บทที่ 4

4324 Words
ผมคอยย่างหมูให้สาว ๆ พี่แอลหยิบเบียร์ที่พกมาด้วยรินใส่แก้วและหย่อนเท้าลงสระน้ำจืด พี่โนนั่งรอหมูอยู่ที่ชิงช้าข้างตัวบ้าน ในมือมีน้ำอัดลมอยู่แก้วใหญ่ พวกผมดื่มด่ำกับบรรยากาศรอบกายอย่างสงบ ผมตัดหมูเป็นชิ้น ๆ ใส่จานใบใหญ่ ให้พวกพี่ ๆ ถือจานมาตักแบ่งกิน "หม่ำ ๆ" ดูเหมือนพี่แอลจะเริ่มได้ที่ตั้งแต่หัวค่ำ บางทีจากชื่อแอลจีบร้าเป็นแอลกอฮอล์อาจจะเหมาะกว่า พี่แอลคล้องคอผม และอ้าปากรอรับเนื้อจากเตา ผมหยิบป้อนเข้าปากคนเมาแต่โดยดี พี่แอลยิ้มอย่างพอใจ ผละออกไปนั่งเล่นข้างสระอีกครั้ง ตอนนี้พี่โนอยู่ในโลกส่วนตัวของตัวเองไปแล้ว พี่เขาเหม่อมองฟ้าไปเรื่อย ๆ จานอาหารวางอยู่ข้างกาย แก้วน้ำอัดลมกลายเป็นแก้วน้ำเปล่าจากการละลายของน้ำแข็ง เสียงเพลงจากบ้านตรงข้ามยังคงดังเผื่อแผ่มาถึงบ้านผม แต่เพลงพวกนั้นผมก็ชอบเลยไม่มีปัญหาแต่อย่างไร เสียงพูดคุยลอดเข้ามาให้ได้ยินเป็นพัก ๆ ดูเหมือนแฟนเพื่อน ๆ ผมจะตามมากันแล้ว ผมนึกถึงเรื่องราวที่ผ่านมาด้วยกันของผม และเพื่อนกลุ่มนั้น เรารู้จักกันตั้งแต่ประถม มักจะคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกัน ไปไหนไปกัน แต่ดูเหมือนผมคงมองคนพวกนั้นผิดมุมมองไป มักจะคุยเรื่องไม่เป็นเรื่องกัน เพราะไม่เคยอยากให้เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเรื่องของตัวเอง ไปไหนไปกัน เพราะหัวโจกนั้นเป็นลูกของคนมีอำนาจ เลยกร่างไม่สนใจคนรอบข้าง ดูเหมือนว่าพวกผมถือเป็นเด็กที่สังคมไม่ต้องการเลยนะเนี่ย แต่ก็นะ สายตาคนรอบข้างไม่ต้องสนใจ สนใจสายตาคนที่เรารักดีกว่า "พี่โนฮะ" "หืม" "พี่โนว่าผมเหมือนพวกคนเกเรไหม" สงสัยอะไรให้รีบถามพี่แอลสอนไว้ "อืม...สำหรับพี่คนเกเรคือคนที่ทำให้คนอื่นเดือดร้อนแล้วคิดว่าตัวเองถูก...ตอนนี้อาร์ตย่างเนื้อให้พี่กิน อาร์ตเป็นเด็กดีอยู่" ผมยิ้มให้กับคำตอบนี้ ก่อนจะฉุกคิดอะไรบางอย่างได้ เอ๊ะ เดี๋ยวนะ...ผมรักพี่โนเหรอ? สำหรับผมพี่โนคือเพื่อนของพี่ เพราะถ้าพี่โนกับพี่แอลทะเลาะแยกทางกันไปไม่ว่าด้วยเหตุผลอะไร พี่โนก็ถือเป็นคนแปลกหน้าสำหรับผม หรือผมมองแกเป็นพี่สาว? แต่ผมก็ไม่ได้มองพี่โนแบบพี่แอลนะ...มาคิดดูแล้วผมมองพี่โนแบบไหนกัน "พี่โน ผมเป็นอะไรสำหรับพี่" ผมถามออกไปตรง ๆ พี่โนมองผมอย่างงงๆ เสียงใสตอบออกมาอย่างไม่ลังเล "น้องชายเพื่อน...ถ้าพี่กับแอลแตกหักกัน อาร์ตก็ถือเป็นคนแปลกหน้า" ผม และพี่โนมีแนวคิดเดียวกัน แต่ทำไมพอได้ยินมันรู้สึกเจ็บแปลก ๆ ผมหันไปย่างหมูต่อ สะบัดความรู้สึกแปลก ๆ ออกไปจากใจ ใช่ พวกเราถือเป็นคนแปลกหน้ากันตั้งแต่แรก "แต่พี่กับแอลคงแตกหักกันยาก ดังนั้นตอนนี้อาร์ตก็ถือเป็นน้องชายพี่" พี่โนคงเห็นสีหน้าผมดูไม่ดี ถึงได้รีบอธิบายเพิ่ม แต่คำพูดนี้ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย ผมเองก็มองพี่โนแบบที่พี่โนมองผม คนแปลกหน้าที่มารู้จักกันเพราะพี่แอล แต่ทำไมถึงมีความรู้สึกแปลก ๆ เกิดขึ้นในใจผมด้วยนะ "ฮะ" ผมตอบรับพี่โนเสียงเบา หลังจากนั้นนอกจากเสียงเพลงแล้วพวกเราก็ไม่ได้คุยอะไรกันอีก ผมไม่รู้หรอกว่าพี่โนคิดอะไร แต่ผมกำลังคิดหาคำตอบให้ตัวเองอยู่ว่าผมอยากเป็นอะไรสำหรับพี่โน เพื่อนก็ไม่ใช่ น้องชายก็ไม่เชิง...ผมอยากอยู่กับพี่โนนะ ตอนนี้การอยู่กับพี่โนทำให้ผมมองโลกในมุมมองอื่นเยอะเลย พี่เขาไม่เคยพูดให้กำลังใจผม แต่คำพูดทุกอย่างของพี่โนให้พลังกับผมในการก้าวต่อไป ตอนนี้พี่โนถือเป็นคนสำคัญสำหรับผม แต่สำคัญในฐานะไหนผมไม่สามารถหาคำตอบได้ "เป็นอะไร" เสียงยานดังขึ้นข้างกาย พี่แอลนอนแผ่อยู่หน้าประตูบ้านส่งเสียงถามผมออกมา ตอนนี้มันใกล้เวลาวันใหม่แล้ว พวกผมเลยตัดสินใจเก็บของ พี่โนแยกไปล้างจานในครัว เหลือผมไว้คอยเก็บศพ (?) พี่แอลหลังจากนี้ "ผมกำลังหาคำตอบกับตัวเองอยู่ว่าผมอยากเป็นอะไรสำหรับพี่โน" ผมบอกพี่แอลไปตรง ๆ เพราะหากความสัมพันธ์ของผมกับพี่โนไปในทางที่สร้างความลำบากใจให้พี่แอล เขาจะได้หยุดผม พี่แอลหัวเราะให้กับคำถามนี้ "เริ่มสับสนเหมือนกันเหรอ" ผมมองพี่แอลอย่างตกใจ พี่แอลเคยอยากเป็นมากกว่าเพื่อนกับพี่โนเหรอ แป๊ะ หน้าผากผมเจ็บแปลบ นิ้วยาว ๆ ของพี่แอลดีดหน้าผากผมอย่างไม่ออมแรง มือบางยังคงยกค้างอยู่กลางอากาศ พร้อมกระทำหน้าผากผมตลอดเวลาถ้าหากพูดอะไรไม่คิดอีก "อย่าเข้าใจผิดไปมากกว่านั้น ตอนนั้นฉันอยู่ในช่วงหูเบา เชื่อคำพูดคนอื่นมากกว่าโน จนคิดจะเลิกเป็นเพื่อนกับโน แต่โนดันมาอยู่ที่เดียวกับฉันอีก 3 ปี ทำให้หนีโนไม่พ้น ตอนนั้นฉันก็สับสนเหมือนกันว่าอยากเป็นอะไรกับโนกันแน่ ระหว่างเพื่อนกับคนแปลกหน้า" นี่คงเป็นเรื่องสมัยมัธยมปลายของพวกพี่เขา "แล้วพี่ทำยังไงต่อ" "ฉันไม่ทำอะไรเลย ปล่อยให้เวลาเป็นข้อพิสูจน์ว่าหูเบาไป แต่พอพร้อมที่จะเป็นเพื่อนกับโนจริง ๆ ฉันก็ไม่ได้อยากเป็นแค่เพื่อนกับโนแล้ว...อยากเป็นเพื่อนสนิท คนที่คอยแบ่งเบาภาระของโน คนที่โนสามารถร้องไห้ด้วยได้ อยากเป็นคนนั้น..." พี่แอลเล่าให้ผมฟังพร้อมรอยยิ้ม "...การกระทำของโนมันทำให้เรามีความรู้สึกดี ๆ ด้วยโดยไม่รู้ตัว รู้ตัวอีกทีมันก็ข้ามเส้นที่เราขีดไว้แล้ว นายถึงมานั่งกลุ้มอยู่แบบนี้ใช่ไหมล่ะ" ผมพยักหน้า เป็นอย่างที่พี่แอลว่า ผมขีดเส้นความสัมพันธ์กับพี่โนเป็นพี่สาวคนสนิท แต่ตอนนี้ผมไม่ได้อยากให้ฐานะนั้นกับพี่โนเลย เพราะอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ผมไม่อยากเป็นน้องชายของพี่โน "ฉันแนะนำให้มองโนเป็นโน ไม่ใช่พี่สาว เพื่อนพี่สาว หรืออะไรก็แล้วแต่ มองโนเป็นคนคนหนึ่งที่เข้ามาในชีวิตเรา แล้วนั่งคิดว่าเราอยากรั้งเขาไว้กับเราเพราะอะไร" พี่แอลแนะนำผม มันเป็นทางแก้ไขที่ดีเลยละ ผมปล่อยให้พี่แอลนอนต่อไป และเริ่มคิดตามที่พี่แอลว่า โนคือโน คนคนหนึ่งที่เดินเข้ามาในชีวิตผมตอนที่ชีวิตผมสับสน ไม่ได้ปลอบใจหรือพยายามยัดตัวเองเข้ามาในชีวิตผม ทำแค่เตือนสติผมให้อยู่ในลู่ทางที่ควรจะเป็น เป็นคนที่เปลี่ยนมุมมองชีวิตผม เป็นที่พึ่งยามยากของผม ผมอยากตอบแทนโนด้วยการเป็นที่พึ่งให้โนบ้าง ผมอยากดูแลโนให้สมกับที่โนทำให้ผมเดินต่อไปได้ ผมอยากอยู่กับโนตลอดเวลา อยากรู้จักตัวตนของคนคนนี้ให้มากขึ้น ผมอยากปกป้องโน และมีสิทธิ์ทุกอย่างในการยุ่งเรื่องของโน อา ผมอยากครอบครองที่พึ่งของผม อยากให้โนมาเป็นของผม... ...แต่การอยากครอบครองไว้เป็นสิ่งที่ไม่สมควร ทุกคนมีสิทธิ์ที่จะลอง จะทำ จะเดินออกจากจุดที่ตัวเองอยู่ ถ้าโนไม่ยอมอยู่กับผม...ผมพร้อมปล่อยไปไหม? ผมไม่อยากเห็นโนเศร้า ไม่อยากเป็นต้นเหตุของความเศร้านั้น อยากให้โนยังคงยิ้ม และมีความสุข ดังนั้นผมไม่ได้อยากครอบครอง ผมอยากร่วมใช้เวลากับโน ผมว่าผมคง...รักโนไปแล้ว ผมตกใจกับข้อสรุปตัวเอง แต่ก็รู้สึกสบายใจที่ความรู้สึกนั้นชัดเจนเสียที ผมมองแผ่นหลังพี่โนที่ล้างจานอยู่ ผมไม่ได้อยากได้พี่โนมาแทนที่แพรว แต่ผมอยากได้พี่โนมาเป็นครอบครัวของผม ครอบครัวที่ผมเป็นคนสร้าง ไม่ใช้ครอบครัวที่ถูกกำหนดมาตั้งแต่เกิด “พี่แอล” ผมสะกิดพี่สาวตัวเอง พี่แอลปรือตามองผม “ผมจีบพี่โนได้ไหม” พี่แอลกำลังประมวลผลกับคำพูดของผม เป็นคนเมาที่พยายามคิดอย่างมีสติ “จะทำอะไรก็ทำ ความสัมพันธ์พวกนายไม่ได้ทำให้ฉันเลิกเป็นพี่นายสักหน่อย และฉันก็ไม่เลิกเป็นเพื่อนโนด้วย ดังนั้นทำอะไรก็ทำอย่ามาเสียใจที่ไม่ได้ทำ” เมื่อแม่คนที่สองของพี่โนอนุญาต ผมรู้สึกผมพร้อมเผชิญหน้ากับสิ่งที่จะเกิดขึ้นแล้ว ผมเดินไปหาพี่โนที่ยังคงก้มหน้าก้มตาล้างจานอยู่ ผมควรชัดเจนกับพี่โน ไม่งั้นผมจะไม่สามารถออกจากฐานะน้องชายเพื่อนได้ “พี่โนฮะ” “หืม” พี่โนตอบรับคำเรียกผมโดยไม่ละสายตาจากจานบนอ่าง “ผมขอจีบพี่โนได้ไหมฮะ” พี่โนชะงัก ดวงตากลมโตหันมามองผมทันที “จะจีบพี่ไปเป็นอะไรล่ะ” ผมจ้องตาพี่โนด้วยความรู้สึกแน่วแน่เพื่อสื่อให้พี่โนเห็นว่าผมจริงจังกับคำพูดนี้ “ผมอยากเป็นคนสำคัญในชีวิตพี่ และอยากให้พี่มีส่วนในชีวิตผม ตอนนี้ผมอยากเป็นมากกว่าน้องชายเพื่อนฮะ” ผมตอบไปตรง ๆ ผม พี่โนปิดน้ำ และหันมามองหน้าผมเต็มตา “งั้นอาร์ตอยากเป็นน้องชายพี่เหรอ” ผมส่ายหน้า “อยากเป็นคนที่อยู่กับพี่ในอนาคต ผมอยากใช้คำว่าแฟน แต่ผมก็อยากได้มากกว่านั้น...” พี่โนมองผมนิ่ง “...ผมอยากเป็นครอบครัวอีกครอบครัวของพี่โน” พี่โนเงียบไป ดวงตากลมมองผมเหมือนตามหาแววล้อเล่นที่ควรมีในสถานการณ์นี้ ผมเองก็พยายามแสดงให้เห็นว่าผมนั้นจริงจังแค่ไหนกับคำขอนี้ “อาร์ตอยากเป็นสามีพี่?” ผมหน้าร้อนกับคำถามนี้ แต่สุดท้ายผมก็พยักหน้ารับ “ตะ...แต่เราต้องรู้จักกันให้ดีกว่านี้ก่อนฮะ ผมอยากให้พี่โนเห็นว่าผมเป็นคนที่พึ่งพาได้...ให้โอกาสผมได้ไหมฮะ” ผมพยายามไม่หลบตาพี่โน ผมรู้สึกเขินกับคำพูดของตัวเองขึ้นมาเสียดื้อ ๆ “สิ่งแรกที่ต้องมีในความสัมพันธ์ระหว่างเราคืออะไรอาร์ต” “ความจริงใจครับ” ผมตอบโดยไม่ต้องคิด ถ้าคนเราไม่มีความจริงใจให้กันยังไงความรักก็ไม่เกิด “...ได้ จะทำอะไรก็ทำ” ผมยิ้มกว้าง มีความสุขกับคำอนุญาตนี้ ผมช่วยพี่โนเก็บจานอย่างอารมณ์ดี ท่ามกลางเสียงเพลงที่ไม่รู้จักพักของบ้านตรงข้าม “ไปเอาแอลเข้าบ้านได้แล้ว” พี่โนบอกผมเหมือนเป็นการบอกให้เอาสัตว์เลี้ยงที่วิ่งเล่นอยู่หน้าบ้านเข้าบ้าน ผมชอบคำสั่งนี้แปลก ๆ แหะ ผมทำตามพี่โนอย่างว่าง่าย เมื่อส่งพี่สาวเข้านอนแล้ว ผมก็ออกมาด้านนอก พี่โนกำลังเข้าห้องเตรียมตัวพักผ่อนสำหรับวันนี้ “ฝันดีฮะ” “อืม” ผมว่าวันนี้ผมคงฝันหวานแน่ ๆ ... หลังจากผมปล่อยให้เรื่องแย่ ๆ ในชีวิตกลายเป็นความทรงจำอย่างแท้จริง ผมในตอนนี้ก็ตื่นมาอย่างสดชื่น แต่สิ่งแรกที่เจอคือสายตาเป็นอริจากพี่สาวตัวเอง "พี่แอลเป็นไร" ด้วยความที่ผมพึ่งตื่น เสียงผมจึงแหบเป็นพิเศษ "นายจะจีบโนเหรอ" ดูเหมือนพี่สวยผมจะสติครบร้อยแล้ว ผมพยักหน้ารับ "แค่พี่น้องมันไม่พอเหรอ" พี่แอลถามผม ผมส่ายหน้า "ผมไม่อยากได้พี่เพิ่ม พี่มาถามอะไรผมแต่เช้า เมื่อวานพี่ก็ตกลงไปแล้วไง" ผมดันหน้าพี่สาวออก และมองหาสมาชิกอีกคนในบ้าน ดูเหมือนยังไม่ตื่น "ฉันนึกว่าฉันฝัน" พี่แอลนั่งลงข้างผม สีหน้าอีกฝ่ายจริงจังอย่างหาได้ยาก "นายไม่ได้อยากอยู่กับโนเพราะเอาโนมาแทนแพรวใช่ไหมแบบ ‘พี่โนคงไม่ทำกับผมแบบที่แพรวทำกับผมหรอก’ น่ะ" "ไม่พี่ อนาคตอะไรมันจะเกิดก็ต้องเกิด ผมคงไม่มานั่งคิดว่าพี่โนจะทำแบบนั้นกับผมไหมหรอกนะฮะ" "งั้นสิ่งแรกในความสัมพันธ์ของพวกนายคืออะไร" ผมรู้สึกว่าประโยคนี้มันคุ้น ๆ "ความจริงใจไงฮะ" พี่แอลเงียบไป ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่และพยักหน้าอย่างจำยอม "เค จะทำอะไรก็ทำ" "ทำไมพวกพี่พูดเหมือนกันเลย" "นายบอกโนแล้วเหรอ" พี่แอลหันขวับมามองผมอย่างตกตะลึง ผมพยักหน้า "ฮะ บอกแล้วว่าจะขอจีบ...ทำไมพวกพี่ต้องถามเกี่ยวกับสิ่งแรกในความสัมพันธ์ด้วย" ผมย้อนถามอีกครั้ง "...ถ้านายบอกว่าความซื่อสัตย์ พวกฉันคงไม่ให้นายไปต่อหรอก เพราะแพรวไม่ได้ซื่อสัตย์กับนาย สิ่งที่นายต้องการคือสิ่งที่แพรวให้นายไม่ได้ แสดงว่านายยังไม่ลืมคนเก่า" ผมคิดตามพี่สาว ผมเริ่มเข้าใจความคิดของคนโตกว่ามากขึ้นแล้ว "แล้วนายจะเริ่มจีบโนยังไง" ผมยิ้ม และตอบออกไปอย่างมั่นใจ "ผมไม่รู้" พี่แอลมองผมอย่างเดือดดาล แต่ก่อนที่พี่แอลจะได้ลงไม้ลงมือกับผม ประตูห้องพี่โนก็เปิดออกมาก่อน พี่โนในสภาพยุ่งเหยิงเดินออกมาเพื่อดื่มน้ำในครัว ดูน่ารักดีเหมือนกันแหะ "พี่โนอรุณสวัสดิ์ครับ" "อืม" พี่โนดูไม่ตื่นดี พยักหน้าให้ผมก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องอีกครั้ง "น่ารักดีนะพี่แอล" พี่แอลหันขวับมามองผม ผมส่งยิ้มแสดงความบริสุทธิ์ใจไปให้ในทันที "ถ้าโนจริงจังขึ้นมา แล้วนายบอกว่าเป็นการเข้าใจผิดฉันจะยำนาย" พี่แอลชี้หน้าผมอย่างคาดโทษ ผมพยักหน้ารับคำพูดนั้นทันที "แสดงว่าผมยังมีโอกาส พี่แอลถึงไม่บอกให้ผมยอมแพ้" "หึ อยากเป็นเพื่อนเขยฉันก็คิดให้ดี ๆ ว่าควรทำตัวยังไง" พี่แอลสะบัดหน้าใส่ผม และเดินกลับห้องไปอาบน้ำแต่งตัวเพื่อเตรียมตัวเที่ยวในวันนี้ ผมรอให้พี่โนอาบน้ำให้เสร็จก่อนค่อยเข้าไปอาบบ้าง ก็อย่างที่บอกห้องน้ำที่ผมใช้เชื่อมกับห้องนอนพี่โน ถ้าผมสร้างสถานการณ์แบบในละคร เปิดไปเจอพี่โนใช้ห้องน้ำจะเป็นยังไงนะ แต่ก็ได้แค่คิดแหละ ผมไม่กล้าทำหรอก "วันนี้ไปสวนน้ำกัน" พี่แอลนั่งประจำตำแหน่งคนขับอย่างกระตือรือร้น ใช้เวลาไม่นานพวกผมก็ถึงที่หมาย สไลเดอร์ขนาดใหญ่หลากสีสัน เครื่องเล่นมากมายปรากฏแก่สายตา พวกผมซื้อบัตรและแยกย้ายกันไปเปลี่ยนเสื้อผ้า ด้วยความที่เครื่องเล่นอาจสร้างอันตรายได้ชุดว่ายน้ำจึงเน้นความทะมัดทะแมงง่ายต่อการขยับมากกว่าความสวยงาม ชุดว่ายน้ำรัดรูปแขนขายาวถือเป็นคำตอบสำหรับพวกผม แต่เพราะมันรัดรูปทรวงทรงที่ผมไม่คิดจะได้เห็นชัด ๆ ก็ปรากฏแก่สายตาสาธารณะ พี่โนหุ่นดีมาก แถมมีส่วนเว้า ส่วนนูนที่ชัดเจนจนผู้ชายหลายคนใจสั่น รวมถึงผมด้วย "น้ำลายหกแล้วนั่น" พี่แอลเอามือป้ายปากผมจนผมสะดุ้ง "ผมเปล่า...เออ พี่โนเอาเสื้อมาใส่ทับชุดว่ายน้ำแบบเมื่อวานดีกว่าไหม" ผมปฏิเสธไป แล้วพยายามออกความเห็นให้พี่โนปกปิดอาหารตาของใครหลาย ๆ คน "หึ เด็กน้อย" นอกจากคนตอบจะไม่ใช่พี่โนแล้ว พี่แอลยังลากพี่โนไปเล่นเครื่องเล่นทันที โดยไม่สนใจผม ผมเลยได้แต่เดินตามไปอย่างจำใจ พวกผมเล่นโซนต่าง ๆ จนครบ บางอันก็สนุก บางอันก็เสียวเสียไม่อยากไปเล่นอีก เอาซะพี่แอลวิ่งไปอ้วกที่ห้องน้ำเลยทีเดียว ช่วงบ่ายโมงถึงสี่โมงเย็นพวกผมตกลงกันที่จะแยกย้ายกันไปเล่นในโซนที่ตัวเองถูกใจ แน่นอนว่าผมต้องเกาะติดพี่โนเป็นปลิงเพื่อหาทางสร้างความสัมพันธ์ พี่โนเองก็ดูไม่ติดอะไร...มั้ง "พี่จะไปเล่นโซนขี้เกียจ อาร์ตไปเล่นที่อาร์ตอยากเล่นก่อน เล่นเสร็จค่อยมาเจอกัน" อันนี้ถือเป็นการไล่ไหม "ผมก็จะไปโซนนั้นเหมือนกัน" ผมยิ้มให้พี่โนที่มองผมอย่างจับผิด ผมไม่ได้โกหกนะ ผมคิดจะไปโซนนั้นช่วงท้าย ๆ ของวัน แค่ย้ายมันมาช่วงเดียวกับพี่โนเท่านั้นเอง โซนขี้เกียจของพี่โนมันเป็นโซนที่ให้นักท่องเที่ยวเกาะห่วงยางลอยตามน้ำชมบรรยากาศไปเรื่อย ๆ ถือเป็นโซนแห่งการพักผ่อนที่ดี เหมาะสำหรับการรออาหารย่อย "จะทำอะไรก็ทำ" เมื่อได้รับอนุญาต ผมก็ยิ้มร่าและเนียนจูงมือพี่โนไปที่โซนนั้นทันที ผมเห็นว่าพี่โนมองมือที่จับกันอยู่ด้วยสีหน้าบึ้งตึงอย่างไม่สบอารมณ์แต่ก็ไม่ได้ปัดออก ผมเลยทำใจกล้าหน้าด้านจับมือพี่โนต่อไป มือพี่โนนุ่มนิ่มมากจนผมเผลอบีบมันโดยไม่รู้ตัวอยู่หลายครั้ง "อาร์ต" "ฮะ" "จับมือพี่ยังพอทำใจได้อยู่" ...ผมควรตอบรับประโยคนี้ยังไงดีละเนี่ย...ผมว่าผมเลือกคิดไปในทางที่ดีดีกว่า "ขอบคุณฮะ" ... "จะทำอะไรก็ทำ แต่อย่าลืมทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการด้วยละ" จู่ ๆ พี่โนก็พูดขึ้นมาระหว่างที่กำลังพาดตัวอยู่บนห่วงยาง "ได้ฮะ เดี๋ยวผมจะไปเล่นตรงนั้น ตรงนู้น แล้วก็ตรงนี้ พี่โนล่ะ" ผมชี้ไปตามจุดต่าง ๆ ที่วางแผนไว้ "...สระน้ำพุ" พี่โนตอบผมแค่นี้และเงียบไป "พี่โนจะไปแค่ตรงนั้นเหรอ" พี่โนพยักหน้า ดูเหมือนนอกจากสระขี้เกียจแล้ว คนตรงหน้าผมเองก็ขี้เกียจเหมือนกัน "ใช่ เดี๋ยวพี่ก็วนไปมาระหว่างสระขี้เกียจกับสระน้ำพุ พี่อาจจะไปเล่นสไลเดอร์บ้างถ้ารู้สึกเบื่อก่อน แต่ตอนนี้พี่ยังไม่เบื่อ" พี่โนอธิบายด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง จนผมรู้สึกว่าพี่แกไม่ได้อยากมาที่นี่เท่าไหร่นัก แต่พี่โนเป็นคนเสนอสวนน้ำขึ้นมาตอนคุยกัน ทำไมดูไม่สนุกเลย "พี่โนชอบตรงไหนเป็นพิเศษไหม" ผมชวนพี่โนคุย "พี่ชอบสระขี้เกียจ สระเวฟ แล้วก็สระน้ำพุ อาร์ตละ" ผมว่าไม่ใช่พี่โนไม่สนุกหรอก แค่พี่โนชอบอะไรที่มันสบาย ๆ มากกว่า "ผมชอบสไลเดอร์ชั้น 4" ผมตอบอย่างภูมิใจ ที่สวนน้ำนี้ในโซนของสไลเดอร์จะมี 4 ชั้น ซึ่งชั้นที่เสียวที่สุดคือชั้น 4 เพราะสูงที่สุด ผมชอบมันเป็นพิเศษเพราะเป็นชั้นที่ปราบพี่แอลลงไปนอนกับพื้นได้ ขณะที่ผมนั้นสบายดี และพร้อมสู้ศึกต่อไป มันถือเป็นชัยชนะเล็ก ๆ ของผม พี่โนหัวเราะออกมา "ชั้นปราบแอลสินะ" ดูเหมือนพี่โนเองก็คิดเหมือนกับผม ผมเลยหัวเราะออกมาด้วยอีกคน พวกผมคุยกันจนวนมาถึงที่หมาย ผมและพี่โนแยกย้ายกันไปเล่นโซนที่ตัวเองชื่นชอบ ผมเห็นพี่แอลสไลด์ลงมาจากท่ออย่างสนุกสนาน และดูเหมือนพี่แกจะได้เพื่อนเล่นใหม่เสียด้วย พี่ผมก็คนเข้าหาเยอะนะ แต่ทำไมไม่มีคนที่ถูกใจสักที ผมโบกมือทักทายพี่แอลที่มองมา และเดินไปเล่นสไลเดอร์ที่ผมหมายตาทันที พวกผมใช้เวลาหลายชั่วโมงในการเล่นสไลเดอร์ และโซนที่ต้องการ มีเจอกันบ้างบางที่ แต่ก็แยกกันไปเล่นในจุดต่อไปอยู่ดี ผมชอบอะไรแบบนี้นะ อยากไปไหนก็ไปตามใจตัวเอง ไม่ต้องตามใจใคร เล่นกับเพื่อนก็ให้ความรู้สึกสนุกเหมือนกัน แต่มันเหมือนมีพันธะบางอย่าง อยากไปตรงนู้น แต่เพื่อนส่วนใหญ่จะไปตรงนั้นก็ต้องตามเพื่อนไป แต่ก็ต่างคนต่างแยกกันเล่นทำให้ผมรู้สึกคุ้มค่าในการมาครั้งนี้มาก ๆ ผมเล่นสไลเดอร์ที่เสียวที่สุดไปหลายรอบโดยไม่ต้องตามห่วงใคร ผมได้เพื่อนใหม่จากการเล่นโซนลานกีฬาสี และลานโปโลน้ำ เป็นความสนุกที่ได้ปลดปล่อยอย่างเต็มเหนี่ยวกับคนที่มีความชื่นชอบเหมือนกัน ... "อาร์ตนายมาช้า" เมื่อถึงเวลานัด สิ่งแรกที่พี่สาวพูดทันทีที่เห็นหน้าผมคือข้อกล่าวร้าย ใส่ความเท็จ ผมมาตรงเวลาเหอะ "นัดกันสี่โมงไม่ใช่เหรอ ผมมาตรงเวลาพอดีนะ พี่โนละ" ผมเถียงพี่สาวผมไป แต่สายตาผมมองหาคนอีกคน "เล่นคลื่นรอนายอยู่" ผมมองตามสายตาพี่แอลไปในสระคลื่น ที่เขาจะปล่อยคลื่นมาเป็นช่วง ๆ มีคลื่นอยู่ 8 ระดับ และตอนนี้ผมว่าคงเป็นคลื่นระดับสูงเลยละ เพราะคลื่นที่เขาปล่อยออกมามันสูงกว่าผมไปหลายเซน "ช่วงนี้เด็กไปกินข้าวคลื่นเลยสูงเพราะมีแต่วัยรุ่นเล่น" ผมพยักหน้ารับรู้ "งั้นเราจะรอพี่โนเล่นเสร็จ หรือกลับกันเลยละ" "กลับสิ ฉันกับโนรอนายอยู่ โนเลยไปเล่นคลื่นแก้เบื่อ" พี่แอลส่งสัญญาณมือเรียกพี่โนกลับเข้าฝั่ง พี่โนเดินกลับเข้ามาหาพวกผมพร้อมโฟม และห่วงยาง "ปะ" ผม พี่แอล และพี่โน แยกย้ายกันเปลี่ยนเป็นชุดแห้ง และไปแลกบัตรเพื่อกลับบ้านเช่า ดูเหมือนวันนี้แต่ละคนจะใช้พลังงานไปเยอะพอสมควร เพราะเมื่อถึงบ้านต่างฝ่ายต่างนั่งพักในที่ของตัวเองอย่างเหนื่อยอ่อน ผมเองก็หลับไปจนฟ้ามืด อยากนอนต่อจนถึงเช้า แต่ดูเหมือนว่าลำโพงบ้านตรงข้ามจะไม่เป็นใจนัก เสียงเพลง เสียงเฮ เสียงแห่ ดังเผื่อแผ่เข้ามาให้ได้ยินรบกวนการนอนของพวกผมทุกคน "อาร์ตไปบอกให้พวกนั้นเบาเสียงดิ" พี่แอลเดินออกจากห้องนอนอย่างหัวเสีย สายตามองหลังคาบ้านตรงข้ามอย่างไม่พอใจ "ผมบอกแล้ว" ผมชูข้อความในมือถือให้พี่แอลดู ถึงแม้ผมจะไม่คิดเป็นเพื่อนกับคนพวกนี้ต่อ แต่ผมยังไม่ได้ตัดขาดจากพวกนั้น ถือว่าเคยเป็นความทรงจำของกันและกัน ดังนั้นผมจึงยังคุยกับพวกนั้นอย่างปกติ แค่ไม่สนิทใจแบบเดิมเท่านั้นเอง "พวกเด็กนี่" พี่แอลดูหงุดหงิด ผมหยิบไอติมในตู้เย็นที่พี่โนซื้อติดไว้มาให้กินดับอารมณ์ "ตอนนี้ยังถือว่าไม่มีความผิด บอกพวกนั้น ถ้าสี่ทุ่มยังไม่เงียบอย่าหาว่าฉันไม่เตือน" ผมทำตามคำพี่สาวอย่างว่าง่าย พี่แอลทรุดนั่งลงข้างกายผม พร้อมกับดูทีวีไปด้วยถึงแม้จะแทบไม่ได้ยินเสียงเลยก็ตามที "วันนี้ชอบไหม" จู่ ๆ พี่แอลก็ถามขึ้นภายใต้เสียงเพลง ผมพยักหน้ารับ "ฮะ สนุกดี" "ทำอะไรกับโนไปบ้าง" ผมว่าผมกำลังเข้าพบแม่แฟนแหละ ทั้งที่ผมกับพี่โนยังไม่ได้คบกันแท้ ๆ "ก็แค่เล่นไปเรื่อยแหละฮะ...นี่พี่แอล ผมว่าพี่โนมีเสน่ห์พอตัวเลยนะ ทำไมไม่มีคนเข้ามาจีบบ้าง" ผมถามเรื่องที่สงสัยมาสักพัก "โนวางตัวดี ฉันเชื่อว่าถ้านายไม่ใช่น้องฉัน นายก็ไม่กล้าคุยกับโนเหมือนกัน" ก็จริงของพี่แอล "งั้นพี่โนเคยมีแฟนมาก่อนไหม" พี่แอลทำหน้าครุ่นคิด "จะว่าไงดี แฟนน่ะไม่เคยมี แต่คนคุยก็เคยมีอยู่...โนนิสัยดี ทำให้คนที่เข้ามาคุยส่วนมากเป็นประเภทที่รู้นิสัยก่อนเห็นหน้าแบบทางโลกออนไลน์อะไรอย่างนี้" ผมพยักหน้าเข้าใจ "แปลว่าผมควรระวังเวลาพี่โนกดมือถือ" "ใช่...ส่วนในชีวิตถ้าใครมาสนใจโน นายต้องดูฉัน" พี่แอลยิ้มกว้างและยกมือกอดอก ผมมองพี่สาวอย่างไม่เข้าใจ "ใครที่ฉันรู้สึกไม่ชอบเป็นพิเศษ คนนั้นสนใจโนหมดนั่นแหละ" ...ผมว่าผมเริ่มรู้เหตุผลที่พี่โนไม่มีแฟนแล้วแหละ ไม่ใช่ไม่มีใครเข้ามา แค่ถ้าคนที่เข้ามาไม่สามารถเป็นเพื่อนกับคนสำคัญได้พี่แกก็ไม่เอา และพี่แอลคือคนสำคัญคนนั้น...นี่เป็นครั้งแรกที่ผมรู้สึกโชคดีที่เป็นน้องพี่แอล
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD