บทที่ 5

4164 Words
ยามเช้า ผมตื่นมาอย่างสดใส ถือเป็นความโชคดีที่บ้านตรงข้ามนั้นรักษากฎการอยู่อาศัยร่วมกันเป็นอย่างดี ทำให้พวกผมหลับสนิทตลอดคืน สิ่งแรกที่ผมเห็นในเช้าวันใหม่คือพี่โนนั่งชันเข่าจิบช็อกโกแลตร้อนอยู่บนโซฟาข้าง ๆ ผมยาวหยักศกที่ยุ่งเหยิง กับสีหน้าง่วงงุนนั้นมันทำให้ใจผมสั่น ตลอดเวลาที่รู้จักกันมา ผมไม่เคยสนใจพี่โนในแง่นั้นเลย การที่เริ่มมองพี่โนแบบนั้นทำให้ผมรู้ว่าพี่โนมีผลต่อสายตาของผู้ชายอย่างผมพอสมควร...และท่าทางพวกนี้เขาจะไม่มีทางเห็นถ้าเขาไม่ใช่น้องพี่แอล “อรุณสวัสดิ์ฮะ” “อืม” พี่โนตอบรับผมเสียงเบา ท่าทางที่ดูหลับไม่พอนี้ ดูน่ารักจริง ๆ นะ “พี่โนหลับไม่พอเหรอ” “...เปล่า พี่นอนเยอะไปต่างหาก” ผมเคยได้ยินมาเหมือนกันว่าถ้าหลับเยอะเกินไป จะมีอาการเหมือนคนไม่ได้นอน ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่เรื่องเล่า “อาร์ต” “ฮะ” “นายมีแขก” พี่โนพยักหน้าไปทางประตูรั้ว แพรว และสตางค์ยืนอยู่ตรงนั้น และกำลังคุยกับพี่แอลอยู่ ตายโหงละ ทำไมพี่แอลไปอยู่ตรงนั้น ผมเด้งตัวขึ้นวิ่งไปประกบพี่แอลทันทีที่ได้สติ แต่ดูผมจะช้าไป มือเรียวของพี่แอลนั้นได้ประทับเข้าใบหน้าของสตางค์เสียงตบดังก้องถนน “นายมันไอ้เด็กเปรต!!! ใช้อะไรคิดหะ สมองมีดีแค่เรื่องไม่เป็นเรื่องหรือไง เรื่องดี ๆ ถึงไม่อยู่ในสมอง! ว่ามาสิไอ้เด็กที่ขับเคลื่อนด้วยช่วงล่าง อยากประกาศตัวนักหรือไงว่าแย่งแฟนคนอื่นน่ะ หะ!” “ผมแค่อยากให้อาร์ตอวยพรพวกผม ยังไงเราก็เป็นเพื่อนกันมาตั้งนาน” “ไอ้เด็กเหี้ย อย่านึกว่าฉันไม่รู้ว่านายคิดจะทำอะไร นายอยากอยู่ในโลกที่สวยงาม มีแฟนที่ใช้ช่วงล่างแย่งมาจากเพื่อนตัวเอง อยากเอาสเปิร์มในรังไข่ลูบหน้าน้องชายฉัน อยากให้น้องชายฉันอยู่ในความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก...” “...เพื่อนที่ไหนเขาทำกันแบบนี้ พวกนาย นาย นาย และก็เธอ! ถ้ายังมายุ่งกับน้องฉันอยู่อย่าหาว่าฉันไม่เตือน ยิ่งนายมีอำนาจจากเงินตรามากเท่าไหร่ ผู้คนก็จับตามองเท่านั้น หลังจากนี้พวกนายเตรียมลงโลกออนไลน์ได้เลย ฝันร้ายก็จะตามไปถึงลูกของนาย มาดูสิว่านายจะบอกลูกนายยังไงว่าเกิดจากความไม่ซื่อสัตย์ต่อแฟนและต่อเพื่อนตัวเอง” ผมรีบรั้งตัวพี่สาวตัวเองเข้าบ้านทันที พี่แอลยังคงโวยวาย ด่าทอคนที่อยู่ด้านนอกอยู่ ผมพาพี่แอลเข้าบ้านอย่างยากลำบาก พี่โนไม่คิดช่วยเหลือผม แต่อีกฝ่ายกลับเดินออกไปรับช่วงต่อจากพี่แอลแทน ผมยืนค้างได้แต่มองตามพี่โนไป แต่พี่โนทำเพียงยื่นโทรศัพท์ตัวเองให้สตางค์ สตางค์รับไปอย่างงง ๆ ก่อนจะปามันกระแทกพื้นทันทีที่เห็นสิ่งที่อยู่ในโทรศัพท์ เมื่อเห็นท่าไม่ดี ผมกับพี่แอลรีบรุกไปยืนข้างพี่โนทันที ตอนนี้ผมไม่คิดห้ามแล้ว ห้ามไปก็เท่านั้นความปลอดภัยต้องมาก่อน สตางค์มองหน้าพวกผมอย่างแค้นเคือง และดึงแขนแพรวออกไป แพรวหันมามองผม สีหน้าของอีกฝ่ายดูแย่ จนผมรู้สึกไม่ดี แต่ผมก็ไม่คิดเข้าไปสอบถามหรอกนะ “เหอะ เด็กเหี้ย ๆ” ดูเหมือนพี่แอลจะยังคงหงุดหงิดอยู่ ผมเดินไปหยิบโทรศัพท์พี่โนที่โดนปาทิ้งหน้าบ้านขึ้นมาดู มันตายไปแล้ว ไม่มีการตอบสนองเลยสักนิดเดียว “เฮ้อ...เดี๋ยวตอนกลับบ้านแวะส่งฉันซ่อมโทรศัพท์หน่อยละกัน” พี่โนเอ่ยอย่างไม่ทุกข์ร้อน “โนเอาอะไรให้พวกมันดู” พี่แอลหันไปถามพี่โน และรับโทรศัพท์ที่พังไปดูอาการก่อนส่งคืนเจ้าของ “คลิปพวกนายทะเลาะกัน ฉันว่าที่แอลขู่ไปน่ะ คงทำให้พวกนั้นกลัวระดับหนึ่งเลยละ ถึงได้รีบทำลายโทรศัพท์ฉันแบบนี้...พวกนั้นไม่รู้เลยว่าฉันส่งเข้าไปในกลุ่มไลน์พวกเราแล้ว แล้วจะยกเลิกข้อความยังไงดีละเนี่ย” เสียงพี่โนดูลำบากใจ แต่ปากอิ่มกลับยกยิ้มร้าย พี่แอลยกนิ้วให้พี่โนอย่างถูกใจ และวิ่งไปเอาโทรศัพท์มาดูคลิปนั้นทันที ผมมองรอยยิ้มของพี่โนด้วยความสะพรึง ดูเหมือนผมต้องเรียนรู้เรื่องของอีกฝ่ายอีกพักใหญ่ ๆ เลยล่ะ “พี่ไม่ได้มีด้านที่อาร์ตชอบด้านเดียวนะ รับได้ไหมล่ะอาร์ต” พี่โนหันมามองผม รอยยิ้มนั้นยังคงไม่หายไป มันทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัยยังไงชอบกล “เรื่องนั้นต้องให้เวลาเป็นตัวพิสูจน์ฮะ” ผมยิ้มตอบกลับไป ดูเหมือนพี่โนจะชอบใจในคำตอบผมระดับหนึ่ง...ล่ะมั้ง พี่โนกำลังแสดงความเป็นตัวเองให้ผมเห็น ไม่ใช่พี่สาวที่ดูแลน้องชาย แสดงว่าพี่โนไม่คิดว่าผมพูดเล่นเรื่องขอจีบแล้ว ก่อนคบกันเป็นตัวเองให้ถึงที่สุด และเมื่อคบกันเราค่อยปรับเข้าหากัน ดูเหมือนนี่จะเป็นหลักการเลือกคนของพี่โน “พี่จะอาบน้ำ นอนเล่นรอไปก่อนละกัน” พี่โนเดินเข้าห้องน้ำไปทันที ผมรู้สึกเสียดายที่ไม่ได้เห็นท่าทางง่วงงุนนั้นอีกหน่อย แต่ไม่เป็นไร หลังจากนี้ผมคงได้เห็นมากกว่านี้ ผมเปิดไลน์กลุ่มที่มีพี่แอล พี่โน และผม เพื่อดูคลิปที่พี่โนส่งเข้ามา มุมกล้องนั้นดูไม่ออกว่าคู่กรณีนั้นเป็นใคร แต่หากคนที่เคยเห็นสองคนนั้นมาก่อนต้องสามารถเดาได้ทันที ฝีมือร้ายไม่เบา “ฝีมือร้ายไม่เบาเลยใช่ไหมล่ะ” ผมสะดุ้ง นึกว่าตัวเองพูดออกมา แต่คนที่พูดคือพี่แอลที่มายืนอยู่ด้านหลังผม “ฮะ” “ยังจะจีบอยู่ไหม” "ฮะ น่าสนใจดี" ผมยิ้มตอบไป ดูเหมือนพี่แอลจะไม่ชอบคำตอบผมเท่าไหร่ พี่แอลเดินออกไปเช็คสภาพรถที่หน้าบ้าน ปล่อยให้ผมเก็บของในบ้านอยู่คนเดียว สักพักพี่โนก็มาสลับตัวกับผม พวกผมใช้เวลาเก็บของเพื่อเตรียมกลับกทม.ในช่วงเช้า ผมสามคนเดินทางกลับบ้าน แต่พี่โนแยกลงแถวสยามก่อนเพื่อนำโทรศัพท์ไปซ่อมที่ศูนย์ แน่นอนว่าผมต้องตามพี่โนไป "โทรศัพท์พี่ยังอยู่ในประกันอยู่เหรอ" พี่โนส่ายหน้า "พี่ก็คิดอยู่ค่าซ่อมจะเท่าไหร่ ถ้าแรงเกินไปก็คงปล่อยไปก่อน" พี่โนพูดด้วยสีหน้ายุ่งยาก ดูเหมือนเงินในกระเป๋าคงไม่พอเท่าไหร่ "ยืมเงินผมก่อนได้นะ ยังไงพาร์ทไทม์ผมอาจจะได้เงินเยอะกว่าของพี่" พี่โนชะงัก ดวงตาคมหรี่มองผมนิ่ง ผมพูดอะไรผิดหรือเปล่า "มันก็ถูก แต่พี่ไม่ยืมหรอกนะ พี่เอาเลย" โธ่...ผมก็นึกว่าจะไม่เอา "ถ้าพี่กล้าขอผมก็กล้าให้" "งั้นขอสักหมื่น" ...ผมว่าพี่โนก็กวนอยู่นะ "บัญชีไหนล่ะ" "พร้อมเพย์ 089-xxxxxxx" "นั่นเบอร์พี่แอลนะพี่โน" คราวนี้เป็นตาของผมที่หรี่ตามองพี่ตัวดีบ้าง พี่โนยักไหล่ทำสีน่าเสียดายที่ผมรู้ตัวเร็วแบบนี้ "ถึงแล้ว" เมื่อถึงศูนย์โทรศัพท์ของพี่โน ผมก็ยืนรอพี่โนเข้าไปคุยรายละเอียดการซ่อม ดูเหมือนการพูดคุยจะเป็นไปได้ด้วยดีจนถึงช่วงขอเบอร์ติดต่อเวลาเครื่องซ่อมเสร็จแล้ว พี่โนกวักมือเรียกผม แล้วเอาเบอร์ผมให้พนักงานไป "ระหว่างรอทำอะไรกันดี" พี่โนถามขึ้นระหว่างเดินไปเรื่อย ๆ "พี่โนอยากไปไหน ผมก็ไปด้วยได้หมดนั่นแหละ" ผมรีบเอาใจพี่โนทันที "คิดสิว่าถ้ามาเที่ยวกับเพื่อนจะพาเพื่อนไปเที่ยวไหน เดี๋ยวพี่เที่ยวเป็นเพื่อน" "...ผมอยากได้เป็นแฟนมากกว่า" พี่โนมองผมนิ่ง ผมส่งยิ้มไปให้เพื่อแสดงความบริสุทธิ์ใจ พี่โนชูนิ้วชี้ให้ผม "ลองเป็นแฟนสักชั่วโมงก็ได้" ผมตกใจกับคำพูดนี้ แต่เมื่อประมวลผลได้ผมก็จับมือพี่โนดึงออกเดินทันที "ลากพี่ไปไหนเนี่ย" "เออ...ผมไม่รู้ฮะ ผมดีใจไปหน่อย" ผมหยุดลากพี่โน ยกมือเกาหัวแก้เขิน ผมรับรู้ได้ถึงความร้อนบนใบหน้า หน้าผมต้องแดงแน่ ๆ "หึ ๆ งั้นไปกินติมไหมล่ะ พี่อยากกินอะไรเย็น ๆ" "ต้องกินข้าวก่อนสิฮะ ข้าวเที่ยงน่ะ...พี่โนอยากได้อะไรเป็นพิเศษไหม" "...ข้าวหน้าปลาไหล" ดูเหมือนพี่โนจะชอบอาหารญี่ปุ่นแฮะ ผมรีบหยิบมือถือมาหาร้านแถวนี้ทันที "งั้นร้านนี้นะฮะ" เมื่อได้ร้านที่ถูกใจ ผมก็จูงมือพี่โนเดินไปที่ร้าน "2 คนฮะ" ผมบอกพนักงาน และเดินไปที่โต๊ะมุมร้าน โต๊ะตรงนั้นมีที่กั้นทำให้ดูเป็นส่วนตัวกว่าโต๊ะตัวอื่น พี่โนสั่งเมนูในใจทันที ผมเองก็ดูเมนูตรงหน้า และจบที่ข้าวคัตสึด้ง "พี่โนชอบกินปลาไหลเหรอฮะ" "อืม ก็ชอบ แต่ชอบเป็นร้านไปนะ บางร้านก็ก้างเยอะ บางร้านก็เนื้อยุ่ยไป ตอนนี้พี่มีร้านที่ชอบอยู่แถวอนุสาวรีย์ชัย...แค่นั้นแหละ" ดูเหมือนพี่โนจะเลือกกินพอสมควร "อาร์ตมีอะไรที่ชอบเป็นพิเศษไหม" พี่โนสนใจเรื่องผมด้วย แต่ว่า... "อาหารที่น้านายด์กับม๊าทำฮะ" "ตอบได้กว้างมากนะ งั้นกลับบ้านไหมจะได้กลับไปกิน" ผมไม่รู้เลยว่าพี่โนจริงจังกับคำพูดนี้แค่ไหน ผมมองพี่โนค้างไปแล้ว พี่โนหลุดหัวเราะออกมา สีหน้าผมคงตลกมากแน่ ๆ "กลับไปตอนนี้โทรศัพท์พี่ก็ไม่ต้องเอาแล้ว" ผมโดนพี่โนแกล้งสินะ ผมหลุดยิ้มออกมากับความกวนหน้านิ่งของคนตรงหน้า "ผมขอเบอร์พี่โนหน่อยฮะ" ผมยื่นโทรศัพท์ให้พี่โนด้วยสีหน้าคาดหวัง "พี่บอกแล้วไง 089-xxxxxxx" "นั่นเบอร์พี่แอลฮะ" ผมหน้ามุ่ย พยายามทำสีหน้าอ้อนอย่างถึงที่สุด สีหน้าที่พี่แอลไม่เคยเห็นผมทำแน่ ๆ พี่โนหลุดหัวเราะออกมาอีกครั้ง...รอยยิ้มพี่โนสวยชะมัด มือบางหยิบโทรศัพท์ผมไปกดเบอร์ลงไป "อาร์ตจะเมมเบอร์พี่ว่าอะไร" พี่โนไม่คิดคืนโทรศัพท์ผม มือบางยังคงกดจอผมไปเรื่อย ๆ "ว่าที่แฟนฮะ" ผมตอบทันทีโดยไม่ต้องคิด ผมคอยสังเกตปฏิกิริยาพี่โนไปด้วย "...แต่ตอนนี้เราเป็นแฟนกันนะ ลดสถานะกันเฉยเลย" น้ำเสียงน้อยใจดังขึ้นจนผมตกใจ แต่ดูเหมือนพี่โนจะไม่ได้จริงจังกับคำพูดพวกนี้นัก นิ้วบางยังคงกดโทรศัพท์ผมไปเรื่อย ๆ ดูเหมือนผมจะโดนยึดโทรศัพท์เข้าแล้ว สักพักอาหารก็มาเสิร์ฟ พี่โนคืนโทรศัพท์มาให้ผม หน้าจอค้างไว้ที่เกมที่ผมไม่คุ้นเคย ดูเหมือนช่วงเวลาสั้น ๆ พี่โนได้โหลดเกมใหม่มาเล่นในเครื่องผมเสียแล้ว "อร่อยไหมฮะ" "อร่อย แต่ไม่ถูกใจ" ถึงจะไม่ถูกใจแค่ไหน แต่พี่โนก็กินจนหมด ผมเอาเมนูมาเปิดเมนูของหวาน ตั้งใจจะสั่งให้พี่โน แต่พี่โนห้ามไว้ และพาไปคิดเงินทันที "พี่โนอยากกินติมไม่ใช่เหรอ" "กินติมไม่จำเป็นต้องกินหลังอาหารทันทีนี่ เดินย่อยไปก่อน จะเอาเวลาแฟน 1 ชั่วโมงไปทิ้งที่ร้านอาหารที่เดียวหรือไง" ก็ถูกของพี่โน ผมเลยถือโอกาสจูงมือพี่โนอีกครั้ง และพาเข้าโซนที่ผมชื่นชอบ ผมคุยเรื่องสิ่งที่ผมชอบ อธิบายสิ่งต่าง ๆ เพื่อให้พี่โนเรียนรู้สิ่งที่ผมเป็น พี่โนเองก็ให้ความสนใจกับสิ่งที่ผมพูด ผมกับพี่โนสลับกันถามสลับกันพูด จนโทรศัพท์ผมดังขึ้น เป็นสัญญาณบอกหมดเวลา 1 ชั่วโมง "หมดเวลาแล้วฮะ" ผมบอกอย่างเศร้าสร้อย ผมยังอยากเพิ่มเวลายาวออกไปอีกหน่อย "อาร์ต...การคุยกันไม่ใช่สิ่งที่คนเป็นแฟนเท่านั้นจะทำได้นะ สิ่งที่เราทำในฐานะแฟนมีแค่จับมือเอง" พี่โนก็พูดถูก ผมยิ้มแห้ง ๆ ส่งไปให้ ดูเหมือนผมจะใช้เวลาไม่คุ้มค่าเลย แต่ผมมีความสุขนะ "งั้นคราวหน้าผมจะทำอะไรที่แฟนทำกันมากกว่านี้นะครับ" พี่โนมองผม สีหน้าเหมือนอยากปฏิเสธ แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ ผมและพี่โนมาเอาโทรศัพท์และทำการจ่ายเงิน แน่นอนว่าพี่โนไม่เอาเงินผมแม้แต่บาทเดียว ถึงแม้เหตุผลที่มันพังจะเป็นเพราะเรื่องของผมก็ตาม พวกผมแวะซื้อไอติมถ้วยแบบกลับบ้าน จะได้กินระหว่างเดินทางกลับได้ ในช่วงเย็น BTS สายที่ผมต้องนั่งนั้นคนแน่นมากทำให้ผม และพี่โนต้องยืนกันตลอดทาง เมื่อถึงบ้าน อาหารเย็นก็เตรียมไว้ให้พวกผมแล้ว ผมนั่งคุยกับทุกคนด้วยความสบายใจ ไม่มีความเศร้าใด ๆ เหลืออยู่อีกแล้ว ซึ่งม๊า และน้าก็ดีใจกับผมมาก ๆ "ม๊า...ผมจีบพี่โนนะ" ผมพูดโพล่งกลางวงข้าวทันทีที่นึกได้ ม๊า กับน้านายด์มองพวกผมสองคนอย่างตกใจ "นี่จริงจังใช่ไหม" ม๊าถามผม และมองมาอย่างจับผิด ผมพยักหน้าหงึกหงัก "ฮะ ผมจริงจัง พี่โนอนุญาตแล้วด้วย" ม๊าหันไปมองพี่โนทันที พี่โนก็พยักหน้าให้ม๊าเป็นการยืนยันคำพูดผม "...ถ้าโนตกลงม๊าก็ไม่ห้ามอะไร แต่ถ้าอาร์ตทำให้พวกม๊าเสียลูกสาวคนสำคัญไป ม๊าจะไล่อาร์ตออกจากบ้าน" ทำไมม๊าถึงรักลูกไม่เท่ากันแบบนี้นะ...แต่ถ้าม๊าพูดแบบนี้แปลว่าเชียร์ให้ผมจีบให้ติดหรือเปล่า เมื่อได้ผลสรุปที่เข้าข้างตัวเองเรียบร้อยแล้ว ผมก็ยิ้มให้ม๊า ส่งสัญญาณให้ม๊าเชื่อใจผมได้เลย ผมจะไม่ทำให้ผิดหวัง พวกผมคุยเล่นกันอีกสักพักก็แยกย้ายกันเข้านอน เพื่อเตรียมตัวออกเดินทางไปเที่ยวที่ถัดไปในวันพรุ่งนี้ ผมนอนกับม๊า และน้านายด์ ทั้งสองถามถึงทริปเที่ยวที่ผ่านมา ผมเล่าเหตุการณ์ทุกอย่างให้ทั้งสองฟัง แม้แต่เรื่องของแพรว พวกม๊าฟัง และไม่ออกความเห็นอะไร เพราะถือเป็นเรื่องของเด็ก ๆ เมื่อถึงเวลานอน ความมืดก็เข้าครอบครองสติผมอย่างไม่อาจเลี่ยงได้ ... ตอนเช้าอันแสนสดใสวนกลับมาอีกครั้ง ผมตื่นมาช่วยพี่แอลเช็คของที่จำเป็นในการไปทริปปีนเขาในครั้งนี้ ตอนแรกพี่แอล และพี่โนจะไปกับคณะทัวร์ แต่เพราะมีผมเข้ามาด้วยทำให้รถมีที่นั่งไม่เพียงพอ พวกผมจึงต้องเดินทางไปสมทบที่หน้างานเอา แต่จะเดินทางในช่วงค่ำ เพื่อไปถึงที่นู้นในช่วงเช้า อาจจะไปถึงก่อนสักชั่วโมงหนึ่งเพื่อให้พี่แอลพักขา ระหว่างนี้ผมก็ได้แต่หาอะไรทำระหว่างวัน “ไปดูหนังกัน” พี่แอลเอ่ยชวนพวกผมในช่วงบ่าย “เรื่องอะไรล่ะ” พี่โนถามขึ้นขณะที่นอนเหยียดอยู่บนโซฟายาว “เรื่องนี้” พี่แอลชูไอแพดให้ผมดูเรื่องที่แกเปิดไว้ พี่โนผงกหัวขึ้นมาด้วย เมื่อเห็นชื่อเรื่องพี่แกก็หันหน้าหนีไปทางอื่นทันที “ไปเถอะ ฉันไม่สนใจ” “อาร์ตล่ะ” ผมมองภาพปกอันแสนโรแมนติกบนไอแพด ผมเองก็ขอบายเหมือนกันไม่ใช่แนว “ไม่เอาอะ ไม่ใช่แนว” พี่แอลไม่คิดเซ้าซี้พวกผมต่อ สาวมั่นของบ้านขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อตะลุยดูหนังอย่างสาวโสด พี่แอลเชิดหน้าใส่พวกผม เชิงบอกเป็นนัยว่า ไม่มีเพื่อนฉันก็ไปได้ “โชคดีฮะ/ดูเผื่อด้วย” ผม และพี่โนไม่คิดรั้งอีกฝ่ายไว้ พี่โนมองส่งพี่แอลจนลับประตูบ้านผมก็ยึดโซฟาที่ว่างอีกที่ทันที ผมนอนตะแคงแอบส่องโน๊ตบุ๊คพี่แอลที่พี่โนวางเล่นไว้บนตัว “...พี่โนดูหนังเหรอ ทำไมไม่ไปกับพี่แอลล่ะ” หน้าจอฉายภาพคนยิงปืน บู๊กันกระจาย “คนล่ะแนว แถมพี่ชอบอยู่บ้านมากกว่าออกไปไหนด้วย จะดูด้วยกันไหม” ผมพยักหน้ารับ ผมเองก็ไม่รู้จะทำอะไรเหมือนกัน ใช้เวลาที่เหลือเรียนรู้เรื่องของพี่โนดีกว่า หลังจากนั้นผม และพี่โนก็นั่งดูหนังด้วยกันตลอดวัน พวกผมแยกกันไปหยิบขนมใส่ปาก สลับกันถือโน๊ตบุ๊ค บางครั้งก็วางไว้บนโต๊ะ และนั่งดูกัน ผม และพี่โนแทบไม่ทำอะไรกันเลยนอกจากดูหนัง หนังเรื่องแล้วเรื่องเล่าเล่นไปเรื่อย ๆ บางแนวผมก็ไม่เคยดู แต่เมื่อดูก็ไม่แย่ พวกผมดูกันไปจนพี่แอลกลับมาถึงบ้าน “อะไรอะ ชวนไปไม่ไปล่ะมานั่งดูกันเองที่บ้านอะน่ะ แย่จริง ๆ” พี่แอลบ่นพวกผมไม่จริงจังนัก พี่แอลขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า และเตรียมตัวนอนช่วงบ่าย เพื่อเก็บแรงไว้ขับรถในตอนค่ำ ผมก็อยากช่วยขับนะ แต่ยังไม่ได้ยื่นเรื่องขอใบขับขี่สากล ผมไม่เสี่ยงดีกว่า ผมหันไปมองพี่โนที่ไม่ได้ทักทายพี่แอลอย่างที่ควรจะเป็น...พี่โนหลับคาหนังไปแล้ว ผมค่อย ๆ ยกโน๊ตบุ๊คออกจากตัวพี่โน และกดปิดเครื่อง ผมเองก็นอนกลางวันกับพวกพี่ ๆ เขาด้วยดีกว่า เจอกันตอนค่ำนะทุกคน ... “ออกเดินทาง” พี่แอลตะโกนลั่นรถอย่างสดชื่นแจ่มใส รถจิ๊บสีส้มทะยานออกไปสู่ท้องถนนในเวลาหกโมงเย็น พวกผมแวะระหว่างทางบ้างเพื่อพักผ่อนหาของกิน จนถึงที่หมายในเวลาตีห้าครึ่ง ท้องฟ้ายังคงมืดมิด ผมปล่อยให้พวกพี่แอลนอนพักไป และเล่นเกมที่พี่โนโหลดเข้ามาในเครื่องผมเพื่อรอเวลาคณะทัวร์ที่ติดต่อกันไว้ เกมที่พี่โนโหลดมาเป็นเกมที่มีเกมย่อยอยู่เยอะ และเป็นเกมเกี่ยวกับการรวมเลขต่าง ๆ ดูน่าเบื่อ แต่ก็แก้เบื่อได้ดีจนน่าเหลือเชื่อ “คณะของคุณแอลหรือเปล่าครับ” ผมสะดุ้ง ไม่ได้สะดุ้งที่มีคนเข้ามาทัก แต่สะดุ้งพี่แอลที่เด้งตัวขึ้นทันทีที่ได้ยินเสียงผู้ชาย “ค่ะ ใช่ค่ะ” พี่แอลรีบตอบรับเสียงหวานทันที ผมถอนหายใจใส่พี่แอล ก่อนจะเดินลงจากรถเพื่อเตรียมของ และปลุกพี่โน พี่โนนั่งมึนอยู่สักพักก็มาช่วยผมยกของ พวกผมจ้างลูกหาบส่วนตัว 1 คนเพื่อแบกของสำหรับค้างแรมบนเขา ติดตัวพวกผมมีเพียงกระเป๋าเป้ใส่น้ำ และผ้า ในกระเป๋าผมมีชุดปฐมพยาบาลเผื่อไว้ 1 ชุดด้วย ทุกคนไปรวมตัวกับคณะเดินทาง ทัวร์ครั้งนี้มีคนอยู่ 28 คนรวมพวกผม และไกด์เดินทาง และส่วนใหญ่เป็นผู้ชาย พี่แอลสอดส่องสายตาหาคนที่ถูกใจตลอดการบรรยายของไกด์ที่กำลังบอกแผนการเดินทางในครั้งนี้ ผมอดไม่ได้ที่จะเนียนเอาตัวบังสายตาของพี่แอลด้วยความหมั่นไส้ แต่พี่แอลไม่สะทกสะท้านกับการกระทำของผม กลับกันพี่แอลไปควงแขนพี่โน และชวนดูผู้ชายด้วยกันต่อหน้าผมเลย พี่โนเองก็เออออไปตามพี่แอลด้วย ผมจะเข้าไปจับทั้งสองคนให้แยกกัน แต่พี่แอลก็ไล่ให้ผมไปเอายากันยุงจากผู้ดูแล ผมชี้หน้าคาดโทษพี่สาวตัวเองไว้ และเดินไปเอายากันยุงที่เขาเตรียมไว้ให้สำหรับพวกผม เมื่อกลับมา ผมก็เห็นผู้ชายสองคนนั่งประกบพวกพี่แอลอยู่ ประกบพี่แอลผมไม่ว่า ประกบพี่โนผมไม่ให้ ผมพุ่งตัวไปนั่งแทรกระหว่างพี่โน และคนแปลกหน้าทันที “พี่โนฮะ ยากันยุงฮะ” ผมไม่คิดสนใจคนที่นั่งอยู่อีกด้าน พี่โนเองก็ไม่ได้ว่าอะไรกับการกระทำของผม ผมส่งสายตาเชือดเฉือนไปให้พี่สาวตัวดีที่ยกยิ้มเยาะให้ผมอยู่ สักวันผมจะเหยียบพี่แอลให้จมดิน “ขอโทษแทนน้องเราด้วยนะที่ไร้มารยาท พอดีเขาหวงพี่น่ะ” พี่แอลเน้นคำว่าไร้มารยาทเสียงหนัก เป็นการด่าผม ผมสะบัดหน้าหนี และหันไปสนใจพี่โนแทน พี่โนทายากันยุงอยู่เงียบ ๆ ไม่ออกความเห็นอะไรเลย ผมโยนถุงยากันยุงไปให้พี่แอล และแกะทาให้ตัวเองบ้าง “พี่โนพี่อย่านอกใจผมนะ” พี่โนมองผมก่อนจะยกยิ้มร้ายที่ทำให้ผมรู้สึกไม่ปลอดภัย “เรายังไม่ถึงขั้นนั้นกันนะอาร์ต คนคุยต้องพยายามให้มากกว่าคนคุยคนอื่น” ผมหน้าบึ้งพี่โนหัวเราะผม ผมไม่รู้หรอกว่าหัวเราะเพราะอะไร แต่ผมไม่โอเคกับประโยคนี้ “ใช่ คนคุยต้องพยายามหน่อย” พี่แอลเองก็เอ่ยเสริมประโยคของพี่โน ผมตัดสินใจจะตัวติดกับพี่โนตลอดเวลา อาจจะทำให้พี่โนคิดเรื่องผมไม่ได้ แต่ผมก็กันผู้ชายที่พี่แอลพามาให้พี่โนได้ ดูเหมือนการตั้งแคมป์บนเขานี้ จะเป็นการเปิดศึกสายเลือดระหว่างเขากับพี่แอลเสียแล้ว “งั้นเราเดินทางไปลานกางเต็นท์กันเถอะ” ผู้ชายที่อยู่ข้างพี่โนตอนแรกลุกขึ้น และชวนกลุ่มพวกผมทันที อีกฝ่ายส่งยิ้มหวังสานสัมพันธ์กับพี่โนต่อด้วย ผมรู้ ผมสัมผัสได้ ผมมองอีกฝ่ายอย่างไม่ชอบใจ ผมจูงมือพี่โนเดินนำออกไปก่อนโดยไม่รอพี่แอลเลยสักนิดเดียว เสียงตะโกนดังตามหลังท่ามกลางเสียงหัวเราะของหนุ่มข้างกาย หัวเราะทำไมกัน “อาร์ต ปล่อยพี่ได้แล้วพี่เดินไม่ถนัด” ผมทำเป็นไม่ได้ยินเสียงพี่โน และเนียนจูงมือพี่โนต่อไป แต่คราวนี้พี่โนไม่ยอมผม ดึงมือออกจากมือผมโดยที่ผมไม่ทันตั้งตัว ผมหันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาหมาหงอยทันที “พี่บอกว่าพี่เดินไม่ถนัด” พี่โนไม่สนใจท่าทางของผม และเดินนำออกไปทำให้ผมต้องเดินตามไปอย่างเหงาหงอย “เลิกทำตัวเป็นหมาโดนทิ้งได้แล้ว จะรอให้พวกแอลตามมาถึงก่อนหรือไง” ผมว่าถ้าผมเป็นหมา ตอนนี้หางผมคงกระดิกจนจะหลุดออกจากก้นแล้วแน่ ๆ นี่แสดงว่าพี่โนก็ไม่ชอบพวกผู้ชายพวกนั้นเหมือนกันใช่ไหม “ฮะ” ผมยิ้มร่า และเดินตามพี่โนไปอย่าว่าง่าย พวกผมผ่านเนินต่าง ๆ มีแวะพักเพื่อชมทิวทัศน์รอบข้างเป็นช่วง ๆ ไป ผมพาพี่โนหลบพี่แอลได้อย่างแนบเนียน จนถึงจุดกางเต็นท์ที่อยู่ด้านบนเขา ผมกับพี่โนหาจุดที่ชื่นชอบ และเริ่มลงมือกางเต็นท์กันทันที สักพักพี่แอลก็ตามมาพร้อมกับกำปั้นที่ทุบเข้าที่หลังผมจนผมสำลัก “เป็นน้องประสาอะไรทิ้งให้พี่เดินอยู่คนเดียว” “แค่ก...เป็นพี่ประสาอะไรหาผู้ชายมาให้คนที่น้องสนใจ” ผมกับพี่แอลเริ่มศึกฝีปากกันทันที ท่ามกลางสายตาของพี่โนที่นั่งกินขนมอยู่ในเต็นท์ ดูเหมือนผมกับพี่แอลจะเปิดศึกระหว่างกันจนจบทริปนี้แน่ ๆ
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD