บทที่ 1

3836 Words
​​​​​​​ที่สนามบินสุวรรณภูมิขาเข้า สองแม่ลูกหิ้วของออกจากแผนกสัมภาระทั้งสองรอรถแท็กซี่คนละคัน “อาร์ต เดี๋ยวม๊ากลับบ้านก่อนนะ อาร์ตจะไปเก็บของที่คอนโดอาร์ตก่อนใช่ไหม” “ฮะ เดี๋ยวผมเข้าไปหาตอนเย็น ๆ ผมอยากเอาของฝากไปให้แพรวก่อน” ผมรอที่จะเจอแฟนสุดน่ารักของผมไม่ไหวแล้ว...โอ๊ะ สวัสดีครับทุกคน ตอนนี้ผมกลับจากต่างประเทศแล้ว ผมมีคอนโดที่เป็นของครอบครัวผมอยู่ ผมแอบเปิดให้แฟนผมอยู่ห้องหนึ่ง เพราะแฟนผมเรียนมหาลัยแถวนั้น อยู่ฟรีไม่เสียตังค์ อย่าฟ้องแม่ผมเชียว ผมรอเจอแพรวไม่ไหวแล้วละ “ไปเถอะ อย่ามาสายละไม่งั้นแอลได้ไปถล่มห้องอาร์ตแน่” “รับทราบฮะ” ผมหอมลาม๊าไปฟอดใหญ่ และขึ้นรถออกจากสนามบินไป คอนโดที่ครอบครัวผมเป็นเจ้าของอยู่แถวสยาม พี่แอลเป็นคนบริหารระหว่างรอให้ผมมีความสามารถมากพอที่จะจัดการด้วยตัวเอง ใช้เวลาสักพักกว่าจะมาถึงที่ของผม ผมทักทายรปภ. และวิ่งไปเปิดประตูห้องเซอร์ไพรส์แฟนสุดที่รักทันที “อาร์ต!” เสียงน่ารักเรียกชื่อผมอย่างตกใจ “คิดถึงแพรวจังเลย” ผมกอดแฟนตัวเล็กของผมแน่น อา... ผมคิดถึงคนคนนี้มาก ๆ เลย “ทำไมกลับมาไม่บอกแพรวเนี่ย แพรวจะได้ให้พวกสตางค์ไปรับ” ร่างเล็กลูบเหงื่อออกจากหน้าผมอย่างน่ารัก พอเห็นหน้าจิ้มลิ้มของแฟน ผมหุบยิ้มไม่ได้เลยละ “อาร์ตอยากมาเซอร์ไพรส์แพรวยังไงละ ดีใจไหม” แพรวยิ้มให้ผมอย่างยินดี “ดีใจสิ แต่ถ้าอาร์ตบอกแพรวเราจะได้ใช้เวลาร่วมกันมากกว่านี้อีกนะ” อืม...ก็ถูกของแฟนผม แฟนผมฉลาดใช่ไหมล่ะ พวกผมนั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนเวลาเริ่มเย็น โทรศัพท์ผมส่งเสียงริงโทนออกมา ชื่อที่ขึ้นตรงจอเป็นสัญญาณหมดเวลาแห่งความสุขของผม ‘กลับมาได้แล้ว คิดจะให้พวกฉันรอไปถึงเมื่อไหร่ฮะ เอาเสื้อผ้ามาด้วยนะ นายต้องค้างที่บ้าน’ เสียงตวาดแหลมหูดังขึ้นทันทีที่รับสาย หูผมวิ้งไปสักพักเลยละ “ผมจะค้างที่คอนโด พี่แอลจะทำไม” ‘...นายคิดว่าใครที่ช่วยปิดเรื่องค่าห้องฟรีที่นายเปิดให้แฟนนาย ถ้าไม่อยากให้เรื่องนี้ถึงหูม๊านายย้ายก้อนแฟบ ๆ ของนายมาบ้านเดี๋ยวนี้’ เมื่อพูดประโยคนี้จบ สายก็ตัดไปทันทีโดยไม่รอเขาพูดอะไรอีก นี่แหละครับที่มาของคำว่าต้องมีความลับระหว่างพี่น้อง (?) ผมถอนหายใจใส่สายก่อนจะหันไปมองแพรวที่จ้องโทรศัพท์ของตัวเองอยู่ “แพรวผมต้องกลับบ้านก่อนนะวันนี้ เสาร์นี้เราไปเที่ยวกันไหมไปกินติมของโปรดแพรวกัน” ผมถามยอดดวงใจของผม แพรวมีสีหน้าแปลก ๆ อย่างเห็นได้ยาก สายตาจ้องมองโทรศัพท์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ทำให้ผมตัดสินใจเรียกอีกรอบ “แพรวครับ?” "อะ...อืม...ได้สิ เสาร์นี้ กินติม อาร์ตอย่าผิดนัดนะ" ผมยิ้มกับถ้อยคำน่ารักนี้ “ผมไม่เคยผิดนัดแพรวสักครั้งเลยนะ มีแต่แพรวนั่นแหละชอบเบี้ยวผม” พวกผมหัวเราะกับประโยคนี้ ผมเข้าไปหยิบของบางส่วนในห้องเพื่อเอาไปบ้าน ก่อนกลับผมขโมยหอมแก้มแพรวไปที แฟนผมตีผมแก้เขินด้วย แก้มแดง ๆ นั่นน่ารักชะมัดเลย พวกคุณจะว่าผมคลั่งรักก็ได้นะ ดีกว่าไม่มีให้คลั่งละกัน (ยิ้ม) ผมขึ้น BTS ไปลงป้ายใกล้บ้าน บ้านกับสยามห่างกันครึ่งชั่วโมง และต้องเดินเท้าเข้าซอยอีก 5 นาที สำหรับหนุ่มนักบาสอย่างผม เรื่องเดินไม่มีปัญหา “กว่าจะมาได้ ฉันหิวจะตายอยู่แล้ว แม่ ป้าไอ ไปกินข้าวกัน” เมื่อถึงบ้านพี่สาวตัวแสบก็ลากผมออกบ้านอีกครั้ง “แล้วทำไมไม่เจอกันระหว่างทางล่ะ เสียเวลาผมหมด” ผมอดไม่ได้ที่จะบ่นคนที่แต่งตัวท้าแดดประเทศไทย เสื้อสายเดี่ยว กางเกงยีน และรองเท้าส้นตึก “เอ้า แล้วใครจะเป็นคนถือกระเป๋าละ” ผมอยากลงไม้ลงมือกับพี่ตัวเองจังเลย แต่สุดท้ายผมก็ทำได้แค่ถือกระเป๋าตามหลังสาวทั้งสามต่างวัยไปอย่างสงบเสงี่ยม ระหว่างนั่ง BTS ผมฟังผู้หญิงเมาส์กันด้วยความเบื่อ เลยเอาโทรศัพท์ตัวเองมากดเล่น แก๊งเพื่อนของผมทักทายเข้ามากันไม่ขาดสายดูเหมือนแพรวจะเอาเรื่องที่ผมกลับมาไทยไปบอกกลุ่มเพื่อนแล้ว พวกเราคุยเล่น และนัดเที่ยวกันประสาคนไม่ได้เจอกันนาน แก๊งผม และแก๊งของแพรวเข้ากันได้ดีจนเพื่อนผมโดนสาวกลุ่มแพรวตกไปกันหลายคน ไม่แปลกที่เรื่องที่ผมมาไทยจะกระจายเร็วขนาดนี้ ครอบครัวผมเลือกร้านอาหารสายพานในห้าง ระหว่างรอน้ำเดือด พวกเราก็คุยถามเรื่องสารทุกข์สุกดิบไปเรื่อย ๆ “แล้วนี่จะไปเที่ยวไหน” พี่สาวผมถามขึ้น “อาร์ตนัดแพรวไปกินติมพรุ่งนี้” “ยังคบกันอยู่เหรอ” ผมว่าพี่แอลพูดจาหมา ๆ ละ “ผมกับแพรวรักกันดี และจะรักกันต่อไปต่างหาก พี่ไม่ชอบแฟนผมก็ไม่ต้องกลัวพวกผมรักกันมากขนาดนั้นก็ได้” ผมกับพี่จ้องหน้ากันอย่างหาเรื่อง พี่สาวผมเป็นคนแบบไหนทำไมผมจะไม่รู้ ผมไม่ยอมลง พี่ไม่ยอมลง เตรียมร้านพังกันได้เลย “ใจเย็นกันก่อน นาน ๆ จะเจอกันที ทะเลาะกันเป็นเด็ก ๆ ไปได้” ม๊าเอ่ยแยกพวกผมทั้งสองคน น้ำในหม้อเดือดพอดีทำให้พวกผมเปลี่ยนเรื่องคุยกัน “แม่ ป้าไอ เดี๋ยวพรุ่งนี้โนมาค้างนะหนูกับโนจะไปเที่ยวสละตำรากัน เรียนจบแล้ว” “เที่ยวหาคู่มากกว่ามั้ง” ผมแซะพี่ตัวเองกลับ เท้าผมถูกรองเท้าส้นตึกเหยียบอย่างแรง ผมสูดปากด้วยความเจ็บ แรงไม่ใช่น้อย ๆ เลยนะ ผมว่าผมกับพี่ตัวเองคุยกันดี ๆ ยากละ “ได้ ป้าก็อยากพักเหมือนกัน ไปเที่ยวกันก็ระวังตัวดี ๆ ละ” ประโยคนี้พวกผมไม่ได้ยินกันหรอก สงครามใต้โต๊ะได้เริ่มขึ้นแล้ว ก่อนที่ผมกับพี่จะหาผู้ชนะในศึกสงครามนี้ได้ เสียงโทรศัพท์ของผมก็ดังขึ้น แพรวเป็นคนโทรเข้ามา ผมจึงแยกไปคุยนอกร้านหลบสายตาพี่สาวตัวเอง “ว่าไงครับ” ‘...อาร์ตกลับมานอนที่คอนโดได้ไหม’ เสียงสั่นเครือของแพรวที่อยู่ปลายสายทำให้ผมร้อนใจ “แพรวเป็นอะไร...เกิดอะไรขึ้น ปลอดภัยไหม” ผมรัวคำถามไปทันที ‘...แพรวไม่เป็นไร...แพรวแค่คิดถึงอาร์ต’ โอ๊ย...ทำไมแฟนผมน่ารักจังนะ ผมยิ้มให้กับประโยคนี้ “ทนก่อนนะ คงอีกสักพักพี่แอลไม่ให้ผมกลับช่วงนี้หรอก รอพี่แอลไปเที่ยวก่อนพวกเราจะได้ใช้เวลาด้วยกัน เดี๋ยวพรุ่งนี้เราไปกินติมกันเนอะ” ผมพูดเสียงหวานใส่แฟนสุดน่ารักของผม ‘...นี่ อาร์ต...’ แพรวเรียกผมเสียงอึกอัก น้ำเสียงเหมือนมีเรื่องหนักใจ “ว่ายังไง” ผมถามปลายเสียงเสียงนุ่ม ‘...เราได้ยินมาว่าต่างประเทศเขาเปิดกว้างเรื่อง...มีอะไรกันก่อนแต่งงาน...เรามาลองกันไหม’ คำเชิญชวนที่น่ารัก...หะ อะไรนะ สมองผมประมวลผลคำพูดแพรวสักพักหนึ่ง “เออ คือ...แพรว เรื่องนี้มันละเอียดอ่อนนะ รอคุยกันตอนพรุ่งนี้ไหม” ‘แพรวอยากได้คำตอบเดี๋ยวนี้’ ผมอ้าปากค้าง มันก็ถูกของแพรวที่เรื่องพวกนี้ได้รับความยินยอมจากทั้งสองฝ่ายมันก็ไม่มีปัญหาอะไร...แต่ผมกลัวมันพลาด...แต่มันก็มีของป้องกันในเรื่องนั้น “งั้น...เดี๋ยวผมจะไปซื้อ...เออ ถุงยางนะ” ผมว่าตอนนี้หน้าผมคงแดงมาก ๆ ‘อาร์ตไม่ต้อง เดี๋ยวแพรวไปซื้อยาคุมกินเอง’ แพรวตอบผมอย่างลนลาน “บ้าเหรอแพรว ยาคุมมันก็มีสิทธิ์พลาดนะ แถมยาคุมมันทำให้แพรวเจ็บด้วย ถ้าเกิดอะไรขึ้นมาจะทำยังไง” ผมว่าตัวเล็กของผมต้องเหงาเกินไปแน่ ๆ ถึงได้เสนออะไรแบบนี้ ‘อาร์ตจะไม่ยอมแพรวหน่อยเหรอ’ ตัวเล็กเริ่มอ้อนแล้ว “เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ นะแพรว ผมยอมเรื่องนี้ไม่ได้” ความเงียบเกิดขึ้นที่ปลายสายจนผมเริ่มใจเสีย ‘…อืม แพรวขอโทษที่เอาแต่ใจ พรุ่งนี้เจอกันนะ’ แพรวตัดสายไปก่อนที่ผมจะได้พูดตอบ ผมคิดว่าพรุ่งนี้เราคงต้องคุยเรื่องนี้กันแบบจริงจังแล้วละ ผมกลับเข้าไปกินข้าวไม่คิดสนใจบทสนทนาของคนในโต๊ะ ตอนนี้ในหัวผมมีแต่แพรวเท่านั้น แพรวผมเป็นคนขี้อายนะ ไม่น่าถามอะไรแบบนี้ เกิดอะไรขึ้นกันนะ พรุ่งนี้ผมต้องถามให้รู้เรื่อง ผมที่รอให้ถึงเวลานัดเจอกันอย่างใจจดจ่อ เมื่อวันต่อมามาถึง ผมที่ยืนรออยู่หน้าร้านไอติมสีแดงที่มีเกือบทุกห้าง สักพักแฟนผมก็เดินมาพร้อม ‘สตางค์’ เพื่อนสนิทผม...คงเจอกันระหว่างทางโลกกลมจริง ๆ “ว่าไงสตางค์ไม่ได้เจอกันนานนะ” ผมเข้าไปทักทายเพื่อนสนิทตัวเอง สตางค์ยิ้มให้ผม พวกเราทักทายกันสไตล์เพื่อนที่ไม่ได้เจอกันนาน “เข้าไปกินติมด้วยกันไหม” ถึงผมจะอยากคุยเรื่องเมื่อวาน ผมก็ไม่ใจจืดใจดำทิ้งเพื่อนที่เดินมาส่งแฟนผมหรอกนะ พวกเราเลือกโต๊ะใหญ่ที่เป็นเบาะนั่ง เมื่อจับจองที่นั่งได้ก็สั่งไอติมทันที แพรวนั่งกับสตางค์ ทั้งสองนั่งตรงข้ามกับผม...มันเริ่มแปลก ๆ แล้วละ “มีอะไรกันหรือเปล่า” ผมถามเข้าเรื่องทันทีเมื่อสั่งเมนูอาหารเสร็จ แพรวนั่งหลบตาผมตลอดเวลาทุกครั้งที่ผมมองหน้า แพรวไม่หันมาหาผมเลย “...แพรว...ท้อง” แพรวพูดออกมาอย่างอึกอัก ราวกับสายฟ้าผ่าใส่ผมในห้าง ตัวผมชาไปหมด หันไปมองสตางค์ เพื่อนผมส่งยิ้มกว้างมาให้ผมราวกับยินดีกับข่าวของพวกผม...แต่ว่า... “...แต่เรายังไม่เคยมีอะไรกัน” ผมได้ยินเสียงตัวเองสั่นอย่างหนัก “...แพรวขอโทษ” “ลูกกูเอง” ผมอ้าปากค้าง มองเพื่อนสนิทตัวเองที่ยิ้มแฉ่งส่งมาให้ผม ผมมองทั้งสองคนสลับกันไปมา “ตั้งแต่ตอนไหนกัน” “ตั้งแต่มึงไปเมืองนอกนั่นแหละ ก็แพรวเขาเหงาก็เลยจีบ...แล้วดันติด” ผมช็อกมาก ผมไม่สามารถบรรยายความรู้สึกตอนนี้ออกมาได้ ผมมองแฟนตัวเองที่นั่งก้มหน้าตัวสั่นเทา สลับกับเพื่อนที่ยังคงยิ้มแฉ่งกับข่าวดีนี้ “ทำไมละ...แพรว...เรารักแพรวมากนะ มึงด้วยมึงเพื่อนกูนะ” สมองผมว่างไปหมดแล้ว “กูขอโทษ แต่เพื่อนมันมีลูกให้กูไม่ได้นี่...กูรู้ว่ากูทำผิด...ที่ตีท้ายครัวมึง แต่ตอนนั้นกูยังเด็ก...ตอนนี้กูโตแล้ว และพร้อมรับผิดชอบเรื่องที่กูทำผิดพลาด...กูเลยมาขอโทษมึง และอยากขอให้มึงตัดใจจากแพรว” ...ผมควรทำยังไงดี ผมพยายามเค้นเสียงออกไปอย่างยากลำบาก “...แพรวผม...ผมรับได้...เรายังรักกันต่อได้ไหม ลูกของแพรวน่ะ...ผมจะดูแลให้” ผมหันไปมองแฟนสุดน่ารักของผมที่รักกันมาตลอด 8 ปี แพรวมองหน้าผม ดวงหน้าจิ้มลิ้มเปื้อนไปด้วยน้ำตา ผมเองก็รู้สึกจุกไม่ต่างกัน “มึงอย่ามาบ้า มึงมีดีอะไร...กูมีธุรกิจใหญ่โตให้ความสะดวกสบายแพรวได้เต็มที่ ที่สำคัญกูมีเวลาดูแลแพรวอย่างใกล้ชิด มึงมีอะไรมาสู้กู” สตางค์ตวาดผมลั่นร้าน “…กู...รักแพรว” “มึงเคยได้ยินไหมวะ ความรักมันกินไม่ได้...เฮ้อ มึงมันบ้าตั้งแต่แรกแล้วที่เชื่อใจคนรักทางไกลว่าเขาจะไม่นอกใจ...!!!” สตางค์เด้งตัวขึ้นสุดแรงจนผมตกใจ ผมมองสตางค์ที่โดนน้ำเทลงบนหัว เสื้อผ้าของอีกฝ่ายเปียกลู่ไปกับตัว และไอติมรสบลูเบอรี่ที่วางแหมะบนหัวแพรว หยดไอติมที่ละลายไหลตามไรผมของร่างเล็ก “มึงเป็นใครวะ” สตางค์หันไปตวาดคนที่นั่งโต๊ะหลังพวกเขา “นายเป็นเพื่อน...ที่คำว่าเหี้ยก็ยังไม่พอ” เสียงใสดังขึ้นอย่างเย็นชา คนที่ผมไม่ได้เห็นหน้ามานานชันเข่ากับโซฟา แก้วใสใส่ไอติม และแก้วน้ำที่ก่อเหตุยังอยู่ในมือของอีกฝ่าย “...พี่โน” ผมเรียกชื่อคนตรงหน้าเสียงเบา ผมไม่รู้จะตอบรับกับเรื่องนี้ยังไงแล้ว “พวกนายจะประกาศความภาคภูมิใจว่าแอบมีอะไรกันจนพลาดท้องลับหลังแฟนตัวจริงอีกนานไหม ท่าทางนายไม่รู้เลยว่าเรื่องที่นายทำคือเรื่องที่น่าอับอายแค่ไหน...” พี่โนหันไปวางแก้วลงบนโต๊ะอย่างใจเย็นผิดกับท่าทางของสตางค์ที่พร้อมเข้าขย้ำอีกฝ่ายอย่างเอาเรื่อง “...แล้วอาร์ตทำผิดอะไรที่เชื่อใจแฟนตัวเอง ความเชื่อใจน่ะมันไม่ได้เกิดขึ้นเพียงวินาทีเดียวหรอกนะ...เธอภูมิใจไหมที่หลอกคนที่รักเธอมาก คนที่เชื่อใจเธอมาตลอด 8 ปีได้ อยากได้ถ้วยรางวัลทองคำไหมเดี๋ยวทำให้ ถือว่าของขวัญต้อนรับเด็กในท้อง” !!! “ยัยป้านี่” “สตางค์เราไปกันเถอะนะ...เรื่องที่ต้องบอกเราก็บอกแล้ว...แพรวขอโทษจริง ๆ อาร์ต อาร์ตอยู่กับเราไม่ได้ อาร์ตไม่มีเวลาให้เรา เราขอเลือกคนที่ให้เวลาเราได้เถอะนะ” แพรวรีบลุก และพาสตางค์ออกไปทันที ผมมองตามแพรวไปด้วยความหวังว่าคนที่แพรวพาออกไปจะเป็นผม มือเล็ก ๆ นั่นจะกุมมือผมออกไป ผมรักแพรวมาก ทำไมแพรวไม่รักผมเท่าที่ผมรักแพรวละ “อาร์ตจะเอาไง มานั่งกับพวกพี่ไหม” เสียงพี่โนเรียกผมให้กลับมาในโลกความเป็นจริงที่ผมไม่มีแพรว ผมส่ายหน้าปฏิเสธไป พร้อมกับไอติมของโต๊ะผมที่มาเสิร์ฟพอดี พนักงานเก็บกวาดสิ่งเละเทะบนพื้น ผมนั่งนิ่งมองไอติมรสโปรดของแพรว เฝ้าถามตัวเอง...ผมทำพลาดตรงไหนกัน ผมคุยกับแพรวทุกครั้งที่ผมว่าง เราบอกรักกันก่อนนอนเกือบทุกคืน และอะไรที่ทำให้แพรวเลือกสตางค์...ไม่ใช่ผม เบาะข้างกายผมยวบลง ตรงข้ามผมมีคนมานั่งอีกคน “ทุกอย่างมันต้องใช้เวลา พี่ไม่บอกให้อาร์ตตัดใจจากคนแบบนั้นหรอกนะ ถ้าอาร์ตจะสู้ต่อเพื่อขอความรักจากคนแบบนั้นก็ทำไป แต่พี่ไม่เห็นความสำคัญกับคนที่เดินออกไปก่อนหรอก...เดี๋ยวติมถ้วยที่เหลือพี่กับเพื่อนจ่ายเอง กินเข้าไปได้แล้ว” ถ้วยไอติมที่ไร้คนกินโดนจับจอง เขาไม่อยากกินของตรงหน้ามากนัก แต่สมองต้องเดินด้วยท้อง มือผมค่อย ๆ ตักไอติมเข้าปาก รสชาติของมันช่างแตกต่าง ความเค็มที่ลิ้นของผมสัมผัสได้ทำให้ผมรู้ตัว น้ำตาของผมไหลออกมาอย่างไม่สามารถบังคับได้ ฮึก ความสุขที่สุดของผมหายไปแล้ว ... หลังกินติมเสร็จ พี่โนก็พาผมกลับบ้าน เพื่อนพี่โนแยกกลับอีกทาง พวกเราไม่คุยอะไรกันเลยแม้แต่น้อย ผมนั่งคิดถึงอดีตที่ผ่านมา ผมไม่เข้าใจว่าผมทำอะไรพลาดไป ทำไมถึงเป็นแบบนี้ เมื่อถึงบ้านผมก็แยกตัวเข้าห้องทันทีไม่ทักทายอะไรใครทั้งนั้น ปล่อยให้พี่โนเป็นคนอธิบายเรื่องทั้งหมดกับคนที่เหลือ ไม่มีใครขึ้นมายุ่งกับผมทุกคนให้เวลาผมทำใจคนเดียวในห้องมืด ๆ ผมนอนร้องไห้จนหลับไป ... ผมตื่นขึ้นมาช่วงค่ำ ม๊า และน้าต่างขึ้นมานอนบนห้องแล้ว ข้างหมอนมีขวดน้ำวางไว้ ดูเหมือนผมจะทำให้พวกผู้ใหญ่เป็นห่วงเข้าแล้ว ผมควรยอมรับความจริงได้แล้วว่าผมโดนทิ้ง ผมมันดีไม่พอที่จะทำให้แพรวพอใจ ผมควรจะยิ้มให้กับความบัดซบนี้ ผมย่องออกไปหวังลงบันไดเพื่อไปเข้าห้องน้ำ แต่ด้านล่างกลับเปิดไฟ และมีคนสองคนคุยกันอยู่ คนที่ผมไม่อยากให้รู้เรื่องที่สุด กับคนที่อยู่ในเหตุการณ์นี้ “ตื่นแล้วเหรอเจ้าอาร์ต กินข้าวไหม” พี่สาวผมถามขึ้น ผมส่ายหน้าและหนีเข้าห้องน้ำทันที เมื่ออาบน้ำเสร็จผมเตรียมวิ่งหนีเข้าห้องนอน “พี่โทรไล่ยัยนั่นออกคอนโดไปแล้วนะ” ผมชะงักเท้า ใจผมรู้สึกแย่ที่พี่ทำแบบนั้น แต่นั่นก็เป็นสิ่งที่ควรจะเป็น แต่ผมยังไม่อยากให้แพรวไป อย่างน้อยห้องนั้นก็เป็นห้องที่ผมได้อยู่กับแพรว ถ้าไม่มีใครไล่แพรวไป ผมอาจเจอแพรวยังรอผมอยู่ในห้องนั้น... “...เขาท้องนะพี่แอล เราควรให้เขาอยู่ต่อนะ” “ไม่ใช่ว่าไอ้ผู้นั่นมันเลี้ยงดูไหวหรือไง พอคิดว่ามันมาทำอะไรในพื้นที่ของเรา ฉันขยะแขยง...ต้องเชิญพระสวดไล่ของชั่วออก...” ผมไม่รู้ว่าสีหน้าผมตอนนี้เป็นยังไง แต่คงแย่มากแน่ ๆ เพราะเสียงของพี่แอลเงียบไปแล้ว “นั่งคุยกันก่อนไหม” พี่โนตบโซฟาให้ผมนั่ง ตอนนี้พี่แอลนอนเล่นโทรศัพท์อยู่ที่โซฟานอนของชุดโซฟาสีเข้ม ส่วนพี่โนนั่งพิงโซฟายาวที่ว่างอยู่ เพื่อเล่นคอมบนโต๊ะพับที่ตั้งที่พื้น ผมเดินไปนั่งแต่โดยดี “อาร์ตยังรักผู้หญิงที่นอกใจอาร์ตอยู่ไหม” คำถามเรียบ ๆ แต่จี้จุดดังขึ้น ย้ำเตือนว่าผมโดนนอกใจ “ผม...ผมรักเขามากพี่โน ไม่มีวันไหนผมไม่คิดถึงแพรวเลย...ผม...” "งั้นพี่ถามใหม่ ความรักที่อาร์ตมีให้แพรวน่ะ มันจะยังเหมือนเดิมอยู่หรือเปล่า" ผมไม่เข้าใจคำถามนี้ "ถ้าอาร์ตไปง้อแพรว ได้แพรวมา อาร์ตจะรักเขาเหมือนเดิมไหม...ถ้าอาร์ตบอกว่าเหมือนเดิม อาร์ตกลับบ้านแค่ช่วงซัมเมอร์ ถ้าอาร์ตไปเรียนต่อ ไปทำตามความฝันที่จะเลี้ยงเขา อาร์ตจะเชื่อใจแพรวไหมว่าแพรวจะรออาร์ต" "ผม...ผมมั่นใจ...คนเราผิดได้ก็ต้องแก้ไขได้" "...แต่ใจมันเจ็บแล้วจำนะอาร์ต เวลาก็ลบมันออกไปไม่ได้ เรื่องในวันนี้จะกลับมาหาอาร์ตทุกครั้งที่อาร์ตเริ่มไม่มั่นใจในความสัมพันธ์นี้ อาร์ตควรให้มันพัก...แต่ถ้าอาร์ตจะกลับไป...พวกเราก็ไม่ห้าม" แน่นอนว่าประโยคนี้ พี่โนต้องเอื้อมมือไปปิดปากพี่แอลไม่งั้นเสียงที่ออกมาของพี่สาวผมคงไปปลุกพวกผู้ใหญ่ที่นอนอยู่ชั้นบนแน่ ๆ "อีกอย่างนะอาร์ต พี่ไม่คิดว่าคนที่ต้องแก้ไขในความสัมพันธ์นี้คืออาร์ต...อาร์ตทำดีที่สุดแล้ว ใครที่ยอมตื่นเช้าทุกวันเพื่อโทรมาคุยกับคนที่กำลังนอน ทั้งที่เป็นคนตื่นยากมาตลอด 7 ปี...ใครที่เป็นคนโทรมาขอร้องแอลให้ไปซื้อยาให้แพรวเพราะปวดท้องประจำเดือน ทั้งที่เราก็รู้อยู่ว่าแอลไม่ชอบแพรว...อาร์ตทำได้ดี อาร์ตควรพอกับความสัมพันธ์ที่เราได้รับสิ่งที่ไม่เป็นธรรมนะ..." "...แล้วที่สำคัญ แพรวเลือกที่จะไปกับผู้ชายคนนั้น ไม่ใช่อาร์ต" ผมไม่ไหวแล้ว น้ำตาผมไหลออกมาเหมือนเขื่อนแตกอีกครั้ง ผมนั่งร้องไห้อยู่ตรงนั้น พี่แอล และพี่โนปล่อยให้ผมร้องไห้ ใช้ความเงียบเป็นตัวปลอบโยนผม พี่โนพูดถูกทุกอย่าง ทุกอย่างเลย ผมอยากที่จะไปขอให้แพรวกลับมา แต่แพรวเลือกแล้ว ผมจะพิสูจน์ว่าความรักของผมไม่มีข้อจำกัดไปทำไม ในเมื่อแพรวตัดผมออกไปแล้ว...ผมควรไปต่อ เหมือนที่แพรวเลือกไปกับสตางค์ สตางค์ดูมีความสุขที่ได้แพรว ผมก็ควรใช้ชีวิตอย่างมีความสุขยิ่งกว่าที่ไม่มีแพรว "ขอบคุณครับ" ผมเอ่ยขอบคุณพี่สาวทั้งสองเสียงเบา พี่โนทำให้ผมคิดได้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นมันไม่ใช่ความผิดผม...ที่รักแพรว "สมองโล่งแล้วก็ไปเที่ยวกับพวกพี่ไหม พรุ่งนี้" พี่แอลเอ่ยชวนผม ทั้งสองคนมองมาที่ผมอย่างรอคำตอบ ผมพยักหน้ารับ การไปเที่ยวอาจทำให้ผมปล่อยวางอะไรได้บ้าง "เยี่ยมเลย วันนี้ปาร์ตี้คนโสดกันดีกว่า" พี่แอลก็ยังคงเป็นพี่แอล เรื่องเศร้าเป็นหน้าที่คนอื่น ใช้ชีวิตทุกวันให้มีความสุขเป็นหน้าที่นาง พี่แกเดินไปหยิบโซจูกับกับแกล้มออกมาจากตู้เย็น คอมที่พี่โนใช้อยู่ถูกดันออกไปวางบนพื้นอย่างไม่ไยดี "แอล ถ้าป้าไอ กับน้านายด์บ่น ฉันไม่ช่วยพูดให้นะ" แต่ถึงจะพูดแบบนั้น พี่โนก็รินโซจูใส่แก้วเตรียมไว้แล้ว "...ดื่มให้กับวันพรุ่งนี้ที่สดใส" พี่สาวผมชูแก้วขึ้น พร้อมที่จะเมาเต็มที่ ผมกับพี่โนเลยทำตาม "เฮ" พวกผมกินกันไปเรื่อย ๆ จนเกือบเช้า ถึงได้แยกย้ายกันเข้านอน ผมคิดว่าผมคงจมอยู่กับความเศร้านี้นานกว่านี้ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่แอล และพี่โนคอยอยู่เป็นเพื่อน ผมว่าครอบครัวมันก็ดีนะ ผมเปิดโทรศัพท์ที่วางไว้บนห้อง ข้อความมากมายเด้งขึ้นมาถามผมเรื่องในวันนี้รัว ๆ จดหมายเชิญไปงานแต่งของคนสองคนที่เขาพึ่งได้พูดคุยถูกส่งเข้ามาในช่องแชทส่วนตัวพร้อมข้อความสั้น ๆ 'เผื่อทำให้มึงตัดใจได้' ผมถอนหายใจเฮือกใหญ่เอาความหนักอึ้งทั้งหมดออกไปจากใจ พรุ่งนี้ผมจะไปเที่ยวให้ลืมเรื่องแย่ ๆ พวกนี้ เปิดโลกตัวเองไปเจอสิ่งใหม่ ๆ ถึงแม้ผมจะยังไม่พร้อม แต่การอยู่เฉย ๆ ก็ไม่ได้อะไรเหมือนกัน
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD