บทที่ 2

4505 Words
ผมตื่นขึ้นมาในช่วงสายของวัน ผมเดินงัวเงียลงมาจากห้อง ในบ้านมีเพียงม๊า และน้านายด์ที่กำลังจัดเตรียมของกินให้เด็ก ๆ ในบ้านอยู่ “จะไปเที่ยวกับพวกพี่เขาด้วยเหรอ” ม๊าผมถามขึ้นทันทีที่เห็นหน้าผม “ฮะ” “ดีแล้ว กินข้าวกันก่อนแล้วค่อยไปนะ” ผมนั่งจุมปุ๊กลงที่เก้าอี้ มองกะเพราหมูสับที่วางอยู่บนโต๊ะ...ของโปรดของแพรว ผมอดนึกถึงสีหน้ายิ้มแย้มที่แพรวจะทำทุกครั้งที่ได้กินมันไม่ได้ ผมสะบัดหัวไล่แพรวออกไป วันนี้ผมต้องสดใส “พวกพี่แอลไปไหนฮะ” ผมถามถึงพี่แอล และพี่โนที่ควรจะนั่งเล่นรอผมอยู่ที่บ้าน “ไปซื้อของตุนไว้น่ะ ดูเหมือนทริปเที่ยวนี้ น่าจะยาว” น้านายด์แม่พี่แอลตอบผม และชี้ไปที่รถจิ๊บสีส้มคู่ใจพี่แอล ประตูหลังรถเปิดอ้าหันมาทางตัวบ้าน ทำให้เห็นกล่องเสื้อผ้ามากมายของพี่แอล กระเป๋าเป้ใส่เสื้อผ้าใบใหญ่ของพี่โน กล่องน้ำแข็ง ขนม และของอื่น ๆ อีกมากมายจนผมนึกเรื่องสำคัญบางอย่างได้...ผมยังไม่รู้เลยว่าพวกพี่แอลจะไปเที่ยวไหนกัน เสียงเถียงกันดังลอดเข้ามาในบ้าน สองสาวเดินเข้ารั้วมาพร้อมของพะรุงพะรังที่ดูเหมือนชุดอุปกรณ์ปีนเขา “พวกเราจะไปเที่ยวไหนกัน...ผมยังไม่รู้เลย” ผมถามทันทีที่พวกพี่แอลเดินเข้าตัวบ้าน “ไปหัวหิน 4 วัน ต่อด้วยไปแคมป์บนเขา 3 วัน แล้วจบด้วยทำบุญ มีชุดพอไหมล่ะ” พี่แอลนับวัน ผมพยักหน้าหงึกหงัก พี่แอล และพี่โนยังคงเถียงกันเรื่องเสื้อผ้าที่ล้นรถไม่หยุดแม้กระทั่งตอนกินข้าว ผมรู้สึกอิจฉาความสัมพันธ์ของทั้งสอง ผมไม่เคยมีเพื่อนที่สนิทกันถึงขั้นเป็นครอบครัวเดียวกันได้ แบบที่พี่แอลมีพี่โน พวกพี่เขาแตกต่างกันมาก อย่างตอนนี้ที่ชุดของพี่แอลเรียกได้ว่าจัดเต็ม เสื้อสายเดี่ยวสีดำตัวสั้นโชว์หน้าท้องที่แบนราบ ทับด้วยชุดคลุมมันวาวสีส้มสีเดียวกับรถที่ปิดแค่ช่วงไหล่ กางเกงขาเดฟสีซีด แต่พี่โนใส่แค่เสื้อยืดคอกลมสีเทา และกางเกงยีนสีน้ำเงิน ทั้งสองคนดูคนละขั้ว แต่กลับสนิทกันเกินกว่าเพื่อนปกติ “พวกพี่เคยทะเลาะกันหนัก ๆ ไหม” ผมถามเรื่องที่สงสัยออกไป พี่แอลกับพี่โนหันมามองหน้ากัน “แน่นอนว่าไม่...ไม่เหลือ แต่ทะเลาะกันได้ก็คืนดีกันได้ พวกเราหนีกันยากอยู่แล้ว...เนอะ” พี่แอลตอบคำถามผมด้วยรอยยิ้มภาคภูมิใจ พี่โนเองก็ยกยิ้มพอใจกับคำตอบนี้ และพยักเสริมอีกแรง พวกผมกินข้าวเสร็จก็เตรียมตัวไปหัวหินกันทันที “น้านายด์ กับป้าไอ จะไม่ไปเที่ยวด้วยกันจริง ๆ เหรอคะ” พี่โนถามม๊าพวกผม สีหน้าพี่โนแสดงถึงความเสียดายอย่างไม่ปิดบัง เรียกรอยยิ้มจากม๊าที่เอ็นดูพี่โนยิ่งกว่าใครได้ไม่ยาก “ป้ากับนายด์อายุเยอะแล้ว ไปตะลุยกับพวกหนูไม่ไหวหรอก ไปเที่ยวกันให้สนุกตามประสาวัยรุ่นเนอะ” “ก็ได้ค่ะ เดี๋ยวพวกหนูซื้อของมาฝากนะคะ” พวกผมลาผู้ใหญ่ของบ้าน ทุกคนนั่งประจำที่บนรถจิ๊บ พี่โนนอนพาดที่เบาะหลังพร้อมหนังสือนิยายเล่มโปรด และหลุดเข้าไปอยู่ในโลกส่วนตัวแล้ว ผมนั่งที่นั่งข้างคนขับ เมื่อรัดเข็มขัดเรียบร้อย พี่แอลก็เหยียบคันเร่งออกทันที บนท้องถนนรถไม่มากนัก เพราะพวกผมเลือกเที่ยวช่วงวันธรรมดา และออกเดินทางช่วงสาย พี่แอลขับรถด้วยความเร็วที่ตามกฎจราจรเป๊ะ ๆ แบบเป๊ะไม่เคยต่ำกว่าเลย … ใช้เวลาสักพักพวกผมก็มาถึงที่พักที่หัวหิน ที่พักที่จองไว้เป็นบ้านเช่ามี 2 ห้องนอน 2 ห้องน้ำ และ 1 ห้องโถง ที่ในโถงมีทีวี ชุดโซฟา กับครัวแบ่งพื้นที่กันคนละครึ่ง หน้าบ้านมีสระว่ายน้ำ และสไลเดอร์ให้เล่น ผมกับพี่แอลช่วยกันขนของที่จำเป็นเข้าบ้าน ขนไปสักพักผมก็รับรู้ถึงสิ่งผิดปกติ “พี่โนอยู่ไหน” “อยู่นี่” เสียงตอบรับยาน ๆ ดังขึ้นในสระว่ายน้ำ พี่โนลอยน้ำเล่นอย่างสบายใจ พี่แกลงไปในน้ำตอนไหนผมไม่รู้ตัวเลย “โนมาช่วยกันขนของก่อน” เสียงตะโกนของพี่แอลดังมาจากในบ้าน แต่เสียงตอบรับคือเสียงตีน้ำเพื่อว่ายไปมา “ถ้าไม่ขึ้นมาช่วยกันฉันจะโยนนิยายเธอลงไปด้วย” “เธอไม่กล้าหรอก” ถึงจะรู้ว่าพี่แอลไม่กล้าทำ พี่โนก็ขึ้นจากน้ำเพื่อมาช่วยขนของอยู่ดี ผมมองพี่โนที่ขึ้นจากน้ำตาค้าง เสื้อผ้าที่เปียกแนบตัวอีกฝ่ายทำให้ทรวดทรงที่ซ่อนไว้ในเสื้อที่ขนาดใหญ่กว่าตัวโผล่ชัดเจน เขาเรียกว่าทรงอะไรนะ...ทรงนาฬิกาทราย หุ่นของพี่โนเอาซะความแซ่บของพี่แอลเป็นเด็กไปเลย ผมเจอแต่คนไทยหุ่นแบบพี่แอล แม้แต่แพรวก็หุ่นแบบนั้น นี่เป็นครั้งแรกที่เห็นหุ่นทรงนี้ใกล้ชิดขนาดนี้ “อย่านิ่งนาน” ผมหันไปมองพี่แอลที่ส่งยิ้มเยาะเย้ยผม ดูเหมือนพี่สาวผมจะรู้ว่าอะไรทำให้ผมเสียอาการ ผมเรียกสติตัวเองกลับมา และลงมือขนของเข้าบ้านต่อ เมื่อมีคนมาช่วยเพิ่มก็ใช้เวลาขนย้ายไม่นาน พวกผมตกลงกันที่จะนอนพักกันก่อน เพราะล้าจากการนั่งรถตลอด 3 ชั่วโมง ผมนอนเล่นโทรทัศน์อยู่บนโซฟายาว ผมไม่มีห้องพักเพราะบ้านพัก 3 ห้องนอนเต็มแล้ว และไม่มีใครอยากแชร์เตียงกัน ห้องนั่งเล่นจึงกลายเป็นห้องนอนของผม ผมไถโทรศัพท์ไปเรื่อย ๆ เมินแชททุกอย่างที่ส่งเข้ามาในไลน์ และเฟสของผม ผมยังไม่อยากรับรู้อะไรในตอนนี้ แอ๊ด เสียงเปิดประตูดังขึ้น พี่โนเดินมานั่งที่พื้น พิงหลังกับโซฟาที่ผมนอนอยู่ คนบนพื้นเปิดทีวีด้วยเสียงที่เบาที่สุดเพื่อไม่ให้รบกวนคนที่นอนอยู่อีกห้อง “ถ้าพี่กวนไปนอนห้องพี่ก่อนก็ได้นะ” ผมไม่ขยับเป็นการบอกว่าผมจะนอนตรงนี้ ผมวางโทรศัพท์ลงบนพื้น และดูข่าวไปพร้อมกับพี่โน เสียงผู้ประกาศข่าวค่อย ๆ กล่อมให้สติผมดับไป ... “ตื่นได้แล้ว!” เสียงที่สามารถทำกระจกแตกได้ตะโกนลั่นบ้าน พร้อมแรงถีบที่ยันเขาจนตัวติดกับพนักพิงของโซฟา ไม่ต้องเดาผมก็รู้ว่าเป็นฝีเท้าใคร ผมลืมตามองคนที่ประทุษร้ายผมด้วยความหงุดหงิด แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่สนใจอะไรผมเลย เมื่อเห็นผมตื่นพี่แอลก็เดินออกบ้านไปทันที ทำให้ผมเห็นว่าพี่แอลเปลี่ยนชุดเตรียมท่องราตรีแล้ว เสื้อเกาะอกทรงสปอร์ตสีส้ม กางเกงกีฬาทรงหลวมเอวสูงสีดำ และรองเท้าผ้าใบสีส้มดำทำให้ดูเป็นสาวแสบ ผิดกับพี่โนที่ใส่เสื้อเชิ้ตแขนสั้น กับกางเกงผ้ารัดรูป บางทีเขาก็สงสัยว่าสองคนนี้มาเป็นเพื่อนกันได้ยังไง “ผมเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อน” ผมตะโกนบอกพี่แอล และเข้าไปเปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองบ้าง ผมใส่เพียงเสื้อเชิ้ตสีเข้มกับกางเกงยีนสีน้ำเงิน วันนี้มันพึ่งเริ่ม เอาเบา ๆ ไปก่อน พวกผมขับรถหาร้านที่ชื่นชอบจนได้ร้านที่อยู่ติดหาดหัวหิน เป็นร้านอาหารกึ่งบาร์ พี่โนเป็นคนเลือกที่นั่ง พี่โนก้าวฉับ ๆ พาพวกเราเดินออกไปที่ระเบียง เลือกที่นั่งในพื้นที่เปิดทำให้กลิ่นเหล้าเบียร์ในร้านไม่รบกวนพวกเรามากนัก พวกผมสั่งอาหาร 1 เซต น้ำแข็ง 1 ถัง เบียร์ และน้ำเปล่า พี่แอลมักเดินไปชนแก้วกับหนุ่ม ๆ ที่อยู่ในพื้นที่แสงสีเสียง ทิ้งพวกผมนั่งเฝ้าโต๊ะ ผมนั่งกินบรรยากาศรอบข้างไปเรื่อย ๆ มีผู้หญิงมาชวนได้นั่งโต๊ะบ้าง แต่ผมก็ปฏิเสธไป ผิดกับพี่โน ที่รายนี้แทบไม่สนใจใครเลย ก้มหน้าอ่านหนังสือนิยายที่หยิบติดมือมาไม่คิดจะลุกไปไหน เป็นเด็กเฝ้าโต๊ะที่สมบูรณ์แบบ ผมไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมพี่แอลให้พี่โนเลือกโต๊ะ ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาเล่น สลับกับเล่นเกมมองหาพี่แอลในฝูงชนเป็นพัก ๆ และเนื่องจากการกระทำของพวกผมแสดงออกชัดเจนว่าไม่สนใจที่จะสังสรรค์กับคนอื่น ทำให้โต๊ะผมกลายเป็นพื้นที่สงวนไปโดยปริยาย เมื่อฟ้ามืดสนิท พี่สาวที่ไปปาร์ตี้กับพวกด้านในก็เดินออกมากอดคอพี่โนแน่น สีหน้าที่แดงก่ำทำให้พวกผมรู้ว่าพี่แอลดื่มไปไม่น้อยเลย “ไหนคนขับรถ” พี่โนถามขึ้นทั้งที่ยังไม่ละสายตาจากนิยายตรงหน้า พี่แอลขยี้ตา และส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้พวกผม “วันนี้แห้วอะ” พี่แอลตอบเสียงอ้อแอ้ ผมมองคนทั้งสองอย่างไม่เข้าใจ พี่แอลล้มตัวลงนอนพาดบนเก้าอี้ยาวที่ว่างในเขตโต๊ะพวกผม “คนขับรถอะไรครับ” พี่โนเงยหน้ามองผม และชี้นิ้วเข้าหาตัวเอง “พี่ขับรถไม่เป็น ต้องรอผู้ชายที่แอลได้มา” คำอธิบายที่เหมือนเป็นการตอบคำถามของผม ทำให้ผมนิ่งอึ้ง “แล้วจะทำยังไงครับ คนขับเมาไปแล้ว” พี่โนไม่ตอบผม แต่หยิบน้ำเปล่าขวดใหญ่กรอกปากพี่แอลที่นอนพาดเก้าอี้ยาวอยู่ “รอแอลสร่าง” น้ำเสียงไม่ทุกข์ร้อนไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีขึ้นเลย แปลว่าขากลับผมต้องฝากชีวิตไว้กับคนเมางั้นเหรอ แค่คิดผมก็รู้สึกแย่แล้ว “ไม่ต้องห่วงหรอกน่า ระบบไล่แอลกอฮอล์ของแอลดีมาก อีกสักชั่วโมงก็กลับมาเป็นปกติแล้ว” เมื่อเห็นสีหน้าของผม พี่โนก็อธิบายด้วยเสียงกลั้วหัวเราะ “ฮะ” ผมมองคนเมาที่หลับไม่รู้ความ กับคนที่สงบทุกสถานการณ์สลับกันไปมา และเลือกที่จะปล่อยวาง... “อาร์ต” ...ผมจะปล่อยวางจริง ๆ นะ ผมค่อย ๆ หันไปหาต้นเสียง คนที่ผมรักสุดใจยืนอยู่ ณ ตำแหน่งนั้น “...แพรว” พับผ่าสิ...นี่ผมหนีมาเที่ยวไกลแล้วนะ ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ “...แพรวมาปาร์ตี้สละโสดที่นี่เหรอ” ผมถามออกไปเพื่อทำลายบรรยากาศตึงเครียดระหว่างพวกเรา “...อืม อาร์ต...เออ...แพรว...” ท่าทางอึกอักลนลานตรงหน้าที่ไม่ว่าเมื่อไหร่ก็น่าเอ็นดูสำหรับผมเสมอ ทำให้ผมอดไม่ได้ที่จะยิ้มตอบกลับไป “ว่าไงครับ” ผมตอบรับไปด้วยความเคยชิน ดูเหมือนการทำอย่างนี้จะทำให้แพรวสงบลง “แพรวขอคุยด้วยหน่อยได้ไหม” แพรวถามผมด้วยน่าเสียงไม่แน่ใจ สายตาแพรวมักเลื่อนไปมองด้านหลังผมตลอดเวลา ผมรู้ว่าแพรวมองพี่โน ดูเหมือนว่าเหตุการณ์ตอนนั้นจะมีผลกับแพรวมากพอสมควร “คุยกันตรงนี้แหละ” เสียงของคนที่สมควรจะหลับดังขึ้น พร้อมการเด้งตัวเตรียมพุ่งเข้าหาแพรว ผมถลาไปรั้งเอวพี่สาวตัวเองไว้ทันที “พี่แอล...หนูมีเรื่องจำเป็นที่ต้องบอกอาร์ตนะคะ” แพรวก้มหน้างุด ใบหน้าเล็กก้มต่ำจนคางติดอก ท่าทางตรงหน้าดูน่าทะนุถนอมสำหรับผมมาก แต่ดูเหมือนพี่ผมไม่คิดจะใจอ่อนเลย...สักคน “เรื่องจำเป็น ไม่ใช่เรื่องลับนี่ คุยกันตรงนี้จะเป็นอะไรไป” พี่โนเก็บหนังสือเข้ากระเป๋า และนั่งกอดอกทำทีเป็นรอฟังสิ่งที่แพรวจะพูด ความเงียบเกิดขึ้นที่โต๊ะผม เมื่อกลุ่มเพื่อนแพรวเห็นว่าเพื่อนตัวเองมีทีท่าจะโดนรังแก คนเหล่านั้นก็รุกหน้ามาปกป้องเพื่อนทันที คนพวกนั้นผมไม่คุ้นหน้าเลยสักคน “คุณพี่รังแกอะไรเพื่อนหนู” เมื่อเห็นแพรวมีทีท่าไม่ดี ก็หันมาเอาเรื่องทันที “แล้วเพื่อนหนูมายุ่งอะไรกับน้องพี่” พี่แอลกอดอกถามกลุ่มเด็กตรงหน้า และพยายามดิ้นให้หลุดจากมือผมที่รั้งเอวไว้อยู่ “คนเขาจะปรับความเข้าใจกัน พวกพี่ไม่อยากให้น้องพี่มีความสุขหรือไง” “ทำไม! ต้องการอธิบายเหตุผลที่ไปมีอะไรกันลับหลังน้องฉันเพราะความเหงาเหรอ หวังอะไรอยู่คะคุณน้อง?” ผมเลื่อนมือขึ้นไปปิดปากพี่สาวตัวเองทันที แล้วทำไมเพลงในร้านมาเงียบช่วงนี้นะ คนรอบข้างพวกผมหันมามองกันทั่วเลย แพรวยืนตัวสั่น ร่างเล็กของผมคงอายพอควร “อย่ามาพูดพล่อย ๆ เพื่อนหนูเสียหายนะ เรื่องมันเกิดเพราะน้องพี่ไม่มีเวลาให้เพื่อนหนูต่างหาก” ผมเองก็เห็นด้วยกับเรื่องนี้ ผมโทษตัวเองด้วยประโยคนี้มาตลอดเวลา มันถูกอย่างที่อีกฝ่ายพูดทุกอย่างนั่นแหละ ถ้าแพรวจะปล่อยมือจากผมมันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้... “ก็ขึ้นเครื่องมาหาสิ น้องฉันมีขาอยู่คนเดียวหรือไง ความรักมันต้องพยายามกันทั้งสองฝ่ายไม่ใช่ให้น้องฉันพยายามอยู่คนเดียว” อา...เป็นครั้งที่เท่าไหร่แล้วที่คำพูดของพี่โนดึงผมออกมาจากความรู้สึกแย่ ๆ พวกนั้น ทำให้ผมคิดได้ ใช่...ความรักมันเป็นเรื่องที่คนสองคนต้องพยายามด้วยกัน ไม่ใช่ผมที่พยายามรั้งแพรวไว้คนเดียว “ยัยพี่นี่...แล้วนายเป็นอะไร เอะอะก็ฟ้องพี่นายหรือไง ไม่มีสมองหรือไงจัดการเรื่องพวกนี้ด้วยตัวเองไม่ได้” ผมปิดปากพี่ผมอยู่ไม่เห็นเหรอ “แล้วเธอเป็นอะไร พี่ไม่สั่งสอนหรือไงว่าอะไรถูกอะไรผิด หรือก็เป็นหนึ่งในขบวนการมือที่สามเหมือนกันน่ะ...ต่ำดี” ผมเริ่มรู้สึกว่าผมปิดปากผิดคนเสียแล้วละ กลุ่มของแพรวส่งเสียงโวยวายอย่างไม่ชอบใจ “นี่มันเป็นเรื่องของคนสองคน พี่จะมายุ่งอะไรด้วย” “คนสองคนที่ทำลายความสัมพันธ์ความรักกับความสัมพันธ์เพื่อนสินะ เรื่องของมือที่สามทั้งสองคนนี่เอง ไม่ใช่เรื่องของน้องฉัน” “...พี่ครับ คิดตังค์” ผมเรียกพนักงานมาคิดตังค์ และยื่นบัตรให้ทันที ไม่คิดตรวจสอบเมนูในใบเสร็จเลยแม้แต่น้อย พี่แอลดูพอใจกับคำพูดของพี่โนเป็นอย่างมากทำให้ไม่คิดพุ่งตัวเข้าไปเอาเรื่องกลุ่มของแพรวอีก ผมเลยปล่อยมือ และไปนั่งประกบพี่โนแทน เพื่อกันคำพูดที่เหมือนมีดแทงใจคนหลังจากนี้ “มีอะไรกัน” เสียงที่คุ้นหูอีกเสียงดังแหวกฝูงชนเข้ามา ขมับผมปวดตุ้บ ๆ ทันทีเมื่อเห็นสตางค์ และกลุ่มแก๊งของผมที่ผมพยายามไม่ติดต่อด้วยเดินเข้ามา ทุกคนมองผมอย่างตกใจ ความตกใจของคนพวกนั้นคงพอ ๆ กับความปวดหัวของผมในตอนนี้ “กูคิดว่ากูกับมึงคุยกันรู้เรื่องแล้วนะว่าให้มึงตัดใจเรื่องแพรวน่ะ” เมื่อเห็นผม สตางค์ก็เดินเข้ามายืนข้างแพรวทันที ผมมองทั้งสองคนด้วยความรู้สึกที่ผมไม่สามารถอธิบายได้ “ใช่ บอกแฟนน้องสิว่าอย่ามายุ่งกับน้องพี่” พี่โนยังคงเป็นพี่โน ที่ไม่ปล่อยให้ผมจมอยู่กับความรู้สึกพวกนั้นนานเกินไป สตางค์ชะงักเมื่อเห็นพี่โน หมอนั่นหันไปมองแพรวที่อยู่ข้าง ๆ ทันที “แพรวแค่อยากคุยกับอาร์ต อย่างน้อย...แพรวก็คิดว่า...เรากลับไปเป็นเพื่อนที่ดีต่อกันได้” “เพื่อน!? พี่ถามน้องหน่อย สิ่งที่น้องกับสามีน้องทำกับน้องพี่ นั่นคือสิ่งที่เพื่อนเขาทำกันเหรอ...” พี่แอลถามแพรวเสียงสูงอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าจะได้ยินประโยคนี้ นิ้วเรียวชี้หมายหัวเพื่อนกลุ่มผมเรียงตัว เสียงสูงเค้นคำพูดต่อมาพร้อมรอยยิ้มที่น่าสยอง “...พวกนายมาก็ดีแล้ว เพื่อนอาร์ตกันทั้งนั้นนี่ รู้เห็นเป็นใจให้สตางค์มาเล่นเป็นมือที่สามของคนอื่นกันหรือเปล่า” เพื่อนผมมองหน้ากันเลิ่กลั่กด้วยสีหน้าซีดเผือด “พี่แอลใจเย็นก่อนพี่ พวกผมยังไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมแพรวถึงมาอยู่กับสตางค์ได้ พวกผมก็งงเหมือนกัน” เพื่อนผมรีบส่ายหัวทันที ทุกคนเกรงกลัวพี่แอลมาก เพราะรู้นิสัยของพี่สาวผมดี ดังนั้นสิ่งที่พูดออกมาคงเป็นความจริงเสียส่วนมาก แต่ทำไมพนักงานไม่กลับมาคืนบัตรให้ผมสักที! “ขนาดไม่รู้ยังจะมาปาร์ตี้ที่มันจัด เดี๋ยวพี่จะสรุปให้ฟังไหม...ง่าย ๆ นะหมอนี่กับยัยนี่มันแอบคบกัน แล้วมาให้เหตุผลเฮงซวยว่าอาร์ตมีเวลาให้ไม่พอ ส่วนน้องพวกนี้...” คราวนี้พี่แอลชี้ไปฝั่งเพื่อนของแพรวเรียงตัวบ้าง ผมเตรียมเข้าตะครุบปากพี่สาวตัวเองอีกครั้ง แต่คนพูดกลับเป็นคนข้างกายผมแทน “...พวกเกาะคนรวย ระวังหมดตัวจนไม่มีเงินฝากท้องนะ” ผมไม่รอพนักงานแล้ว ไม่รอผลลัพธ์ที่เกิดจากคำพูดของพี่ ๆ ด้วย ผมลากทั้งสองออกจากร้านทันที ยังดีที่พนักงานวิ่งตามออกมาเพื่อคืนบัตรให้ผม ผมเริ่มได้คำตอบแล้วว่าทำไมสองคนนี้ถึงเป็นเพื่อนกันได้ “พวกพี่ใจเย็น ๆ กันก่อนได้ไหม ผมจะไม่เหลือเพื่อนแล้วเนี่ย” ผมบ่นทันทีเมื่อเดินถึงรถ ก่อนจะเห็นว่าพี่แอล กับพี่โนทำสีหน้าประหลาดใส่ผม “พี่ขอโทษ พี่นึกว่าอาร์ตอยากได้เพื่อนที่ดีกับอาร์ต” พี่โนตบไหล่ผม และเดินขึ้นรถไปหลังจบประโยคนั้น ทิ้งให้ผมยืนมึนอยู่กับพี่แอลสองคน ทีนี้ไหล่อีกข้างของผมก็ถูกตบโดยอีกคน พร้อมสีหน้าสมเพชของพี่สาวตัวเอง “เดี๋ยวเขาจะหาว่าพี่ไม่สั่งสอนน้อง เพื่อนแบบนั้นน่ะเลิกคบเถอะ” พูดจบพี่แอลก็ไปนั่งประจำที่หลังพวงมาลัย ทิ้งผมให้ยืนงงอยู่แบบนั้น ... บรรยากาศภายในรถเงียบกริบจนน่าอึดอัด ถ้าคิดในแง่ดีผมอาจคิดไปเอง แต่ผมรู้ว่ามีคนไม่พอใจคำพูดผมเมื่อกี้ค่อนข้างมาก เมื่อถึงบ้านพี่แอลบอกเวลาเที่ยวในวันพรุ่งนี้ และแยกย้ายกันไปพักผ่อนทันที ผมใช้ห้องน้ำที่อยู่ในส่วนของห้องพี่โน ห้องน้ำนี้มีสองประตู ประตูหนึ่งอยู่ทางห้องโถง และอีกประตูอยู่ในห้องพี่โน ไม่มีใครพูดอะไรกับผมสักคำ ตอนนี้ผมรู้สึกแย่มาก ไม่ได้แย่จากการเจอแพรว แต่แย่จากบรรยากาศที่พี่สาวทั้งสองคนแผ่ออกมา “พี่แอล” ผมเดินไปเคาะประตูห้องพี่สาวตัวเองก่อน เสียงกุกกักดังขึ้นสักพักประตูก็เปิดออก พี่แอลในชุดนอน และแผ่นมาร์กหน้ายืนพิงประตูมองหน้าผมเป็นเชิงถามว่ามีอะไร “ผมขอโทษ...ผมแค่กลัวคนพวกนั้นทำอะไรกับพวกพี่...คือ...ผมก็กลัวไม่เหลือเพื่อนแหละ แต่ตอนนี้ผมกลัวไม่เหลือพี่มากกว่า” ผมมองพื้น ไม่กล้ามาหน้าพี่สาวตัวเอง เสียงถอนหายใจดังขึ้นให้ใจเสีย แต่พี่แอลยกมือมาขยี้หัวผมอย่างแรงจนเหมือนหัวผมจะหลุดออกจากบ่า “ทุกอย่างมันมีเหตุผลของมัน แค่ต้องให้เวลาเป็นตัวค้นหาสิ่งเหล่านั้น ตอนนี้อาร์ตไม่ต้องทำความเข้าใจความคิดพวกพี่หรอก แต่จำไว้นะว่าพวกพี่ทำทุกอย่างที่พวกพี่มองว่าอาร์ตไม่คิดทำ” “หะ...?” “พี่กับโนรู้ว่าตอนนี้อาร์ตยังโทษตัวเองอยู่ ไม่มีเสี้ยววินาทีไหนเลยที่อาร์ตคิดว่าสองคนนั้นผิด...ดังนั้นส่วนนั้นพวกพี่จะทำให้เอง...ไปพักได้แล้ว นี่เป็นเวลาดูแลผิวของพี่อย่าเอาเรื่องไม่เป็นเรื่องมาใส่หัวพี่” พี่แอลเตะผมให้หลีกห่างจากทางประตู ไม่ปล่อยให้ผมพูดอะไรก็ปิดประตูใส่หน้าผมทันที เสียงฝีเท้าที่เดินห่างออกไปถือเป็นสัญญาณจบบทสนทนากับพี่แอลในค่ำคืนนี้ ผมไม่ค่อยเข้าใจคำพูดของอีกฝ่ายนัก แต่ผมก็รู้สึกสบายใจแล้วที่พี่แอลไม่ได้โกรธอะไร แต่ก็สบายใจเพียงส่วนเดียวเท่านั้น เพราะผมยังต้องคุยกับพี่อีกคนหนึ่ง “พี่โน” ผมเดินเข้าไปเคาะประตูห้องฝั่งตรงข้าม ไม่มีเสียงตอบรับจากอีกฝั่ง ขณะที่ผมกำลังตัดใจ เสียงน้ำก็ดังมาจากสระว่ายน้ำหน้าบ้าน ผมเดาที่มาของเสียงเหล่านั้นได้ไม่ยาก “พี่โนครับ” เป็นอย่างที่ผมคิดในสระว่ายน้ำมีคนว่ายน้ำเล่นอยู่จริง ๆ และเป็นคนที่เขาอยากคุยด้วยในตอนนี้ พี่โนลอยตัวในน้ำ และหันมามองผม รอผมพูดสีหน้าแบบเดียวกับที่พี่แอลทำ “ผมขอโทษ...ผมกลัวไม่เหลือใครจริง ๆ อย่างที่พี่ว่านั่นแหละ แต่ผมก็ให้คำตอบพี่ไม่ได้ว่าทำไมต้องเป็นพวกนั้น” ผมนั่งคุกเข่าลงบนพื้นข้างสระ ก้มหัวขอโทษคนที่แช่น้ำอยู่ เมื่อเห็นว่าผมพูดจบแล้ว พี่โนก็กลับไปลอยน้ำต่อ “มันเป็นการตัดสินใจของอาร์ต พี่ไม่มีสิทธิ์ห้ามหรอก...ยังไงตอนนี้เด็กพวกนั้นก็ยังไม่ผิด” “ครับ?” ถ้ายังไม่ผิดทำไมพวกพี่พูดสั่งสอนพวกเพื่อนผมขนาดนั้นเลยละ “พี่ดูออกว่าพวกผู้ชายพวกนั้นก็แค่ตามอาหารมาเฉย ๆ มีคนเลี้ยงใครจะไม่อยากกินฟรี คงไม่รู้รายละเอียดอะไรหรอก พี่แค่สั่งสอนพวกผู้หญิงกับคู่กรณีของเราแค่นั้นเอง...” พี่โนลอยน้ำมาทางผม “...เรื่องหลังจากนี้เป็นเรื่องที่อาร์ตต้องจัดการเอง จะเป็นเพื่อนพวกนั้นต่อไปหรือเปล่า พี่ไม่สนใจหรอก...แต่เลือกคนให้ดี ๆ นะ...เพื่อนน่ะ อยู่กันมากี่ปีมันก็ดูไม่ออกหรอกนะ ว่าเขาหวังดีกับเราไหม ถ้าเราไม่ผ่านเรื่องทุกข์ยากมาด้วยกันน่ะ คู่ชีวิตด้วย สิ่งพวกนี้แค่เวลาอย่างเดียวมันตัดสินกันไม่ได้หรอก ต้องมีสถานการณ์ด้วย” ผมนั่งคิดตามคำพูดของพี่โน ถูกของพี่เขา ผมมองสตางค์เป็นเพื่อนสนิท รู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก แต่มิตรภาพเหล่านั้นก็ทำให้ผมรู้ว่ามันไม่ยั่งยืนเลย ผมขยับนั่งท่าที่ผมรู้สึกสบายเอนหลังพิงผนังบ้าน ผมมองพี่โนที่ยังคงลอยคอในน้ำก่อนจะถามขึ้น “ถ้าเป็นพี่ พี่จะเลือกเพื่อนแบบไหนเหรอ” “อืม...เพื่อนที่จริงใจกับเรา...อย่างเรื่องของอาร์ต พี่คงเลือกคนที่เตือนสติสตางค์ไม่ใช่แค่ว่าสตางค์ลับหลังกับอาร์ตเพื่อให้อาร์ตรู้สึกดี แต่ก็ยังปล่อยให้สตางค์ทำตามใจอยู่...คนคนนั้นต้องเตือนสติอาร์ตด้วยว่าอย่าไปคบกับสตางค์...พี่จะเลือกคนที่สุดท้ายเขาจะลากเรามาทางที่ถูกต้อง แต่ถ้าเราทำผิดเขาก็พร้อมจะเดินจากไปเหมือนกัน” “ทำไมละฮะ” ทำไมเราต้องเลือกคนที่พร้อมจะเดินจากเราไปเมื่อเราทำผิดด้วย ทำไมเราไม่เลือกคนที่ยอมรับในตัวเราถึงแม้เราจะทำผิดก็ตาม “เพราะเราจะไม่ทำมันไงละ อย่างที่พี่บอก...ทุกความสัมพันธ์มันคือเรื่องของคนสองคน...เพื่อนก็ด้วย ถ้าเขาเลือกเรา รักเรา เราก็เลือกเขา รักเขา เราจะไม่ทำเรื่องที่จะทำให้เราสูญเสียเขาไปถูกไหม...” “...มันก็เหมือนกับเมื่อกี้ที่อาร์ตกลัวแอลทิ้งนั่นแหละ” ผมยังคงคิดตามคำพูดพี่โน ผมเริ่มเข้าใจความหมายของพี่โนแล้ว “แล้วผมกับแพรว...ยังเป็นเพื่อนกันได้อยู่ไหม” พี่โนมองผมนิ่ง สีหน้าเหมือนอยากให้ผมคิดเอง แต่ผมว่าพี่แกก็กลัวผมคิดไม่ได้เหมือนกัน ขอโทษที่ผมมันอ่อนต่อโลกครับ...พอดีก่อนหน้านี้โลกของผมวนอยู่รอบตัวคนคนเดียว “คนที่ยอมรับว่าตัวเองผิด และบอกได้ว่าอะไรคือสิ่งที่ผิด แต่คนคนนั้นต้องไม่คิดจะย้อนกลับไปแก้ไขมัน เพราะมันเกิดขึ้นไปแล้ว เขาจะเดินจากชีวิตเราไปเองด้วยความละอายใจ” พี่โนบอกผมแค่นี้ และหันไปเล่นน้ำต่อ ผมไม่รู้สึกว่าคำพูดนี้ตอบคำถามของผมเลยสักนิดเดียว แต่พี่โนก็ไม่คิดจะอธิบายอะไรเพิ่มเติม ผมเลือกนั่งเล่นมือถืออยู่ข้างสระ เมื่อเปิดเครื่องกล่องข้อความก็เด้งขึ้นมารัว ๆ สนั่นสั่นไหว ดูเหมือนทุกคนจะตกใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นกับผมมาก ผมตัดสินใจกดเข้าไปอ่านมันเป็นครั้งแรก เป็นอย่างที่พี่โนบอก ทุกคนต่างไม่เห็นด้วยกับเรื่องที่สตางค์ทำกับพวกผม แต่ในสตอรี่ของคนพวกนั้นก็อัปโหลดวิดีโอสั้นฉลองสังสรรค์แสดงความยินดีกับคู่รักคู่ใหม่ด้วยความสนุกสนาน ผมคงรู้สึกดีกับคำปลอบของเพื่อนมากกว่านี้...ถ้าไม่เห็นสตอรี่พวกนั้น ทุกอย่างที่พี่โนพูดมันเกิดขึ้นกับผมแล้วจริง ๆ ผมอดชื่นชมในการคาดเดาของอีกฝ่ายไม่ได้ “พี่จะนอนแล้ว พรุ่งนี้เราจะไปเที่ยวกันแต่เช้า อย่านอนดึกนักละ” “ฮะ พี่โนก็อย่าลืมล็อกประตูกระจกด้วย” พวกผมแยกย้ายกันเข้าบ้าน การที่ผมใช้เวลาอยู่กับพี่แอล และพี่โนทำให้ผมเปลี่ยนมุมมองชีวิตโดยไม่รู้ตัว...เป็นอะไรที่แปลกดีเหมือนกัน แต่ยังไงผมก็ยังเชื่อมั่นว่า 'ทำอะไรไปก็จะได้อย่างนั้นกลับคืนมา' ถึงแม้คนที่ให้คืนมาจะไม่ใช่คนที่ผมให้ไปก็ตาม
Free reading for new users
Scan code to download app
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    Writer
  • chap_listContents
  • likeADD