่อไปช่วยโปรเจกต์ของอาจารย์ ถึงแม้พี่แอล และพี่โนจะสามารถทำให้ปี 4 เทอม 2 เป็นเทอมที่ว่าง แต่ก็ยังเป็นนักศึกษามหาลัยอยู่ ซึ่งหากอาจารย์ต้องการตัว ก็จำเป็นต้องไป ผมนั่งเล่นโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนตอนนี้ทั้งบ้านมีแค่ผมคนเดียวที่ไม่มีอะไรทำ โทรศัพท์ผมสั่น มีสายเข้ามา ‘ว่าที่แฟน’ ชื่อนี้ผมตั้งให้พี่โนคนเดียวแน่ ๆ “พี่โนครับ” ผมรีบกรอกเสียงลงเครื่องทันทีที่กดรับสาย ‘ตอนเที่ยงไปกินข้าวข้างนอกกันไหม พี่ไม่ค่อยอยากอยู่ในห้องเท่าไหร่’ ผมตอบรับทันทีโดยไม่ต้องคิด พวกเรานัดเวลา และสถานที่กัน เมื่อถึงเวลาผมก็เปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมนั่ง BTS ไปสยามทันที เมื่อถึงที่หมาย พี่โนยืนรอผมอยู่ทางเข้าสยามสแควร์ ผมพุ่งตัวไปกอดพี่โนอย่างไม่สนใจสถานที่ จับไหล่พี่โนหมุนไปมา “พี่โนปลอดภัยดีใช่ไหม บาดเจ็บตรงไหนเพิ่มหรือเปล่า” “อาร์ตใจเย็น ๆ ก่อน” พี่โนดันตัวผมออก ผมยังคงมองสำรวจพี่โน จนแน่ใจว่าไม่มีส่วนไหนบุบสลายผมถึงปล่อยไหล่พี่โน “วันนี้พี่โนอยากทำอะไรครับ” ผมถามอย่างเอาใจ “พี่แค่อยากเดินเล่นฆ่าเวลาเท่านั้นเอง พี่ไม่ค่อยอยากอยู่ในห้องเท่าไหร่” “ทำไมครับ เนมทำอะไรพี่โนหรือเปล่า” “ไม่หรอก แค่เนมไม่อยู่ห้องแล้วพี่เหงาน่ะ” หะ ผมมองพี่โนอย่างไม่เข้าใจ คนแบบนั้นหายไป แล้วพี่โนเหงางั้นเหรอ “พี่โน...พี่ชอบความรุนแรงเหรอครับ” พี่โนยกยิ้มกับคำถามผม “ก็ไม่เชิง...พี่ชอบการโดนเอาใจใส่นะ ถึงแม้การเอาใจใส่นั้นจะแรงไปหน่อยก็ตาม” ผมพยายามไม่คิดไปไกล แต่ผมหยุดความคิดไม่ได้จริง ๆ พวกคุณต้องไม่อยากรู้แน่ ๆ ว่าผมคิดอะไรอยู่ “อาร์ตกลับมาหาพี่ก่อน” พี่โนโบกมือตรงหน้าผม เรียกให้ผมออกจากภวังค์ รอยยิ้มขบขันปรากฏให้ผมเห็น “พี่โนแกล้งผมเหรอครับ” “ไม่ได้แกล้ง แค่จะบอกว่าสิ่งที่เนมทำวันนั้นเป็นการเอาใจใส่ในแบบของเนม...น้องชายพี่เป็นคนซึนน่ะ” ผมอ้าปากค้าง คนแบบนั้นน่ะนะซึน ท่าทางของพี่โนที่พูดถึงเนมไม่ได้ดูขมขื่นแบบที่ผมคิด ออกจะดูสบาย ๆ เสียด้วยซ้ำ ดูเหมือนเรื่องของเนมจะไม่ใช่ความทรงจำแย่ ๆ ของพี่โน มันดูเป็นความสุขเล็ก ๆ ที่พี่โนหาได้ในครอบครัวใจแคบนั้น “น้องพี่น่ารักใช่ไหมล่ะ” ผมส่ายหน้าทันที พี่โนหัวเราะให้กับท่าทางนั้นของผม ผมเลิกต่อต้านมองรอยยิ้มของพี่โนที่นานทีจะปรากฏให้เห็น รอยยิ้มนั้นดูใสซื่อจนอดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ผมยกมือแนบแก้มพี่โน เกลี่ยนิ้วบนรอยช้ำสีม่วงอย่างเบามือ พี่โนไม่ได้เอาหน้าหนีไปไหน ทำเพียง ยืนนิ่งให้ผมทำตามใจตัวเอง “แรงดีใช้ได้เลยนะ” พี่โนยังคงชมน้องชายตัวเองไม่หยุด ผมอดไม่ได้ที่จะส่งมือไปหยิกแก้มข้างที่ไม่บาดเจ็บของอีกฝ่าย พี่โนตรงหน้าเหมือนคนที่อวดสัตว์เลี้ยงตัวโปรดที่ไม่ว่าจะทำอะไรผิดพลาดแค่ไหน ก็ไม่สามารถโกรธได้เพราะทุกการกระทำ ทำเพื่อเจ้านายตัวเอง บางทีผม กับพี่แอลอาจมองเนมผิดไปก็ได้ ไม่ก็พี่โนนี่แหละที่สายตามีปัญหา “พี่น้องกันยังไงทำผิดก็ต้องเตือนกันนะครับ” “ไม่ล่ะ ยังไม่อยากให้รางวัลเด็กบ้า” ผมว่าผมเริ่มไม่อยากเข้าใจสายสัมพันธ์ระหว่างพี่โน และเนมแล้วล่ะ “...พี่โนผมขอถามเรื่องจริงจังสักหน่อย ตอบผมด้วยนะ” ผมมองจ้องตากับพี่โนนิ่ง พี่โนพยักหน้ารับ “พี่กับเนม...ไม่ได้มีความสัมพันธ์เชิงชู้รักใช่ไหมฮะ” สิ้นประโยค พี่โนหันมามองผมทันที สายตาที่มองมาทางผมฉายแววตั้งคำถาม จนต้องเป็นผมที่มองไปทางอื่นแทน “อาร์ต พี่กับเนมเป็นได้แค่พี่น้องกันเท่านั้นแหละ มากกว่านี้ไม่ใช่สิ่งที่ครอบครัวสามารถเป็นได้” “แต่พี่โนไม่คิด เนมอาจคิดก็ได้นะครับ” ผมพยายามกดความอายลงไป พยายามแสดงท่าทางให้พี่โนเห็นว่าผมจริงจังกับความคิดนี้มากแค่ไหน พี่โนตบไหล่ผม ผมเลยเนียนคว้ามือข้างนั้นมากุมไว้ “เนมก็ไม่คิดกับพี่เชิงนั้นหรอก พี่เป็นแค่พี่สาวที่เนมอิจฉาเท่านั้นเอง” ก่อนที่ผมจะถามอะไรมากไปกว่านี้พี่โนก็ดึงมือผมเข้าไปในโซนห้าง ผมมองมือของพวกเราอย่างพอใจ นี่เป็นครั้งแรกที่พี่โนจับมือผมด้วยตัวเอง ถึงแม้ผมจะเป็นคนเริ่มก็เถอะ พี่โนพาผมเข้าร้านข้าวแกงกะหรี่ ดูเหมือนพี่โนจะชอบอาหารแนวญี่ปุ่นจริง ๆ พวกผมสั่งกันมากินคนล่ะจาน เมื่อกินเสร็จก็เดินย่อยกันเพื่อรอเวลาอาหารหวาน คราวนี้เป็นพี่โนที่จะเดินนำผมไปร้านต่าง ๆ ที่พี่โนสนใจ ดูเหมือนพี่โนเปิดใจให้ผมเข้าไปเรียนรู้เรื่องพี่โนแล้ว พี่โนเป็นคนที่ชอบหนังสือนิยายมาก หากไปร้านนิยายมักออกมาพร้อมหนังสืออย่างต่ำ 2 เล่มทุกร้าน ไม่สนใจเครื่องสำอาง และไม่ชอบกลิ่นน้ำหอม ร้านส่วนใหญ่ที่แวะไปไม่ร้านหนังสือก็ร้านเครื่องเขียน เข้าร้านคอม และอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บ้าง และมักเลี่ยงร้านที่มีพนักงานเข้าประกบลูกค้า และร้านที่ลูกค้าเยอะ ผมเรียนรู้เรื่องพวกนี้ในเวลาสั้น ๆ ก่อนที่จะหยุดที่ร้านไอติมแฮนด์เมด ผมกับพี่โนสั่งใส่ถ้วยมานั่งกินข้างร้านเพื่อพักขา พี่โนรื้อหนังสือที่ตัวเองซื้อออกมา รอยยิ้มน้อย ๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้า สีหน้าดูพึงพอใจกับของตรงหน้ามาก “พี่โนชอบเรื่องแนวไหนครับ” ผมหาเรื่องชวนคุยทันที “แฟนตาซี แอ็กชัน อะไรก็ได้ที่ไม่ใช่ฮาเร็ม เพศไหนก็ได้แต่ไม่เอายูริ” พี่โนอธิบายสิ่งที่ตัวเองชอบทันที “ผมก็ชอบแนวนั้น แต่ผมยังไม่เคยลองอ่านแนวชายชายหรือหญิงหญิง” พี่โนมองผมตาเป็นประกาย “อยากลองไหม” สายตาคาดหวังนี่มันคืออะไรกันนะ “เออ ครับ แต่ขออันที่เบา ๆ หน่อยนะครับ” หลังจากนั้นชื่อการ์ตูน มังงะ อนิเมะ มากมายก็หลั่งไหลมาหาผม ผมยิ้ม และตั้งใจฟังสิ่งที่พี่โนเล่า ดูเหมือนผมต้องใช้เวลาที่เหลือไปดูเรื่องพวกนั้นเสียแล้ว พี่โนพาผมเข้าร้านหนังสืออีกครั้งเพื่อเลือกหนังสือให้ผม ผมได้ติดมือกลับมาสองเล่ม เป็นมังงะแปลของญี่ปุ่นที่ล้อตำนานไซอิ๋ว ไม่ใช่วาย แต่ไม่มีนางเอก “เดี๋ยวอ่านเสร็จผมจะบอกนะครับ” พี่โนพยักหน้าหงึกหงัก ท่าทางที่เหมือนเด็กเล็กได้ของเล่นทำให้ผมอดยกมือลูบหัวอีกฝ่ายไม่ได้ พี่โนนิ่งค้างกับท่าทางของผมทันที “เออ ไม่ชอบเหรอครับ” ผมชักมือกลับทันที “...ชอบสิ แต่ไม่คิดว่าจะโดนคนอายุน้อยกว่าลูบหัว” พี่โนมุ่ยหน้า “ยังไงเหรอครับ” “พี่ดูน่าเอ็นดูสำหรับอาร์ตหรือไง” “ครับ ผมเอ็นดูพี่นะ ตั้งแต่วันที่เราไปแคมป์ปีนเขากัน พี่ทำตัวน่ารักดี” ผมพยักหน้าหงึกหงัก พี่โนมองผม และยกมือลูบหัวตัวเอง “ไม่ชอบเหรอครับ” “ไม่รู้สิ...พี่ยังมองอาร์ตเป็นน้องอยู่น่ะสิ พี่เลยไม่ชินที่โดนคนเด็กกว่าเอ็นดู” เมื่อผมได้ยินประโยคนั้น ผมก็ยกมือทั้งสองข้างยีหัวพี่โนทันที “ผมไม่ได้จีบให้พี่โนมาเป็นพี่สาวผมนะครับ ถ้าพี่โนไม่มองผมเป็นผู้ชายคนหนึ่งผมจะเรียกพี่ว่าโนนะจะได้ชิน” พี่โนไม่ได้ใส่ใจที่เส้นผมยุ่งเหยิง ดวงตากลมโตมองสบตาผมนิ่ง ผมเองก็ลูบจัดทรงผมให้คนตรงหน้า รับผิดชอบที่ทำให้ไม่เป็นทรง “ในฐานะผู้ชายผมสนใจพี่โนอยู่นะครับ” ผมพูดย้ำเตือนสถานะตัวเองกับพี่โน “งั้นในฐานะผู้หญิงพี่ไม่ควรปล่อยให้อาร์ตอยู่ใกล้พี่นานเกินไป” พี่โนพูดเสียงนิ่ง ผมชะงักมือ และชักมือกลับอย่างนึกเสียดาย ผมพี่โนหนานุ่มมากเลยนะ แต่แขนผมกลับโดนจับไว้ และมือผมวางลงบนเส้นไหมสีดำเช่นเดิม “แต่พี่ชอบที่ผู้ชายเอ็นดูพี่ ดังนั้นทำต่อไป” น่ารักเกินไปแล้ว ผมคว้าพี่โนมากอดเสียเต็มรัก ผมวางคางลงบนไหล่พี่โน และถูกแก้มผมไปมากับเส้นผมตรงนั้น พี่โนกำลังทำให้ใจผมละลาย ทุกการกระทำของพี่โนทำผมหลงมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ตัว “อาร์ตปล่อยได้แล้ว” พี่โนตีหลังผมเบา ๆ ผมยอมปล่อยแต่โดยดี เส้นผมสีดำยุ่งเหยิงกว่าเดิม ผมเลยใช้เวลาที่เหลือจัดทรงผมให้พี่โน “เราจะไปไหนต่อดีครับ” ผมถามพี่โนที่ยืนนิ่งให้ผมจัดทรงผมให้ “พี่อยากกลับไปอ่านหนังสือพวกนี้” ผมไม่อยากแยกกับพี่โนตอนนี้เลย “งั้นไปอ่านที่คอนโดผมไหมครับ มีห้องว่างอยู่พอดี” ผมเริ่มหลอกล่อพี่โน “ชวนสาวขึ้นห้องเหรอเราน่ะ” พี่โนมองผมอย่างจับผิด ผมส่งยิ้มให้เป็นทัพหน้า “ผมแค่อยากใช้เวลากับพี่โนมากขึ้นเท่านั้นเอง ถ้าเรายังไม่เป็นแฟนกันผมไม่ทำไรเกินเลยแน่นอนครับ” ผมตบอกเพื่อเพิ่มความน่าเชื่อถือให้ตัวเอง พี่โนนิ่งคิดก่อนจะพยักหน้ารับ ผมจูงมือพาไปที่คอนโดทันที ผมติดต่อขอกุญแจจากนิติที่ชั้นล่าง และพาพี่โนขึ้นลิฟต์ของคอนโดผม แต่ผมเอากุญแจไขเพื่อกดลิฟต์ชั้นบนสุดที่คนทั่วไปไม่สามารถกดได้หากไม่มีกุญแจดอกนี้...ผมเองก็มีเพนท์เฮ้าส์เหมือนกันนะ “ไม่เบานะเรา” พี่โนมองรอบห้องอย่างไม่ใส่ใจในความหรูหราของมันเลย พี่โนล้มตัวลงนอนบนโซฟาชุดที่วางติดกระจก และค้นหนังสือมาอ่าน ห้องของผมแต่งโทนสีสบายตา มีห้องนอนใหญ่ 1 ห้อง ห้องนอนเล็ก 1 ห้องทุกห้องมีห้องน้ำในตัว ห้องน้ำที่ห้องนั่งเล่น และสวนส่วนตัวที่มีสระน้ำจืด ผมเดินไปทรุดนั่งที่พรมปูพื้นข้างโซฟาที่พี่โนนอนอยู่ “ผมมีห้องว่างอีกห้อง...มาอยู่กับผมไหมครับ” พี่โนลุกขึ้นนั่งขัดสมาธิบนโซฟา “อาร์ตชวนพี่เพราะความสงสารเหรอ” “ไม่ใช่ครับ ผมอยากใช้เวลาให้คุ้มค่า เดี๋ยวผมก็กลับต่างประเทศแล้ว ผมอยากอยู่กับพี่โนให้นานที่สุดเท่าที่ทำได้ครับ” ผมรีบอธิบายทันทีก่อนที่อีกฝ่ายจะเข้าใจผิด “ถ้าพี่พาเนมมาอยู่ด้วยล่ะ” “ผมไม่ใส่ใจหรอกครับ เป้าหมายผมคือใช้เวลากับพี่โนให้บ่อยที่สุด เนมไม่ยอมให้ผมเข้าใกล้พี่โนเลย ถ้าเนมมาอยู่ในพื้นที่ของผม ผมต้องได้อยู่กับพี่โนบ้างแหละ” พี่โนมองผมนิ่ง ผมยื่นกุญแจเปิดลิฟต์ไปให้พี่โน วางไว้บนมือตัวเอง รอพี่โนหยิบไป “ถ้าพี่ปฏิเสธล่ะ” “ผมจะอ้อนจนกว่าพี่จะยอมนั่นแหละครับ...ไม่ต้องมาทุกวันก็ได้ แค่แวะมาพักบ้างถ้าต้องการ” ผมส่งสายตาไปให้พี่โน พยายามงัดลูกอ้อนออกมาใช้ ผมล็อกแขนข้างที่ว่างเข้ากับเอวพี่โน เตรียมตัวงัดทุกกลยุทธ์หากพี่โนปฏิเสธ พี่โนมองผมสลับกับกุญแจ “ถ้าอาร์ตโดนพ่อแม่พี่กดดันเพื่อให้ไล่พี่ออกไปล่ะ” “พี่คิดว่าอำนาจผม กับอำนาจของพ่อแม่พี่มีไม่เท่ากันเหรอ” ผมวางหน้าลงกับเข่าพี่โน เขย่ากุญแจลิฟต์ให้ชนกับพวงกุญแจที่ผมเลือกให้พี่โนด้วยตัวเอง “พี่ไม่รู้อำนาจที่อาร์ตมีหรอกนะ แต่อาร์ต และคนรอบตัวอาร์ตต้องปวดหัวกับครอบครัวพี่แน่ ๆ พี่ไม่อยากให้เรื่องแบบนั้นเกิดขึ้นหรอกนะ” “งั้นเราก็มาสู้ไปด้วยกันสิครับ ผมไม่สนใจหรอกว่าผมต้องปวดหัวแค่ไหน ป๊ากับม๊าเองก็ไม่สนใจตราบใดที่พวกเรามีความสุข และพร้อมที่จะแก้ปัญหาไปพร้อมกันนะครับ...ตราบใดที่พี่อยู่ข้างผม ผมก็พร้อมรับผลกระทบที่ตามมานะครับ” ผมดึงพี่โนมานั่งคร่อมตักผมบนพื้น ผมกักพี่โนไว้ระหว่างผม และโซฟา พี่โนตกใจกับการกระทำอันอุกอาจของผม “ให้ผมเป็น ‘บ้าน’ ของพี่โนเถอะครับ” ผมสวมกอดพี่โนแน่น ผมกำลังแสดงความเป็นผู้ชายให้พี่โนเห็น ไม่ใช่น้องชายพี่แอล หรืออาร์ตคนที่ลืมรักเก่าไม่ได้ ตอนนี้ผมเป็นอาร์ต ผู้ชายคนหนึ่งที่อยากเป็นคนสำคัญในชีวิตพี่โน คนที่พี่โนพร้อมที่จะแบ่งปันทุกความทรงจำด้วยกัน พี่โนพยายามดันตัวออกจากผม แต่ผมไม่คิดยอมง่าย ๆ ยิ่งพี่โนดันตัวออก ผมยิ่งกระชับอ้อมกอดตัวเองแน่นขึ้น จนพี่โนยอมอยู่นิ่ง ๆ ในอ้อมแขนของผม “เฮ้อ เอาแต่ใจเหมือนกันนะเราน่ะ” พี่โนตบหลังผมเบา ๆ “งั้นพี่โนต้องตามใจแล้วล่ะครับ” นาน ๆ ทีผมจะเอาแต่ใจตัวเอง ดังนั้นผมต้องได้ แรงสั่นจากโทรศัพท์พี่โนดังขึ้น พี่โนดิ้นออกจากอ้อมแขนผมอีกครั้ง ครั้งนี้ผมยอมปล่อยแต่โดยดี แต่ผมก็ยังกักพี่โนไว้ระหว่างผมกับโซฟาอยู่ พี่โนเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์ และกดรับสายโดยไม่แนบหู ‘อยู่ไหนหะ!?’ เสียงเนมดังออกมาโดยไม่ต้องกดเปิดลำโพง “มาดูห้องเช่า” พี่โนตอบเนมไป ทำไมผมรู้สึกถึงความกวนประสาทจากน้ำเสียงของพี่โนด้วยนะ ‘ไปดูทำไม กลับห้องได้แล้ว!’ เสียงเนมตวาดออกมาก้องห้อง ดูเหมือนอีกฝ่ายจะหงุดหงิดน่าดู “ย้ายออกมาแล้ว บอกให้พ่อจ้างแม่บ้านไปดูแลห้องด้วยล่ะ” เสียงเนมสบถดังออกมาตามสาย แต่ผมไม่สนใจ ตอนนี้ผมสนเพียงแต่พี่โนเท่านั้น มือบางของพี่โนเอื้อมไปหยิบกุญแจลิฟต์มาเขย่าให้เกิดเสียงเข้าไปในสาย ใบหน้าประดับด้วยรอยยิ้มเมื่อกวนน้องชายได้สำเร็จ วินาทีต่อมาที่ผมได้สติ ผมคว้าตัวพี่โนมากอดอีกครั้ง พี่โนไม่ทันตั้งตัวโทรศัพท์ตกพื้นสายตัดทันที “อาร์ตใจเย็นก่อน เราทำให้พี่รู้สึกไม่ปลอดภัยนะ” “ตอนนี้ขอแค่กอดเฉย ๆ ครับ” ผมพูดแค่นั้นก็กอดพี่โนต่อไป เมื่อเห็นว่ายังไงผมก็ไม่ปล่อยพี่โนก็วางคางกับไหล่ผม มือบางตบหลังผมราวกับกอดเด็กน้อย “ระหว่างนี้ก็เป็นบ้านที่ดีให้พี่ด้วยล่ะ” ผมดันพี่โนออก มองใบหน้าเล็กที่เฉมองไปทางอื่น ใบหน้ามีริ้วสีแดงปรากฏให้เห็น “พี่ยอมให้ผมเป็นครอบครัวของพี่แล้วเหรอ” “ยังไม่ถึงขั้นนั้นอาร์ต แค่ไม่ต้องใส่คำว่าว่าที่แล้ว” พี่โนชี้ไปที่โทรศัพท์ ผมกอดพี่โนอีกครั้ง “ต้องใส่ว่าที่อยู่ครับ ว่าที่คู่หมั้น” พี่โนไม่แย้งผม คราวนี้วงแขนเล็กกอดผมกลับ ไม่ใช่การตบหลังเหมือนเด็ก ๆ แล้ววันนี้ผมดีใจสุด ๆ เลยล่ะ “จะทำอะไรก็ตามใจเลย”
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD